กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 08 ต.ค. 2553, 09:09:14

หัวข้อ: รอยทางและรอยธรรม...๗ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 08 ต.ค. 2553, 09:09:14
(http://img819.imageshack.us/img819/803/s1035552.jpg)

ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
  ๘ ตุลาคม ๒๕๕๓
.....รอยทาง.....
              อากาศอุ่นขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ ๒๐-๒๕ องศา อากาศเย็นสบาย
ช่วงนี้เก็บตัวอยู่บนศาลา งดคลุกคลีกับหมู่คณะ สวดมนต์ไหว้พระทำวัตรเช้า-เย็นแต่ผู้เดียว
ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เจริญสติและสัมปชัญญะ ใคร่ครวญทบทวนพิจารณาธรรม
บริหารร่างกายด้วยการเดินจงกรมบนศาลา สลับกับการลงไปกวาดวิหารลานวัดพระธาตุเจดีย์
ปฏิบัติแบบนี้มาได้ ๑๕ วันแล้ว ตอนบ่ายลงไปกวาดลานวัด ลานธรรม เริ่มตั้งแต่บ่ายสองโมง
เสร็จเวลาประมาณหกโมงเย็น ใช้เวลาไปประมาณ ๔ ชั่วโมง เนื้อที่ทั้งหมดประมาณสามไร่
"ทำให้ดูอยู่ให้เห็นสอนให้เป็นแล้วก็ปล่อย"ใช้หลักการนี้ในการสอนให้มีจิตสำนึกต่อสวนรวม
ไม่ไปเรียกร้องขอความช่วยเหลือหรือใช้ใคร ให้เขาสมัครใจทำเอง ให้เขาเกิดจิตสำนึกเอง
ซึ่งได้ยึดหลัก " ตักเตือน แนะนำ ครบสามครั้ง แล้วจะไม่มีการตักเตือนอีกต่อไป  " ปล่อย
เขาไปตามวิบากกกรรม เราทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์แล้ว ในการแนะนำ สั่งสอนและตักเตือน
ส่วนพวกเขาจะทำหรือไม่ทำนั้น มันเป็นเรื่องของเขา หมดหน้าที่ของเราแล้ว ไม่ไปกังวลใจ
วุ่นวายใจในพฤติกรรมของเขาเหล่านั้น ทำอยา่งนี้ตลอดมาตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส จนเป็นที่
รู้กันในหมู่คณะ
.....รอยธรรม.....
                    สติและสัมปชัญญะนั้นต้องมีควบคู่กันในการเจริญสติภาวนา เพื่อให้ไม่หลง
อารมณ์ หลงสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น การเจริญสมถะสมาธินั้น อาจจะทำให้หลงอารมณ์ได้ง่าย
เพราะว่าเน้นไปที่กำลังของสติแต่เพียงอย่างเดียว คือดู รู้ เห็น แต่เฉพาะที่ที่กำลังเพ่งดูอยู่
ไม่รับรู้ในปัจจุบันธรรมทั้งหลาย  สมาธิที่ไม่มีศีลเป็นพื้นฐานนั้น มันจะขาดคุณธรรมคุ้มครอง
ขาดซึ่งหิริและโอตตัปปะ ทำให้เกิดอัตตาและมานะทิฏฐิ คือการหลงตัวเอง คิดว่าตนเองนั้น
บริสุทธิ์กว่าผู้อื่น เก่งกว่าผู้อื่น ดีกว่าผู้อื่น ซึ่งเป็นการผิดทาง เพราะสมาธิที่เป็นพื้นฐานแห่ง
ปัญญาในหลักของพระพุทธศาสนานั้น เป็นสมาธิที่เป็นไปเพื่อความจางคลายแห่งอัตตามานะ
เป็นไปเพื่อความลดละซึ่งมานะทิฏฐิทั้งหลาย เพื่อความจางคลายของกิเลสตัณหา จึงต้องมา
จากพื้นฐานแห่งศีลทั้งหลาย เพื่อให้ได้มาซึ่ง " สัมมาสมาธิ "ถูกต้องตามหลักของมรรค ๘
ดั่งพุทธพจน์ที่ทรงตรัสไว้ว่า... " ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญาซึ่งมีสมาธิเป็นรากฐานนั้น ย่อม
ปรากฏดุจไฟกองใหญ่ กำจัดความมืดให้ปลาสนาการ มีแสงสว่างรุ่งเรืองอำไพ ขับฝุ่นละออง
คือกิเลสให้ปลิวหาย ปัญญาจึงเป็นประดุจประทีปแห่งดวงใจ " (ซึ่งต้องย้อนไปอ่าน รอยทาง
และรอยธรรม ตั้งแต่วันที่ ๖-๗ ตุลาคม ซึ่งได้กล่าวถึง ศีลและสมาธิมาก่อนแล้ว )
.....รอยกวี.....
                  ร้อยเรียง   บทกวี       มานำชี้   ซึ่งทางธรรม
                ร้อยเรื่อง   ร้อยลำนำ     แต่งแต้มคำ  เพื่อนำทาง
                รอยทาง   ที่ย่างผ่าน     คือตำนาน    ที่จัดวาง
                ให้เห็น  เป็นแบบอย่าง   เพื่อสรรค์สร้าง  สู่ทางดี
                พอดี    และพอเพียง    ในการเลี้ยง   ชีวิตนี้
                ตัวอย่าง  นั้นมากมี        มันอยู่ที่   จะใคร่ครวญ
                ใคร่ครวญ ทบทวนดู       มองให้รู้   ในทุกส่วน
                สิ่งใด    ควรไม่ควร        จงทบทวน ให้ถ้วนถี่
                  ทุกคน  มีความคิด       แต่ขาดจิต  สำนึกดี
                ทำไป     ทั้งรู้ที่            มันไม่ดี    แต่ยังทำ
                พ่ายแพ้   ต่อกิเลส        จึงเป็นเหตุ  ให้ถลำ
                จิตชั่ว     เข้าครอบงำ     จึงรับกรรม   ที่ทำไป
                หากเรา   มีสติ             ควรดำริ    ตั้งจิตใหม่
                คิดดี    กันเข้าใว้          เพื่อจะให้  จิตนั้นดี
                จิตดี    ส่งกายเด่น        อย่างที่เห็น  เป็นเช่นนี้
                กายดี   และจิตดี          ก็เพราะมี   คุณธรรม
                หิริ      โอตตัปปะ         คือธรรมะ ที่เลิศล้ำ
                องค์แห่ง เทวธรรม         ที่จะนำ   ให้เจริญ
                ละอาย   และเกรงกลัว    สิ่งที่ชั่ว   ไม่สรรเสริญ
                มีธรรม   นำก้าวเดิน        จิตเพลิดเพลิน  เจริญธรรม...
                          .........................................
                           ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
                                 รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
 ๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๓๕ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๗ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: berm ที่ 08 ต.ค. 2553, 09:21:03
 :054: :054: :054:[shake]กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ...ไม่ทราบว่าที่วัดพระอาจารย์อากาศเริ่มหนาวหรือยังครับ..รักษาสุขภาพด้วยนะครับ[/shake]
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๗ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: NONGEAR44 ที่ 08 ต.ค. 2553, 10:36:18
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณมากครับสำหรับคำสอนครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๗ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 08 ต.ค. 2553, 11:24:12
สมาธิที่ไม่มีศีลเป็นพื้นฐานนั้น มันจะขาดคุณธรรมคุ้มครอง ขาดซึ่งหิริและโอตตัปปะ ทำให้เกิดอัตตาและมานะทิฏฐิ คือการหลงตัวเอง คิดว่าตนเองนั้นบริสุทธิ์กว่าผู้อื่น เก่งกว่าผู้อื่น ดีกว่าผู้อื่น ซึ่งเป็นการผิดทาง  
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ จะนำคำสอนต่างๆไปใช้แล้วเผยแผ่ให้เพื่อนๆครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๗ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 08 ต.ค. 2553, 11:30:09
กราบมนัสการพระอาจารย์ที่เคารพ  :054:

กราบขอบพระคุณเรื่องราว รอยทาง รอยธรรม รอยกวี คำสอน  :054:

สมาธิที่ไม่มีศีลเป็นพื้นฐานนั้น มันจะขาดคุณธรรมคุ้มครอง
ขาดซึ่งหิริและโอตตัปปะ ทำให้เกิดอัตตาและมานะทิฏฐิ คือการหลงตัวเอง คิดว่าตนเองนั้น
บริสุทธิ์กว่าผู้อื่น เก่งกว่าผู้อื่น ดีกว่าผู้อื่น ซึ่งเป็นการผิดทาง  

กระผมจะขอนอบน้อมจดจำคำสอนของพระอาจารย์ เพื่อเตือนสติเป็นหลักในแนวทางปฏิบัติเพื่อทางที่ถูกต้องต่อไป  :054:
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๗ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 08 ต.ค. 2553, 11:30:58
               ทุกคน  มีความคิด       แต่ขาดจิต  สำนึกดี
                ทำไป     ทั้งรู้ที่            มันไม่ดี    แต่ยังทำ
                พ่ายแพ้   ต่อกิเลส        จึงเป็นเหตุ  ให้ถลำ
                จิตชั่ว     เข้าครอบงำ     จึงรับกรรม   ที่ทำไป
                หากเรา   มีสติ             ควรดำริ    ตั้งจิตใหม่
                คิดดี    กันเข้าใว้          เพื่อจะให้  จิตนั้นดี
                จิตดี    ส่งกายเด่น        อย่างที่เห็น  เป็นเช่นนี้


กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณสำหรับบทกวีครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๗ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: nsp8428 ที่ 08 ต.ค. 2553, 08:30:59
กราบนมัสการพระอาจารย์และกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ