กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) => ข้อความที่เริ่มโดย: NOK_BB ที่ 06 มี.ค. 2554, 09:16:00

หัวข้อ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: NOK_BB ที่ 06 มี.ค. 2554, 09:16:00
ดิฉันจำเป็นต้องโกหกเพื่อนร่วมงานรวมถึงหัวหน้าว่าต้องลางานไปต่างจังหวัด 1 วัน เพื่อกลับต่างจังหวัดกระทันหัน เนื่องจากที่ปัญหาทางบ้านเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน แต่จริง ๆ แล้วดิฉันจะต้องไปสอบเกี่ยวการเรียนปริญญาโท แต่ดิฉันมีความจำเป็นต้องโกหก เพราะหัวหน้างานดิฉันค่อนข้างไม่พอใจเวลาดิฉันลางาน ดิฉันทำงานไม่เคยลางานเลย ก่อนหน้านี้เคยลาพักร้อนเพื่อไปพักผ่อนที่บ้านต่างจังหวัด กับญาติ ๆ ที่ไม่ได้เจอกันมานาน แต่ก็ต้องโดนตามตัวกลับ มันเลยทำให้ไม่ค่อยกล้าลา ดิฉันจึงต้องอุปโหลกเรื่องขึ้นมาเพราะคิดว่า หัวหน้าจะต้องอนุญาติ อาจจะเคืองแต่อาจจะไม่มาก ดิฉันไม่สบายใจเลย เนื่องจากกลัวบาป อยากถามว่าแบบนี้บาปมากไหมค่ะ
หัวข้อ: ตอบ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 06 มี.ค. 2554, 09:31:57
การพูดเท็จต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑.เรื่องไม่จริง

๒.มีจิตคิดจะพูดให้ผิดไปจากความจริง

๓.พยายามที่จะพูดให้ผิดไปจากความจริง

๔.คนฟังเข้าใจความหมายตามที่พูดนั้น

หากครบองค์ประกอบทั้ง ๔ นี้ ถือว่าศีลข้อ ๔ ขาด(ศีลขาด)

ถ้าหากไม่ครบองค์ประกอบทั้ง ๔ อาจจะ ๓ , ๒ หรือ ๑ เรียกว่า ศีลทะลุ , ศีลด่าง , ศีลพร้อย ตามลำดับ

ก็ล้วนเป็นบาปทั้งสิ้น เพียงแต่มีโทษมากน้อยต่างกัน.

หัวข้อ: ตอบ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 06 มี.ค. 2554, 11:36:12
แนะนำสมาทานศีลวันละสองครั้ง เช้าค่ำ

บทสวดสมาทานศีล 5 และคำแผ่เมตตาโดยแม่ชีทศพร

บทสวดมนต์ก่อนการนั่งสมาธิ
และก่อนนอน ต้องอาราธนาศีล 5
และสมาทานศีล 5 โดยเริ่มจาก

คำบูชาพระ
อิมินา สักกาเรนะ ตัง พุทธัง อะภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ตัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ตัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ

คำนมัสการพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธังภะคะวันตัง อภิวาเทมิ(กราบ)
สะวาขาโต ภะคะวะตาธัมโม ธัมมังนะมัสสามิ(กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ(กราบ)

คำอาราธนาศีล 5
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ
ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ
ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ
ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ

คำนมัสการพระพุทธเจ้า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)

ไตรสรณคมณ์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ศีล 5
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

หัดทำไปทุกวัน ทุกเช้าและก่อนนอน หากใครกลัวว่า
ทำไปแล้วเราก็ต้องออกไปผิดศีลอยู่ดี แนะนำให้ทำก่อนนอน
เพราะเราไม่ต้องไปเจอสังคม
ไปต้องไปผิดกับใครจึงทำให้เกิดกุศลมากที่สุด

คัดลอกจาก
http://www.dhammajak.net/kram/5-2.html (http://www.dhammajak.net/kram/5-2.html)

ฟัง
http://www.dhammajak.net/audio/prayer/index.php (http://www.dhammajak.net/audio/prayer/index.php)
หัวข้อ: ตอบ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: fork0 ที่ 07 มี.ค. 2554, 01:02:05
ผมว่าไม่ผิดหรอกครับ โกหก แต่เราไม่ได้โกหก เพื่อน หนีงานไปเที่ยวหรือไป ทำเรื่องไม่ดี อย่าไปคิดมากคนเรามันต้องมีเรื่อง ที่ผิดบ้าง ไม่มีใครเค้า

สมบูีรแบบ เต็ม 100% หรอกครับ มันก็ มีบ้าง ศิล5คือตัวกำหนดว่าเรามีค่าความเป็นคน อยู่ 100%  คิดไปว่า ศิลละ 20% ถ้า ถือครบ5ข้อ ก็100%

ถ้าหักการพูดโกหกไป20% ก็เหลือ80% เรายังมีความเป็น คนอยู่ ตั้ง80% บางคน ผิดศิลหมดเลย คิดเอา ค่าความเป็นคนจะมีเท่าไหร่ 0% ลองคิดดูครับ

ขอบแบบนี้มันอยู่ที่เจตนา   :001:
หัวข้อ: ตอบ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: kajornsak ที่ 07 มี.ค. 2554, 10:22:13
โกหกแล้วทำให้ผู้อื่นสบายใจ รวมถึงตัวเราสบายใจ  ดีกว่าบอกความจริงแล้วเกิดปัญหา

อันที่จริงสิทธฺิการลาของเรามีควรจะใช้นะครับ เคลียงานที่ค้างซะแล้วลาพักร้อนอย่างสบายใจ

ทำงานแลกเงินไม่ใช่ไปขอเงินเขาฟรีครับ
หัวข้อ: ตอบ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 07 มี.ค. 2554, 10:28:51
โกหกแล้วทำให้ผู้อื่นสบายใจ รวมถึงตัวเราสบายใจ  ดีกว่าบอกความจริงแล้วเกิดปัญหา

อันที่จริงสิทธฺิการลาของเรามีควรจะใช้นะครับ เคลียงานที่ค้างซะแล้วลาพักร้อนอย่างสบายใจ

ทำงานแลกเงินไม่ใช่ไปขอเงินเขาฟรีครับ
เห็นด้วยครับ (ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมจะพูดว่า..."เจ้านายรู้หรือยังว่า เค้าเลิกทาสกันแล้ว")

ฝากธรรมะ ไปให้เจ้านาย

พรหมวิหาร 4

    
ความหมายของพรหมวิหาร 4
- พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ พรหมวิหารเป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์
หลักธรรมนี้ได้แก่

เมตตา   ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข
กรุณา   ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
มุทิตา   ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
อุเบกขา   การรู้จักวางเฉย
คำอธิบายพรหมวิหาร 4
1. เมตตา : ความปราถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุขเกิดขึ้นได้ทั้งกายและใจ เช่น ความสุขเกิดการมีทรัพย์ ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์เพื่อการบริโภค ความสุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้
และความสุขเกิดจากการทำงานที่ปราศจากโทษ เป็นต้น
2. กรุณา : ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความทุกข์ คือ สิ่งที่เข้ามาเบียดเบียนให้เกิดความไม่สบายกาย
ไม่สบายใจ และเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน พระพุทธองค์ทรงสรุปไว้ว่าความทุกข์มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

- ทุกข์โดยสภาวะ หรือเกิดจากเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่และ
ความตายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เกิดมาในโลกจะต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมเรียกว่า กายิกทุกข์

- ทุกข์จรหรือทุกข์ทางใจ อันเป็นความทุกข์ที่เกิดจากสาเหตุที่อยู่นอกตัวเรา เช่น เมื่อปรารถนาแล้วไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ รวมเรียกว่า เจตสิกทุกข์

3. มุทิตา : ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี คำว่า "ดี" ในที่นี้ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความเจริญก้าวหน้า ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีจึงหมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น ไม่มีจิตใจริษยา ความริษยา คือ ความไม่สบายใจ ความโกรธ ความฟุ้งซ่านซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตน เช่น เห็นเพื่อนแต่งตัวเรียบร้อยแล้วครูชมเชยก็เกิดความริษยาจึงแกล้งเอาเศษชอล์ก โคลน หรือหมึกไปป้ายตามเสื้อกางเกงของเพื่อนนักเรียนคนนั้นให้สกปรกเลอะเทอะ เราต้องหมั่นฝึกหัดตนให้เป็นคนที่มีมุทิตา เพราะจะสร้างไมตรีและผูกมิตรกับผู้อื่นได้ง่ายและลึกซึ้ง

4. อุเบกขา : การรู้จักวางเฉย หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม คือ ใครทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นย่อมตอบสนองคืนบุคคลผู้กระทำ เมื่อเราเห็นใครได้รับผลกรรมในทางที่เป็นโทษเราก็ไม่ควรดีใจหรือคิดซ้ำเติมเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น เราควรมีความปรารถนาดี คือพยายามช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ในลักษณะที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
หัวข้อ: ตอบ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: Chotipat ที่ 07 มี.ค. 2554, 04:24:20
ความคิดเห็นส่วนตัวครับ
โกหกก็คือโกหกผิดแน่ๆไม่อยากแค่ปลอบใจแล้วทำให้คุณเข้าใจว่าโกหกไม่ผิด แล้วไปโกหกซ้ำอีกเดี๋ยวจะผิดไปกันใหญ่
เจ้าของกระทู้ได้รับผลจากการโกหกแล้วคือไม่สบายใจ และแน่นอนผลของการโกหกจะต้องโดนโกหกคืนแน่ๆ ก็ยังดีที่นะกลัวบาปน่าเห็นใจครับ
ถึงอย่างไรก็ไม่อยากให้โกหกอีกไม่ว่ากรณีใดๆ เขาจับได้วันหลังหนักว่าพูดความจริงแน่ครับ และเราเองจะเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ
ไปตลอดกาล พูดอะไรไปจะไม่มีใครเขาเชื่อ ส่วนเรื่องหัวหน้า ผมเองทำงานมาหลายที่หัวหน้าก็หลายคนแต่ละคนนิสัยแตกต่างกันไป
ผมอาจจะโชคดีหัวหน้าผมทุกคนถ้าไม่มีงานค้างมาก หรือมีงานเร่งด่วนจริงๆก็คุยกันได้ไม่ค่อยมีปัญหา ลองวางแผนดูครับบอกหัวหน้าแต่เนิ่นๆ
เคลียร์งานให้ทัน ถ้าหัวหน้าของคุณเป็นคนเขาคงให้คุณลาได้ ถ้าทำดีแล้วยังใช้งานอย่างเดียวธุระลูกน้องจะเป็นจะตายไม่สน ก็หางานใหม่เถอะครับ อย่าอยู่ต่อเลย เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ
หัวข้อ: ตอบ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: พ่อขุนผาเมือง ที่ 07 มี.ค. 2554, 05:04:53
อยู่ที่เจตนาครับ ทำแล้วไม่มีใครเดือดร้อนก็พอแล้วครับ
หัวข้อ: ตอบ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: โยคี ที่ 10 มี.ค. 2554, 02:13:25
ดิฉันจำเป็นต้องโกหกเพื่อนร่วมงานรวมถึงหัวหน้าว่าต้องลางานไปต่างจังหวัด 1 วัน เพื่อกลับต่างจังหวัดกระทันหัน เนื่องจากที่ปัญหาทางบ้านเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน แต่จริง ๆ แล้วดิฉันจะต้องไปสอบเกี่ยวการเรียนปริญญาโท แต่ดิฉันมีความจำเป็นต้องโกหก เพราะหัวหน้างานดิฉันค่อนข้างไม่พอใจเวลาดิฉันลางาน ดิฉันทำงานไม่เคยลางานเลย ก่อนหน้านี้เคยลาพักร้อนเพื่อไปพักผ่อนที่บ้านต่างจังหวัด กับญาติ ๆ ที่ไม่ได้เจอกันมานาน แต่ก็ต้องโดนตามตัวกลับ มันเลยทำให้ไม่ค่อยกล้าลา ดิฉันจึงต้องอุปโหลกเรื่องขึ้นมาเพราะคิดว่า หัวหน้าจะต้องอนุญาติ อาจจะเคืองแต่อาจจะไม่มาก ดิฉันไม่สบายใจเลย เนื่องจากกลัวบาป อยากถามว่าแบบนี้บาปมากไหมค่ะ

ระหว่าง พระฉันบะหมี่สำเร็จรูป ยามวิกาล อะไรจะบาปมากกว่า ผิดศีลเหมื่อนกัน
หัวข้อ: ตอบ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: รุท หมัดหนักครับ ที่ 10 มี.ค. 2554, 06:17:26
ดิฉันจำเป็นต้องโกหกเพื่อนร่วมงานรวมถึงหัวหน้าว่าต้องลางานไปต่างจังหวัด 1 วัน เพื่อกลับต่างจังหวัดกระทันหัน เนื่องจากที่ปัญหาทางบ้านเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน แต่จริง ๆ แล้วดิฉันจะต้องไปสอบเกี่ยวการเรียนปริญญาโท แต่ดิฉันมีความจำเป็นต้องโกหก เพราะหัวหน้างานดิฉันค่อนข้างไม่พอใจเวลาดิฉันลางาน ดิฉันทำงานไม่เคยลางานเลย ก่อนหน้านี้เคยลาพักร้อนเพื่อไปพักผ่อนที่บ้านต่างจังหวัด กับญาติ ๆ ที่ไม่ได้เจอกันมานาน แต่ก็ต้องโดนตามตัวกลับ มันเลยทำให้ไม่ค่อยกล้าลา ดิฉันจึงต้องอุปโหลกเรื่องขึ้นมาเพราะคิดว่า หัวหน้าจะต้องอนุญาติ อาจจะเคืองแต่อาจจะไม่มาก ดิฉันไม่สบายใจเลย เนื่องจากกลัวบาป อยากถามว่าแบบนี้บาปมากไหมค่ะ
ขนาดที่ทำงานเก่าผมนะครับ เพื่อนร่วมงานกับผมแม่เขาเสียเขาโทรมาลางาน5วันหัวหน้ายังไม่ให้ลางานเลยครับขนาดแม่เขาเสียนะครับหัวหน้าบอกต้องเอาหลักฐานมาให้ดูด้วยถึงจะเชื่อ พอถึงวันที่เพื่อนผมมาเขาเอารูปถ่ายแม่ของเขาที่ใส่กรอบใหญ่ๆมาเลยครับก็ทะเลาะกันและเพื่อนผมก็ยื่นใบลาออกครับ (หัวงานเป็นผู้หญิงด้วยนะครับ) ถ้าเป็นผู้ชายโดน....ขนาดแม่เพื่อนร่วมงานผมเสียนะครับ ขนาดผมยังอดใจไม่ได้เลยถ้าเป็นอย่างนี้บ้างหัวหน้าจะทำยังไง :066: ผมก็ยื่นใบลาออกครับ
หัวข้อ: ตอบ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: คนเมืองเหนือ ที่ 10 มี.ค. 2554, 06:42:33
ในบางครั้งมันก็จำเป็นต้องโกหกนะครับ ดีกว่าพูดความจริงแล้วทำให้เกิดความไม่สบายใจ แต่อย่าโกหกจนเป็นนิสัย
เพราะจะทำให้ไม่มีใครเชื่อถือ ถึงแม้จะพูดความจริงก็ตามครับ  อันนี้มีคนสอนผมมาอีกทีครับ ได้ใจพอสมควร :050:
หัวข้อ: ตอบ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: puttiphong ที่ 23 มี.ค. 2554, 04:51:09
ถ้าเจตนาของการโกหกโดยไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และเป็นเรื่องส่วนตัวก็ไม่ผิดหรอกครับ เราไม่จำเป็นต้องพูดความจริงในชีวิตของเราทั้งหมดให้ใครทราบ เพราะเรื่องบางเรื่องสำหรับคนบางคนก็ไม่ควรพูดความจริง เพราะอาจจะนำผลเสียหรือความเดือดร้อนมาให้เราได้  ถ้าเจตนาของการโกหกแล้วทำให้คนมีสุข เช่น ถ้าเรากำลังตกงานแล้วโกหกทางบ้านเพื่อให้เขาสบายใจ ในขณะเดียวกันเราก็พยายามหางานใหม่โดยเร็ว หรือหาอะไรทำไปพลางๆก่อน  อย่างนี้โกหกหรือไม่โกหกดีกว่ากันครับ
หัวข้อ: ตอบ: จำเป็นต้องโกหก (ไม่ได้ตั้งใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 23 มี.ค. 2554, 09:02:43
นิทานเซน :ความกลัดกลุ้มของตะขาบ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   23 มีนาคม 2554 12:08 น.


มีกบตัวหนึ่งที่เฝ้าสังเกตการเดินของตะขาบตัวหนึ่งอยู่เสมอ เวลาผ่านไปนานเข้าเกิดเป็นความงุนงงสงสัยขึ้นในใจ ครุ่นคิดว่า "ตัวข้าเองมีเพียง 4 ขายังเคลื่อนไหวไปมาได้ยากลำบาก แต่ไฉนตะขาบที่มีขานับร้อยจึงเดินได้อย่างปลอดโปร่งเพียงนี้ ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ยามเดินเหิน ตะขาบทราบได้อย่างไรว่าจะหยุดขาข้างไหน ขยับขาข้างไหน จากนั้นก้าวขาไหนตามออกไปกันเล่า?"

กบจึงตัดสินใจออกไปขวางทางเดินของตะขาบเอาไว้ จากนั้นเอ่ยถามว่า "ข้าถูกเจ้าทำให้งุนงงสงสัยไปหมดแล้วว่า ในแต่ละวันเจ้าเดินเหินได้อย่างไรด้วยขาที่มากมายขนาดนี้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้"

ตะขาบตอบว่า "ข้าเดินแบบนี้มาโดยตลอดไม่เคยคำนึงถึงเรื่องนี้ แต่ในเมื่อวันนี้เจ้าถามขึ้นมา ข้าก็จะขอเวลาคิดดูสักครู่ แล้วค่อยตอบคำถามของเจ้า"

ตะขาบยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ เพื่อขบคิดว่าที่ผ่านมาตนเองเดินอย่างไร จากนั้นเจ้าตะขาบก็พยายามขยับขาโน้นขยับขานี้แต่ไม่สำเร็จ เพียงลากขาไปข้างหน้าได้ 2-3 ก้าว พอหมดสิ้นหนทางจึงหมอบลง สุดท้ายได้แต่กล่าวกับกบขี้สงสัยว่า "ต่อไปเจ้าโปรดอย่าได้เอ่ยถามข้อสงสัยข้อนี้ของเจ้าให้ตะขาบตัวอื่นใดได้ฟังอีก ที่ผ่านมาข้าเพียงเดินไปข้างหน้าไม่เคยเกิดปัญหา แต่ตอนนี้เจ้าทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากแล้ว ข้าไม่สามารถก้าวเดินได้ เพราะข้าไม่รู้ว่าจะขยับขาเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร ด้วยขากว่าร้อยขาที่มีอยู่นี้"

ปัญญาเซน :เรื่องบางเรื่อง ขบคิดมากความกลับเพิ่มปัญหา การปฏิบัติเซนอย่างสมบูรณ์แบบ คือการใช้ชีวิตประจำวันตามธรรมชาติ ตามครรลองที่ควรจะเป็น