ผู้เขียน หัวข้อ: รอยทางและรอยธรรม...๒๒ ต.ค. ๕๓  (อ่าน 1194 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
รอยทางและรอยธรรม...๒๒ ต.ค. ๕๓
« เมื่อ: 23 ต.ค. 2553, 10:09:37 »


ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
 ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๓
.....รอยทาง.....
                    อากาศหนาวรู้สึกตัวเลยตื่น ไม่นอนต่อ ทำภาระกิจส่วนตัวเสร็จ จงทำกิจวัตรสงฆ์ต่อ
ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ เจริญจิตตภาวนา อธิษฐานจิต แผ่เมตตา ขอขมา ขออโหสิกรรมตามลำดับ
ตอนสายๆลงไปดูที่สร้างที่อาบน้ำพระ ที่จะใช้ตอนงานปริวาสกรรม วัดระยะความสูงของหลังคาเพื่อจะ
ให้เชื่อมต่อกับหลังคาของห้องน้ำ กำหนดจุดที่จะขุดหลุมวางเสา ทั้งขนาดของความกว้่างและความลึก
ช่วยกันตีผังที่จะทำที่สรงน้ำพระปริวาส เสร็จแล้วกลับมาศาลาที่พักเพื่อโกนหัวปลงผม เพราะเป็นวันโกน
( วันก่อนวันพระใหญ ๑๕ ค่ำ )ปลงผมเสร็จแล้วกวาดถูศาลาการเปรียญ จับลูกแมวออกจากศาลาที่พัก
ให้ไปอยู่ที่โรงครัวแทน เพราะถ้าไม่อยู่ต้องปิดประตูหน้าต่างซึ่งจะขังลูกแมวไว้ข้างในออกมากินข้าวไม่ได้
จึงต้องเอาออกไปไว้ที่โรงครัวแทน(แมวมันมาเกิดที่ใต้เตียงนอนตอนกลางพรรษา) กว่าจะจับเอาออกไปได้
ต้องใช้เวลานาน เล่นเอาเหนื่อยได้เหงื่อ จึงลงไปสรงน้ำ กลับขึ้นมาเปิดเว็บบอร์ดดูบทความบทกวีเก่าๆที่ได้
เขียนไว้ในบอร์ดวัดบางพระและในบอร์ดที่อื่นๆ เพื่อดูความคิดเห็นมุมมองในช่วงเวลาที่ต่างกรรมต่างวาระกัน
นั่งอ่านจนเย็น จึงลงไปกวาดวิหารลานวัดลานธรรม เพื่อให้ดูสะอาดตาเพราะว่าวันออกพรรษาจะมีญาติโยม
มาทำบุญตักบาตรที่วัดกัน  กวาดขยะเสร็จจึงไปสรงน้ำแล้วกลับขึ้นมาไหว้พระทำวัตรสวดมนต์เย็นปฏิบัติต่อ
จนสมควรแก่เวลาจึงได้จำวัตรพักผ่อน..
.....รอยธรรม.....
                    อย่าได้รีบด่วนสรุปในการปฏิบัติธรรม ว่าเรารู้ธรรมแล้ว เข้าใจธรรมหมดแล้ว เพราะสิ่งที่เรารู้
และเราเห็นในขณะนี้นั้น มันเป็นไปตามเหตุและปัจจัยในปัจจุบันนี้ที่เราได้ทำมา ซึ่งถ้าเราทำไปให้ยิ่งกว่านี้
เราก็จะรู้ จะเห็นและเข้าใจไปมากกว่านี้ ตราบใดที่เรายังไม่สิ้นกิเลส จงอย่ารีบด่วนสรุปว่าเรารู้และเข้าใจธรรม
หมดแล้ว เพราะยังมีอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ ยังไม่เห็นและยังไม่เข้าใจ ผู้ที่จะฟันธงชี้ชัดได้ มีแต่พระพุทธเจ้า
แต่เพียงผู้เดียว ที่คำตรัสของพระองค์เป็นหนึ่งเสมอไม่มีผิดเพี้ยน ฉะนั้นเราอย่าไปอวดเก่งกว่าพระพุทธเจ้า
อย่าไปฟันธงชี้ชัด ว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น มันต้องเป็นอย่างนี้ เพราะการที่ไปฟันธงชี้ชัดนั้นมันเกิดมาจากทิฏฐิ
มานะและอัตตาของตัวเราเอง การสำคัญตน ว่าเราเก่ง เรารู้ ดีกว่าผู้อื่น ซึ่งเป็นการจะนำไปสู่ความคิดที่ผิดทาง
คิดเข้าข้างตนเอง หลงอารมณ์กรรมฐาน กลายเป็นเจ้าลัทธิไป ไม่ใช่สาวกของพระพุทธเจ้่า ซึ่งเป็นการปฏิบัติ
ที่ผิดพลาดและอาจจะนำไปสู่อบายได้เพราะจะกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิไป จึงขอฝากไว้เป็นข้อคิดสะกิดเตือนใจ
ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายพึงสังวร เพราะหลักคำสอนในพระพุทธศาสนานั้น ท่านไม่ให้เชื่อทันทีและก็ไม่ให้ปฏิเสธ
ในทันที่ ท่านให้ลองนำไปประพฤติปฏิบัติ ฝึกหัดทดลองทำเสียก่อน จึงจะเชื่อหรือปฏิเสธ ตามเหตุและผลแห่ง
ความเป็นจริงทั้งหลาย ดั่งที่เคยได้กล่าวไว้ว่า..." ถ้าเชื่อทันที เรียกว่า งมงาย ถ้าปฏิเสธทันที เรียกว่า ขาดประโยชน์
ควรคิดพิจารณา ไตร่ตรองให้รอบคอบ ควรจะทดลองพิสูจน์ ฝึกฝนที่ใจตน ให้เกิดความกระจ่างชัด ขึ้นด้วยใจตน
แล้วจึงจะเชื่อหรือปฏิเสธ โดยเอาเหตุและผลที่เป็นจริงมาเป็นที่ตั้ง แล้วทุกอย่างก็จะเกิดที่ใจ ".....
.....รอยกวี.....
                       มองโลก  และมองธรรม          แล้วน้อมนำ  มาใคร่ครวญ
                      ฝึกฝน  และทบทวน               อย่ารีบด่วน   สรุปลง
                      ที่รู้  และที่เห็น                     อาจไม่เป็น  เพราะเราหลง
                      สติ  ไม่มั่นคง                       ทำให้หลง  อารมณ์ธรรม
                      พินิจ และไตร่ตรอง                และจงมอง  ให้ลึกล้ำ
                      มองธรรม  จากที่ทำ               มาน้อมนำ   คิดใคร่ครวญ
                      ที่รู้  และที่เห็น                     และที่เป็น   นั้นมีส่วน
                      ให้รู้  สิ่งที่ควร                      อย่ารีบด่วน  ว่าเข้าใจ
                      ธรรมะ นั้นมากมาย                 มีอีกหลาย  ข้อสงสัย
                      ธรรมะ มีทั่วไป                      สัมผัสได้   ถ้าใคร่ครวญ
                      ธรรมะ คือความจริง                 สรรพสิ่ง   ล้วนมีส่วน
                      ตามเหตุ ตามสมควร               ทุกสิ่งล้วน ธรรมดา
                      มันเป็น  เช่นนั้นเอง                 จงรีบเร่ง  ภาวนา
                      จิตนิ่ง   เกิดปัญญา                 เห็นปัญหา ที่แท้จริง
                      ปัญหา  เกิดจากจิต                 จากความคิด ที่ไม่นิ่ง
                      ไม่รับ   ความเป็นจริง               ของทุกสิ่ง  ที่ควรเป็น
                      ฝีนกฏ  ธรรมชาติ                   จึงได้พลาด อย่างที่เห็น
                      ชอกช้ำ  และลำเค็ญ               อย่างที่เป็น เพราะหลงทาง
                      หลงทาง ในความคิด              เพราะว่าจิต  นั้นออกห่าง
                      ไม่ลด  และละวาง                 มีแต่สร้าง   กิเลสตน
                      กิเลส  และตัณหา                 ที่นำพา   ใจสับสน
                      เวียนว่าย ในวังวน                  ไม่หลุดพ้น  จากเวรกรรม
                      เอาธรรม นั้นนำทาง                 ส่องสว่าง   พบสุขล้ำ
                      รอยทาง  และรอยธรรม           รอยที่นำ   สู่ความจริง....
                                   .....................................
                                  ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
                                       รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๐.๐๙ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 ต.ค. 2553, 10:13:31 โดย รวี สัจจะ... »
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ ~@เสน่ห์เอ็ม@~

  • ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณ แล ครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน สาธุ..
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 5894
  • เพศ: ชาย
  • ศิษวัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๒๒ ต.ค. ๕๓
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 23 ต.ค. 2553, 11:03:46 »
กราบมนัสการพระอาจารย์ที่เคารพ  :054:

กราบขอบพระคุณเรื่องราว รอยทาง รอยธรรม รอยกวี คำสอน  :054:

อย่าได้รีบด่วนสรุปในการปฏิบัติธรรม ว่าเรารู้ธรรมแล้ว เข้าใจธรรมหมดแล้ว เพราะสิ่งที่เรารู้
และเราเห็นในขณะนี้นั้น มันเป็นไปตามเหตุและปัจจัยในปัจจุบันนี้ที่เราได้ทำมา ซึ่งถ้าเราทำไปให้ยิ่งกว่านี้
เราก็จะรู้ จะเห็นและเข้าใจไปมากกว่านี้ ตราบใดที่เรายังไม่สิ้นกิเลส จงอย่ารีบด่วนสรุปว่าเรารู้และเข้าใจธรรม
หมดแล้ว เพราะยังมีอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ ยังไม่เห็นและยังไม่เข้าใจ ผู้ที่จะฟันธงชี้ชัดได้ มีแต่พระพุทธเจ้าแต่เพียงผู้เดียว


กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เมตตาสั่งสอน ศิษย์จะจดจำใว้ตลอดไปครับ  :054:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 ต.ค. 2553, 11:05:14 โดย ~@เสน่ห์เอ็ม@~ »

ออฟไลน์ รันตี

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 743
  • เพศ: ชาย
  • อยากเห็นผู้อื่นสุข จงฝึกตนให้มีเมตตา อยากเป็นผู้มีสุข จงฝึกตนให้มีเมตตา:ดาไลลามะ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๒๒ ต.ค. ๕๓
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 23 ต.ค. 2553, 11:36:35 »
กราบนมัสการและขอบคุณพระอาจารย์ ไม่ให้เชื่อทันทีและไม่ให้ปฏิเสธในทันที ทำยากจริงๆ ครับ

เมตตาพระอาจารย์อภิญญา คณุตฺตโม ศิษย์ขอน้อมรำลึกพระคุณไว้ ณ ที่นี้

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๒๒ ต.ค. ๕๓
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 23 ต.ค. 2553, 12:56:23 »
" ถ้าเชื่อทันที เรียกว่า งมงาย ถ้าปฏิเสธทันที เรียกว่า ขาดประโยชน์
ควรคิดพิจารณา ไตร่ตรองให้รอบคอบ ควรจะทดลองพิสูจน์ ฝึกฝนที่ใจตน ให้เกิดความกระจ่างชัด ขึ้นด้วยใจตน
แล้วจึงจะเชื่อหรือปฏิเสธ โดยเอาเหตุและผลที่เป็นจริงมาเป็นที่ตั้ง แล้วทุกอย่างก็จะเกิดที่ใจ "



กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณที่เมตตาสอนครับ

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ nsp8428

  • ก็หมวยนี่คะ
  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 193
  • เพศ: หญิง
  • ชีวิตก้าวไปข้างหน้า วันเวลาไม่เดินถอยหลัง
    • ดูรายละเอียด
    • www.nsp8428@hotmail.com
    • อีเมล
ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๒๒ ต.ค. ๕๓
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 23 ต.ค. 2553, 07:14:29 »
กราบนมัสการพระอาจารย์และกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ