กระดานสนทนาวัดบางพระ
หมวด มิตรไมตรี => รูปภาพและวีดีโอสายวัดบางพระ และ รูปภาพและวีดีโอสายอื่นๆ => รูปภาพและวีดีโอสายวัดบางพระ => ข้อความที่เริ่มโดย: gottkung ที่ 15 มี.ค. 2552, 06:13:24
-
ส่วนใหญ่ค่านิยมการสักขาลาย ของหนุ่มๆทางเหนือนี่ค่อนข้างเป็นแฟชั่นยอดฮิตในสมัยนั้น
เพราะถ้าใครไม่มีลายสักที่ขาแล้ว ผู้หญิงเค้าก็จะไม่แลครับ แหะๆๆ
(จะมีแฟนซักคนต้องแลกกับความเจ็บปวดด้วยนะนี่) ^ ^
(http://img149.imageshack.us/img149/7296/1120469313.jpg)
รูปนี้คือการสักที่พุงครับ จะสักตั้งแตพุงลงไปจนถึงเข่าหรือขาอ่อนครับ (ในสมัยรัชกาลที่ห้า เรียกกลุ่มผู้ที่สักแบบนี้ว่าลาวพุงดำครับ)
ยอมรับในความอึดจริงๆครับ เพราะสักตรงนี้เจ็บมากกกกกกกก :074:
(http://img238.imageshack.us/img238/8118/1120469407.jpg)
อันนี้ด้านหลังคับ
(http://img237.imageshack.us/img237/615/1120469700.jpg)
อีกรูปครับเกือบถึงหัวเข่าเลย :075:
(http://img155.imageshack.us/img155/8607/1120468176.jpg)
รูปนี้ของคุณตาอีกท่านนึงครับ
:074:
การสักขาลายของทางเหนือ จะแบ่งเป็นหลักๆดังนี้ครับผม สักข่ามคง คือสักให้คงกระพันหนังเหนียว
สักข่ามพิษ คือสักเพื่อป้องกันอันตรายจากสัตว์มีพิษ หรือสัตว์กัดต่อย
สับขาลาย (สักขาลาย) สักเป็นคล้ายๆกับแฟชั่นสมัยนี้ครับ ไม่ได้ลงอักขระคาถาแต่อย่างใด
ไม่ได้มีแต่ผู้ชายที่สักนะครับ แม้แต่ผู้หญิงก็สักด้วย แต่จะสักเน้นไปทางข่ามพิษครับ ผู้หญิงสักไม่เยอะเท่าผู้ชาย :095:
ทางเหนือนี่วัฒนธรรมการสัก ได้ยินว่าเริ่มจากพวกเงี้ยวครับ ต่อมาก็แพร่กระจายไป ถึงชาวไทยลื้อ ชาวไทยใหญ่(เรียกตัวเองว่าคนไต)
คนเมือง(คือชาวเชียงใหม่นี่แหละครับ) ^ ^
ผิดพลาดประการใด ขอภัยด้วยครับ
ข้อมูลจากหนังสือ ว่าด้วยรอยสักไทยใหญ่ ของผมเอง(เป็นหนังสือของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ครับ) :006:
-
ข้อมูลเพิ่มเติมครับ จากhttp://www.fm100cmu.com/blog/sai_tarn_silp/content.php?id=585
ประเพณีการสักหมึกของชายล้านนา
วัฒนธรรมประเพณีของล้านนาที่สืบทอดกันมาในสังคมคนเมืองตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนั้น มีอยู่หลายอย่างที่ยึดถือปฏิบัติกันมาตลอด แต่ก็ยังมีวัฒนธรรมล้านนาอีกหลายอย่างที่ถูกมองข้าม ทั้งแง่เอกลักษณ์และระบบสัญลักษณ์ที่ผู้ทำได้พยายามสื่อความออกมา อย่างเช่น การสับหมึก หรือ การ ?สัก?ลวดลายลงบนร่างกาย ซึ่งนอกจากจะมีความเชื่อเรื่องการอยู่ยงคงกระพันแล้ว การสักหมึกยังมีความสำคัญต่อการเลือกคู่ครอง ของชายล้านนาอีกด้วย
ในอดีตการสักหมึก เป็นการแสดงออกถึงความเป็นลูกผู้ชาย หากชายใดขาขาวเพราะไม่สักหมึก สาวๆจะไม่เหลียวแล การสักหมึกของชายหรือ ?บ่าว? ในล้านนานิยมสักตั้งแต่บริเวณเอวลงมาจนถึงเหนือหัวเข่า หากมองไกลๆจะเห็นเป็นแถบสีดำ อันเป็นที่มาของชื่อเรียก ?ลาวพุงดำ? ที่ชาวภาคกลางใช้เรียกขาน
ชาวล้านนาในอดีต ชายล้านนานิยมการสักขาลายมาก เมื่อมีอายุย่างเข้าสู่วัยรุ่นจะทำการสักแทบทุกคน การสักชนิดนี้ใช้หมึกสีดำไม่มีการเสกคาถากำกับแต่อย่างใด เพราะเป็นการสักเพื่อความสวยงามตามจารีตประเพณีนิยม เป็นเอกลักษณ์ที่แสดงถึงความเข้มแข็งของลูกผู้ชาย ทั้งนี้เนื่องจากในอดีตคนส่วนใหญ่จะนิยมอาบน้ำในแม่น้ำหรือลำห้วย โดยแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มผู้ชายและกลุ่มผู้หญิง ในสมัยนั้นผู้ชายที่มีรอยสักหมึกตามร่างกาย โดยเฉพาะที่ขาต้องสักขาลายด้วยจึงถือว่าเป็นผู้ชายเต็มตัว หากชายคนใดไม่ได้สักขาลาย ถ้าไปอาบน้ำก็จะถูกล้อเลียนว่าขาขาวเหมือนผู้หญิงควรจะไปอยู่กับกลุ่มผู้หญิง ทำให้ชายผู้นั้นได้รับความอับอายมากและผู้หญิงก็ไม่ชอบผู้ชายขาขาวถือว่าเป็นคนอ่อนแอไม่สมควรเอามาเป็นคู่ครอง ด้วยเหตุนี้ผู้ชายในสมัยนั้นจึงนิยมสักขาลายแทบทุกคน
ส่วนความเชื่ออื่นๆ ที่เกี่ยวกับการสักหมึก ตัวอย่างเช่น ความมั่นใจ อยู่ยงคงกระพัน ให้โชคลาภหรือรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เป็นต้น จะพบน้อยมากเป็นเพราะว่าเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคล ไม่ได้เป็นเหตุผลสำคัญ จึงไม่มีอิทธิพลต่อผู้สักเท่าไหร่ จะพบเพียงไม่กี่คนที่สักเพื่อจุดมุ่งหมายเฉพาะตัว
การสักขาลายทุกครั้งนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาและความอดต่อความอดทนต่อการเจ็บปวดที่ได้รับ
จากการสัก บางคนบอกว่าเจ็บพอทนได้ บางคนบอกว่าเจ็บเหลือประมาณ โดนหลักสักแทงไม่กี่ครั้งก็บอกเลิกกลางคันก็มี การสักนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะใช้หลักสักซึ่งเป็นเหล็กแหลม ทำจากเหล็กทั้งแท่งตรงปลายแหลมมาก และข้างในเป็นรูกลวงมาตามยาวเพื่อใส่สี ซึ่งมีความยาวตั้งแต่ 30-50 เซนติเมตรส่วนหัวหล่อทองเหลืองเป็นรูปต่างๆ เทวดาบ้าง สิงห์บ้าง แตกต่างกันออกไป เพื่อให้มีน้ำหนักในการกระแทกเหล็กสัก จิ้มให้เป็นลวดลายต่างๆ ลงไปใต้ผิวหนังในเนื้อขาซึ่งมีความเจ็บปวดมาก ฉะนั้นผู้ที่ถูกสัก จะต้องดื่มเหล้า สูบฝิ่น หรือสูบกัญชา เพื่อให้เมาและมึนเสียก่อน เพื่อระงับความเจ็บปวด ลักษณะการสักหมึกบนร่างกาย มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปดังนี้
หมึกขาตัน คือการสักหมึกที่สักจนดำเป็นพืดทั้งขา
หมึกขาลาย คือสักลายสัตว์ต่างๆ ในกรอบไว้ห่างๆ พอเห็นเนื้อหนังได้บ้าง
หมึกขายาว คือสักลายจากเอวถึงกลางน่อง
หมึกขาก้อม คือสักลายจากเอวถึงต้นขา
ซึ่งการสักลายในแต่ละแบบนั้น ก็เป็นการแสดงถึงความอดทน เข้มแข็งทั้งกายและใจด้วย
จนในบางครั้งอาจจะได้ยินคำหยอกล้อกันในหมู่ชายล้านนาว่า... ?น้ำหมึกขายาว เอาไว้แป๋งฮาวผ้าอ้อม น้ำหมึกขาก้อมเอาไว้กล่อมแม่ญิงนอน?
ลวดลายส่วนใหญ่มักจะสักเป็นรูปสัตว์ต่างๆ คือ เสือ แมว ลิง ค้างคาว ช้าง มอม ที่เด่นอยู่ในบรรดาสัตว์ร้ายทั้งหลายก็คือ ราชสีห์ในนิยาย แต่มีบางพื้นที่ในแถบลุ่มน้ำโขง เช่นเมืองลื้อสิบสองปั้นนา เมืองหลวงพระบาง มักจะสักเป็นลายเกล็ดนาค เพราะเชื่อว่าพวกตนเป็นลูกหลานของพญานาค ซึ่งการสักลายดังกล่าว ก็เพื่อให้พญานาคที่ตนนับถือ มาปกป้องคุ้มครองตน นอกจากนี้ก็ยังมียันต์ต่างๆ ซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้อยู่ยงคงกะพัน โดยส่วนใหญ่จะสักเฉพาะขาถึงเข่า แต่บางคนก็สักทั้งตัว ชายล้านนารวมไปถึงพื้นที่ใกล้เคียงนิยมสักหมึกกันอย่างแพร่หลาย และกลายเป็นเอกลักษณ์ของคนแถบนี้ โดยเห็นได้จากตอนที่สยามเข้ามามีบทบาทการปกครองหัวเมืองเหนือ โดยเรียกล้านนาว่า มณฑลพายัพ เมื่อข้าหลวงของสยามเข้ามามีบทบาทในพื้นที่แถบนี้ ก็พบเห็นการสักของชายล้านนา จนเป็นที่สนใจของข้าหลวงชาวสยามและเรียกชาวมณฑลพายัพว่า ลาวพุงดำ เพราะชายชอบสักมอม ตั้งแต่พุงไปถึงเข่า
จากงานเขียนของคาร์ล บอร์ค นักธรรมชาติวิทยาชาวนอร์เวย์ ที่เข้ามาสำรวจดินแดนไทยทางด้านภูมิศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1881(พ.ศ. 2424) ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเป็นชาวยุโรปคนที่สองที่ได้เดินทางขึ้นมาถึงล้านนา ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการสักของคนเมืองไว้ในหนังสือท้องถิ่นสยามยุคพระพุทธเจ้าหลวงไว้ว่า การสักใช้เป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นลูกผู้ชาย ความกล้าหาญและความอดทนที่สามารถฝึกฝนให้เคยชินต่อความเจ็บปวดได้ด้วยความสมัครใจ เหมือนดังที่ผู้หญิงดยัคส์(ในเกาะบอร์เนียว) นิยมสักร่างกายไว้ล่อใจชาย พวกชายลำปางก็สักไว้ล่อใจหญิง ธรรมเนียมนี้เป็นที่แพร่หลายทั่วไป จนยากที่จะหาชายไหนที่ไม่ได้สัก
การสักหมึก ไม่ว่าจะสักเพื่อจุดประสงค์ใดก็ตาม รูปรอยที่ปรากฏออกมาย่อมแฝงไว้ซึ่งความงามทางด้านทัศนศิลป์ เป็นที่ตรึงตาตรึงใจแก่ผู้พบเห็น การสักลายมิใช่แค่เน้นในด้านความสวยงาม แต่มีความเชิงแอบแฝงมากับลวดลายต่างๆ ที่สักอีกด้วย ในสังคมล้านนาประมาณ 60 ปีให้หลังนี้ พบว่าการสักขาลายนั้น ไม่เป็นที่นิยมและไม่ทำการสักกันอีกแล้ว เพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมเมืองล้านนา ไปเป็นสังคมเมืองที่ศิวิลัย การเลือกคู่ครองของหญิงสาวชาวล้านนา จึงไม่ต้องพึ่งพาความเจ็บปวดที่เกิดจากสักขาลายของชายอีกต่อไป เนื่องจากปัจจัยทางสังคมใหม่ๆ ได้กลับกลายมาเป็นตัวเลือกให้กับหญิงสาวเลือกคู่ครอง ซึ่งทำให้แนวความคิด ประเพณีปฏิบัติการสักขาลายของชายล้านนาหมดไปจากสังคมนี้โดยสิ้นเชิง เหลือเพียงร่องลอยสักเก่าๆ บนผืนหนังอันเหี่ยวแห้ง ของพ่ออุ๊ยที่ยังคงฝากฝังไว้ให้เราได้เห็น ได้ศึกษากันในปัจจุบัน
-
(http://img261.imageshack.us/img261/9983/clip3ie5.jpg)
ลายสักสิงห์มอม หรือตัวมอม สัตว์ในวรรณคดียอดนิยมของล้านนาครับ เข้มปึ้ดเลย
-
:016: :016: สุดยอดครับ น้องก๊อต ข้อมูลแน่นมาก
"ลูกผู้ชายขาขาว สาวบ่สน" :005: :005:
-
ขนาดผมคนเหนือแท้ๆศึกษาเรื่องสักมายังไม่เคยเจอรูปสวยๆแบบนี้ท่านเจ้าของกระทู้เก่งจริงๆหามาได้ไง สุดยอด :053:
-
ขนาดผมคนเหนือแท้ๆศึกษาเรื่องสักมายังไม่เคยเจอรูปสวยๆแบบนี้ท่านเจ้าของกระทู้เก่งจริงๆหามาได้ไง สุดยอด :053:
ขอบคุณครับพี่ศักดา ตอนแรกจะถ่ายของตัวเองมาลงก็เกรงใจ แหะๆ
เพราะไม่ใช่สายเหนือโดยตรงนัก เลยต้องพึ่งหนังสือและกูเกิลเสียหน่อยครับผม
-
สักวันผมจะต้องสักทางสายเหนือให้ได้ 13;
-
สวยมากครับ อยากได้มั้ง จัง แต่!! กลัวเจ็บ!! :005:
-
ข้อมูลน่าสนใจมากครับ...{^_^}...
-
1
(http://img158.imageshack.us/img158/7245/momb6.jpg)
มอม หรือ สิงห์มอม เป็นสัตว์หิมพานต์ รูปร่างลักษณะคล้ายแมว ลูกเสือหรือลูกสิงโต ปรากฏให้เห็นในรูปของยันต์ที่ชายชาวล้านนาโบราณนิยมสักช่วงล่างของร่างกายบริเวณขาที่เรียก "สักขาลาย" "สักขาก้อม" หรือไม่ก็ปรากฏเป็นลวดลาย หรือรูปปั้นตามซุ้มประตูของวัด ต่าง ๆ และบา
โดยสนั่น ธรรมธิ จากหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์
มอม หรือ สิงห์มอม เป็นสัตว์หิมพานต์ รูปร่างลักษณะคล้ายแมว ลูกเสือหรือลูกสิงโต ปรากฏให้เห็นในรูปของยันต์ที่ชายชาวล้านนาโบราณนิยมสักช่วงล่างของร่างกายบริเวณขาที่เรียก "สักขาลาย" "สักขาก้อม" หรือไม่ก็ปรากฏเป็นลวดลาย หรือรูปปั้นตามซุ้มประตูของวัด ต่าง ๆ และบางแห่งมีการแกะสลักตัวมอมไว้ตามฐานชุกชี ฐานพระเจดีย์เป็นต้น
บทบาทของมอม
ชาวล้านนาโบราณรวมทั้งชาวไทยเผ่าอื่นที่มีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกันนิยมสักลายเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ หรือตัวอักขระคาถาบนร่างกายส่วนต่าง ๆ โดยเชื่อกันว่าจะทำให้อยู่ยงคงกระพัน มีเมตตามหานิยม รอดพ้นจากอันตราย ๆ ตลอดทั้งเขี้ยวพิษจากสัตว์ร้ายได้ นอกจากนี้ การสักลายยังแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของความเป็นชายทั้งในความหมายของความอดทนและความเป็นผู้กล้าหาญในการศึกสงครามเป็นที่เกรงขามแก่ผู้พบเห็น ทั้งนี้ในส่วนของร่ายกายที่นิยมสักกันมากจะสักบริเวณบั้นเอวลงไปถึงขา ชายใดไม่มีลายสักบริเวณดังกล่าว ขาจะขาวเหมือนผู้หญิง ไม่เป็นที่ยอมรับนับถือของสังคม โดยเฉพาะผู้หญิงจะถือว่าชายนั้นไม่สามารถคุ้มครองภัยอันตรายหรือเป็นที่พึ่งพาได้ และที่สำคัญรูปสัตว์ที่นิยมสักได้แก่ รูปมอม หรือ สิงห์มอม
ศิลปกรรมตามโบสถ์วิหารหรือศาสนสถานในวัดมักมีรูปมอมปรากฏโดยทั่วไป อาจเป็นภาพเขียน รูปแกะสลักหรือรูปปั้น บางแห่งมีรูปเทวดายืนอยู่บนหลังมอม ซึ่งผู้รู้หลายท่านมีความเห็นตรงกันว่าเป็นเทวดาที่ชื่อ "ปัชชุนนะ" ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งฝน การที่มีรูปเทวดาองค์นี้ก็เพราะมีความเชื่อว่า บ้านเมืองจะอุดมสมบูรณ์ฝนไม่ขาดฟ้า และที่ยืนบนหลังมอม แสดงให้เห็นว่ามอมเป็นสัตว์พาหนะของเทพเจ้าแห่งฝน ดังนั้นในเชิงปฏิบัติทางวัฒนธรรมตามความเชื่อจึงมีการนำมอมมาแห่ตามพิธีกรรม เพื่อขอให้ฝนตก
ปีใดก็ตาม หากเกิดภาวะฝนแล้ง ชาวบ้านจะนำ รูปสลักมอม ขึ้นใส่เสลี่ยง แล้วจัดขบวนแห่แหนไปรอบ ๆ หมู่บ้าน ในขบวนแห่จะมีการสาดน้ำตัวมอมให้ชุ่มตลอดเวลา ผู้ที่เข้าร่วมขบวนจะแสดงพฤติกรรมตลกคะนอง ผิดธรรมชาติ เช่น ชายแต่งกายเป็นหญิงนุ่งห่มเสื้อผ้ากลับหน้ากลับหลัง บางคนถือรูปอวัยวะเพศ บางคนแต่งหน้าทาปากเป็นที่ตลกขบขัน ด้วยเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้เทวดาร้อนใจและบันดาลให้ฝนตกในที่สุด
ปัจจุบัน การแห่มอมหาดูได้ยาก อาจเป็นเพราะสังคมเกษตรอ่อนกำลังลง หรือเป็นผลมาจากมอมนั้นหายากก็เป็นได้ อย่างไรเสีย ยังมีวิธีที่คล้ายกัน คือการจับแมวมาแต่งหน้านุ่งผ้าใส่เสื้อ แล้วแห่แหนในลักษณาการเดียวกัน แต่วิธีนี้พบว่ามีปรากฏในกลุ่มคนไทถิ่นอื่นด้วย ที่เรารู้จักกันดีคือ พิธีแห่นางแมวของฝน แต่ความมีมนต์ขลังดูจะสู้มอมไม่ได้ เพราะมอมเป็นสัตว์รับใช้ของปัชชุนน เทวดา น่าจะสามารถนำ ความทุกข์ร้อนของมนุษย์ไปรายงานได้โดยตรง
จะอย่างไรก็ตาม ความสำคัญคงไม่มีเพียงแค่นี้ เมื่อมือชี้ตัวมอมให้คนอื่นมอง ปากคงต้องบอกเล่าให้เข้าใจได้โดยละเอียด ซึ่งเรื่องนี้คงต้องมีการค้นคว้าในเชิงลึกกันต่อไป.
-
ขอบคุณครับ ข้อมูลละเอียดมาก :054: :054:
-
ถ้าผมได้ไป นมัสการครูบาอริยชาติ ผมจะถ่ายรู้ ตัวมอมที่อยู่หน้า กุติ ท่านมาให้ดู สวย ๆๆ มากกกก :005:
-
ถ้าผมได้ไป นมัสการครูบาอริยชาติ ผมจะถ่ายรู้ ตัวมอมที่อยู่หน้า กุติ ท่านมาให้ดู สวย ๆๆ มากกกก :005:
ขอบคุณมากๆ ครับ
-
เขาว่าเป็นต้นกำเนิดในไทยเลยนะ
-
ลายสักสวยมากค่ะ เนื้อหาความรู้ดีขอบคุณมากค่ะ :016: :015:
-
ข้อมูลดีๆน่าสนใจมีมาให้ชมกันอีกแล้วครับท่าน ขอบคุณพี่น้องชาวเวป ที่ช่วยกันนำสิ่งดีๆมาเสนอแด่พวกเรา
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ :016:
-
สักขา น่ากลัว เจ็บๆๆๆ แน่ๆๆๆ
พุงยิ่งแล้วใหญ่ โอย :054:
-
ขนาดผมคนเหนือแท้ๆศึกษาเรื่องสักมายังไม่เคยเจอรูปสวยๆแบบนี้ท่านเจ้าของกระทู้เก่งจริงๆหามาได้ไง สุดยอด :053:
:062: มันแต่ทำอะไรอยู่คะพี่ศักดา :095:
:026: :090: ตามหารักแท้อยู่ดิ รีบๆ เลยนะ :073:
:007: ไหนของดีเมือแพร่ จัดมาเร็ว :053:
:086: ถ้าน้องลิงน้อย จะไปสักทางเหนือด้วยคนจะว่าไงเนี่ย :093:
:058: คิดไว้แล้วนะว่าจะสักอะไร แต่ไม่มีไกด์ดิ :050:
-
ขาคงเจ็บกว่าหลังเยอะ ผมเลยไม่กล้าจะสักขานัก ... สาธุ ... :089:
-
สักขา น่ากลัว เจ็บๆๆๆ แน่ๆๆๆ
พุงยิ่งแล้วใหญ่ โอย :054:
ขาคงเจ็บกว่าหลังเยอะ ผมเลยไม่กล้าจะสักขานัก ... สาธุ ... :089:
...เห็นด้วยกับทั้งสองท่านครับ สักที่ขาคงจะเจ็บแย่เลย...
..ผมก็ไม่กล้าสักเหมือนกันครับ 11;..
-
สักขา น่ากลัว เจ็บๆๆๆ แน่ๆๆๆ
พุงยิ่งแล้วใหญ่ โอย :054:
ขาคงเจ็บกว่าหลังเยอะ ผมเลยไม่กล้าจะสักขานัก ... สาธุ ... :089:
...เห็นด้วยกับทั้งสองท่านครับ สักที่ขาคงจะเจ็บแย่เลย...
..ผมก็ไม่กล้าสักเหมือนกันครับ 11;..
แหม๋ๆ ขาขาวๆ ทั้งนั้นเลยนะครับพี่น้อง :004: :004: