ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่กลัวนรก !!!!  (อ่าน 2279 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายธรรมะ

  • ดีชั่วอยู่ที่ตัวทํา สูงต่ำอยู่ที่ทําตัว
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 615
  • เพศ: ชาย
  • เหนื่อย ได้แต่อย่า ท้อ
    • ดูรายละเอียด
ไม่กลัวนรก !!!!
« เมื่อ: 11 มี.ค. 2554, 07:01:49 »
ไม่กลัวนรก !!!!

ถ้าบอกว่านรก ทุกคน คงกลัว และ ไม่อยากไป กันทั้งนั้น
แต่ถ้าลองอ่าน สิ่งที่ผมบอก คุณจะมองนรก ในอีกมุมหนึ่งครับ แล้ว คุณจะไม่กลัวนรก

1.ถ้าการตกนรก คือ การที่คุณได้ชดใช้กรรมชั่ว ที่คุณทำไว้
2.การขึ้นสวรรค์ คือ การได้รับผลกรรมดี ที่คุณทำไว้ แต่ปางก่อน

นั่นหมายความว่า ถ้าคุณไม่ทำชั่ว คุณก็จะไม่ตกนรก ซึ่งกรรม เป็นของๆ คุณ ไม่มีใครมาขโมย หรือ ยัดเยียด กรรมชั่ว มาใส่คุณแน่นอน

ดังนั้น หากคุณตกนรก นั่น ก็หมายความว่าคุณได้ชดใช้ กรรมที่คุณเคยทำไว้นั่นเอง

ไม่ต้องนรก หรอก เอาปัจจุบัน นี่แหละ

หากเคยเห็นข่าว ฆาตกร ฆ่าอมหิตอย่างเลือดเย็น ยกทั้งครอบครัว ไม่เว้น แม้แต่เด็กเล็ก ไม่รู้ประสีประสา

คุณจะรู้สึกอย่า่งไร กับ ฆาตกร คนนั้น

คุณคงภาวนา ขอให้ตำรวจจับมันให้ได้ ฆ่าให้ตาย ๆ ไปซะ อยู่ไปก็รกโลก

และฆาตกรคนนั้น หลังจากใช้กรรมที่นรก ด้วยเศษกรรมที่ยังเหลือ อยู่ จึงได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ที่ครอบครัวแตกแยก ถูกพ่อเลี้ยงตบตี ข่มขืน ทุกวัน จนเป็นสาว ขณะเดินทางกลับบ้าน โดนฉุดกลางทางไปขมขื่น และ ถูกฆ่าตาย

ช่างน่าสงสาร และ เวทนาหญิงสาวผู้นั้น เสียจริง แต่ถ้า มีใครรู้ว่า หญิงสาวคนนั้นที่ถูกฆ่า คือ ฆาตกร เลือดเย็น ที่เคยฆ่าคนมานับไม่ถ้วน กลับชาติมาเกิด เพื่อใช้กรรม ที่เหลืออยู่

คุณคง จะสมน้ำหน้ามากกว่า สงสาร ใช่ไหม!

หรือ เห็นเด็กพิการ แขนขาลีบ ตาบอด ข้างถนน ขอเศษเงิน ดูช่างน่าเห็นใจยิ่งนัก หากแต่เด็กคนนั้นอดีตชาติ เคย เป็น คนฆ่าสัตว์ ที่มักจะฆ่าอย่างเลือดเย็น โดยตัดเฉพาะแขนขา ไม่ได้ฆ่ามันทันที และปล่อยให้มันทุกข์ทรมานเจ็บปวด แสนสาหัส จนขาดใจตายไปเอง !!!!

ดังนั้ืน หากคุณ เจอ เรื่องไม่ดีผ่านเข้ามาในชีวิต

ทำไมชีวิตถึงฉันถึงอาภัพเช่นนี้
ทำไมชีวิตฉัน ถึงได้ลำบากขนาดนี้
ทำไมฉันถึงได้โดนเอาเปรียบอย่างนี้
ทำไมฉันทำอะไรก็ไม่เคยได้ดีเลย
ทำไมฉันถึงไม่มีใครรักและเข้าใจ
ชีวิตฉันทำไมถึงเป็นทุกข์เช่นนี้
ทั้งๆที่ฉันไม่เคยทำอะไรให้ใครเลย

ไม่จริง!คุณเคยต่างหาก เพียงแต่แค่คุณจำไม่ได้

เมื่อใดที่คุณรู้สึก เช่นนี้ ก็จงรู้ไว้เถิดว่า คุณกำลังใช้กรรมที่คุณเคยก่อไว้ในอดีตชาตินั่นแหละ เพียงแต่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง ว่าคุณเคยทำอะไรไว้กับเจ้ากรรมนายเวร ในปางก่อน

ถ้าไม่อยากตกนรก ก็จงอย่าทำกรรมชั่ว เท่านั้นเอง
นั่นคือ สัจธรรม

นายธรรมะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก เว็บบอร์ดพลังจิตด้วยครับ
[shake]ศรัทธา ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ ศรัทธา เพื่อ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีความ ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมเกิด ปาฏิหาริย์[/shake]

ออฟไลน์ yout

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1742
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ไม่กลัวนรก !!!!
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 11 มี.ค. 2554, 08:52:36 »
จริงๆ.............ครับ............สวัสดี..........กรรมชั่ว............ :090: :090: :114: :090: :090:..........

ออฟไลน์ berm

  • สิ่งที่ควรทำคือความดี..สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม..สิ่งที่ควรจำคือ...บุญคุณ
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1008
  • เพศ: ชาย
  • อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ไม่กลัวนรก !!!!
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 12 มี.ค. 2554, 10:16:13 »
 :016:เยี่ยม :015:
ทุกคนย่อมมีปัญหาของตัวเองเกิดขึ้นตลอดเวลา  อยู่ที่ใครเลือกที่จะเดินหนีปัญหา...หรือเลือกที่จะแก้ไขปัญหา

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ไม่กลัวนรก !!!!
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 12 มี.ค. 2554, 09:53:05 »
ขอร่วมโพสต์ด้วยครับ
   
เมื่อ..สมภารเป็นเปรต


เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ที่ผมได้รับฟังจากปากของท่านเกจิชื่อ....ดัง

หลวงพ่อ พุธ ฐานิโย ครับ คือ สมัยนั้น กระผมเป็น พระ ก็เลยได้มีโอกาสได้

สนทนากับท่าน เรื่องมันเกิดจาก มีท่าน......สมภาร ท่านหนึ่ง มีสมณะศักดิ์เป็น

พระครูสัญญาบัตร เป็นพระ อธิการเจ้าอาวาส ท่านเป็นมานานและเป็นที่เคารพ

ศรัทธา ของญาติโยมในสมัยนั้นมากพอสมควร

ท่านปกครองคณะสงฆ์ในสังกัดของท่าน โดย ธรรม โดย วินัย มาโดยตลอด

เรียกว่า....... ดี อ่ะครับ ญาติโยม รวมไปถึง คณะกรรมการของวัด ก็รักใคร่

ศรัทธา ท่านมาก

เนื่องจาก บริเวณวัด โดยรอบ เป็นเสมือนสวนมะพร้าว อาจจะเพราะ มีเนื้อที่

เยอะ พื้นที่ว่าง ก็ปลูกมะพร้าว แล้วอยู่มาวันหนึ่ง มีพ่อค้า มะพร้าว ผ่านมาเห็น

ว่า ที่วัดมีมะพร้าวมาก เมื่อสอบถามชาวบ้าน ก็ได้ความว่า

มะพร้าวพวกนี้เป็นสมบัติของทางวัด ซึ่งปกติแล้ว ไม่ได้ขาย จะเก็บเอามาทำ

ประโยชน์ ก็ตอนที่วัดทางวัดมีงานเท่านั้น ทางพ่อค้า จึงคิดว่า ถ้าขอซื้อไป

บ้าง คงจะมีรายได้เข้าวัดบ้าง เพราะวัดบ้านนอก นานๆจะมีกิจนิมนต์สักที

เรียกง่ายๆ หวังดี นั่นแหละครับ

จึงได้ไปหา กรรมการวัด เพื่อเจรจา ซื้อขาย ทางฝ่ายกรรมการ ก็เห็นดีว่า

จะได้นำเงิน ถวายท่าน พระครู บ้าง ท่านพระครูก็มิได้ขัดอะไร พอขายได้เงิน

มาก็นำมาถวายท่าน ซึ่งท่านก็มิกล้ารับเลยในทันที แต่กรรมการวัด ก็บอกว่า

รับไปเถอะท่าน

จะได้นำเงินไปซื้อ หมาก พูล มาถวายท่าน ท่านพระครู พอพูดถึง หมากพูล

ก็เลย เปรี้ยวปาก รับเงินนั้นมา เหตุการณ์ ผ่านไปจน ท่านได้มรณะภาพ

วันหนึ่ง หลวงพ่อ พุธ ท่านได้เดินทางมาพร้อมกับลูกศิษย์ท่าน และเข้ามา

จำวัด ที่วัดแห่งนี้

ในคืนนั้นเอง....... ได้เกิดนิมิตขึ้น กับ หลวงพ่อ ว่า มี........เปรต.....ตนหนึ่ง

ใส่จีวร มาร้องขอให้ท่านช่วย โดยเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมดว่า สาเหตุนั้นเกิด

จากการที่เอาเงินของสงฆ์ ก็คือ เงินที่ได้จากการขายมะพร้าว นั่นเอง มาใช้ใน

การส่วนตัว โดยมิได้รับความเห็นชอบจากสงฆ์ จึงเป็นเช่นนี้

สุดท้ายก็บอกว่า ฉันรอ......ท่านมานานแล้ว ท่านผู้มีบุญ ได้โปรดช่วยฉัน

ด้วย ฉันรอท่านมานานมาก

พอเช้า........ท่านหลวงพ่อ พุธ จึงได้ประชุมสงฆ์ และเล่าเหตุการณ์ต่างๆให้

ฟัง เมื่อตรวจสอบดู จึงรู้ความว่า ท่านเป็นเจ้าอาวาส แห่งนี้จริง และได้มรณะ

ภาพไปนานมากแล้ว ท่านจึงได้ประชุมสงฆ์ และถามในท่ามกลางสงฆ์เหล่า

นั้น เพื่อให้สงฆ์ ทั้งหลายร่วมลงมติ ให้ท่านนำเงินนั้นใช้ได้

เมื่อทำตามขั้นตอนเสร็จ สงฆ์ได้ร่วมกันอโหสิกรรมให้

พอตกกลางคืนของคืนนั้น ท่านสมภาร ได้มาหาท่านอีกครั้ง แต่คราวนี้มาแบบ

สวยงาม เหลืองอร่ามไปด้วยรัศมี เพราะ ท่านได้กระทำกรรมดีมามากมาย

เช่นเดียวกัน แต่เนื่องจาก การนำเงินสงฆ์ไปใช้ส่วนตัวนั้น เป็นบาปหนัก จึง

ต้องรับกรรมก่อน

เรื่องนี้คงเป็นคติ เตือนใจ แก่ท่านที่คิดหรือทำ ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง ให้จง

ระวังและสังวรไว้นะครับว่า ขนาดท่านสมภาร ยังต้องเป็น เปรต เลย แล้วท่าน

ล่ะ จะเป็นอะไร.........

ที่มา
http://www.yorbor.com/index.php?topic=4896.0
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ นายธรรมะ

  • ดีชั่วอยู่ที่ตัวทํา สูงต่ำอยู่ที่ทําตัว
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 615
  • เพศ: ชาย
  • เหนื่อย ได้แต่อย่า ท้อ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ไม่กลัวนรก !!!!
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 12 มี.ค. 2554, 11:16:18 »
ขอร่วมโพสต์ด้วยครับ
   
เมื่อ..สมภารเป็นเปรต


เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ที่ผมได้รับฟังจากปากของท่านเกจิชื่อ....ดัง

หลวงพ่อ พุธ ฐานิโย ครับ คือ สมัยนั้น กระผมเป็น พระ ก็เลยได้มีโอกาสได้

สนทนากับท่าน เรื่องมันเกิดจาก มีท่าน......สมภาร ท่านหนึ่ง มีสมณะศักดิ์เป็น

พระครูสัญญาบัตร เป็นพระ อธิการเจ้าอาวาส ท่านเป็นมานานและเป็นที่เคารพ

ศรัทธา ของญาติโยมในสมัยนั้นมากพอสมควร

ท่านปกครองคณะสงฆ์ในสังกัดของท่าน โดย ธรรม โดย วินัย มาโดยตลอด

เรียกว่า....... ดี อ่ะครับ ญาติโยม รวมไปถึง คณะกรรมการของวัด ก็รักใคร่

ศรัทธา ท่านมาก

เนื่องจาก บริเวณวัด โดยรอบ เป็นเสมือนสวนมะพร้าว อาจจะเพราะ มีเนื้อที่

เยอะ พื้นที่ว่าง ก็ปลูกมะพร้าว แล้วอยู่มาวันหนึ่ง มีพ่อค้า มะพร้าว ผ่านมาเห็น

ว่า ที่วัดมีมะพร้าวมาก เมื่อสอบถามชาวบ้าน ก็ได้ความว่า

มะพร้าวพวกนี้เป็นสมบัติของทางวัด ซึ่งปกติแล้ว ไม่ได้ขาย จะเก็บเอามาทำ

ประโยชน์ ก็ตอนที่วัดทางวัดมีงานเท่านั้น ทางพ่อค้า จึงคิดว่า ถ้าขอซื้อไป

บ้าง คงจะมีรายได้เข้าวัดบ้าง เพราะวัดบ้านนอก นานๆจะมีกิจนิมนต์สักที

เรียกง่ายๆ หวังดี นั่นแหละครับ

จึงได้ไปหา กรรมการวัด เพื่อเจรจา ซื้อขาย ทางฝ่ายกรรมการ ก็เห็นดีว่า

จะได้นำเงิน ถวายท่าน พระครู บ้าง ท่านพระครูก็มิได้ขัดอะไร พอขายได้เงิน

มาก็นำมาถวายท่าน ซึ่งท่านก็มิกล้ารับเลยในทันที แต่กรรมการวัด ก็บอกว่า

รับไปเถอะท่าน

จะได้นำเงินไปซื้อ หมาก พูล มาถวายท่าน ท่านพระครู พอพูดถึง หมากพูล

ก็เลย เปรี้ยวปาก รับเงินนั้นมา เหตุการณ์ ผ่านไปจน ท่านได้มรณะภาพ

วันหนึ่ง หลวงพ่อ พุธ ท่านได้เดินทางมาพร้อมกับลูกศิษย์ท่าน และเข้ามา

จำวัด ที่วัดแห่งนี้

ในคืนนั้นเอง....... ได้เกิดนิมิตขึ้น กับ หลวงพ่อ ว่า มี........เปรต.....ตนหนึ่ง

ใส่จีวร มาร้องขอให้ท่านช่วย โดยเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมดว่า สาเหตุนั้นเกิด

จากการที่เอาเงินของสงฆ์ ก็คือ เงินที่ได้จากการขายมะพร้าว นั่นเอง มาใช้ใน

การส่วนตัว โดยมิได้รับความเห็นชอบจากสงฆ์ จึงเป็นเช่นนี้

สุดท้ายก็บอกว่า ฉันรอ......ท่านมานานแล้ว ท่านผู้มีบุญ ได้โปรดช่วยฉัน

ด้วย ฉันรอท่านมานานมาก

พอเช้า........ท่านหลวงพ่อ พุธ จึงได้ประชุมสงฆ์ และเล่าเหตุการณ์ต่างๆให้

ฟัง เมื่อตรวจสอบดู จึงรู้ความว่า ท่านเป็นเจ้าอาวาส แห่งนี้จริง และได้มรณะ

ภาพไปนานมากแล้ว ท่านจึงได้ประชุมสงฆ์ และถามในท่ามกลางสงฆ์เหล่า

นั้น เพื่อให้สงฆ์ ทั้งหลายร่วมลงมติ ให้ท่านนำเงินนั้นใช้ได้

เมื่อทำตามขั้นตอนเสร็จ สงฆ์ได้ร่วมกันอโหสิกรรมให้

พอตกกลางคืนของคืนนั้น ท่านสมภาร ได้มาหาท่านอีกครั้ง แต่คราวนี้มาแบบ

สวยงาม เหลืองอร่ามไปด้วยรัศมี เพราะ ท่านได้กระทำกรรมดีมามากมาย

เช่นเดียวกัน แต่เนื่องจาก การนำเงินสงฆ์ไปใช้ส่วนตัวนั้น เป็นบาปหนัก จึง

ต้องรับกรรมก่อน

เรื่องนี้คงเป็นคติ เตือนใจ แก่ท่านที่คิดหรือทำ ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง ให้จง

ระวังและสังวรไว้นะครับว่า ขนาดท่านสมภาร ยังต้องเป็น เปรต เลย แล้วท่าน

ล่ะ จะเป็นอะไร.........

ที่มา
http://www.yorbor.com/index.php?topic=4896.0


เอาเลยครับสหายธรรมะ เรามาช่วยโพส สิ่งๆดีด้วยกัน

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ไม่กลัวนรก !!!!
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 13 มี.ค. 2554, 09:00:24 »
ถ้าทำได้ก็ไม่ต้องกลัวนรก
---------------------
การทำกุศลในพระพุทธศาสนาที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระกรุณาเทศนาโปรดท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เมื่อครั้งประทับอยู่ ณ วัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี ดังที่มีเรื่องบันทึกอยู่ในเวลามสูตร คัมภีร์อ้งคุตตรนิกาย นวนิบาต โดยทรงปรารภถึงพระชาติที่พระองค์ทรงบังเกิดเป็น เวลามพราหมณ์ ได้ถวายมหาทานที่ใช้ทรัพย์สิ่งของมาก แต่มีผลดีสู้การปฏิบัติศีลธรรมตามหลัก ๔ ประการไม่ได้
ข้อปฏิบัติ ๔ ประการ ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแนะนำไว้ ได้แก่
๑.มีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
เป็นสรณะ คือ ที่พึ่งระลึก
๒.รักษาศีล ๕ ได้แก่ ตั้งใจงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ปรพฤติผิดในกาม(ผิดลูก-เมีย-ผัวเขา) การกล่าวเท็จ งดเว้นจากการดื่มสุราเมรัยและเสพของมึนเมา
๓.การเจริญเมตตาจิต ได้แก่ แผ่ความปรารถนาดีไมตรีจิต คิดจะให้บุคคลและสัตว์ท้งหลาย มีความสุข แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่สูดดมของหอมก็มีอานิสงส์มาก
อนึ่ง ใน โอกชาสูตร คัมภีร์สังยุตตนิกาย นิทานวรรค กล่าวว่า การแผ่เมตตาจิต เพียงแค่รีดนมโคให้หยดน้ำนมแห่งแม่โคลง (หรือชั่วรีดขึ้นแล้วรีดลง) มีคุณค่ามากกว่าตั้งเตาหุงอาหารเลี้ยงคน ๓ มิ้อ มื้อละ ๓๐๐ กระทะ(หม้อใหญ่)
๔.การเจริญอนิจจสัญญา ได้แก่ การกำหนดหมายว่า ไม่เที่ยง แม้เพียง
ชั่วระยะเวลาแค่ลัดนิ้วมือ หรือ งอนิ้วมือเข้า หรือเหยียดนิ้วมือออกเท่านั้น
กุศลกรรมทั้ง ๔ นี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า มีอานิสงส์(ผลดี) มากกว่าการถวายทานแด่พระอริยะบุคคล ๔ ระดับ (๑.พระโสดาบัน ๒.พระสกทาคามี ๓.พระอนาคามี ๔.พระอรหันต์) การถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า การถวายทานแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า การถวายทานแด่พระสงฆ์โดยมีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประมุข และการสร้างที่อยู่อาศัยถวายแด่พระสงฆ์ผู้มาจาก ๔ ทิศ
การถวายทานแด่ท่านผู้มีคุณอันสูงยิ่งทั้งหลายทั้ง ๕ ระดับดังกล่าวนั้น
พระพุทธองค์ทรงแสดงว่า ยังมีอานิสงส์น้อยกว่าการลงมือปฏิบัติที่ตัวของผู้ปฏิบัติเอง ทั้ง ๔ ข้อข้างต้น ตามพระพุทธดำรัสแนะนำว่า
การถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ก็มีผลมากกว่าการถวายทาน
การรักษาศีล ๕ ทีผลมากกว่าการถึงซึ่งพระรัตนตรัยเป็นสรณะ
การเจริญเมตตาจิต คือ การแผ่ความปรารถนาดีไปยังสรรพสัตว์มีผลมากกว่าการรักษาศีล ๕
และการเจริญอนิจจสัญญา คือ การกำหนดหมายว่าไม่เที่ยงมีผลมากกว่าการเจริญเมตตาจิต และการเจริญอนิจจสัญญา มีอานิสงส์ คือ ผล ดีมากกว่ากันเป็นลำดับ โดยจะสังเกตุเห็นว่า ลำดับหลังๆ ลงทุนน้อย ลงแรงน้อยกว่า แต่มีผลด้านพัฒนาจิตใจสูงกว่า เพราะฉะนั้น การเจริญอนิจจสัญญา มีผลดีสูงที่สุด และการกระทำตามหลักทั้ง ๔ ข้อ ไม่ต้องใช้ทรัพย์สินเลย แต่ใช้การปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของศีลธรรมให้ถูกต้องและถูกทาง
พระพุทธศาสนาสอนให้พุทธบริษัทลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง เพื่อจะได้เกิดมีคุณธรรมต่างๆที่ตัวเองบ้าง และจะรู้เห็นได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเชื่อใครมาบอก ดังพระธรรมคุณว่า วิญญูชนทั้งหลายพึงรู้เฉพาะตัว หรือมีคำพังเพยว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น แล้วท่านจะไม่ลงมือปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนบ้างหรือ

ขอบคุณที่มา : หนังสือชีวประวัติสามเณร (รวบรวมและเรียบเรียง โดย จำเนียร ทรงฤกษ์)