๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ตถตาอาศรม ริมฝั่งแม่น้ำโขง
เป็นยามเช้าที่หนาวเหน็บ อุณหภูิมิลดลงอย่างรวดเร็วจาก ๒๐ องศาลดลงมาเหลือ ๑๖ องศา
หนาวจนนอนไม่หลับ ตื่นขึ้นมาพิจารณาธรรม เจริญสติเจริญภาวนา เปลี่ยนวิกฤตให้กลายเป็นโอกาศ
พิจารณาเรื่องโลกธรรม ๘ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข...เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
คู่มากับโลก คิดถึงคำคมของคนรุ่นเก่าที่ท่านกล่าวไว้ " คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ " ซึ่งเป็นเรื่อง
จริงที่เกิดขึ้นในสังคมบนโลกใบนี้ เป็นเรื่องยากที่เราจะทำให้คนทุกคนมาชอบเรา มาชื่นชมรักเรา เห็นด้วยกับเรา
คนที่เห็นด้วยกับเรา ชื่นชมชอบเรา ก็จะกล่าวสรรเสริญยกย่องเรา คนที่ไม่ชอบเรา ไม่เห็นด้วยกับเรา ก็กล่าวให้ร้าย
ต่อเรา เป็นเรื่องปกติของโลก ซึ่งถ้าเราเก็บเรื่องเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์ ทั้งสรรเสริญและนินทา เราก็จะวุ่นวายไม่สงบ
คำกล่าวสรรเสริญอาจจะนำไปสู่มานะทิฏฐิคือความถือตัวถือตนก่อให้เกิดอัตตา ส่วนคำนินทานั้นถ้าเราเอามาใส่ใจ
ก็อาจจะก่อให้เกิดจิตปฏิฆะ อารมณ์ขุ่นมัว เกิดโทสะและนำไปสู่ความพยาบาท อาฆาตจองเวรซึ่งกันและกันขึ้นได้
แต่ถ้าเรามีสติระลึกรู้และพิจารณาอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอารมณ์ร่วมในสิ่งเหล่านั้น ทั้งคำสรรเสริญและคำนินทา
พิจารณาว่ามันเป็นเรื่องของโลกธรรม เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป เป็นไปตามกฏพระไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ใจเราก็๋จะไม่คล้อยตามมีอารมณ์ร่วม ทั้งคำสรรเสริญและคำนินทา เพราะมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของโลกธรรม ๘
การที่เราจะคิดและพิจารณาอย่างนั้นได้ เราต้องมีสติและสัมปชัญญะที่เป็นสัมมาสติ มีองค์แห่งคุณธรรมคุ้มครองจิต
เจริญจิตในพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เจริญจิตในเทวธรรมคือมี หิริและโอตตัปปะธรรมของเทวดา
การที่จะเจริญจิตเป็นเทวดานั้นไม่ใช่เรื่องยากถ้าเรามีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปแล้ว จิตในขณะนั้นเราเป็นเทวดา
และถ้าเรามีความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาแล้ว เราก็เป็นพรหมในขณะนั้น
ทุกอย่างอยู่ที่การเริ่มต้น"It is never too late to mend...ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น "ถ้าเรามีความตั้งใจ
ที่จะทำและมีความรับผิดชอบในความคิดของเราเอง คือมีสัจจะต่อตนเองแล้ว ทุกอย่างเริ่มต้นได้ทันทีและทุกเวลาทุกโอกาศ
แต่ที่เรายังไม่เริ่มต้นลงมือกระทำนั้นเพราะว่าเรามี นิวรณ์เป็นตัวถ่วงนิวรณ์นั้นคือ ความขี้เกียจมักง่าย ความสงสัย ความลังเล
ความอาฆาตพยาบาท ความซึมเซาติดอยู่ในกิเลสทั้งหลายเป็นตัวถ่วงไม่ให้ความเจริญในธรรมทั้งหลายเกิดขึ้น....
โปรดคิดและพิจารณาว่าถึงเวลาที่เราจะเริ่มต้นในสิ่งที่ดีแล้วหรือยังและจงทบทวนในสิ่งที่ผ่านมาว่าเราได้สร้างสิ่งที่ดีให้แก่ชีวิต
ของเราแล้วหรือยัง วันเวลาแห่งชีวิตนั้นสั้นลงไปทุกวัน โปรดคิดและพิจารณา.....
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิตแด่มวลมิตรทุกผู้คน
รวี สัจจะ-สมณะชายขอบ
๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓ เวลา ๐๖.๐๗ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย