กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 23 พ.ค. 2552, 06:17:01

หัวข้อ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 23 พ.ค. 2552, 06:17:01
 :059:"รู้ไปหมด...แต่อดไม่ได้" :059:
เราทุกคนต่างก็รู้ว่า อะไรดีอะไรชั่ว อะไรถูกอะไรผิด แต่เรายังคิดและเรายังทำ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะองค์แห่ง
คุณธรรมของเรายังไม่เพียงพอ เราได้แต่รู้ เราได้แต่คิด แต่ไม่ได้พิจารณาถึงคุณ ถึงโทษ ถึงประโยชน์และ
มิใช่ประโยชน์ของสิ่งนั้น และเรายังไม่ได้ลงมือทำในการฝึกจิต จึงเป็นได้เพียงความคิดและความฝันซึงเป็นเพียง"นามธรรม"อันจับต้องไม่ได้
 :016:จิตรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นกุศลหรืออกุศลสิ่งนั้นควรหรือไม่ควร แต่จิตนั้นมันอดปรุงแต่งตามไม่ได้...
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่ากำลังของกุศลจิตยังไม่เพียงพอที่จะเข้าไปยับยั้งมิให้คิดและทำได้...สตินั้นเรามีอยู่
เพราะเราระลึกรู้ได้ว่ามันเป็นอะไร ดีหรือชั่ว ถูกหรือผิด ควรหรือไม่ควร แต่ความเคยชินเก่าๆที่เราเคยทำมา
เคยคิดมา มันมีกำลังมากกว่า ทำให้เราอดไม่ได้ทีจะปรุงแต่งและกระทำในสิ่งที่ผิด
 :015:ขบวนการทางจิตมันละเอียดอ่อนมาก ทุกขั้นตอนของการพัฒนาทางจิต ต้องกระทำอย่างสม่ำเสมอ
ตามลำดับชั้นและขั้นตอน เพื่อเป็นการสร้างความเคยชินตัวใหม่ให้แก่จิตของเรา ซึ่งกว่าจะกลายเป็นความเคยชินได้นั้นมันต้องใช้ระยะเวลาของการสั่งสมอบรมจิต ด้วยการฝึกคิดและฝึกทำอย่างสม่ำเสมอ
 :059:คนเราส่วนใหญ่มักจะมองไปที่ผลประโยชน์ที่จะได้รับเป็นอันดับแรก เล็งถึงผลกำไรที่จะได้รับว่ามัน
คุ้มค่าหรือไม่ ทำให้ลืมคิดถึงความเป็นโทษของสิ่งนั้น เพราะเมื่อเราคิดถึงประโยชน์กำไรผลตอบแทนที่จะได้รับ ความโลภ ความอยาก มันจะเข้าครอบงำโดยเราไม่รู้ตัว ทำให้เราประมาท ลืมนึกถึงโทษ ถึงภัยที่จะได้รับ ถ้าหากสิ่งนั้นไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้
 :059:ที่เราทำธุรกิจแล้วล้มเหลวหรือขาดทุนนั้น เพราะเราไปมองที่กำไรที่จะได้รับเป็นอันดับแรก กิเลสมันล่อใจ ทำให้เราเกิดความประมาท แต่ถ้าเราพิจารณาถึงผลเสียหรือความล้มเหลวของการนั้นเสียก่อนแล้ว เราจะเห็นผลกระทบที่ตามมาถ้าหากว่ามันล้มเหลว ว่ามันเป็นทุกข์ เป็นภัย เป็นโทษ อย่างไรแล้ว
มันจะเกิดความกลัว ซึ่งจะทำให้เราคิดละเอียดยิ่งขึ้น ไม่ประมาทในการกระทำในสิ่งนั้น
 :059:เราต้องเห็นของจริงเสียก่อน เมื่อเห็นแล้วต้องทำความรู้ความเข้าใจกับสิ่งนั้นให้แจ่มแจ้งเสียก่อน
แล้วจึงเข้าไปจัดการกับสิ่งนั้น การเข้าไปจัดการกับสิ่งนั้นมันขึ้นอยู่กับองค์แห่งคุณธรรมของแต่ละคนว่ามีภูมิธรรม ภูมิปัญญาเป็นอย่างไร  ไม่ใช่การนึกคิดหรือจินตนาการ แต่เป็นเหตุการณ์จริงที่เราประสพพบเห็น
อยู่ทุกขณะจิต ไม่ใช่อดีตหรือว่าเป็นอนาคต แต่สิ่งนั้นคือปัจจุบันธรรมที่เรากำลังสัมผัสและเป็นอยู่ เราจึงต้องมาเรียนรู้ให้จิตของเราอยู่กับปัจจุบันธรรม
 :016:เรียนรู้จากของเก่า มาปรับใช้ให้เข้ากับปัจจุบัน เพื่อสร้างสรรค์กำหนดอนาคตที่จะก้าวต่อไป :015:
 :054:ฝากไว้ด้วยจิตที่เป็นมิตรและปรารถนาดี :015:
          เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต-แด่มิตรผู้แสวงหากุศลธรรมทั้งหลาย
                                          รวี สัจจะ
                                  วจีพเนจร-คนรอนแรม
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๖.๑๖ น. มุมหนึ่งของมหานครใหญ่ ประเทศไทย
หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ต้นน้ำ~ ที่ 23 พ.ค. 2552, 07:04:32
ใช่ครับนิสัยคนเรารู้ทั้งว่ามันเป็นสิ่งไม่ดีเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
ก็ยังไปทำไปเกี่ยวข้องโดยไม่นึกนึกความทุกข์ของผู้อื่นเลย
(เขียนเองงงเอง)
หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: ۞เณรน้อยเส้าหลิน۞ ที่ 23 พ.ค. 2552, 07:38:44
จิตของคนเราเดิมแท้เป็นปภัสสร  แต่เมื่อเกิดด้วยกายมนุษย์แล้ว  มีเครื่องยั่วยวนกิเลสมากมายทีเดียว   

จิตที่เดิมใสแท้เป็นปภัสสรนั้น ถูกกิเลสกองใหญ่หลอกล่อถึง 3 กองคือ โมหะ โทสะ  โลภะ   

โดยหัวหน้ากองทัพนำคือโมหะ ความหลงปิดกั้นวิชชา  จนเป็นที่มาของความไม่รู้ คือ "อวิชชา" ในที่สุด

ดังนั้นหน้าที่ของมนุษย์คือ กำจัดกิเลสทั้ง 3 กองให้หมดไป  ด้วยมีอุปกรณ์คือ "กายมนุษย์" และวิธีคือ "สมถและวิปัสนา"

ทุกขณะจิตที่เกิดดับ คือบรมครูที่สอนเราอยู่ตลอดเวลา  แต่บางเวลาเราก็ทิ้งสติเสีย  เมื่อไม่มีสติก็ไม่ต่างอะไรกับคนตาบอดที่ถือใบลานเปล่า

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง  ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด

หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: tum72 ที่ 23 พ.ค. 2552, 08:21:43
การชนะใจนเองนั้นยากเย็นเหลือเกินครับ ขนาดจิตใจเรายังแบ่งเป็น2ฝ่ายเลยครับ
เราจะเลือกเดินทางไหนก็อยู่ตัวเราเองแล้วล่ะครับว่าจะเลือกเดินทางใด
จะเลือกเดินทางที่ดีที่สงบ มีความสุข มีมิตรแท้ หรือ จะเลือทางเดินทางวุ่นวาย สับสน เลวร้าย หลอกลวง
หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์กวาง~ ที่ 23 พ.ค. 2552, 09:53:13
ขออนุญาติพี่ RaveeSajja   เสริมข้อมูลค่ะ :001:

46 เรื่องไม่ควรทำแต่ก็ยังทำ

1. โทร.หาแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว

2. กินข้าวมื้อเย็นตอน 4 ทุ่ม?แล้วบ่นว่าอ้วน

3. บีบสิว

4. หลับทั้งชุดทำงานซะงั้นน่ะ

5. ขับรถฝ่าไฟแดง..ก็แหม มันติดพัน

6. รักคนมีเจ้าของ?เฮ่อ มันก็ต้องมีกันบ้าง

7. สูบบุหรี่

8. ไม่แปรงฟัน และไม่อาบน้ำก่อนเข้านอน

9. รับโทรศัพท์ในโรงหนัง..ใครยังทำอยู่เลิกซะ

10. โทร.หา(ผู้ชาย)อีกคน ด้วยเหตุผลที่ว่าคุณโทร.หาคนที่อยากคุยด้วยไม่ได้

11. เมา..เพื่อลืมคนรัก

12. เถียงแม่หรือพ่อ..ยังไงซะผู้ใหญ่ก็ถูกเสมอ แต่ก็ขอหน่อยเถอะ

13. แอบส่งสายตาให้แฟนเพื่อน ก็บางทีของๆเพื่อนหล่อจนระงับใจไม่ได้จริงๆ

14. ใส่รองเท้าที่เล็กกว่าเท้า 1 เบอร์ ถึงเจ็บก็ยอม ขอให้สวย

15. พยายามปัดมาสคาร่าให้ตาเด้งกลบเกลื่อนหลังถูกเขาบอกเลิกร้องออกมาเถอะน่า

16. แคะขี้มูกในที่สาธารณะ

17. ปล่อยให้ยาทาเล็บถลอกคานิ้ว โดยไม่คิดล้างออก

18. ขอยืมเงินแม่ แต่ไม่มีกำหนดคืน

19. ขาใหญ่ แต่อยากใส่สั้น?

20. ยังคงใช้ครีมบำรุงผิวที่หมดอายุไปแล้ว เพราะเสียดาย..ระวังหน้าพังน๊า

21. เกาๆๆๆๆเวลายุงกัดและบางทีก็เหวี่ยงไม้ตียุงอย่างเมามันถึงจะบาปยังไงก็เถอะ

22. แอบเอาเสื้อตัวใหม่ที่พี่สาวซื้อมาแล้วยังไม่ได้ใส่ มาใส่ก่อน

23. บอกว่า "เปล่า" ทั้งที่ในใจมีอะไรจะระเบิดเต็มที่

24. กลับไปถึงบ้านแล้วนั่งแช่มันอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมลุกไปทำอะไรสักที

25. ใส่กางเกงยีนส์ซ้ำ 4 วันติดๆๆกัน

26. โทร.บอกเลิกนัดตอนถึงเวลานัด

27. เม้าท์เพื่อน

28. โทร.ผัดผ่อนชำระบัตรเครดิต ตอนเลยกำหนดไปแล้วหลายวัน(มันไม่ช่วยไรนะ)

29. จอดรถในที่ห้ามจอด..ระวังละกัน

30. หน้าอกไม่มีแล้วใส่เสื้อในเสริมไร้สายทับด้วยสายเดี่ยวรัดรูปหน้าอกเป็นกระเปาะ

31. ทิ้งแก้วกาแฟไว้ที่โต๊ะทำงาน แล้วใช้ต่อโดยไม่ล้างในวันถัดไป

32. คุยโทรศัพท์ระหว่างนั่งถ่ายท้องในห้องน้ำสาธารณะ

33. กลั้นอึตอนออกจากบ้าน อ้างว่าขี้เกียจ แล้วต้องมาอดทนทีหลัง

34. กินหนังไก่ทอด คอหมูย่าง เนื้อติดมัน กากหมู แหนมสด มาม่าแห้ง

35. เอาลิ้นดุนๆเศษอาหารที่ติดฟันในเดทแรก..มันทนไม่ได้จริงๆ

36. "ลดอีกบาทน่ะเฮีย.." บาทนึงก็ยังขอต่อหน่อยเถอะ

37. รู้มานานว่าเราเท้าบาน แต่ยังใส่รองเท้าเปลือย

38. ทำเป็นหลับบนรถเมล์ เวลามีเด็กนักเรียนขึ้นมา

39. เถียงกับตำรวจจราจรกลางถนน?เฮ่อ เถียงไงก็ต้องจ่ายจะมากจะน้อยก็จ่าย

40. แอบดึงกางเกงในออกจากร่องก้นในที่สาธารณะ

41. ออกเดทกับคนที่คุณไม่ชอบ เพราะหวังว่าเขาจะชอบขึ้นมาสักวัน

42. ซื้อไว้ก่อน ก็มัน SALE นี่นา

43. ไม่มีตังค์..ก็รูดบัตรเครดิตไปก่อน

44. โกนขนรักแร้?รู้กันอยู่ว่าเวลามันขึ้นใหม่จะเป็นตอ

45. โทร.หาคนที่แอบปิ๊ง?เวลาเมา

46. ตื่นสาย..ไปทำงานสาย?เข้าประชุมสาย


 เครดิต:เวบสาระดี ดอทคอม





ขอบคุณข้อมูลจากพี่ RaveeSajja   มากๆค่ะ


ถูกค่ะที่บอกว่า รู้ไปหมด..แต่ก็อดไม่ได้
หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 23 พ.ค. 2552, 09:54:09
คนต่างกับสัตว์ ตรงที่คนมีจิตที่คอยยับยั้งชั่งใจ ควบคุมใจไม่กระทำในสิ่งที่ผิด หากคนไหนไม่มีจิตที่จะควบคุม ปล่อยให้ใจทำตามอำเภอใจ คนๆนั้นก้อไม่ต่างอะไรจากสัตว์ครับ
หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: กวงเจา ที่ 23 พ.ค. 2552, 10:29:34
หลวงปู่ดุลย์อธิบายว่า
ศาสนาพราหมณ์เขาค้นพบทางเข้าไปสู่รูปพรหมและอรูปพรหม แต่
เขาไม่พบทางไปนิพพาน ทางไปนิพพาน นี้ก็คือ อาตมันเข้าไป
รวมกับปรมาตมัน หลวงปู่ดุลย์เทศน์ว่า

"เมื่อเจริญจิตจนเข้าถึงสภาวะเดิมแท้ของ มันได้ดังนี้แล้ว “จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง” จิตก็จะอยู่เหนือสภาวะสมมติบัญญัติทั้งปวง เหนือความมีความเป็นทั้งปวง มันอยู่เหนือคำพูด และพ้นไปจากการกล่าวอ้างใดๆ ทั้งสิ้น เป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์และสว่าง รวมกันเข้ากับความว่างอันบริสุทธิ์และสว่างของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า “นิพพาน” "
"ผู้มีปัญญา พึงรักษาจิต"
หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์โจรสลัด~ ที่ 23 พ.ค. 2552, 10:40:00
รู้ว่าขี้มันเหม็นยังจะเอามือไปแตะ ..  :004: :004: :004:
หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์กวาง~ ที่ 23 พ.ค. 2552, 11:00:08
รู้ว่าขี้มันเหม็นยังจะเอามือไปแตะ ..  :004: :004: :004:


แล้วลองชิมยังอ่ะ

อร่อยมะ :095:
หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: ชลาพุชะ ที่ 23 พ.ค. 2552, 11:04:51
      เราเป็นคนดีที่ไม่รู้ว่าจะทำดียังไงเลยทำเลวเพราะมันง่าย หรือ เราเป็นคนเลวที่กลัวจะโดนลงโทษเมื่อทำผิดเลยไม่กล้าทำเลว เราต้องคิดเสมอว่าเลวแล้วได้อะไร ผลสุดท้ายจะเป็นไง ดีแล้วเราเป็นไงรู้ตัว ว่าเป็นคนดี หรือ คนเลว มันไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ทำ แต่ขึ้นอยู่กับทำแล้ว มีผลอะไร กับ คนอื่นบ้าง ก็อย่างเช่นเราเป็นคนดี ไปเห็นคนเกือบ 20 กำลังจะโทรมหญิง โทรศัพท์ก็เงินหมด ซอยก็เปลี่ยว จะทำตัวเป็นพระเอกไปห้าม ผมว่าหากไม่ตายก็ พิการ ต้องหลบ หรือ รีบไปแจ้ง เจ้าหน้าที่กว่าจะมา สาวคนนั้นก็สายไปแล้ว ท่านว่านี่ เป็นคนดี รึ ไม่ดี เดินไปเดินมาเห็นวัยรุ่นตีกัน ท่านก็ห้ามได้ท่านจะห้ามไหม ท่านเห็นการฆ่า แล้ว หากไปเป็นพยาน ครอบครัวของเรา ต้องตายเรียบ เราจะเลือกอะไร คนอยากทำดี แต่ อาจทำไม่ได้เพราะผลที่ตามมา บางทีโอกาสทำเลวมันสูงโคตรๆแต่ทำดีมันน้อย
                 
ก็ต้องหาโอกาสทำดีเข้าไว้นะครับ  
หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: gottkung ที่ 23 พ.ค. 2552, 11:10:56
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆให้ข้อคิดเตือนใจครับ

ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์โจรสลัด~ ที่ 23 พ.ค. 2552, 11:35:29
รู้ว่าขี้มันเหม็นยังจะเอามือไปแตะ ..  :004: :004: :004:


แล้วลองชิมยังอ่ะ

อร่อยมะ :095:


ไม่ชอบเล่นขี้ มันเลอะเทอะ รู้ว่าเหม็นก็อย่าไปจับ ...  :004: :004: :004:
หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 23 พ.ค. 2552, 07:24:56
" จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว "

จะคิดจะทำอะไรตัวสั่งการที่จะให้ทำหรือยับยั้งชั่งใจคือจิต 

ดีชั่วรู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังคิดจะทำ ให้หันกลับไปเริ่มตั้งเสียใหม่ที่จิต

เจริญสมาธิภาวนา ปัญญาจะเกิด ขอบคุณมากครับ  :054:
หัวข้อ: ตอบ: รู้ไปหมด...(แต่อดไม่ได้)
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 23 พ.ค. 2552, 10:24:27
ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความสอนใจดีๆแบบนี้ ...