ผู้เขียน หัวข้อ: ตายแล้วเกิดหรือไม่ ?  (อ่าน 1392 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nsp8428

  • ก็หมวยนี่คะ
  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 193
  • เพศ: หญิง
  • ชีวิตก้าวไปข้างหน้า วันเวลาไม่เดินถอยหลัง
    • ดูรายละเอียด
    • www.nsp8428@hotmail.com
    • อีเมล
ตายแล้วเกิดหรือไม่ ?
« เมื่อ: 01 ต.ค. 2553, 09:56:53 »
          ความเชื่อของคนในโลกนี้ ว่าตายเกิดน่าจะมากกว่าตายสูญมากนัก และเมื่อเชื่อว่าตายเกิด จึงมีคติความเชื่อต่างๆ
ที่เกี่ยวกับเรื่องเกิดอีกมาก เช่น ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันระหว่างบุคคล ตั้งแต่สองคนขึ้นไป จนถึงกลุ่มใหญ่ในอดีตชาติ
ซึ่งให้ผลสืบมาถึงปัจจุบันชาติ และความเชื่อว่ามีสิ่งหรือเครื่องกำหนดให้เกิดมาเพื่อทำหน้าที่อย่างหนึ่งเป็นต้น ก็เป็นเรื่อง
สืบเนื่องมาจากอดีตนั่นเอง

          แม้ีึความเชื่อในเรื่องอวตารก็แสดงว่ามีอดีต คำว่า อวตาร ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้คำแปลว่า
"การลงมาเกิด การแบ่งภาคมาเกิด" ตามคำแปลหลัง แสดงว่าไม่ได้มาทั้งหมด แต่แบ่งภาค คือ แบ่งส่วนใดส่วนหนึ่ง
มาิิเกิด คือยังมีตัวเดิมอยู่ในที่ของตน สมมุติว่าอยู่สวรรค์ชั้นหนึ่ง ส่วนที่มาเกิดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของตัวเดิม เมื่อสิ้นวาระ
ในโลกนี้แล้ว ก็กลับไปรวมเข้ากับตัวเดิม จะแปลความอย่างนี้หรือจะแปลความว่าแบ่งภาค ก็คือ แบ่งภาค (ส่วน) ของ
เวลา มาเกิด หมายความว่า เวลาของตนในที่นั้น สมมุติว่าสวรรค์ชั้นหนึ่งนั้นยังไม่หมด ยังจะอยู่ต่อไปอีกนาน หรืออยู่ไป
เป็นนิรันดร ตามความเชื่อของบางลัทธิ เช่น พระนารายณ์ของฮินดู แต่แบ่งเวลาส่วนหนึ่งลงมาเกิดในมนุษย์ โดยตัวเิดิม
นั้นแหละลงมาเิกิด ไม่ใช่แบ่งตัวเล็กตัวน้อยลงมา เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ตัวเดิมก็กลับไปยังที่ของตน คำว่าแบ่งภาค จึงยัง
มีปัญหา จนกว่าจะมีผู้รู้มาแสดงให้เชื่อว่าอย่างไรแน่

          คัมภีร์พระพุทธศาสนาแสดงเรื่องนี้ไว้อย่างไร ถ้าจะให้ตอบตามคัมภีร์ ก็ควรจะกล่าวก่อนว่า คัมภีร์ต่างๆ แต่งกัน
หลายยุคหลายสมัย ปรากฏว่ามีคติความเชื่อต่างๆ แทรกเข้ามาเป็นอันมาก แต่ก็ยังไม่พบเรื่องแบ่งภาคมาเกิด เรื่องทำนอง
แบ่งภาคเวลา มีอยู่เรื่องหนึ่งในอรรถกถาธรรมบท ถึงดังนั้นก็ไม่ทิ้งหลักกรรมและความตั้งปรารถนา

          นิทานธรรมบทนั้่นมีความย่อว่า เทพธิดาองค์หนึ่งกำลังชมสวนกับเทพบุตรผู้สามีกับหมู่เทพธิดาทั้งปวง จุติลงมา
เกิดเป็นนางมนุษย์ในขณะนั้น ระลึกชาติได้ จึงตั้งความปรารถนาไปเกิดอยู่กับสามีตามเิดิม และได้ทำบุญกุศลต่างๆ
ถึงแก่กรรมแล้วก็ไปเิกิดในสวนสวรรค์นั้นอีก ขณะที่ไปเกิดนั้นหมู่เทพก็ยังชมสวนกันอยู่ แสดงว่าเวลานานหลายสิบปี
ในมนุษย์เท่ากับครู่หนึ่งของสวรรค์

          เรื่องนี้เข้าทำนองแบ่งภาคแห่งเวลามาเิิกิดอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ก็กล่าวว่าได้อธิฐานใจตั้งความปรารถนา (นับว่า
เป็นตัณหาอย่างหนึ่ง) และทำบุญกุศลเพื่อให้ไปเกิดเป็นเทพ (นับว่าเป็นกรรมที่เป็นชนกกรรม คือ กรรมที่ให้เกิด) จึงเข้า
หลักพระพุทธพจน์ที่แปลความว่า "ตัณหายังให้คนเกิด โลกคือหมู่สัตว์ย่อมเป็นไปตามกรรม"













  ขอขอบคุณที่มา จากหนังสื่อชีวิตลิขิตได้ พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก

ออฟไลน์ viriya

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 175
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ตายแล้วเกิดหรือไม่ ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 07 ต.ค. 2553, 09:53:29 »
ศาสนาพุพทธตายแล้วเกิดตามกรรมดีกรรมชั่วของแต่ละคน  ผมเชื่อครับเรื่องตายแล้วเกิด  เรื่องกฏแห่งกรรม  ถ้าใครไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมหาว่าเป็นเรื่องงมงาย  เมื่อไม่เชื่ออาจจะทำให้ไม่กลัวที่จะทำชั่ว  แต่ไม่ใช่ทุกคนนะครับที่ไม่เชื่อกฏแห่งกรรมแล้วจะทำชั่ว

ออฟไลน์ vithya

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 195
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ตายแล้วเกิดหรือไม่ ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 08 ต.ค. 2553, 01:57:38 »
ตายแล้วอะไรๆในโลกนี้ที่เคยเคยยึดเคยหวง มันก็อยู่ของมันในโลกนี้ ไม่มีใครเอาไปได้ นอกจากความดีและความชั่วที่ติดตามเราไปทุกหนทุกแห่ง ฉะนั้นรีบสะสมและกอบโกยเอาแต่ความดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ออฟไลน์ berm

  • สิ่งที่ควรทำคือความดี..สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม..สิ่งที่ควรจำคือ...บุญคุณ
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1008
  • เพศ: ชาย
  • อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ตายแล้วเกิดหรือไม่ ?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 09 ต.ค. 2553, 01:27:09 »
 17;[shake]จงเร่งทำบุญและความดีกันครับ [/shake]13;
ทุกคนย่อมมีปัญหาของตัวเองเกิดขึ้นตลอดเวลา  อยู่ที่ใครเลือกที่จะเดินหนีปัญหา...หรือเลือกที่จะแก้ไขปัญหา