ผู้เขียน หัวข้อ: 'เชื่อทำเสน่ห์' ยุคไฮเทค 'ยังเกลื่อน'  (อ่าน 1974 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ umpawan

  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 3112
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด

'เชื่อทำเสน่ห์' ยุคไฮเทค 'ยังเกลื่อน'



แม้ปัจจุบันจะมีสารพัดสิ่งที่ใช้เสริม-เติม-แต่งให้ผู้หญิง ดูสวย-ดูดี-ดูมีความน่าสนใจ อีกทั้งสังคมไทยยุคนี้ก็เปิดกว้างมากขึ้น สำหรับการแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมังสาของผู้หญิง แต่กระนั้น...กับความต้องการมี “เสน่ห์” ดึงดูดใจชายของ หญิงไทยจำนวนไม่น้อย ทั้งที่ต้องการให้ชายมารัก-มาเป็นสามี และที่ต้องการมิให้ชายอันเป็นคู่รัก-เป็นสามี ตีจากไปเป็นอื่น ก็ยังยึดโยงอยู่กับ “พิธีกรรมทางไสยศาสตร์” แม้ว่าปัจจุบันจะเป็นยุคไอที-ยุคไฮเทค ก็ตาม

“หมอเสน่ห์” อาชีพดึกดำบรรพ์...จึงยังคงมีอยู่

และ...บ่อยครั้งที่มีข่าว “ต้มตุ๋น-ละเมิดทางเพศ”

อย่างเมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าวว่าที่ จ.อ่างทอง ทางตำรวจได้เข้าจับกุมชายวัย 40 ปี รายหนึ่งที่ตั้งตนเป็น “หมอเสน่ห์” หลังจาก มีหญิงสาวรายหนึ่งเข้าแจ้งความว่าไปให้ชายผู้นี้ทำเสน่ห์แล้ว “ถูกลูบคลำหน้าอกและอวัยวะเพศ” โดยอ้างว่าเสน่ห์จะได้ขลัง ?!? อีกทั้งหญิงสาวรายนี้ยังเล่าให้ตำรวจฟังด้วยว่ามีเพื่อนหญิงที่เข้าทำเสน่ห์ ที่นี่บางรายถึงขั้นถูกบังคับร่วมเพศหรือ “ถูกข่มขืน” ซึ่งจากการตรวจค้นทางตำรวจพบรูปผู้หญิงที่บ้านชายผู้นี้เป็นลัง ๆ โดยผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นรูปของผู้หญิงที่เคยมาให้ทำเสน่ห์ โดยลูกค้านั้นแม้แต่นางงาม-ดาราก็ยังมี ?!?

นี่ก็เป็นกรณีตัวอย่างว่าหมอเสน่ห์ยังคงมีอยู่ในสังคมไทย ยังคงมีหญิงไทยเชื่อเรื่องการ “ทำเสน่ห์” ทั้งนี้ ว่ากันถึงเรื่องเสน่ห์ที่เชื่อกันว่าทำให้เกิดได้ด้วยไสยศาสตร์นั้น ในการทำก็เชื่อกันหลายแบบ เช่น... ใช้วิธี “ลงนะหน้าทอง” ใช้แผ่นทองเปลว 3, 9, 12 หรือ 24 แผ่น แปะลงหน้าผากหรือจุดอื่น ๆ ของใบหน้า เชื่อว่าใครเห็นก็รักใคร่

ใช้ “สาลิกาลิ้นทอง” เป็นเครื่องราง เป็นยันต์ มีการใช้แผ่นทองเปลวที่จารึกอักขระสาลิกาลิ้นทองแปะลงบริเวณปลายลิ้น เชื่อว่าทำให้มีวาจาไพเราะเสนาะหูจนคนรักคนหลง, ใช้ “หุ่นทำเสน่ห์” วิธีการทำ-คาถาก็ต่างกันไปแต่ละแหล่ง แต่โดยรวมคือนำวัสดุต่าง ๆ เช่น เทียน ดินเหนียว ทำเป็นหุ่นชาย-หญิงแล้วมัดติดกันด้วยสายสิญจน์ บางแหล่งก็อาจจะใช้รูป ของใช้ เสื้อผ้า ของคนที่ทำร่วมด้วย แล้วก็บริกรรมคาถาใส่ นี่ก็เชื่อว่าทำให้เกิดรัก-หลง, ใช้ “น้ำมันพราย” นี่ออกแนวน่ากลัว เพราะเชื่อกันว่าต้องใช้น้ำมันพรายจากศพผู้หญิงตาย ทั้งกลม

เหล่านี้เป็นตัวอย่างวิธีทำเสน่ห์ที่เชื่อ ๆ กันมาในอดีต

แต่ในยุคนี้คนที่เชื่อมักจะถูกตุ๋น-ถูกละเมิดทางเพศ !!

ทั้งนี้ อุษา เลิศศรีสันทัด แห่งมูลนิธิผู้หญิง สะท้อนผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... การที่หญิงสาวเข้าทำพิธีต่าง ๆ นานา อาทิ ดูดวง สะเดาะเคราะห์ รวมไปถึงทำพิธี-ทำเสน่ห์ต่าง ๆ จนกลายเป็นเรื่องถูกหลอกลวง ถูกล่วงละเมิดทางเพศในรูปแบบต่าง ๆ นั้น น่าจะเป็นเพราะเชื่อคนง่าย และ ถูกโน้มน้าวด้วยกลวิธีต่าง ๆ จนเคลิบเคลิ้ม ซึ่งเมื่อคนที่ตั้งตนเป็นผู้ทำไม่ใช่คนที่ทำตามพิธีกรรมความเชื่อโดย บริสุทธิ์ใจ ก็ย่อมเข้าข่ายหลอกลวง

“แม้แต่ในกรุงเทพฯ.ก็เคยพบ 2 ราย ในพื้นที่ สน.สามเสน” ...อุษาระบุ พร้อมบอกต่อไปว่า... การถูกหลอกลวงในลักษณะนี้ไม่ได้เกี่ยวว่าผู้หญิงมีการศึกษาดีหรือไม่ดี ใคร ๆ ก็มีโอกาสตกเป็นเหยื่อถูกละเมิดสิทธิแบบนี้ เป็นเพราะการเชื่อคำโน้มน้าว คล้อยตามคำพูดที่ฟังดูน่าเชื่อถือ ซึ่งหากกำลังมีปัญหาด้านนี้อยู่ก็เสียท่าได้ง่าย ๆ

“เช่น สามีไม่กลับบ้านสักระยะ ก็มีวิธีการพูดว่าถ้าทำพิธีแล้วจะกลับใน 1-2 วัน รวมทั้งมีภาพของผู้หญิงคนอื่น ๆ ให้ดู ว่าเป็นคนนั้นคนนี้เคยมาทำ ซึ่งเป็นวิธีสร้างความน่าเชื่อถือกับเหยื่อ”

อุษาบอกอีกว่า... การทำเสน่ห์นั้นผู้หญิงมักถูกสั่งให้ต้องถอดเสื้อชั้นใน-กางเกงใน ให้ใส่ผ้าพันแทน และก็จะมีการจุดเทียน หรือมีการให้กินยาลูกกลอน กินน้ำมนต์ ซึ่งอาจมีการใส่ยานอนหลับ ทำให้ เคลิบเคลิ้ม จนเป็นเหยื่อ

“ถ้าไม่ระมัดระวังให้ดีผู้หญิงก็อาจตกเป็นเหยื่อ แต่เรื่องนี้ถือว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องสิทธิสตรีที่พัฒนาไประดับหนึ่งแล้ว เป็นเรื่องของผู้หญิงถูกกระตุ้นด้วยวิธีต่าง ๆ และเชื่อว่าจะสมหวังต่างหาก” ...อุษากล่าว

ด้าน ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา บอกกับ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... เพราะผู้ชายไม่เคยพอ ผู้หญิงแม้จะสวย แค่ไหนก็อาจถูกผู้ชายตีจากไปมีคนอื่นได้ เป็นปัญหาโลกแตก ผู้หญิงเมื่อเจอเรื่องนี้ แม้จะเป็นคนสวยแค่ไหน ก็สามารถจะเกิดการ “ขาดความมั่นใจในตัวเอง-ขาดความเชื่อมั่นเรื่องความรัก” ซึ่งทางจิตวิทยาผู้หญิงพวกนี้เป็นโรควิตกกังวลสูง ระแวง และกับบางคนก็อาจนำไปสู่การ “ต้องการเอาชนะผู้ชาย”

เมื่อผู้หญิงขาดความมั่นใจ ขาดความเชื่อมั่น ขาดที่พึ่ง และผู้หญิงอีกกลุ่มคือยังไม่มีคู่รักคู่ครอง ก็อาจจะคิดหวังพึ่งการทำเสน่ห์ อาจขาดสติคิดว่าจะทำให้ผู้ชายหลงรักได้ ก็จะไปเข้าทางพวกฉวยโอกาส ที่จะหาผลประโยชน์กับผู้หญิง ซึ่งก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก แม้แต่ในกรุงเทพฯ เมืองหลวงก็ยังมีพวกหมอทำเสน่ห์อยู่เป็นจำนวนมาก

“เมื่อเชื่อคล้อยตามคำพูดหมอเสน่ห์ ก็อาจเสียทั้งเงิน-เสีย ทั้งตัว พอรู้ตัวก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ซึ่งเสน่ห์นั้นไม่มีอะไรมาทำให้เกิดขึ้นได้ เสน่ห์นั้นอยู่ที่ตัวเอง ผู้หญิงจะมีเสน่ห์ก็อยู่ที่การมีจริตในความเป็นหญิง มีความอ่อนหวานอ่อนโยน นี่คือยาเสน่ห์ของผู้หญิงที่ใช้ดึงดูดผู้ชายที่ดีที่สุด” ...ดร.วัลลภ ระบุ

“หมอเสน่ห์” ยุคนี้ยังเกลื่อน...ซ้ำบางรายก็แฝงจีวร

จับเท่าไหร่ก็ไม่หมด...ถ้ายังมีคนเชื่อเรื่องทำเสน่ห์ !!.



ที่มา Daily News Online ขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ  :089: