กระดานสนทนาวัดบางพระ
หมวด มิตรไมตรี => รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) => ข้อความที่เริ่มโดย: JO191 ที่ 22 มี.ค. 2549, 02:48:49
-
ให้พุทธคุณอย่างไรบ้างและมียันต์อะไรบ้าง ผมขอแบ่งเป็น 3 อย่างนะครับ
1.ด้านป้องกันภัย
2.เมตตามหานิยม
3.กันภูตผีปีศาจ
แนะนำหลายๆๆยันต์นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้า :016: :015: :016: :015:
-
ลองยกตัวอย่างที่อยากทราบมาก็ดีนะครับ? เพราะว่ายันต์นั้นมีเยอะมากจริงๆครับ
แต่ถ้าอยากจะให้ผมยกตัวอย่างก็
1. ด้านป้องกันภัย เช่น ยันต์เก้ายอด ยันต์เกราะเพชร ยันต์มงกุฏพระพุทธเจ้า ยันต์ตะกร้อ ยันต์พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ยันต์พระพุทธเจ้า 16 พระองค์ ยันต์ตรีนิสิงเหก็ได้เช่นกัน และยันต์อื่นๆ ฯลฯ
2. ด้านเมตตามหานิยม เช่น ยันต์พุทซ้อน ยันพระเจ้า 5 พระองค์แบบพุทธซ้อน(นะโมพุทธายะ) ยันต์ตรีนิสิงเห ยันต์โภคทรัพย์ และยันต์อื่นๆ ฯลฯ
3. ด้านกันภูตผีปีศาจ คุณไสย เช่น ยันต์เกราะเพชร ยันต์ท้าวเวสสุวรรณ ยันต์พ่อแก่หรือบรมครูฤาษี ยันต์มงกุฏพระพุทธเจ้า ยันต์พระคาถาอาวุธห้าที่หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ท่านให้เสกมีดหมอครับ และยันต์อื่นๆ ฯลฯ
-
แล้วยันต์กระทู้ 7 แบก อ่ะครับ
-
กระทู้เจ็ดแบก คือชื่อยันต์ บรรทัดแรกของอิติปิโสแปดทิศครับ
-
แล้วความหมายของ หนุมาน มีกี่แบบเห็นมีหลายตัวแล้ว จิ้งจก กับ จระเข้ มีพุทธคุณอย่างไรครับ
-
ปกติคนที่ไปสักต่อวันเยอะมั้ยครับประมาณกี่คน
-
สิ่งศักดิ์สิทธิ์กับความเชื่อของคนไทยมีมาช้านาน อย่างน้อยคนไทยก็ยึดเอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่งตลอด ถ้าย้อนไปในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เรามีวัดเป็นทั้งโรงเรียนและเป็นที่ประกอบศาสนา ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญ งานบวช งานศพ ตั้งแต่เกิดยันตายเราเกี่ยวข้องกับวัดเสมอ ครั้นเมื่อเราเสียกรุงศรีอยุธยาพระเป็นที่พึ่งทางใจที่สำคัญ เพราะเมื่อเราต้องทำสงครามจะมีการเลือกฤกษ์วันเวลาที่ดี เพื่อให้ทหารมีขวัญกำลังใจและหมายถึงโอกาสที่จะรบชนะมีสูงมาก จะเห็นได้จากประวัติศาสตร์สมัยพระนเรศวรมหาราช ที่สามารถกอบกู้ชาติไทยมา ก็ได้กล่าวถึงพระอาจารย์ของท่านด้วย รวมถึงมีบทสวดมนต์ที่กล่าวว่าพระองค์ดำท่านสวดเป็นปกติ ทำให้รบไม่เคยแพ้ใครอีกด้วย ก็ทำให้มีคนนิยมที่จะสวดมนต์บทนั้นเป็นต้น
สิ่งยึดเหนี่ยวทางใจที่สำคัญของคนไทยนั้นนอกจากวัดวาอาราม พระธาตุพระเจดีย์ พระสงฆ์ ก็มีตั้งแต่พระเครื่อง ของขลัง เครื่องรางต่างๆ ซึ่งอย่างหนึ่งที่มีอยู่รวมถึงยันต์ต่างๆ ด้วย ยันต์มีหลายลักษณะ แต่ข้าพเจ้าแบ่งออกแค่ ๒ แบบคือ แบบที่ต้องพกติดตัว กับแบบที่ติดอยู่กับตัว
ยันต์แบบที่พกติดกับตัวนั้น ก็มีหลายแบบไม่ว่าจะเป็นผ้า กระดาษ เสื้อยันต์ก็มี ข้าพเจ้าไม่ขอกล่าวว่าวัดไหนหรือที่ไหนมีของศักดิ์สิทธิ์ เดี๋ยวจะหาว่าข้าพเจ้ามาโฆษณาชวนเชื่อ แต่ข้าพเจ้าถือว่า "ถ้าเป็นของของพระพุทธเจ้าจริง สิ่งนั้นย่อมมีคุณค่าสูงเสมอ" ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่าว่ามีความสามารถความดีแค่ไหน คนทุกคนเป็นผู้มีบุญมาเกิดเพียงแต่ได้เวลาเสวยผลบุญนั้น หรือเป็นเวลาเสวยกรรมต่างหาก ยันต์นั้นก็เหมือนกับเป็นเครื่องช่วยเครื่องผ่อนคลายเรื่องร้าย ให้กับเจ้าของได้รับเรื่องร้ายน้อยที่สุดหรือไม่มีเรื่องร้ายใดใด และถ้าพิเศษหน่อยองค์ประกอบครบ คือเจ้าของมีจังหวะบุญส่งผลพอดี ยันต์หรือของขลังนั้นก็จะช่วยเสริมให้ดีอย่างยิ่งยวด ตามกำลังบุญของเจ้าของนั้น ข้าพเจ้าขอเน้นว่า "ตามกำลังบุญของเจ้าของหรือผู้ครอบครองของนั้น"
เพียงแต่การไปเสาะแสวงหาของดีของขลังนั้น ข้าพเจ้าถือว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแห่ตามไปได้ ขึ้นชื่อว่าของดีใครก็อยากได้ข้าพเจ้าเองก็ไม่เว้น ข้าพเจ้าชอบไปศึกษาชอบดูว่าที่นั่นมีอะไรดีที่นี่มีอะไรดี เพราะถ้าที่ไหนมีของดีของพิเศษอยู่ ย่อมหมายถึงการมีพระดีพระเก่งอยู่ด้วย ข้าพเจ้ายังเชื่อว่า "ถ้าข้าพเจ้าเหมาะสมที่จะได้รับสิ่งพิเศษใด ของสิ่งนั้นจะเรียกหาข้าพเจ้าเอง ไม่ว่าจะเป็นของเก่าของที่หายากขนาดไหนก็ตาม ก็มักจะได้มาโดยไม่คาดฝันเสมอ" และเคยถามจากผู้อาวุโสที่เคารพหลายท่าน ท่านก็มีเรื่องเล่าให้ฟังเป็นความรู้ประสบการณ์กันอยู่บ่อยไป ถึงอภินิหารปาฏิหารย์ต่างๆ ซึ่งก็แตกต่างกันออกไป
นานมาแล้ว ข้าพเจ้าเคยไปร่วมงานที่วัดทางมีนบุรี ใกล้บ้านของอาจารย์ที่เคยสอนตอนเรียนชั้นมัธยม เป็นวัดเก่าแก่ของที่นั่นและข้าพเจ้าเคยมีโอกาสไปทำบุญอยู่หลายครั้ง ในวันนั้นเป็นพิธีเกี่ยวกับการสวดเสริมบารมี ซึ่งมีสายสิญจน์ห้อยเหนือศีรษะ และมีผ้ายันต์ของท้าวเวสสุวรรณห้อยอยู่ เมื่อพระสวดเสร็จแล้วประชาชนก็จะดึงสายสิญจน์ และผ้ายันต์ไปเป็นสมบัติของตนเพื่อบูชา ไม่ว่าจะขอโชคขอลาภ ให้คนเห็นก็เมตตารักใคร่ ค้าขายคล่องตัว และอีกสารพัดจะขอ ข้าพเจ้าเคยถามคนเก่าแก่ที่มาร่วมงานนั้น ท่านก็บอกว่าวัดนี้ทำพิธีแบบนี้ไม่บ่อย คนที่เอาผ้ายันต์ไปบูชาส่วนใหญ่มักจะโชคดี หรือไม่ก็ก้าวหน้าด้านใดด้านหนึ่งเสมอ ก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมคนจึงมาร่วมพิธีนี้มากเป็นพิเศษ ไม่ได้มาเฉพาะคนแก่ แต่มีเกือบทุกวัยตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น คนที่ย้ายไปทำงานต่างถิ่นก็มา เพราะเชื่อว่าถ้ามีผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณของที่นี่พกอยู่จะนำโชคดีมาให้
ท้าวเวสสุวรรณนั้นจะเห็นเป็นรูปยักษ์และเป็นผู้ปกครองทางด้านทิศเหนือ มีความเมตตาสูงมากเพราะท่านเป็นพระอริยเจ้า ท่านมีลูกน้องมากมายแสดงตัวเป็นยักษ์ แต่ตัวตนจริงไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด ถ้าท่านอยากทราบว่ายักษ์หน้าตาเป็นแบบไหน ก็ลองแวะไปดูที่วัดพระแก้วฯ ตรงสนามหลวง แล้วจะรู้ว่านั่นแหละใช่เลย เพียงแต่สีกายกับขนาดอาจแตกต่างไปบ้างเท่านั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่า คนโบราณรู้เห็นในเรื่องนรกสวรรค์ ไม่ได้บอกเล่ามาเพื่อข่มขู่ให้เรากลัวเกรงบาป แต่นรกสวรรค์มีจริงไม่ใช่แค่จินตนาการ รูปร่างยักษ์ที่ข้าพเจ้าเห็นในสมาธิเป็นแบบเดียวกันนี้ และที่สำคัญคือข้าพเจ้าสามารถจะพูดคุยกับยักษ์ในวัดพระแก้วฯ ได้ บางครั้งท่านยักษ์ก็ยังมาเยี่ยมเยือนข้าพเจ้าถึงบ้านที่พิษณุโลกอีกต่างหาก
ข้าพเจ้ารู้ตั้งแต่ตอนไปในงานแล้วว่าท้าวเวสสุวรรณมีจริง เพราะข้าพเจ้ามีอาการร้อนจัดเหมือนเป็นไข้ ขนหัวลุก อาการสั่นควบคุมไม่ได้ และหนักหัวจะเป็นลม ความรู้สึกคือเหมือนมีคนมุงล้อมรอบตัวมาก อากาศไม่พอจะหายใจแบบนั้น พอเสร็จพิธีรู้สึกโล่งมาก ผ้ายันต์ที่เอามานั้นเป็นผ้าแดงอักษรดำสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดไม่ใหญ่ มีรูปพร้อมอักขระมากมายซึ่งข้าพเจ้าอ่านไม่ออกแต่ก็เชื่อในสัมผัสที่รู้สึก
ตอนกลับข้าพเจ้าชอบที่จะเดินผ่านด้านหลังของวัดมากกว่าจะลงเรือ เนื่องจากไม่สันทัดในเรื่องการขึ้นลงเรือแจว ถ้าเลือกได้ก็ขอเดินดีกว่า ด้านหลังของวัดก็เป็นสุสานที่มีเจดีย์เล็กมากมายเอาไว้เก็บกระดูกคนตาย ระหว่างทางข้าพเจ้ารู้สึกถึงอะไรสักอย่างที่พยายามจะดึงขาไม่ให้ก้าว ตัวหนักขึ้นเหมือนกำลังแบกอะไรอยู่ กลิ่นเหม็นเหมือนของเน่าก็เริ่มโชยมา คราวนี้ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าโดนดีเป็นแน่ ก็เริ่มตั้งสมาธิเพราะต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผลก็คือเห็นว่าตัวเองกำลังอยู่ในวงล้อม มีเงาสีขาวมากมายล้อมอยู่ พยายามจะเข้ามาใกล้ตัวข้าพเจ้าเพื่อจะดึงฉุด และเมื่อแตะตัวข้าพเจ้าแล้วเงานั้นจะค่อยๆ ชัดขึ้นเหมือนได้พลังชีวิตเพิ่ม ครูบาอาจารย์เคยบอกไว้ว่า ถ้าเราพึ่งกลับมาจากการทำบุญใหญ่ วิญญาณต่างๆ จะตามมาก เพราะพวกเขาต้องการพลังบุญ ถ้าเกิดใหม่จะได้ไปในชาติภพที่ดีขึ้น หรืออาจไปเกิดใหม่ได้ในทันที
สิ่งเดียวที่นึกออกก็คือ ภาวนาบทอิติปิโสฯ แค่เริ่มได้ไม่กี่คำ กระเป๋าเสื้อของข้าพเจ้าร้อนขึ้นยันต์ผ้าแดงนั้นมีปฏิกิริยาตอบสนอง ข้าพเจ้าก็เร่งสวดบทอิติปิโส ฯ ให้จบ เพราะถ้าข้าพเจ้าหยุดโดยสวดไม่ทันจบบท คงไม่ต้องคาดผลว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะเป็นลมอยู่ตรงนั้นก็เป็นได้ แทบจะทันทีที่สวดจบ ข้าพเจ้าเห็นยันต์ผ้าแดงนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นพอที่จะคลุมข้าพเจ้าได้ทั้งตัว เป็นแบบเกราะใสหุ้มตัว ทำให้ข้าพเจ้าเดินผ่านตรงนั้นไปได้สะดวก โดยไม่มีเงาขาวเหล่านั้นเข้าใกล้ได้เลย เป็นครั้งแรกที่เห็นสรรพคุณของผ้ายันต์
พระเครื่อง รวมถึงเครื่องรางของขลังทั้งหลายมักจะมีเทวดาคอยดูแลรักษา ผ้ายันต์ที่ผ่านพิธีมาก็เช่นกัน ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องนี้จึงได้คิดขอบคุณเทวดาท่านที่ช่วยให้รอดมาได้ หลังจากสวดมนต์ไหว้พระก็อธิษฐานขอให้เห็นว่า "ท่านเป็นใคร" เห็นเป็นร่างสูงใหญ่มาแบบหน้ายักษ์มีเขี้ยว ถือกระบองมาด้วย ก็เรียนถามว่าท่านชื่ออะไร ท่านก็บอกให้เรียกท่านว่า "ท่านลุง" ท่านบอกว่า ท่านส่งบริวารยักษ์ให้คุ้มครองข้าพเจ้าอยู่ตลอด เพียงแต่ข้าพเจ้าตาไม่ดีมองไม่เห็นเอง และถ้ามีปัญหาอะไรก็ขอให้บอก ก่อนไปท่านยังแจกกระบองให้ข้าพเจ้าอีกด้วย และท่านยังได้สงเคราะห์ข้าพเจ้าอีกหลายต่อหลายครั้ง
ครั้งล่าสุดปลายปี ๔๕ ก็เป็นเรื่องไฟไหม้ที่ชั้น ๔ ของบ้านเกิดจากไฟฟ้าช๊อตจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเด็กที่มาเช่าอยู่ ผลก็คือสามารถดับไฟได้ค่อนข้างเร็ว ก่อนที่รถดับเพลิงจะมาเสียอีก นับเป็นความเสียหายที่น้อยมาก ก่อนหน้าจะเกิดเรื่องข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าจะมีเรื่องแต่ไม่แน่ใจช่วงเวลา เพราะบริวารท่านลุงได้เคยมาเตือนแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งก็คงต้องขอบคุณในความกรุณาที่ท่านลุงมีต่อข้าพเจ้าตลอดมา
ถ้าท่านอยากได้ของขลังมาเพื่อเสริมบารมี ความร่ำรวย ชื่อเสียงลาภยศ หรืออธิษฐานอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ในทางโลก ท่านก็อาจจะได้ตามความปรารถนา แต่ข้าพเจ้าถือว่าท่านค้าขายได้กำไรน้อย หรืออาจจะขาดทุนป่นปี้ด้วยซ้ำไป ทำไมน่ะหรือ? ก็คงต้องติดตามกันในตอนต่อไปคราวหน้า
ขอบคุณที่กรุณาติดตาม
ลำดวน
๗ มีนาคม ๔๖
http://www.geocities.com/lumduanastro/story5.htm
-
:017: ระหว่าง รู้ กับ ทำ นั้นช่างห่างไกลกันเสียเหลือเกิน
-
ช่วยกันตอบหน่อยครับผมก็อยากรู้ครับ
-
:017:ระหว่าง รู้ กับ ทำ นั้นช่างห่างไกลกันเสียเหลือเกิน
(http://img95.imageshack.us/img95/243/inbg5jb.jpg) (http://imageshack.us)
::)เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ;)
-
(http://)
อยากรู้จริงหรือหลอกถามเพื่อลองภูมิครับ
-
เราคิดว่า ถ้าอยากรู้จริง ๆ ก็น่าจะเรียน เพื่อที่จะรู้
-
ใครมีความรู้ก็กรุณาแบ่งปันกันหน่อยครับพี่น้อง