ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีทำความดีหนีกรรม  (อ่าน 945 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายธรรมะ

  • ดีชั่วอยู่ที่ตัวทํา สูงต่ำอยู่ที่ทําตัว
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 615
  • เพศ: ชาย
  • เหนื่อย ได้แต่อย่า ท้อ
    • ดูรายละเอียด
วิธีทำความดีหนีกรรม
« เมื่อ: 06 ต.ค. 2553, 07:10:51 »
วิธีทำความดีหนีกรรม


ถาม : จะทำอย่างไรเกี่ยวกับการชดใช้กรรมที่ส่งผลมาชาตินี้คะ ?

ตอบ : ไม่มีใครใช้หมดจ้ะ ควรทำความดีหนีกรรม การทำความดีที่มีกุศลมาก ๓ อย่างคือ

ทาน คือ การให้ อันนี้เสียของเสียเงิน

ศีล คือ การรักษาศีล มีอานิสงส์มากกว่าให้ทาน เป็น ๑๐๐ เท่า

ภาวนา คือ การหัดทำสมาธิ มีอานิสงส์มากกว่าการรักษาศีล เป็น ๑๐๐ เท่า

เพราะฉะนั้นถ้าหากจะชดใช้กรรม มันเป็นความคิดที่ดี คือ ให้มันหมดหนี้หมดสินไปเลย มันเป็นไปไม่ได้ เพราะทำไว้เยอะเหลือเกิน

ถาม : ถ้าเป็นพ่อถ้าเป็นลูก ช่วยได้ไหมคะ ?

ตอบ : ก็ช่วยตรงที่ ต้องแนะนำให้ท่านทำ จ้ะ เรื่องของกรรมที่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม ใครทำใครได้ ไม่ใช่ว่าพ่อทำแล้วถึงลูก หรือลูกทำแล้วจะไปถึงพ่อ แต่ว่ามีอยู่อย่างหนึ่ง คือ ถ้าทำแล้วบอกท่านๆ พลอยยินดีด้วยท่านจะมีส่วนในผลบุญอันนั้น

ถาม : แล้วถ้าหากผลบุญมากว่า จะพอช่วยได้ไหมคะ ?

ตอบ : ถ้าหากผลบุญมากกว่ามันจะหนีห่างไปได้ชั่วคราว เหมือนกับหมาไล่กัดแล้วเราวิ่งหนี แต่ถ้าหากว่าเราประมาทชะลอฝีเท้าลง มันอาจจะไล่ทันอีก เพราะฉะนั้นเราทำความดีเราต้องเสริมมันให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ หยุดไม่ได้ ต้องเป็นคนบ้าในสายตาขของเพื่อน สมัยนี้ถ้าหากเข้าวัดเข้าวาทำบุญใส่บาตรส่วนใหญ่เขาว่าบ้า ไปห้างเดินแฟชั่นดีกว่า

ถาม : อาจหนักเป็นเบาใช่ไหมคะ ?

ตอบ : จากหนักจะเป็นเบา จากเบาจะเป็นหาย แต่ว่าไม่สามารถจะชดเชยแก้กันได้ เพียงแต่ว่ามันหนีห่างออกไปได้ พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าที่เข้านิพพานไปแล้วจนนับไม่ได้ ไม่มีใครใช้หนี้กรรมเก่าหมด มีแต่ทำดีจนถึงที่สุดแล้วหลุดพ้นไป ในเมื่อหลุดพ้นไปเจ้าหนี้เขาอยู่ที่นี่ ท่านอยู่ที่โน่น ตามทวงท่านไม่ได้ ก็จบแค่นั้น

ถาม : เคยสวดมนต์ แล้วรู้สึกไม่ค่อยดีกำลังจะใช้กรรม แล้วสักพักหนึ่งก็รู้สึกเกิดเหตุร้ายๆ ค่ะ

ตอบ : ไม่ใช่จ้ะ นั่นคือโชคดีที่เราสวดมนต์ไหว้พระ ถ้าหากว่าส่วนของความดีเราไม่ได้ทำอยู่ มันจะร้ายกว่านั้นอีก เมื่อกี้บอกแล้วมันผ่อนหนักเป็นเบานะจ้ะ ถ้าเราไม่ได้ทำมันจะหนักกว่านั้นอีก

ถาม : พอสักระยะหนึ่งมันก็จะดีขึ้นค่ะ

ตอบ : เพียงแต่ว่าของเราไม่ค่อยทำต่อเนื่อง พอรู้สึกตัวก้าวไปถึงไม่ดีก็เลิก ดีก็เลิกเหมือนกัน ตกลงจะดีหรือไม่ดีตูก็ไม่ทำต่อทั้งนั้น แย่ล่ะสิ เหมือนกับเราหิวข้าววันละ ๓ มื้อ แต่เราไปกินทีแล้วเราก็พอแล้ว ไหวไหมล่ะ อีก ๓ วันก็ไส้แขวนขึ้นมาบนคอหอย

การสวดมนต์ถ้าทำเป็นอานิสงส์มหาศาล เพราะว่าเป็นทานได้ เช่น เราตั้งใจจะไม่โกรธไม่เคืองใคร ไม่ฆ่าใคร ไม่ลักขโมยใคร ไม่ผิดลูกผิดเมียใคร เราเป็นผู้หญิงก็ไม่ผิดลูกผิดผัวใคร ไม่โกหกใคร ไม่กินเหล้า อันนี้เขาเรียกว่า อภัยทาน เราตั้งใจทำทานตรงจุดนี้ด้วยการนั่งสวดมนต์ คุณนั่งสวดมนต์อยู่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น ไปทำไม่ได้ เป็นอันว่าส่วนนี้ได้

คราวนี้พอเราอยู่ตรงนั้นให้เราตั้งใจว่า ส่วนของอภัยทานทุกข้อที่เราว่ามาก็คือ ศีล เราตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ส่วนของศีลเราก็ได้ ขณะเดียวกันถ้าเราสวดด้วยความตั้งอกตั้งใจจริงๆ ใจจะตั้งมั่นเป็นสมาธิ ส่วนของสมาธิเราก็ได้ ตกลงบุญใหญ่ ๓ ตัวเราได้ครบเลย

ดังนั้นว่าเราทำเป็นไหม ? ถ้าเราทำเป็นไม่ใช่แค่สวดมนต์ไหว้พระ แต่เป็นเรื่องทาน ศีล ภาวนา ไปในตัว พอเราทำแล้วหาจังหวะดีๆ บอกคุณพ่อคุณแม่ บอกอย่างไรอย่าให้ท่านคิดว่าเราเพี้ยนไปแล้ว บอกท่านว่า เราได้ทำความดีตรงนี้ ขอให้ท่านโมทนาด้วย โมทนาคือพลอยยินดี ถ้าท่านไม่ด่าคืนมาก็เป็นอันว่าโอเคล่ะ ท่านจะได้มีส่วนในผลบุญนั้นด้วย

แต่คนที่คอยโมทนาผลบุญของคนอื่นถึงเวลาเขาทำเราก็สาธุ มันมีจุดอ่อนอยู่นิดหนึ่งที่ว่า ตัวคนทำต้องได้ผลก่อน คนๆ นั้นถึงจะได้รับเพราะว่าไปอาศัยเขา ดังนั้น หากคนนั้นยังไม่ได้รับผลเมื่อไหร่ ตัวของคนที่คอยโมทนาบุญเขาก็จะไม่ได้รับผลตามนั้น สู้ทำเองไม่ได้

ดังนั้น มีวิธีไหนบ้างที่จะแนะนำให้ท่านทำเป็นต้นว่า อาจจะเปิดเทปธรรมะ วีซีดีธรรมะ หรือว่าหนังสือธรรมะเอาวางๆ ทิ้งๆ ให้มันเกะกะลูกตาท่านเล่น ถ้าวันไหนท่านหยิบขึ้นมา เออ! ค่อยยังชั่วหน่อย ถ้าวันไหนท่านไม่หยิบขึ้นมาอ่านก็ไม่ต้องไปเคี่ยวเข็ญท่าน แต่ใช้วิธีทำที่ตัวเรา ถ้าตัวเขาตั้งใจปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนา แล้วมีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเห็นได้ชัดเจน เป็นอันว่าไม่กลับบ้านดึก มากเอาแค่ตี ๒ ก็พอ ถึงเวลาท่านว่าก็ไม่เถียง รู้จักเก็บออมถนอมคำ ไม่โกรธใคร ไม่ว่าใครง่ายๆ พอมันมีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเห็นได้ชัด เดี๋ยวท่านสนใจถามขึ้นมา ถ้าท่านสนใจแล้วถามขึ้นมา อีตอนนั้นเสร็จเราแน่ๆ เลยจะจูงไปทางไหนก็ไปแล้ว

แต่คราวนี้ตัวเราสามารถทำได้ไหมว่า ให้มันมีผลที่ดีที่ท่านเห็นอย่างชัดเจน ตรงจุดนั้นมันต้องอาศัยความอดทน แล้วก็ให้ทำสม่ำเสมอ ถ้าเป็นภาษาพระต้องมี ขันติบารมี คืออดทนพอ มี สัจจบารมี คือความตั้งใจจริงมากพอ ไหวไหมล่ะ ?

ถาม : ทำก่อนนอนได้ไหมคะ ?

ตอบ : ก่อนนอนได้จ้ะ และตื่นนอนเอาอีกนิดหนึ่ง ตั้งใจว่าตอนนี้เราจะนอนแล้ว ถ้าเหตุร้ายใดๆ จะพึงมีพึงเกิดขึ้น ขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ช่วยปกปักษ์รักษาปัดเป่าให้ผ่านพ้นไป ขอให้ครอบครัวของเรามีความสุข ขอให้คุณพ่อคุณแม่มีความสุข ก้าวเข้ามาในทางธรรมะเร็วๆ

พอตื่นนอนก่อนจะไปทำงานก็เหมือนกัน สวดมนต์ไหว้พระเสียหน่อย เราจะไปทำการทำงานแล้วอันตรายใดๆ ที่จะพึงมีพึงเกิดก็อย่าให้เกิดขึ้นเลย ด้วยอำนาจของพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ ขอให้ปัดเป่ามันพ้นจากเราไป ขอให้ประสบแต่สิ่งที่ดีๆ ขอได้จ้ะ เพียงแต่ว่าต้องทำให้พอ ถ้าทำพอเมื่อไร สิ่งที่เราขอมันจะได้ ถ้าทำไม่พอยังไม่ได้หรอกจ้ะ หาสตางค์ได้ ๒,๐๐๐ แล้วไปซื้อเบนซ์ไม่ได้หรอก ต้องรอให้ครบล้านแปดก่อน ต้องขยันสะสมความดีไว้เรื่อยๆ จ้ะ


สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ (ต่อ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

นายธรรมะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก เว็บบอร์ดพลังจิต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 ต.ค. 2553, 07:15:16 โดย นายธรรมะ »
[shake]ศรัทธา ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ ศรัทธา เพื่อ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีความ ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมเกิด ปาฏิหาริย์[/shake]

ออฟไลน์ yout

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1742
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วิธีทำความดีหนีกรรม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 07 ต.ค. 2553, 01:12:45 »
ขอคุณครับ............. :090: :090: :114: :090: :090:..................