แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - บูรพาไร้พ่าย

หน้า: [1]
1
พระครูบูรพาภิวัวัฒน์ หลวงปู่สุข ยโสธโร

อดีตเจ้าคณะตำบลหนองบัวและเจ้าอาวาสวัดบูราพา บ้านหนองบัว ตำบลและอำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด




ชาติภูมิ

พระครูบูรพาภิวัฒน์ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พศ. 2459 ณ.บ้านหนองบัว ต.หนองบัว อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด เป็นบุตรคนที่ 2 ของคุณพ่อจันทร์ - คุณแม่สี บัวแก้ว มีพี่น้องร่วมสายโลหิตรวม 11 คน ปัจจุบันเสียชีวิตหมดแล้ว

การบรรพชา - อุปสมบท

คุณพ่อจันทร์ บัวแก้ว ไม่ได้บวชเรียนแต่สนใจในการเรียนรู้ และอยากให้ลูกชายได้ศึดษาเล่าเรียน จึงได้นำพาไปฝากเป็นศิษย์วัด ที่วัดบูรพาบ้านหนองบัวตั้งแต่อายุเด็กชายสุขเพียง 9 ขวบ ต่อมาเมื่อวันที่ 10 เดือนกุมภาพันธ์ 2471ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสงยางบ้านขุมเงิน ด.หนองบัว จ.ร้อยเอ็ด ขณะนั้นอายุได้ 12 ขวบ โดยมีพระอาจารย์สุดตา วัดท่าเยี่ยม อ.พุทโธสง จ.บุรีรัมย์เป็นผู้บรรพชาให้ ต่อมาเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2479 ได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ณ.พัทธสีมาวัดบูรพาบ้านหนองบัว โดยมีพรครูธรรมโสภิติหรือหลวงปู่โส วัดราศรีไศล บ้านฟ้าเลื่อม ต.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอธิการชม วัดอุบลบรทิพย์ อ.อาจสามรถเป็นพระกรรมวาจาและพระอนุสาวนาจารย์

วันที่ 11 กค. 2479 ได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่วัดราศรีไศล บ้านฟ้าเลื่อม เป็นลูกศิษย์(ศิษย์ผู้พี่หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่) หลวงปู่โสเป็นเวลา 4 ปี เพื่อศึกษาต่อพระปริยัติธรรม นักธรรม และบาลี จนสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรีและได้ย้ายกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองบัวในปี พ.ศ. 2483

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484 ได้เดินทางไปศึกษาต่อพระปริยัติธรรม นักธรรมและบาลีที่สำนักเรียนบ้านไผ่ใหญ่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุลบราชธานี ซึ่งเป็นสำนักเรียนที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่โบราณกาล เรียนอยู่ 5 ปี สอบไล่ได้นักธรรมชั้นโทในปี พ.ศ. 2485 และนักธรรมชั้นเอกในปี พ.ศ. 2486 หลังจากได้ศึกษาเล่าเรียนจนแตกฉานแล้ว จึงเดินทางกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบูรพาบ้านหนองบัวอันเป็นบ้านเกิด เพื่อเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมและอบรมญาติโยมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 จนกระทั่งถึงมรณภาพ

ตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งและภาระกิจที่สำคัญ

วันที่ 1 มกราคม 2492 ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม
วันที่ 4 มกราคม 2492 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบูรพา บ้านหนองบัว
วันที่ 29 ธันวาคม 2494 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลหนองบัว
วันที่ 2 เมษายน 2497 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ตำบลหนองบัว
วันที่ 24 พฤษภาคม2507 ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าธรรมฑูต 4 ตำบลคือ ต.หนองบัว,
ต.ขี้เหล็ก, ต.โหรา, ต. บ้านดู่
วันที่ 5 ธันวาคม 2511 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูบูรพาภิวัฒน์
วันที่ 27 ธันวาคม 2511 ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าเดินสายธรรมฑูตทุกตำบลใน
อ.อาจสามารถ
วันที่ 31 พฤษภาคม 2525 ได้รับวุฒิบัตรสำเร็จการศึกษาโรงเรียนพระสังฆาธิการรุ่นที่ 1 จาก
วัดบูรพา จ.ร้อยเอ็ด
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2533 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นโท
วันที่ 9 มิถุนายน 2548 เวลา 19.30 น. อายุ 69 พรรษาท่านได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ

วันที่ 1 พฤษภาคม 2549

ได้รับพระราชทานเพลิงศพ และปณากิจฯจริงเวลา 24.00 น.ร่างท่านไม่ไหม้  จนกระทั่งหมดหนทางที่จะหาวิธี สุดท้ายก็ได้มอดไหม้ด้วยการบอกกล่าวท่านในเวลาเกือบใกล้รุ่ง(เกือบตี5)
ความรู้ความสามารถพิเศษ


ทางโลก ท่านจบชั้นประถมบริบูรณ์
ทางธรรม ท่านจบนักธรรมชั้นเอก

ความสามารถพิเศษ

ท่านมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านบาลีไวยากรณ์อักษรขอม,ทั้งตัวธรรมลาว และไทยน้อย

*เกศาท่านได้มีพระธาตุเสด็จมาทั้งที่ท่านยังดำรงชีวิติอยู่ ปัจุบันเกศาท่านได้งอกยาวขึ้นเป็นเถาวัลย์พันรอบก้อนเกศาที่รวมตัว แม้นแต่อัฐิธาตุและเล็บท่าน


ศิษย์น้อมจิตถวายสักการะบูชาคุณหลวงปู่ครับ 



2
ต้องขอบอกก่อนว่า มิใช่เป็นการโฆษณาแต่อย่างใด เป็นเพียงการอนุรักษ์ ศาสตร์โบราณไว้ให้ประจักษ์แก่คนรุ่นหลัง ที่บางครั้งตำราบางตำราหรือ วิชาบางวิชาจะสูญหายไปตามกาล

ด้วยเป็นวิชาที่หาได้ยากหนึ่ง  เป็นวิชาที่ไม่มีผู้สืบทอดหนึ่ง  วิชาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นพื้นฐานในการสร้างชาติไทยเราให้อยู่เป็นปึกแผ่นจนถึงทุกวันนี้ และกระผมผู้เป็นลูกศิษย์ในสาย

วิชาโบราณสายนี้ ที่นับวันจะสูญหายไป นี้ขอเสนอเป็นวิทยาทานแก่ผู้สนใจ คือสายวิชาสักยันต์    "เสือ"   ที่หายสาปสูญไปนาน ที่แรงที่สุดในสายวิชาเสือ นั่นคือ เสือครูแตก (เสือแยกส่วน)

ในการสักจะแยกไว้ในแต่ละส่วนของร่างกาย

บางท่านอาจ เคยได้ยินตำราการสักเสือแยกส่วน ที่ผู้ได้รับการสักอาจจะกลายเป็นเสือไปเลยก็ได้ เพราะว่าเป็นตำราที่แรงและหายาก

ซึ่งมีตำนานอันยาวนานในสมัยก่อน  เล่าขานกันว่าเป็นวิชาเสือที่  "สุดยอดของคงกระพัน"  แต่ปัจจุบันได้กลับมาอีกครั้ง กับสายเลือดสายวิชาเสือแยกส่วน

ผู้สืบทอดตำราเสือครูแตก (เสือแยกส่วน) จะนำความศักดิ์สิทธิ์ กลับสู่วงการ การสักยันต์

อีกครั้งหนึ่ง โดยท่านที่จะมาสัก จะต้องนำเหรียญ สลึงติดตัวมาสองเหรียญ และค่ากำนัลครูรวมถึงองค์ประกอบที่สำคัญในพิธีสัก (ตั้งขันธ์สัก)

เพื่อคงยังตำราไว้ และมิวิชาไม่ให้เสื่อมสูญไป


จึงบอกกล่าวแก่ผู้สนใจมาณที่นี้ครับ

ต้องการเดินทางไปสักกรุณาสอบถามได้ สำนักไสยสถาน    เลขที่ 26 หมู่บ้านอริสรา  ซอย 7

อ.ลาดบัวหลวง จ.อยุธยา  โทร 081-489 -XXXX


เพียงเพื่ออนุรักษ์ไสย์โบราณวิชาต้องห้ามที่สาปสูญ  แม้แต่ผู้ที่จะลงบนแผ่นหนังยังยากแสนยาก



3

พอดีไปเห็นตาคนนึง แกสักอ่ะคับผม  เลยขอถ่ายไว้

แกบอกสักสมัยหนุ่มๆ






4

เคยเห็นพี่ที่รู้จักเค้า  สักพ่อแก่มา แล้วเอาเหล้าขาว ทาตรงรอยสักอ่ะคับ  มิทราบว่าถูกหรือผิด  แล้วที่ทำอย่างนั้นจะเป็นอะไรหรือไม่คับ

แนะนำป๋มด้วยคับ

 :054: :054:

5
มีเกจิทำตะกรุดลูกปืนออกมาเยอะ? พอจะทราบต้นกำเนิดของตะกรุดลูกปืน " ดอกแรก "? ?ป่าวครับ ทุกท่าน

หน้า: [1]