ผู้เขียน หัวข้อ: พระผู้ชอบยล...แต่ความงดงามของพระรูปของพระศาสดา  (อ่าน 1537 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ธรรมะรักโข

  • มีสติ...กำหนดรู้...อยู่ที่จิต
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 749
  • เพศ: ชาย
  • ผู้รักษาธรรม
    • ดูรายละเอียด
ในสมัยสมเด็จพระผู้มีภาคเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตระ เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้
เพราะมีพระพักตร์เหมือนดอกปทุม มีพระฉวีวรรณงดงาม  เหมือนดอกปทุม ไม่เปื้อนด้วยโลก
และเหมือนดอกปทุมไม่เปื้อนด้วยน้ำ  เป็นนักปราชญ์ มีพระอินทรีย์ดังใบปทุม และน่ารักเหมือน
ดอกปทุม ทั้งมีพระโอษฐ์ มีกลิ่นอุดม เหมือนกลิ่นในกลีบของดอกปทุม เพราะฉะนั้นพระองค์
จึงทรงพระนามว่า ปทุมุตระ พระองค์เป็นผู้เจริญกว่าโลกไม่ทรงถือพระองค์ เปรียบเสมือนเป็นนัยน์
ตาให้คนตาบอด มีพระอิริยาบถสงบ เป็นที่ฝังพระคุณ เป็นที่รองรับกรุณาและมติถึงในครั้งไหนๆ

พระมหาวีรเจ้าพระองค์นั้น ก็เป็นผู้อันพรหมอสูรและเทวดาบูชา สูงสุดกว่าชนในท่ามกลางหมู่ชนที่
เกลื่อนกล่นไปทั้งเทวดาและมนุษย์ เมื่อจะยังบริษัททั้งปวงให้ยินดีด้วยพระสำเนียงอันเสนาะ และ
ด้วยพระธรรมเทศนาอันเพราะพริ้ง จึงได้ชมสาวกของพระองค์ว่า ภิกษุอื่นที่พ้นกิเลสด้วยศรัทธา
มีมติดี ขวนขวายในการดูเรา เช่นกับวักกลิภิกษุนี้ ไม่มีเลย ครั้งนั้น เราเป็นบุตรของพรามณ์ในพระ
นครหงสวดี ได้สดับพระพุทธภาษิตนั้น จึงชอบฐานันดรนั้น

ครั้งนั้น เราได้นิมนต์พระตถาคตผู้ปราศจากมลทินพระองค์นั้น พร้อมด้วยพระสาวก ให้เสวยตลอด ๗ วัน
แล้วให้ครองผ้า เราหมอบศีรษะลงแล้วจมลงในสาครคืออนันตคุณของพระศาสดาพระองค์นั้น เต็มเปี่ยม
ไปด้วยปีติ ได้กราบทูลดังนี้ว่า ข้าแต่พระมหามุนี ขอให้ข้าพระองค์ได้เป็นเช่นกับภิกษุผู้สัทธาธิมุติ ที่พระองค์
ตรัสชมเชยว่าเลิศกว่าภิกษุผู้มีศรัทธาในพระศาสนานี้เถิด เมื่อเรากราบทูลดังนี้แล้ว พระมหามุนีผู้มีความ

เพียรใหญ่มีพระทรรศนะมิได้มีเครื่องกีดกัน ได้ตรัสพระดำรัสนี้ในท่ามกลางบริษัทว่า จงดูมาณพผู้นี้ ผู้นุ่ง
ผ้าเนื้อเกลี้ยงสีเหลือง มีอวัยวะอันบุญสร้างสมให้คล้ายทองคำ ดูดดื่มตาและใจของหมู่ชนในอนาคตกาล
มาณพผู้นี้จักได้เป็นพระสาวกของพระสมณโคดมผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย

ฝ่ายสัทธาธิมุติ เมื่อเขาเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตามจักเป็นผู้เว้นจากความเดือดร้อนทั้งปวง บริบูรณ์ด้วยโภค
ทรัพย์ทุกอย่าง มีความสุขท่องเที่ยวไป ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระศาสดามีนามชื่อว่าโคดม

จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลกมาณพผู้นี้จักเป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น จักเป็นโอรสอันธรรม
เนรมิต จักเป็นสาวกของพระศาสดามีนามชื่อว่า "วักกลิ"

เพราะผลบุญที่เหลือนั้น และเพราะตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เรามีความสุขในที่ทุกสถาน ท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่ ได้เกิดในสกุลหนึ่งในพระนครสาวัตถี มารดา
ของเราถูกภัยปีศาจคุกคาม มีใจหวาดกลัว จึงให้เราผู้ละเอียดอ่อนเหมือนเนยข้น นุ่มนิ่มเหมือนใบไม้อ่อนๆ
ซึ่งยังนอนหงาย ให้นอนลงแทบบาทมูลของพระผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ กราบทูลว่า ข้าแต่พระโลกนาถ
หม่อมฉันขอถวายทารกนี้แด่พระองค์ ข้าแต่พระโลกนาถ ขอพระองค์จงทรงเป็นที่พึ่งของเขาด้วยเถิด
 
ครั้งนั้น สมเด็จพระมุนีผู้เป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์ผู้หวาดกลัว พระองค์ได้ทรงรับเราด้วยฝ่าพระหัตถ์อันอ่อนนุ่ม
มีตาข่ายอันท่านกำหนดด้วยจักร จำเดิมแต่นั้นมา เราก็เป็นผู้ถูกรักษาโดยพระพุทธเจ้า จึงเป็นผู้พ้นจาก
ความป่วยไข้ทุกอย่าง อยู่โดยสุขสำราญ เราเว้นจากพระสุคตเสียเพียงครู่เดียวก็กระสัน พออายุได้ ๗ ขวบ
เราก็ออกบวชเป็นบรรพชิต เราเป็นผู้ไม่อิ่มด้วยการดูพระรูปอันประเสริฐ เกิดพระบารมีทุกอย่าง มีดวงตาสีเขียว
ล้วน เกลื่อนกล่นไปด้วยวรรณสันฐานอันงดงาม ครั้งนั้น พระพิชิตมารทรงทราบว่า เรายินดีในพระพุทธรูป

จึงได้ตรัสสอนเราว่า อย่าเลยวักกลิ ประโยชน์อะไรในรูปที่น่าเกลียดซึ่งชนพาลชอบเล่าก็บัณฑิตใดเห็นสัทธรรม
บัณฑิตนั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ไม่เห็นสัทธรรม ถึงจะเห็นเราก็ชื่อว่าไม่เห็น กายมีโทษไม่สิ้นสุด เปรียบเสมอด้วย

ต้นไม้มีพิษ เป็นที่อยู่ของโรคทุกอย่าง ล้วนเป็นที่ประชุมของทุกข์ เพราะฉะนั้น ท่านจงเบื่อหน่ายในรูป พิจารณา
เห็นความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปแห่งขันธ์ทั้งหลาย จักถึงที่สุดแห่งสรรพกิเลสได้โดยง่าย
 
เราอันสมเด็จพระโลกนาถผู้แสวงหาประโยชน์พระองค์นั้น ทรงพร่ำสอนอย่างนี้ ได้ขึ้นภูเขาคิชฌกูฏ เพ่งดูอยู่ที่ซอกเขา
พระพิชิตมารผู้มหามุนีประทับยืนอยู่ที่เชิงเขา เมื่อจะทรงปลอบโยน เรา ได้ตรัสเรียกว่า วักกลิ เราได้ฟังพระดำรัส
นั้นเข้าก็เบิกบาน  ครั้งนั้น เราวิ่งลงไปที่เงื้อมเขาสูงหลายร้อยชั่วบุรุษ แต่ถึงแผ่นดินได้โดยสะดวกทีเดียว
ด้วยพุทธานุภาพ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรมเทศนา คือ ความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปแห่งขันธ์

ทั้งหลายอีก เรารู้ธรรมนั้นทั่วถึงแล้ว จึงได้บรรลุอรหัตผล ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคผู้มีพระปรีชาใหญ่ ทรงทำ
ที่สุดแห่งจรณะ ทรงประกาศในท่ามกลางมหาบุรุษว่า เราเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายฝ่ายสัทธาธิมุติ ในกัปที่
แสนแต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา เราเผากิเลส
ทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จกิจแล้ว ดังนี้.




ขอขอบคุณที่มา:วักกลิเถราปทาน  เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓  บรรทัดที่ ๒๗๖๗ - ๒๘๔๑.  หน้าที่  ๑๒๒ - ๑๒๕.
     

ออฟไลน์ ~@เสน่ห์เอ็ม@~

  • ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณ แล ครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน สาธุ..
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 5894
  • เพศ: ชาย
  • ศิษวัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณครับ พี่ธรรมมะรักโข อนุโมธนาด้วยด้วยนะครับ  :054:

ออฟไลน์ yout

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1742
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณครับ............. :090: :090: :114: :090: :090:.............

ออฟไลน์ siksaka

  • ชีวิตที่สันโดษ เรียบง่าย ย่อมมีความสุขเสมอ
  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 91
  • เพศ: ชาย
  • ...ชีวิตที่สันโดษ เรียบง่าย ย่อมมีความสุขเสมอ...
    • MSN Messenger - alfamale_5698@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ขอบคุณครับ   :090: :090: :089:
ชีวิตที่สันโดษ....เรียบง่าย....ย่อมมีความสุขเสมอ

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณท่านธรรมะรักโขครับ  :001:

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ขอบคุณธรรมะรักโขครับ ที่นำสิ่งดีๆมาให้อ่านกันครับ

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา