ผู้เขียน หัวข้อ: คำบอกเล่าจากบุตรชายคนที่ 9  (อ่าน 8281 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ชลาพุชะ

  • เราอาจไม่รู้มากนัก แต่เรารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1526
  • เพศ: ชาย
  • ที่นี่คือเว็บวัดบางพระ เราก็ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
คำบอกเล่าจากบุตรชายคนที่ 9
« เมื่อ: 20 ส.ค. 2552, 09:30:00 »
นายณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช บุตรชายคนที่ 9 ของ ขุนพันธรักษ์ราชเดช เปิดเผยวีรกรรมที่บิดาเคยเล่าให้ฟังว่า โจรหรือเสือร้ายในสมัยก่อนมีพฤติกรรมปล้นฆ่าอย่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา เช่น ขุนโจรอะแวสะดอ ตาและ หรือ ?เจ้าพ่อเขาบูโด? ทั้งกระสุนปืน คมหอก คมดาบ ที่ตำรวจระดมสาดเข้าใส่ร่างของมัน แต่ทำอะไรมันไม่ได้ พอ กระสุนหมดทั้งคู่ คุณพ่อก็วิ่งไล่จับขุนโจรชื่อก้องได้ด้วยมือเปล่า กระโจนเข้าไปชกต่อยพัลวัน ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็จับเจ้าพ่อเขาบูโดใส่กุญแจมือ ลากคอเข้าคุกได้ และจากการตรวจสอบพบว่ากระสุนที่ยิงใส่ตามลำตัวไม่ถูกมันเลย และที่ยิงบริเวณปาก 9 นัด มันอมกระสุนไว้ในปากโดยไม่มีร่องรอยบาดแผลใด ๆ ฟันก็ไม่หัก มันคายหัวกระสุนทั้ง 9 เม็ดลงกลางโต๊ะสอบสวน !!?? นับเป็นเรื่องที่หาข้อพิสูจน์ไม่ได้จนทุกวันนี้

การสยบขุนโจรแห่งขุนเขาบูโดด้วยมือเปล่า โดยไม่รู้ว่าใช้คาถาอาคมอะไร ทำให้ขุนพันธ์ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากคนไทยมุสลิม และพวกแขกมลายู (มาเลเซีย) เสียงดังกระหึ่มไปทั่ว จึงตั้งสมญานามให้ขุนพันธ์ ว่า ?รายอกะจิ? หมายถึง ราชาร่างเล็ก หรืออัศวินพริกขี้หนู

?คุณพ่อเล่าให้ฟังว่าการปราบเสือแต่ละคนไม่ง่ายเลย สมัยก่อนต้องใช้เวลาติดตามด้วยความยากลำบาก ไม่สะดวกเหมือนสมัยนี้ เพราะต้องบุกป่าฝ่าดงไล่ล่ากันเป็นเดือนเป็นปี พ่อบอกว่าเสือภาคใต้ปราบยากกว่าเสือภาคกลางเพราะเสือภาคใต้มีวิชา มีของดี ของขลังติดตัว ผิดกับเสือภาคกลางที่อาศัยสมัครพรรคพวกมากเป็นสำคัญ บรรดาชุมโจรหรือขุนโจรที่เกรงกลัวขุนพันธรักษ์ราชเดช เนื่องจากเป็นคนเอาจริงเอาจังกับการปราบปราม ไม่ท้อ จิตใจทรหดอดทน หากมันไม่ตายเราก็ตาย? บุตรชายคนที่ 9 ของขุนพันธ์ กล่าว

ปี พ.ศ.2485 ขุนพันธรักษ์ราชเดช ย้ายไปเป็นผู้กำกับการตำรวจเมืองสุราษฎร์ธานี ก็ดำเนินการปราบ ?เสือสาย? ผู้มีอิทธิพลในเมืองสุราษฎร์ฯ มานานกว่า 8 ปี จากนั้นบุกทลายซ่อง ?ไม้ไผ่งาช้าง? ของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จนถูกย้ายไปเป็นผู้บังคับกองเมืองพิจิตร พอไปอยู่เมืองพิจิตร ก็ปราบเสือโน้ม อ.พรานกระต่าย และได้รู้จักกับ ?หลวงกล้ากลางณรงค์? นายทหารลูกหลานตระกูล ?พระยาพิชัยดาบหัก? ที่มารับราชการที่เมืองพิจิตร ขุนพันธ์จึงฝากตัวเป็นบุตรบุญธรรม หลวงกล้ากลางณรงค์ได้มอบดาบคู่เหล็กน้ำพี้ให้กับขุนพันธ์ จนกลายเป็นอาวุธประจำตัว ดังฉายา ?ขุนพันธ์ดาบคู่?

ถัดมาในปี พ.ศ.2489 ขุนพันธ์ย้ายไปเป็นผู้กำกับการตำรวจเมืองชัยนาท ลุยปราบชุมโจรสุพรรณบุรี โดยเฉพาะ ?เสือฝ้าย? ถือเป็นก๊กเสือร้ายที่มีอิทธิพลมากที่สุด มีสมุนอยู่ทั่วใน จ.สุพรรณบุรี ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักคือ 4 เสือสุพรรณ ประกอบด้วย เสือฝ้าย เสือใบ เสือมเหศวร และเสือดำ ทางกรมตำรวจจึงคัดเลือกนายตำรวจ เพื่อตั้งเป็น ?กองปราบปรามพิเศษ? ต่อสู้กับเสือร้ายภาคกลาง มี พ.ต.อ.สวัสดิ์ กันเขต เป็นผู้อำนวยการ และขุนพันธ์ เป็นรองผู้อำนวยการ จนชุมโจรเมืองสุพรรณถูกปราบปรามอย่างราบคาบ ส่วนเสือฝ้ายตัดสินใจเข้ามอบตัวในที่สุด

เมืองพัทลุงร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้งในปี พ.ศ.2490 ปัญหาโจรผู้ร้ายชุกชุม คดีปล้นฆ่าผุดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนัก จึงมีการทำหนังสือขอตัวขุนพันธ์กลับพัทลุง มาต่อกรกับโจรร้ายก๊กใหม่ กระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 8 จ.นครศรีธรรมราช และเกษียณอายุราชการเมื่อปี พ.ศ. 2511
  ยิ่งผมหาข้อมูลของท่านพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช  ก็จะเจอข้อมูลของเสือทุกๆคนที่ท่านปราบ เสือบางคนโดนบีบจากผู้มีอิทธัพลเถื่อนและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเลวๆให้เป็นเสือ เสือบางคนปล้นคนเลวที่รวยที่มีอำนาจเพื่อมาช่วยคนจน :037: กระผมกลัวเหลือเกินหากนำประวัติการปราบเสือและประวัติเสือเหล่านั้น จะไม่ผ่านเซ็นเซอร์ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ส.ค. 2552, 09:49:42 โดย ชลาพุชะ »

ออฟไลน์ โองการยันนะรังสี

  • ผู้ดูแลระบบ
  • *****
  • กระทู้: 951
  • เพศ: ชาย
  • หมากรุกเดินยังต้องคิด หมากชิวิตเดินไม่คิดได้ไง
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คำบอกเล่าจากบุตรชายคนที่ 9
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 20 ส.ค. 2552, 10:28:03 »
แหม ถ้าเป็นบทความดีๆทำไมต้องกลัวว่า จะไม่ผ่านเซ็นเซอร์หล่ะครับ ขอให้มีแหล่งที่มาของข้อมูลให้ชัดเจน ถูกต้องเป็นกลาง ไม่พาดพิงกล่าวร้าย

และไม่ได้ ตัดแต่งข้อความจนเนื้่อความผิดเพี้ยนไป หรือผิดกติกามารยาทที่ดี และทางบอร์ดก็มีเพื่อนสมาชิกและทีมงานคอยตรวจสอบกระทู้อยู่

อย่างสม่ำเสมอครับ แต่ในความคิดของผมกับประโยคนี้ ที่ว่า

(เสือบางคนโดนบีบจากผู้มีอิทธิพลเถื่อน และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเลวๆให้เป็นเสือ เสือบางคนปล้นคนเลวที่รวยที่มีอำนาจเพื่อมาช่วยคนจน)

ไม่น่าจะใช้เป็นเหตุผลได้นะครับ บ้านเมืองมีกฎหมาย เราต้องปฎิบัติครับ ถ้าปฎิบัติตามกฏหมายไม่ได้ก็แปลว่าอยู่่ร่วมกันไม่ได้ ครับ

ถ้าโดนบีบบังคับ กลั่นแกล้ง ก็น่าจะหาหนทางอื่นเช่น ทำการร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ ที่ดีๆได้หนิครับ ผมว่าเจ้าหน้าที่ ที่ดี

คงจะมีเยอะกว่า เสือบางคนที่โดนบีบบังคับ นะครับ    กลัวแต่ว่าเสือต่างๆจะแต่งข้อมูลเท็จมากล่าวหาเจ้าหน้าที่ ที่ดีให้เสียหาย สิครับ แหม๋ !!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ส.ค. 2552, 10:41:32 โดย โองการยันนะรังสี »

ขอเชิญร่วมงานพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ หลวงพ่อเปิ่น
 



ออฟไลน์ @ZeRo@

  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 301
  • เพศ: ชาย
  • CPW 17
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คำบอกเล่าจากบุตรชายคนที่ 9
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 20 ส.ค. 2552, 10:40:03 »
ขอบคุณคุณชลาพุชะครับ บทความนี้อ่านน่าติดตามครับ ท่านขุนพันธ์เก่งมากครับผมนับถือจริงครับ เรื่องวิชาอาคม เรื่องของความเก่งกล้า เรื่องของความเป็นลูกผู้ชายที่พูดตรง ทำจริง ไม่พูกมาก มีผลงานปรากฏชัด ไม่สร้างภาพ

แต่เรื่องที่จะนำเสนอเสือที่ปล้นคนรวย มาช่วยคนจน เห็นว่าจะเป็นการสนับสนุนคนไม่ดีครับ บ้านมีกฏบ้าน เมืองมีกฏเมืองครับ ถ้าทำด้วยความคิดของตนคนเดียวว่าถูกต้องบ้านเมืองคงพินาจครับ คงไม่ต้องตั้งกฏขึ้นมาแน่นอน
 เป็นความคิดส่วนตัวครับ ถ้าทำให้รู้สึกไม่ชอบใจต้องขออภัยมากครับ ไม่มีเจตนาใดๆทั้งนั้นครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ส.ค. 2552, 10:46:02 โดย @ZeRo@ »


ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด    ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในหัวใจคน