ผู้เขียน หัวข้อ: ไทยท้องฟ้าใส ดูชัดสุริยคราส  (อ่าน 886 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ umpawan

  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 3112
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด



คึกคัก ทั่วประเทศแห่ดูสุริยคราสแบบวงแหวน สภาพอากาศปลอดโปร่ง เห็นได้ชัดเจนที่ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ นักเรียนนักศึกษายกคณะมาดูกันแน่น ท้องฟ้าจำลองจัดเตรียมอุปกรณ์บริการ พร้อมบรรยายให้ความรู้ นราธิวาสบูชาราหูขอให้เหตุไฟใต้สงบ ชาวบ้านอยู่กันอย่างปลอดภัย "กัลยา โสภณพนิช"รมว.วิทยาศาสตร์ฯชี้เด็กไทยตื่นตัวปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

-แห่ดูสุริยุปราคาวงแหวน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 ม.ค. ที่ศูนย์วิทยา ศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ซึ่งเป็นอีกแห่งใน กทม.ที่มีการจัดกิจกรรมสังเกตปรากฏการณ์สุริยุปราคาวงแหวน โดยบรรยากาศภายในงาน มีการตั้งเต็นท์แบ่งเป็น 3 โซน คือโซนสังเกตโดยตรง โซนนี้สามารถชมปรากฏการณ์ด้วยตาเปล่า โดยการมองผ่านกล้องดูดาวที่มีแผ่นกรองแสงพิเศษไมลาร์ปิดหน้ากล้อง และมองผ่านหน้ากากช่างเชื่อมซึ่งเป็นหน้ากากสำหรับเชื่อมเหล็ก โซนที่สองคือโซนสังเกตโดยอ้อม โซนนี้จะเป็นการชมปรากฏการณ์ผ่านภาพตกฉากที่อยู่ปลายกล้องดูดาว โดยการใช้กระดาษดำเจาะช่องแสงประมาณ 1 นิ้ว ปิดหน้าเลนส์วัตถุ และใช้ฉากสีเทาอ่อนรับภาพ และโซนสุดท้ายคือโซนถ่ายภาพดวงอาทิตย์ โซนนี้จะเป็นการถ่ายภาพปรากฏการณ์สุริยุปราคา ทั้งนี้ทางท้องฟ้าจำลองจัดเตรียมทีวีที่ต่อภาพจากกล้องดูดาวเพื่อสังเกต ปรากฏการณ์ โดยมีประชาชน นักเรียน นักศึกษาที่ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้อย่างคึกคักจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.20 น. เริ่มเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคา โดยดวงจันทร์เคลื่อนตัวเข้ามาบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดการเว้าแหว่งขึ้นด้านล่างขวาของดวงอาทิตย์เล็กน้อย ทำให้กลุ่มผู้ที่มาสังเกตการณ์ต่างตื่นเต้นอย่างมาก ส่วนมากจะต่อแถวดูปรากฏการณ์ผ่านกล้องดูดาวที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ ให้ และมีบางส่วนดูจากทีวี

สำหรับครั้งนี้ทั่วทุกภาคท้องฟ้าแจ่มใส สามารถเห็นสุริยุปราคาได้อย่างชัดเจน

-น.ร.ตื่นเต้น-ได้ความรู้มาก

ด.ญ.ชนัญญา พงษ์นาค นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนดาราคาม กล่าวว่า รู้สึกสนุกและตื่นเต้นมากๆ วันนี้ตนและเพื่อนๆ ได้รับความรู้มากยิ่งขึ้น เพราะก่อนมาทางโรงเรียนได้แนะแนวมาแล้ว แต่พอมาดูที่นี่ก็ได้รับความรู้จากวิทยากรอีก ถ้าครั้งหน้ามีโอกาสมาดูอีกแน่ๆ

"เงาของดวงจันทร์แม้จะเล็ก แต่เมื่ออยู่ในแนวตรงกับดวงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ สามารถทำให้เราเห็นปรากฏการณ์ที่เงาดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์ได้ ทำให้เข้าใจถึงการโคจรของดวงดาว" ด.ญ. ชนัญญากล่าว

นายบุญชู ศิริลิขิตานนท์ อายุ 75 ปี ชาวกรุงเทพฯ กล่าวว่า ตอนอายุประมาณ 10 ขวบ ได้ดูปรากฏการณ์สุริยุปราคามาแล้วครั้งหนึ่ง จำได้ว่าตอนที่เกิดปรากฏการณ์ท้องฟ้ามืดไปหมด เหลือแค่แสงจากดวงอาทิตย์ออกมานิดเดียว บรรยากาศแทบจะเหมือนตอนโพล้เพล้ นกบินกลับรังหมด จึงอยากมาดูว่าครั้งนี้จะกินเต็มดวงเหมือนเมื่อก่อนหรือไม่





ายสิทธิชัย จันทรศิลปิน หัวหน้ากลุ่มดารา ศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา กล่าวถึงปรากฏการณ์สุริยุปราคาว่า ปกติสุริยุปราคาจะเกิดขึ้นและสังเกตได้บนพื้นโลก เฉลี่ยแล้วปีละ 2 ครั้ง โดยจะเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคาคู่กันอยู่เสมอ คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง ในอีก 15 วันก็จะเกิดอีกอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการเกิดจันทรุปราคา ให้หลัง 15 วัน เกิดสุริยุปราคา เป็นต้น ทั้งนี้เพราะแนวระนาบของโลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก เกิดการโคจรเพียงแต่เปลี่ยนด้านกันเท่านั้น ถ้าดวงจันทร์ไปอยู่ด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์จะเกิดจันทรุปราคา แต่ตอนนี้ดวงจันทร์มาอยู่ด้านเดียวกับดวงอาทิตย์ ทำให้บังดวงอาทิตย์ จึงเกิดสุริยุปราคา

-เผยอีก 2 ปีเกิดสุริยุปราคา

"ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นทุกๆ ปี เฉลี่ยแล้ว 2 ครั้ง แต่ที่เข้าใจว่าสุริยุปราคาเกิดน้อยเพราะว่าเวลาเกิดจันทรุปราคาบนโลก ผู้คนมีโอกาสเห็นปรากฏการณ์ครึ่งโลก หมายความว่าคนที่อยู่ในช่วงเวลากลางคืน มีโอกาสเห็นหมดเลย แต่เวลาเกิดสุริยุปราคาพื้นที่ที่จะเห็นมีน้อย เพราะต้องขึ้นอยู่กับว่าเงาดวงจันทร์ตกส่วนไหนของโลก คนที่อยู่ใต้เงาดวงจันทร์ ถึงจะมีโอกาสเห็นปรากฏ การณ์ โดยเงาดวงจันทร์ที่ตกมาบนโลกมีด้วยกัน 2 แบบ คือเงามืด และเงามัว ถ้าเรานึกถึงวงกลมใหญ่ๆ วงหนึ่ง จุดศูนย์กลางของวงกลมมีพื้นที่เล็กๆ นั้นคือเงามืด และวงที่เหลือข้างนอกคือเงามัว ฉะนั้นถ้าเงานี้ไปตกบนพื้นที่โลกตรงไหน คนที่อยู่ใต้เงามืดจะมีโอกาสเห็นสุริยุปราคาแบบเต็มดวง แต่ถ้าอยู่ตรงขอบนอกก็จะเห็นเป็นบางส่วนเพราะอยู่ในเงามัว โดยประเทศไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะอยู่ในเงามัว เราจึงเห็นแค่บางส่วน" นายสิทธิชัย กล่าว

นายสิทธิชัย กล่าวต่อว่า การเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคา นอกจากจะเกิดแบบเต็มดวงและแบบบางส่วนแล้ว ยังมีสุริยุปราคาแบบวงแหวนอีก ซึ่งจะคล้ายกับการเกิดสุริยุปราคาแบบเต็มดวง คือดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์ แตกต่างที่ขนาดของดวงจันทร์ โดยปกติดวงจันทร์จะโคจรรอบโลกเป็นวงรี จะมีระยะห่างจากโลกไม่เท่ากัน ทำให้บางช่วงดวงจันทร์ใกล้โลก บางช่วงดวงจันทร์ไกลโลก ช่วงที่ไกลโลกขนาดปรากฏจะเล็กลง และถ้าช่วงนั้นดวงอาทิตย์กับโลกโคจรเข้ามาใกล้กัน ขนาดปรากฏดวงอาทิตย์จะใหญ่ขึ้น และดวงจันทร์ขณะที่มีปรากฏเล็ก พอบังดวงอาทิตย์ จะไม่สามารถบังดวงอาทิตย์ได้มิด ทำให้ทิ้งขอบนอกเอาไว้ จึงเกิดสุริยุปราคาแบบวงแหวนขึ้น

"ถ้าเราสังเกตให้ดี การเกิดสุริยุปราคาช่วงต้นปีมักจะเป็นการเกิดสุริยุปราคาแบบวงแหวน เหตุผลเพราะว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี และมีตำแหน่งใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในช่วงวันที่ 4 ม.ค.ของทุกปี ฉะนั้นช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่ พอดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์จึงบังได้ไม่มิด จึงทิ้งขอบนอกไว้เป็นวงแหวน ถ้านับต่อไปอีก 6 เดือน คือวันที่ 4 ก.ค. โลกจะมีตำแหน่งในวงโคจรไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุด ทำให้ช่วงนั้นเราจะเห็นดวงอาทิตย์มีขนาดปรากฏเล็กที่สุด เพราะฉะนั้นถ้าเกิดปรากฏการณ์สุริยุป- ราคาในช่วงนั้น ดวงจันทร์จะบังดวงอาทิตย์หมด โดยคนไทยสามารถเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาได้อีกครั้งในอีก 2 ปีข้างหน้านี้คือปี พ.ศ.2555 แต่จะเห็นเป็นบางส่วนเท่านั้น ทั้งนี้เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่ใจกลางวงแหวน ช่วงเวลาที่เริ่มเกิดนั้น ตามเวลาประเทศไทยจะเป็นช่วง 04.00 น. และอีกครั้งในปี พ.ศ.2559 ซึ่งประเทศไทยสามารถเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาได้ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้น"หัว หน้ากลุ่มดาราศาสตร์กล่าว

-300น.ร.สัตหีบดูปรากฏการณ์

เมื่อเวลา 15.00 น. นายทวี สุขแก้ว ผู้ช่วยผอ.โรงเรียนธัมมศิริศึกษาสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชล บุรี นำนักเรียนกว่า 300 คน พร้อมอุปกรณ์การ ส่องดูดาว ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์มาที่สนามกีฬาของโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนเรียนรู้และวิเคราะห์ปรากฏการณ์สุริยุปราคาที่จะเกิดขึ้น โดยธรรมชาติสุริยุปราคาหรือสุริยคราสเป็นช่วงเวลาที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่ เข้าไปอยู่ระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ วันที่เกิดสุริยุปราคานั้นเป็นเพราะระนาบวงโคจรของดวงจันทร์ไม่ได้อยู่ใน ระนาบเดียวกันกับระนาบวงโคจรของโลก แต่จะเอียงทำมุม 5 องศา ทำให้มีบางโอกาสที่โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ จะมาอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันพอดี ส่วนที่ประเทศไทยคงเหมือนกับอีกหลายประเทศ ที่จะได้เห็นปรากฏการณ์ดังกล่าว และสามารถจะเห็นได้ทั่วภูมิภาค โดยแต่ละที่อาจจะเห็นปรากฏ การณ์ที่เกิดขึ้นนี้แตกต่างกันไป เช่นที่ กทม. ดวงจันทร์จะเริ่มเข้าสู่ระบบสัมผัสที่ 1 ในเวลาประมาณ 14.00 น. และสิ้นสุดเวลา 16.58 น.

นายทวี กล่าวว่า วันนี้นำนักเรียนจำนวนกว่า 300 คน มาศึกษาปรากฏการณ์สุริยุปราคาที่เกิดขึ้น สำหรับการเกิดสุริยุปราคาวงแหวนเป็นสิ่งปกติของสุริยุปราคาที่เกิดในเดือน ม.ค. เนื่องจากเป็นเดือนที่ดวงอาทิตย์อยู่ใกล้โลกมากที่สุด ดังนั้นจึงเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงได้ยาก ครั้งนี้ไทยอยู่ใกล้แนวคราสวงแหวน จึงเห็นสุริยุปราคาบางส่วน ซึ่งแต่ละภาคจะเห็นการบดบังไม่เท่ากัน แต่ตลอดปรากฏการณ์สุริยุปราคาวงแหวนและสุริยุปราคาบางส่วน ไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า

-"คุณหญิงกัลยา"ชี้เด็กไทยตื่นตัว

เมื่อเวลา 16.00 น. คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เดินทางไปชมปรากฏการณ์สุริยุปราคา ที่ลานหน้าอาคารกรมประชาสัมพันธ์ ซ.อารีย์ พร้อมเปิดเผยว่า การเกิดสุริยุปราคาในวันที่ 15 ม.ค. นับเป็นครั้งสุดท้ายของรอบนี้ คงต้องรออีก 2 ปีที่จะมีปรากฏการณ์ธรรมชาติแบบนี้ขึ้นอีก อย่างไรก็ตามตลอดปี 2552 จนถึงต้นปี 2553 ที่ผ่านมาพบว่าประชาชนไทย โดยเฉพาะเยาวชนตื่นตัวกับการติดตามชมปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมาก ถือเป็นเรื่องที่ดี จะเห็นได้จากหลายคนเริ่มที่จะมีความอยากรู้อยากเห็น และตั้งข้อสังเกตมากขึ้น เช่นเมื่อปลายปีที่ผ่านมามีการพูดถึงเรื่องวัตถุประหลาดบนท้องฟ้า จนมีการสอบถามเข้ามาที่ตน และหน่วยงานในสังกัดเยอะมาก ทำให้มีการตรวจสอบและเผยแพร่ความรู้ที่เกี่ยวข้อง แม้ว่าต่อมาจะพบว่าเป็นเพียงบอลลูนที่ส่งขึ้นไปเพื่อโปรโมตงานของห้างสรรพ สินค้า แต่แสดงให้เห็นว่าคนไทยตื่นตัวมาก และกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ก็ยินดีตอบคำถามเหล่านี้โดยไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเสียหน้าอะไร หากไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติขึ้นมาจริงๆ จึงอยากให้ทุกคนตั้งคำถามให้เยอะๆ

เมื่อถามว่ามีประชาชนบางส่วนยังเชื่อเรื่องของโชคลาง และโหราศาสตร์อยู่ คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า การมีความเชื่อเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด เพราะเรื่องของโหราศาสตร์ หรือการทำนายทายทักต่างๆ เป็นเรื่องของตัวเลข สถิติ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของทุกคนว่าจะเชื่อมากน้อยแค่ไหน หากไม่ได้ทำให้ใครเสียหายก็ไม่เป็น เช่น หากจะไหว้พระจันทร์ หากทำให้สบายใจก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ควรจะกระทำทุกอย่างอย่างมีเหตุมีผล อย่าเชื่ออย่างงมงายเท่านั้น

-เด็กอนุบาลสนุกชมสุริยคราส

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่โรงเรียนเทศบาล 3 (วัดแก้วพิจิตร) อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี นายปรีชา หงส์เจริญ ผอ.โรงเรียน พร้อมนางเกสร รัตนโมรา ครูชำนาญการพิเศษและคณะครูนำนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล ถึง ม.3 กว่า 200 คน ร่วมชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาวงแหวน ซึ่งเห็นได้บางส่วนในประเทศไทย พร้อมมีการบรรยายให้ความรู้แก่นักเรียน และแจกแว่นตาที่ตัดจากแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ที่ใหม่ไม่ผ่านการใช้ที่รับบริจาค จาก ร.พ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เด็กนักเรียนต่างสนุกสนานที่ได้ชมจากท้องฟ้าจริง ทั้งนี้มี ด.ญ. นันทวรรณ ศรีชุมพล อายุ 7 ปี ชั้น ป.1 นักเรียนพิการหูหนวกเป็นใบ้ร่วมชมอย่างมีความสุขด้วย

นายปรีชากล่าวว่า ทางโรงเรียนเห็นว่าปรากฏ การณ์ที่เกิดขึ้น นักเรียนได้เห็นจริง เป็นการใช้สื่อการสอนจากธรรมชาติ สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ ที่เป็นศูนย์กลางการเรียนการสอนอย่างแท้จริงอีกรูปแบบหนึ่ง และในเร็วๆ นี้ จะร่วมเข้าเป็นโรงเรียนเครือข่ายสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ด้วย


ที่มา ข่าวสด หน้า1  ขอบคุณครับ  :089: