ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวราหูยกวันจันทร์ที่ ๖ มิ.ย.๕๔ เวลา ๑๕.๐๐ น.  (อ่าน 3176 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ได้ข่าวจากเพื่อนว่า พรุ่งนี้วันจันทร์ที่ 6/6/54 ดาวราหูจะยก
ส่วนเวลา 15.00 น.ได้มาจากเวป
http://www.masteryuk.net/site/index.php?t=1167&jfile=viewtopic.php&option=com_jfusion&Itemid=30
รายละเอียดการยก(เข้า-ออก)ในราศีอะไรยังไม่ทราบ ต้องถามโหร
====================
ส่วนประวัติและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระราหู ค้นหาในเวปบางพระพบว่ามีมากมาย

เทวกำเนิดของพระราหู
กำเนิดของพระราหูมีอยู่ด้วยกัน๒ตำนานด้วยกันคือ ๑.พระราหูถูกสร้างขึ้นมาโดยพระอิศวร หรือพระศิวะจากหัวกะโหลก ๑๒ หัว บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีทอง แล้วประพรมด้วยน้ำอัมฤตเสกได้เป็นพระราหู มีสีวรกายสีนิลออกไปทางทองแดง ทรงสุบรรณ (ครุฑ) เป็นพาหนะ มีวิมานสีนิลอยู่ในอากาศ ประจำอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ(ทิศพายัพ) และแสดงถึงเศษวรรคที่ ๑ (ย ร ล ว) ๒.พระราหูเป็นโอรสของท้าววิประจิตติและนางสิงหิกาหรือนางสิงหะรา เมื่อเกิดมามีกายเป็นยักษ์และมีหางเป็นนาค

พระราหูเป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้ผลในทางลุ่มหลงมัวเมา พระราหูเป็นมิตรกับพระเสาร์และเป็นศัตรูกับพระพุธอันมีเหตุตามนิทานชาติเวร

ในอดีตชาติ พระราหูได้เกิดมาเป็นน้องร่วมท้องเดียวกันกับเทวดานพเคราะห์อีก๒องค์ คือ พระอาทิตย์ และพระจันทร์ โดยพระราหูเกิดเป็นน้องสุดท้อง ครั้งหนึ่ง พระราหูได้ร่วมทำบุญถวายพระที่มารับบิณฑบาตร่วมกับพี่ทั้ง๒คน พระอาทิตย์ตักบาตรในครั้งนั้นด้วยภาชนะทอง พระจันทร์ตักบาตรด้วยภาชนะเงิน ส่วนพระราหูตักบาตรด้วยภาชนะที่ทำมาจากกะลามะพร้าว เมื่อทั้ง๓พี่น้องได้มาเกิดเป็นเทวดานพเคราะห์ พระอาทิตย์จึงมีรัศมีและวรรณะเปล่งปลั่งดุจทองคำ พระจันทร์มีรัศมีและวรรณะเป็นสีขาวสว่างดุจเงิน และพระราหูมีรัศมีและวรรณะเป็นสีนิลออกไปทางทองแดง (แต่ในบางตำราก็ว่ากายของพระราหูนั้นมีสีดำบ้าง สีทองบ้าง แตกต่างกันไป)

สาเหตุที่พระราหูมีกายเพียงครึ่งท่อน
 
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อครั้งที่เหล่าเทวดาได้ทำพิธีกวนเกษียรสมุทรเพื่อให้ได้น้ำอัมฤตนั้นมีทั้งเทวดาและยักษ์ทั้งหลายเข้าร่วมทำพิธี พระราหูได้แอบอยู่ในกลีบเมฆ เมื่อทำพิธีสำเร็จพระราหูจึงรีบลอบดื่มน้ำอัมฤตที่เกิดขึ้นนั้น พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เห็นเข้าจึงรีบเอาความนั้นไปทูลบอกพระนารายณ์หรือพระวิษณุ พระนารายณ์ทราบจึงขว้างจักรตัดไปถูกกลางตัวพระราหูขาดกลายเป็นสองท่อน แต่ด้วยว่าน้ำอัมฤตที่พระราหูได้ดื่มนั้นไหลไปจนถึงกลางตัวพระราหูแล้วพอดี ครึ่งบนของพระราหูที่ถูกตัดออกจึงกลายเป็นอมตะ ส่วนครึ่งร่างนั้นได้กลายมาเป็นพระเคราะห์องค์ที่๙แห่งเหล่าเทวดานพเคราะห์ซึ่งก็คือ พระเกตุ จากนั้นเมื่อครั้งใดที่พระราหูได้พบเจอพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ พระราหูก็จะจับมากลืนกินด้วยความโกรธแค้นที่เทวดาทั้งสององค์นำเรื่องไปทูลพระนารายณ์ แต่อมไว้ในปากได้ไม่นานก็ต้องคายออกมาเพราะทนความร้อนและรัศมีของเทวดานพเคราะห์ทั้งสองไม่ได้ เกิดเป็นเหตุของปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคาตามคติความเชื่อของคนโบราณ

ในโหราศาสตร์ไทย พระราหูถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๘ และด้วยเหตุที่สร้างขึ้นมาจากหัวกะโหลก ๑๒ หัว จึงมีกำลังพระเคราะห์เป็น ๑๒


อ้างอิง
อุระคินทร์ วิริยะบูรณะ และคณะ.พรหมชาติ ฉบับหลวง. กรุงเทพฯ:สำนักงาน ลูก ส.ธรรมภักดี, ม.ป.ป.
เทพย์ สาริกบุตร และคณะ.พรหมชาติ ฉบับราษฎร์. กรุงเทพฯ:สำนักงาน ลูก ส.ธรรมภักดี, ม.ป.ป.

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=6671.msg53682
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ขอเรียนถามผู้รู้ว่า.......พระนารทะ (พระยาอสุรินทราหู)
มีความเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับพระราหู
=========================
พระนารทะ (พระยาอสุรินทราหู)

     สตฺถา สมเด็จพระบรมครูสัพพัญญูเจ้าของเราตรัสพระธรรมเทศนาว่า ในกาลเมื่อสิ้นศาสนาพระยามาราธิราช ผู้เป็นธรรมสามีสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว โลกทั้งหลายจะสูญจากสมเด็จพระพุทธเจ้าสิ้นกาลช้านานถึง ๘ กัปป์ แผ่นดินตั้งขึ้นมาใหม่ได้แสนแผ่นดิน แผ่นดินนั้นสูญเปล่าเป็นสุญญกัปป์ หาบังเกิดสมเด็จพระพุทธเจ้าไม่ ในเมื่อสุญญกัปนับได้แสนแผ่นดินล่วงไปแล้ว จึงบังเกิดแผ่นดินมาใหม่ มีชื่อว่ามัณฑกัปนั้น เป็นแผ่นดินทรงพระพุทธเจ้าได้ตรัส ๒ พระองค์ คือ
- พระยาอสุรินทราหู ๑
- โสณพราหมณ์ ๑
อันว่าพระยาอสุรินทราหูจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน ลำดับนั้นโสณพราหมณ์จักได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าสืบไปฯ
เมื่อพระยาอสุรินทราหูได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ทรงพระนามว่าพระนารทะ
- มีพระองค์สูงได้ ๒๐ ศอก
- มีพระชนมายุยืนได้หมื่นปีเป็นกำหนด
- มีไม้จันทร์เป็นพระมหาโพธิ
- ประกอบไปด้วยรัศมีสว่างรุ่งเรืองทั้งกลางวันและกลางคืน เปรียบประดุจดังว่าสายฟ้าในกลีบเมฆ พระพุทธรัศมีที่เป็นแผ่นแผ่ทึบเป็นแท่งเดียวนั้น ปรากฏสัณฐานดุจดอกปทุมชาติอันตั้งขึ้นมา
- ครั้นศาสนาพระยาอสุรินทราหูนั้น ในแผ่นดินประเทศทั้งปวงเกิดรสภักษาหาร ๗ ประการ มนุษย์ทั้งหลายได้บริโภคภักษาหาร ๗ ประการ อันเกิดแก่แผ่นดิน ก็ประพฤติเลี้ยงชีวิตของอาตมาเป็นสุขสำราญมิได้ขาด

        ดูก่อนสำแดงสารีบุตร อันว่าพระนารทผู้ทรงพระภาคนั้น มีพระรัศมีเห็นปานดังนี้ คือพระยาอสุรินทราหูแต่ก่อนได้สร้างบำเพ็ญพระบารมีทั้งหลาย ๑๐ ประการมาเป็นอันมากแล้ว จึงได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลฯ แต่กองบารมีอันหนึ่ง พระยาอสุรินทราหูได้กระทำเป็นปรมัตถบารมีอันยิ่ง ปรากฏเป็นอัศจรรย์ พระองค์มีพระพุทธฎีกาดังนั้นแล้ว จึงนำมาซึ่งอดีตนิทานมาตรัสพระธรรมเทศนาว่า อตีเต กาเล ในอดีตกาลล่วงแล้วช้านาน ในเมื่อพระสาสนาพระพุทธกัสสปทศพลญาณ พระยาอสุรินทราหูนี้ได้เสวยพระชาติเป็นบรมกษัตริย์ เสวยศิริราชสมบัติอยู่ในมัลลนคร เป็นเอกราชอันประเสริฐ ทรงพระนามว่า พระยาสิริคุตตมหาราช มีพระราชอัครมเหสีพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า ลัมภุราชเทวี มีพระราชบุตร พระราชธิดา ๒ พระองค์ พระราชบุตรมีนามว่า เจ้านิโครธกุมาร พระราชธิดามีนามว่า นางโคตมี อยู่มาวันหนึ่งยังมีพราหมณ์ ๘ คน พากันมาสู่สำนักแห่งพระยาสิริคุตต์ กราบทูลขอพระนคร พระองค์ก็ทรงโสมนัสบังเกิดพระราชศรัทธาโปรดพระราชทานพระนครให้แก่พราหมณ์ทั้ง ๘ ยังแต่พระราชอัครมเหสีและพระราชโอรสกับพระราชธิดาทั้ง ๒ ก็พากันออกจากพระนครเข้าไปในอรัญประเทศ กระทำอาศรมอาศัยอยู่บนยอดเขาใหญ่ พร้อมกันทั้งสี่กษัตริย์ทรงเพศเป็นบรรพชิตอยู่ในอาศรมบทฯ

        ในกาลครั้งนั้นยังมียักษ์ตนหนึ่ง มีนามว่ายันตะ ยักษ์ใหญ่สูงได้ ๑๒๐ ศอก ออกจากประเทศราวป่ามาเฉพาะต่ออาศรมแห่งกษัตริย์ทั้ง ๔ องค์ ยืนอยู่ในที่นั้นแล้วจึงกล่าววาจาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์อันประเสริฐ ข้าพเจ้านี้เกิดมาเป็นยักษ์รักษาพนาลี มีแต่เลือดและเนื้อเป็นภักษาหารเลี้ยงชีวิต ข้าพเจ้ามาทั้งนี้ ปรารถนาจะขอพระราชโอรสและพระราชธิดา ทั้ง๒องค์ เป็นภักษาหาร ถ้าพระองค์ทรงพระราชศรัทธาโปรดพระราชทานให้แล้ว ไปในอนาคตเบื้องหน้า พระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งเป็นแม่นมั่น เมื่อหน่อพระชินวงศ์ได้ทรงฟังยันตะยักษ์ทูลขอพระราชโอรสและพระราชธิดาทั้ง ๒ นั้น พระยาสิริคุตตราชฤาษีผู้แสวงหาพระโพธิญาณก็ชื่นบานในกมลหฤทัยแสนทวี ท้าวเธอจึงมีสุนทรสารทีตรัสแก่ยันตะยักษ์ว่า ดูก่อนท่านผู้เจริญเอ๋ย พระราชกุมารและพระราชกุมารีทั้ง ๒ องค์นี้ ใช่ว่าเราจะไม่มีความเสน่หาอาลัยหามิได้ ด้วยเรารักใคร่ในพระโพธิญาณยิ่งกว่ากุมารทั้ง ๒ ได้ แสนเท่าพันทวี เราจะสละพระราชโอรสและพระราชธิดาทั้ง ๒ ศรี ให้เป็นทานแก่ท่านในกาลบัดนี้ ตรัสแล้วเท่านั้นก็เสด็จลุกจากอาสน์ จูงเอาข้อพระหัตถ์พระราชโอรสและพระราชธิดาทั้ง๒ ผู้ร่วมพระราชหฤทัย มาพระราชทานให้แก่ยันตะยักษ์ แล้วหล่อหลั่งอุทกธาราให้ตกลงเหนือมือแห่งยักษ์ พระองค์จึงประกาศแก่ฝูงเทพเจ้าและนางพระธรณีให้เป็นสักขีพยานว่า เดชะแห่งผลทานนี้จงสำเร็จแก่พระสร้อยเพชุดาญาณในอนาคตกาลด้วยเถิด พอสิ้นความปรารถนาก็บังเกิดมหัศจรรย์ทั่วโลกทุกห้องจักรวาล ปานแผ่นพสุธาจะทรุดจะทำลายฯ
เบื้องหน้ายันตะยักษ์ครั้นได้รับพระราชทานพระราชกุมารและพระราชกุมารีแล้ว ก็บังเกิดมีความชื่นชมยินดี พาตรุณสองศรีไปยังหลังพระบรรณศาลา ก็ก้มศีรษะลงกัดเอาคอกุมารและกุมารีทั้งสองให้ขาดด้วยอำนาจของอาตมา แล้วก็ดื่มโลหิตกินเป็นภักษาหาร แล้วก็เคี้ยวซึ่งเนื้อและกระดูกกลืนเข้าไป เสียงเคี้ยวนั้นดังกร้วมๆ พระฤๅษีผู้เป็นบิดาและมารดาเห็นเห็นหยาดเลือดย้อยลงจากปากยันตะยักษ์ในขณะเมื่อเคี้ยวนั้น มิได้มีพระทัยไหวหวาดด้วยโลกธรรม จึงร้องประกาศแก่ฝูงเทพเจ้าทุกหย่อมหญ้าลดาวัลย์ทั้งปวงจงมาชื่นชม ด้วยทานของเราบัดนี้เป็นอันประเสริฐแล้วฯ

        ดูก่อนสำแดงสารีบุตร ในเมื่อพระศาสนาของของพระยาอสุรินทราหูได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
- ฝูงชนทั้งปวงประกอบไปด้วยรูปศิริวิลาสเป็นอันงาม ควรจะนำมาซึ่งความสิเนหา ด้วยเดชะผลานิสงส์ที่ให้ลูกทั้งสองเป็นทานฯ
- ซึ่งพระองค์ประกอบได้ด้วยพระพุทธรัศมีส่องสว่างสิ้นทั้งกลางวันและกลางคืนนั้นด้วยเดชะผลานิสงส์ที่เห็นโลหิตกุมารทั้ง ๒ หยดย้อยลงจากปากยักษ์ มิได้มีความหวาดหวั่นไหวในมหาทานเลย
แสดงมาด้วยเรื่องราบพระยาอสุรินทราหูบรมโพธิสัตว์คำรบ ๕ ก็ยุติแต่เพียงนี้ฯ

ที่มา
http://7meditation.blogspot.com/2011/03/blog-post_1655.html

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
แล้ว....พระนารทะ (พระยาอสุรินทราหู) เกี่ยวข้องอะไรกับ ยักษ์อสุรินทราหู หรือไม่  :062:
=====================================


"พระนอนจักรสีห์" เป็นพระพุทธไสยาสน์ปางโปรดอสุรินทราหู เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มีพุทธลักษณะที่งดงามองค์หนึ่ง และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ

ตั้งอยู่ที่วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ต.จักรสีห์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรีประมาณ 5 กิโลเมตร ไปทางด้านทิศตะวันออก

พระพุทธไสยาสน์ปางโปรดอสุรินทราหู องค์ใหญ่ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีพุทธลักษณะที่งดงามองค์หนึ่งของประเทศ บริเวณวัดยังเป็นที่ปฏิบัติธรรม เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางด้านพุทธศาสนา สำหรับนักธรรม-บาลี และมีพระแก้ว พระกาฬ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัด

ชาวสิงห์บุรี มีความเชื่อว่าหากมีโอกาสได้นมัสการวัดพระนอนจักรสีห์ฯ แล้วเดินชมต้นสาละลังกาใหญ่ที่ปลูกไว้กว่า 100 ต้น ในบริเวณวัดแล้วอธิษฐานปรบมือใต้ต้นสาละ หากดอกสาละร่วงลงมา คำอธิษฐานนั้นจะประสบผลตามที่หวังไว้

ประวัติ "หลวงพ่อพระนอนจักรสีห์" เป็นพระพุทธรูปปางพระพุทธเจ้าทรงไสยาสน์ เทศนาโปรดยักษ์อสุรินทราหู เพื่อลดทิฐิของอสุรินทราหูที่ถือตัวว่ามีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ พระพุทธเจ้าจึงเนรมิตร่างกายให้ใหญ่กว่ายักษ์

"หลวงพ่อพระนอน" จึงเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่และยาว สร้างโดยท้าวอู่ทอง มีความยาว 1 เส้น 3 วา 2 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว (47.40 เมตร) พระเศียรชี้ไปทางตะวันออก หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ มีความงดงามเป็นอย่างมาก

ภาพ/ข้อมูล : ธรรมะไทย
ภาพ/ข้อมูล : หอมรดกไทย  ขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ
บางส่วนของกระู้ทู้
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=14329.msg130102

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
อสุรินทราหู เกี่ยวข้องกับ พระนารทะ (พระยาอสุรินทราหู) หรือไม่ :062:
=====================================
ตำนานพระปริตร
 
ขอเชิญบรรดาเทพเจ้า ผู้สถิตในสรวงสวรรค์ ชั้นกามาวจร รูปภพ และเป็นผู้สถิตเหนือยอดเขาและหุบเขา และวิมานอันมีอยู่ในอากาศ ทั้งที่สถิตบนเกาะในแว่นแคว้น ที่แดนบ้าน และบนต้นไม้ ในป่าโปร่ง และป่าทึบ ที่เรือน ที่เรือกสวนไร่นา อีกทั้งบรรดายักษ์ คนธรรพ์ และนาคผู้เป็นมิตร เป็นกัลยาณชน ที่สถิตอยู่ในน้ำ และบนบก ในที่ลุ่ม ที่ดอน

ขอจงมาประชุมกันในที่นี้ เพื่อฟังคำของพระมุนีอันประเสริฐ ซึ่งข้าพเจ้าจักสวดต่อไป ณ บัดนี้

ท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลบัดนี้ถึงกาลฟังธรรมแล้ว

ท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลบัดนี้ถึงกาลฟังธรรมแล้ว

ท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลบัดนี้ถึงกาลฟังธรรมแล้ว

มีเรื่องเล่าว่า ณ แดนหิมวันต์ประเทศ มีเทือกเขาชื่อว่า สาตาคิรี เป็นที่ร่มรื่น รมณียสถาน เป็นที่อยู่ของพวกยักษ์ที่เป็นภุมเทพยดา อันมีนามตามที่อยู่ว่า สาตาคิรียักษ์ มีหน้าที่เฝ้าทางเข้าหิมวันต์ ทางทิศเหนือ เป็นบริวารของท้าวเวสสุวัณ สาตาคิรียักษ์ได้มีโอกาสสดับ พระสัทธรรมจากพระบรมศาสดา จนมีจิตเลื่อมใสศรัทธา เปล่งคำยกย่องบูชาด้วยคำว่า "นะโม" หมายถึง พระผู้มีพระภาค ทรงเป็นใหญ่กว่า มนุษย์ เทพยดา พราหมณ์ มาร ยักษ์ และสัตว์ทั้งปวง

กล่าวฝ่ายอสุรินทราหู เมื่อได้สดับพระเกียรติศัพท์ ของพระบรมศาสดา ก็มีจิตปรารถนา ที่จะได้ฟังธรรมของพระบรมศาสดาบ้าง แต่ด้วยกายของตนใหญ่โตเท่ากับโลก จึงคิดดูแคลน พระบรมศาสดา ว่า มีพระวรกายเล็กดังมด จึงอดใจรั้งรออยู่ พอนานวันเข้า พระเกียรติคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ยิ่งขจรขจายไปทั้งสามโลก จนทำให้อสุรินทราหูอดรนทนอยู่มิได้ จึงเหาะมาในอากาศ ตั้งใจว่าจะร่ายเวทย่อกาย เพื่อเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอฟังธรรม แต่พอมาถึงที่ประทับ อสุรินทราหู กลับต้องแหงนหน้าคอตั้งบ่า เพื่อจะได้ทัศนาพระพักตร์พระบรมศาสดา พระผู้มีพระภาคจึงทรงแสดงพระสัทธรรม ชำระจิตอันหยาบกระด้าง ของอสุรินทราหู ให้มีความเลื่อมใสศรัทธา แสดงตนเป็นอุบาสกผู้ถือพระรัตนตรัยตลอดชีวิต แล้วกล่าวสรรเสริญพระบรมศาสดาว่า ตัสสะ แปลว่า ขอบูชา ขอนอบน้อม ขอนมัสการ

เมื่อครั้งที่ท้าวจาตุมหาราช ทั้ง ๔ ผู้ดูแลปกครองสวรรค์ชั้นแรก มีชื่อเรียกว่า ชั้น กามาวจร มีหน้าที่ปกครองดูแลประตูสวรรค์ทั้ง ๔ ทิศ พร้อมบริวาร ได้พากันเข้ามาเฝ้าพระบรมศาสดา แล้วทูลถามปัญหา พระบรมศาสดา ทรงแสดงธรรมตอบปัญหา แก่มหาราชทั้งสี่พร้อมบริวาร จนยังให้เกิดธรรมจักษุแก่มหาราชทั้งสี่ และบริวาร ท่านทั้ง ๔ นั้น จึงเปล่งคำบูชาสาธุขึ้นว่า ภะคะวะโต แปลว่า พระผู้มีพระภาค ทรงเป็นผู้จำแนกธรรมอันยิ่ง อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า

อะระหะโต เป็นคำกล่าวสรรเสริญ ของท้าวสักกะเทวราช เจ้าสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น ท่านสถิตอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท้าวสักกะเทวราช ได้ทูลถามปัญหา แด่พระผู้มีพระภาค พระพุทธองค์ทรงตรัสปริยายธรรม และ ทรงตอบปัญหา จนทำให้ท้าวสักกะเทวราช ได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระโสดาปัตติผล จึงเปล่งอุทานคำบูชาขึ้นว่า "อะระหะโต" แปลเป็นใจความว่า อรหันต์ เป็นผู้ไกลจากกิเลส ไกลจากเครื่องข้องทั้งปวง

สัมมาสัมพุทธัสสะ เป็นคำกล่าวยกย่องสรรเสริญ ของท้าวมหาพรหม หลังจากได้ฟังธรรม จนบังเกิดธรรมจักษุ จึงเปล่งคำสาธุการ "สัมมาสัมพุทธัสสะ" หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยพระองค์เอง ทรงรู้ดี รู้จริง รู้ยิ่ง กว่าผู้รู้อื่นใด

รวมเป็นบทเดียวว่า "นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ"แปลโดยรวมว่า ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
ที่มา
http://www.watkoh.com/forum/index.php?topic=1092.0;wap2

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ในทางพระพุทธศาสนา เชื่อว่า พระราหูคือ พระโพธิสัตย์ และจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกัปนี้ ชื่อว่า นารทะ

ในประวัติของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ก็ยังกล่าวไว้ว่า พระราหูนั้นมาช่วยงานท่าน หลวงพ่อถามว่า ทำไมจึงไม่เที่ยวอมจันทร์ ทางบอกว่า ไม่อมหรอกดิน นั้น ก็แสดงให้เห็นว่า คติพุทธกับคติพราหมณ์นั้นแตกต่างกัน

ผมได้ศึกษาตำรายันต์ก็พบว่า มีการบอกวิธีการสร้างยันต์ราหู

เมื่อศึกษาเข้าใจอย่างถ่องแท้ เผอิญได้กะลาตาเดียวมาจากน้องชาย ชึ่งก่อนหน้านั้น น้องชายพกติดตัวไปร้านทุกวัน แต่ยังไม่ได้ปลุกเสก ลงยันต์ แต่อานุภาพของกะลา ก็สามารถเรียกลูกค้าได้

เมื่อผมได้มาจึงสร้างตามตำรา และเชื่อมีอานุภาพของพระโพธิสัตย์ ทำตามสูตรทุกอย่าง  ได้แก่

1. เครื่องบูชา
2. ใช้วิชาเรียกเทพ พรหมณ์ พระราหูมาช่วยปลุกเสก
3. ใช้วิชาดูดพลังเทพ
4. ใช้วิชาพระอรหันต์เข้านิโรธ
5. แกะสลักเลขยันต์ด้วยสูตรธาตุ และอาการ 32
6. ดูฤกษ์ และ เสกตามฤกษ์ ตลอดเวลากลางวัน และ กลางคืน

วิชานี้ สามารถทำให้บันดาลทรัพย์ สมบัติ แคล้วคลาด อำพรางตา มหานิยม อายุยืนยาวนาน ไม่เจ็บไม่เข้า ข้าทาสบริวารรัก ทำให้คนรักกัน ทำให้คนขโมยไปไหนไม่ได้ ป้องกันศัตรู ค้าขายดี

และวันที่ 24 และ 30 เมษายน นี้ ผมจะนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก

นอกจากนี้ผมยังได้สร้างยันต์ราหู สุรุยประภา และ จันทรประภา อีกด้วย 7 คู่ ไว้สักการะบูชาส่วนตัว

ผมได้ลองสาธายายมาแล้ว ปรากฎว่ามีคนนำอาหาร มาให้กินถึงที่พักโดยอัศจรรย์ทั้งๆ ที่ไม่เคยได้รับอาหารจากคนๆ นั้นมาก่อน

คราวหน้ามีเกร็ดความรู้อะไร จะมาเล่าให้ฟังต่อครับ

สวัสดีครับ
ที่มา
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=16345.msg150699

ออฟไลน์ สาม เสมา

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 35
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ราหูในทางโหราศาสตร์นั้น "ไม่ใช่ดาว" แต่เป็นจุดตัดกันระหว่าง "เส้นระวิมรรค (ทางเดินของพระทิตย์)" และ "เส้นจัทรมรรค(ทางเดินของพระจันทร์)" โดยจุดตัดทางทิศเหนือแทน "พระราหู" และ ทางใต้แทน "พระเกตุ"

พระราหูในทางโหราศาสตร์มีอัตราการโคจรราศีละ "ปีครึ่ง" โดยวันที่ ๖ มิ.ย.๕๔ จะยกย้ายจากราศีธนูมาราศีพิจิก โดยราหูจะเดินย้อนจักร (ตามเข็ม) ต่างกับดาวพระเคราะห์อื่นๆที่เดินตามจักร (ทวนเข็ม) อันที่จริงการคำนวณทางโหราศาตร์นั้น ในวันที่ ๖ นี้ จะเป็นการคำนวณแบบค่าเฉลี่ย ทางสากลเรียกว่า Mean Node โดยถ้าเป็นการคำนวณทางดาราศาตร์ที่แท้จริงจะเรียกว่า True Node ซึ่งราหูจะย้ายราศีตั่งแต่วันที่ ๓ พ.ค.แล้ว

ราหูในทางโหราศตร์นั้นจะเกี่ยวข้องกับพระอสุริทรราหูหรือไม่อย่างไรนั้น ยังหาที่มาที่ไปไม่ได้ รู้แต่ว่าเมือราหูจรเข้าไปอยู่ที่ราศีใด และไปต้องกับดวงชาตาของผู้ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดคราส (จันทรคราสและสุริยคราส) ความวิบัติมักจะบังเกิดกับชาตาผู้นั้น
ลูกศิษย์ ลูกสัก ลูกสัตว์ ๓ ลูกนี้มีความหมาย

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ราหูในทางโหราศาสตร์นั้น "ไม่ใช่ดาว" แต่เป็นจุดตัดกันระหว่าง "เส้นระวิมรรค (ทางเดินของพระทิตย์)" และ "เส้นจัทรมรรค(ทางเดินของพระจันทร์)" โดยจุดตัดทางทิศเหนือแทน "พระราหู" และ ทางใต้แทน "พระเกตุ"

พระราหูในทางโหราศาสตร์มีอัตราการโคจรราศีละ "ปีครึ่ง" โดยวันที่ ๖ มิ.ย.๕๔ จะยกย้ายจากราศีธนูมาราศีพิจิก โดยราหูจะเดินย้อนจักร (ตามเข็ม) ต่างกับดาวพระเคราะห์อื่นๆที่เดินตามจักร (ทวนเข็ม) อันที่จริงการคำนวณทางโหราศาตร์นั้น ในวันที่ ๖ นี้ จะเป็นการคำนวณแบบค่าเฉลี่ย ทางสากลเรียกว่า Mean Node โดยถ้าเป็นการคำนวณทางดาราศาตร์ที่แท้จริงจะเรียกว่า True Node ซึ่งราหูจะย้ายราศีตั่งแต่วันที่ ๓ พ.ค.แล้ว

ราหูในทางโหราศตร์นั้นจะเกี่ยวข้องกับพระอสุริทรราหูหรือไม่อย่างไรนั้น ยังหาที่มาที่ไปไม่ได้ รู้แต่ว่าเมือราหูจรเข้าไปอยู่ที่ราศีใด และไปต้องกับดวงชาตาของผู้ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดคราส (จันทรคราสและสุริยคราส) ความวิบัติมักจะบังเกิดกับชาตาผู้นั้น

ขอบพระคุณท่าน สาม เสมา ที่ให้ความรู้ครับ :090:

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาตนำเรื่องที่เกี่ยวในเวปบางพระมาให้อ่านครับ
ผมตัดมาบางส่วน


      ครั้งหนึ่งพระอินทร์ พระพรหม พร้อมด้วยเหล่าเทวดาทั้งหลายและพระราหู ได้ช่วยกันขุดบ่อน้ำทิพย์อันเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ หากใครได้ดื่มกินจะเป็นอมตะ ไม่รู้จักคำว่าตาย แต่พระราหู โดยส่วนตัวแล้วชอบเอาเปรียบผู้อื่นอยู่แล้ว เลยไม่ค่อนได้ช่วย ทั้งที่ตัวใหญ่ และพระอินทร์ได้สั่งไว้ห้ามใครดื่มกินเด็ดขาด เมื่อพระอินทร์ พระพรหม และพระนารายณ์ ขุดจนได้น้ำแล้ว พระราหูแอบไปขโมยกินจนหมดบ่อ พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เห็นเข้าจึงรีบเอาความนั้นไปทูลบอกพระนารายณ์ พระนารายณ์ทราบจึงได้ขว้างจักรใส่พระราหูจนขาดกลายเป็นสองท่อน ท่อนบนหรือส่วนหัวกระเด็นมาติดที่เขาพระราหู ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดสถิตคีรีรมย์(วัดเขาราหู) ส่วนท่อนล่างได้ตกลงบนพื้นดินกลายเป็นพระภูมิเจ้าที่ หรือเรียกว่าท้าวกรุงพาลี

   คำว่า นะ โม พุท ธา ยะ ดำเนินความตามโบราณคัมภีร์ ตั้งแต่ต้นปฐมกัป โลกนี้ยังว่างเปล่า เพราะเหตุไฟประลัยกัลป์ไหม้โลกจนหมดสิ้น แล้วฝนก็ตกลงมาจนน้ำท่วมโลก ชำระสิ่งต่างๆให้หมดไป ครั้งกระนั้นยังเหลือแต่พรหมโลกที่รอดพ้นจากภัยภิบัติ ขณะที่น้ำท่วมโลกลดลง และได้เกิดแผ่นดินขึ้นมา ก็เผอิญให้เกิดดอกบัวขึ้นมา ๕ ดอก ท้าวสะหะบดีพรหม ท้าวสะหะบดีพรหม ซึ่งประทับอยู่บนพรหมโลก จึงได้แลพระญาณลงมายังโลกนี้ ได้มองเห็นดอกบัว ๕ ดอก แต่ละดอกมี อักขระ นะโม พุท ธา ยะ กำกับอยู่ดอกละอักขระ จึงได้ทรงทำวันทนาการ แล้วตรัส พยากรณ์ว่า กัปป์ที่เกิดขึ้นใหม่นี้ชื่อว่า ภัทรกัปป์จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๕ พระองค์ แล้วท้าวสะหะบดิพรหมจึงได้ทรงเอาหญ้าคาทิ้งลงมาบนโลก จึงได้เกิดแผ่นดิน มนุษย์ และสัตว์โลกจนทุกวันนี้

      ฉะนั้น นะ โม พุท ธา ยะ จึงเป็นอักขระที่แสดงให้รู้ถึงพระพุทธเจ้า ๕พระองค์ เป็นอักขระที่แสดงให้รู้ถึงพระพุทธเจ้า ๕พระองค์ เป็นอักขระที่เกิดขึ้นมาเองที่วิเศษ โดยไม่ได้ตบแต่ง หากใครได้ภาวนาไว้ก็เหมือนได้พบกับพระพุทธเจ้า ๕พระองค์ และคณาจารย์ทุกสำนักก็ต้องเรียนอักขระนี้มาก่อนทั้งสิ้น
      

อ่านที่หมด ที่มา
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=11551.msg110037

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
การบูชาพระราหู ผู้บูชาจะต้องมีศีลมีธรรมและมีความดี มีคุณธรรมสูง และทำบุญกุศลอยู่เสมอ ความร่ำรวยหรือโชคลาภใหญ่ก็จะเกิดขึ้นได้
สวดด้วยพระคาถาบูชาพระราหู12จบว่าดังนี้ -

คาถาสุริยะบัพภา การบูชากลางวัน
กุสเสโตมะมะ กุสเสโตโต ลาลามะมะ โตลาโม โทลาโมมะมะ โทลาโมมะมะ
โทลาโมตัง เหกุติมะมะ เหกุติฯ

คาถาจันทรบัพภา การบูชากลางคืน
ยัดถะตังมะมะ ตังถะยะ ตะวะตัง มะมะตัง วะติตัง เสกามะมะ กาเสกัง
กาติยังมะมะ ยะติกาฯ

ที่มา
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=10981.0

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
ด้านอาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวว่า เมื่อเวลา 17.15 น. ของวันที่ 24 พฤษภาคม พระราหูซึ่งเป็นโมหจริตได้ย้ายจากราศีธนูเข้าสู่ราศีพิจิกซึ่งเป็นภพมรณะของดวงเมือง ในทางโหราศาสตร์เมื่อดาวร้ายไปอยู่ในภพมรณะจะทำให้ความชั่วร้ายต่าง ๆ ถูกสยบลงไป ส่วนดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวที่แสดงถึงคุณธรรม จริยธรรม เคลื่อนไปทับลัคนาเมืองที่ราศีเมษจะยิ่งส่งผลดี ทำให้กลุ่มคนที่ลุ่มหลงมัวเมากลับมามีสติรู้สึกตัว และเข้าใจความเป็นจริงมากขึ้น เพราะความลับต่าง ๆ จะถูกเปิดเผยออกมามากขึ้น
:016: :015:
ที่มา
http://hilight.kapook.com/view/59140

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
อาจารย์ ลักษณ์ กล่าวว่า วันที่ 24 พฤษภาคม 2554 ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งตามหลักการโคจรดวงดาวในทางโหราศาสตร์ กล่าวคือ ดาวราหูย้ายราศี จากราศีธนูไปสู่ราศีพิจิก ได้ตำแหน่งเป็น "มหาอุจ" ส่งผลต่อชะตาเมืองและชะตาบุคคลใน 12 ราศี ตำแหน่งของราหู "มหาอุจ" คือตำแหน่งที่โดดเด่นหรือตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่

ใน ทางโหราศาสตร์ ดาวใดที่ได้ตำแหน่งมหาอุจนั้น ถือว่าเป็นตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุด แล้วจะให้คุณให้โทษได้มากที่สุด ราหูจะมีวิถีแห่งการโคจรผ่านรอบจักรราศีหนึ่ง ใช้เวลา 18 ปี กล่าวคือ ใน 1 ราศี จะใช้เวลาโคจรประมาณ 1 ปีครึ่ง 12 ราศีก็เท่ากับ 18 ปี ในห้วงเวลาของวันที่ 24 พฤษภาคม 2554 เป็นต้น ใครที่เคยเกิดเมื่อ 18 ปีที่แล้ว เมื่อ 36 ปีที่แล้ว จะมีราหูได้ตำแหน่งนี้แหละ และราหูที่ได้ตำแหน่งตรงนี้ ก็จะเป็นตำแหน่งที่สำคัญ กล่าวคือ จะบันดาลให้เกิดโชคลาภ บันดาลให้เกิดความเป็นสิริมงคลตามอิทธิฤทธิ์ของเทพพระราหู และที่สำคัญ เป็นตำแหน่งที่ส่งผลดีต่อดวงเมืองประเทศไทย และส่งผลดีต่อประชาชนผู้ประกอบกุศลวัตร ทำคุณงามความดี และมีวิริยะ อุตสาหะ :015:

สำหรับ "เทพพระราหู" นั้นมีอยู่ในทุกประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะจะเห็นว่าเทพพระราหูจะอยู่สถิตหน้าบันพระอุโบสถ ประตูเทวสถาน หรือพุทธสถาน ที่มหาเจดีย์ชเวดากอง ทางทิศเหนือ ก็จะมีเทพพระราหูอยู่ด้านบนเจดีย์, นครวัด นครธม ก็มีภาพเทพพระราหูอยู่แทบทุกหนแห่ง, ยิ่งมหาเจดีย์บุโรพุทโธ จะมีเทพพระราหูอยู่ตามซุ้มประตูอันศักดิ์สิทธิ์ ถือว่าเทพองค์นี้มีฤทธิ์ที่อยู่คู่กับโลกใบนี้มาช้านาน และมีประวัติมานับพันปีแล้ว จึงเป็นเหตุผลที่พระราหูจึงควรสถิตอยู่คู่กับพระพุทธศาสนา เพราะมีความเชื่อของเทพพระราหูในการคุ้มครองป้องกันมิให้เกิดเหตุเภทภัยกับ พระพุทธศาสนาและสาธุชนทั้งหลาย และเป็นคติความเชื่อในเรื่องของการคุ้มครองผู้นับถือพระพุทธศาสนาและพระพุทธ ศาสนาให้ดำรงคงอยู่ด้วยบารมีของพระราหู ด้วยความเชื่อในทางโหราศาสตร์ ตามปรัชญาทางโหราศาสตร์ก็มีการกล่าวถึงพระราหูในตำนานของนพเคราะห์ และประวัติในทางพระพุทธศาสนา


ที่มา
http://www.xn--22cej4gzaby6cyaq5dzf9dj.com/


บทสวดบูชาพระราหู

อิติปิโส ภะคะวา พระราหูจะมัสมิง จะ พุทธคุณัง จะ ธัมมะคุณัง จะ สังฆะคุณัง
สัพพะทุกขัง สัพพะภะยัง สัพพะโรคัง วิวัชชะเย สัพพะลาภัง ภะวันตุเม

http://www.web-pra.com/Shop/Arayasombat/Show/389409
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 มิ.ย. 2554, 11:12:48 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ arada

  • เรียนๆ รักๆ ปากกาถูกลัก ไม่พักเรียน
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1111
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - nuk_b@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาถ่ายทอดครับผม
ธรณีนี่นี้             เป็นพยาน

เราก็ศิษย์มีอาจารย์    หนึ่งบ้าง

เราผิดท่านประหาร     เราชอบ

เรา บ่ ผิดท่านมล้าง    ดาบนั้นคืนสนอง

ออฟไลน์ สาม เสมา

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 35
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
เพิ่มเติมครับ

ราหูที่ยกเมื่อวันที่ ๒๔ พค. ๕๔ ที่คุณภิญโญ และคุณลักษณ์ใช้ เป็นการคำนวณแบบสุริยยาตร์
ส่วนราหูที่ยกวันนี้ (๖ มิ.ย.๕๔) เป็นการคำนวณแบบดาราศาสตร์ ที่ตรงกับความเป็นจริงบนท้องฟ้า
ที่มีบอกในปฏิทินโหราศาสตร์ประจำปีตามแนวทางท่าน อ.เทพย์ สาริกบุตร ปรมาจารย์ทั้งด้านโหราศาสตร์
และไสยศาสตร์ ที่ท่านทั้งหลายที่ศึกษาจากตำราคงจะรู้จักชื่อท่านเป็นอย่างดี

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ขอบพระคุณท่าน สาม เสมา ครับ  :054:
มีข้อเสนอแนะในการบูชาไหมครับ

ออฟไลน์ สาม เสมา

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 35
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ถึงท่านทรงกลดและท่านที่สนใจ

ในมิติทางโหราศาสตร์นั้น ได้คติในการบูชาเทวดานพเคราะห์ซึ่งพระราหูก็เป็นหนึ่งในนั้น มาจากพราหมณ์ โดยจะแบ่งเป็นการบูชาดังนี้

๑. เมื่อมีดาวจรมาทำมุมร้ายๆกับดาวเดิม หรือพูดง่ายๆ ก็คือเมื่อตรวจดวงชาตาแล้วดวงไม่ดี
โดยอาจจะทำการบูชาที่ละดาว (ที่ละพระเคราะห์) เช่นเมื่อพระราหูจรมาให้โทษก็จะทำการบูชาพระราหู
หรืออาจจะทำการบูชาไปทุกดาวพระเคราะห์เลยก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยของผู้กระทำเป็นหลัก โดยจะใช้พระปริตร
ทางพระพุทธศาสนามาสวดเพิ่มเติ่มด้วย

๒.บูชาโดยการสวดรับและส่งดาวพระเคราะห์ โดยในกรณีนี้หลายๆท่าน "ยังเข้าใจผิด" อยู่
แต่เนื่องจากว่าคนในบ้านเมื่องของเรา หาที่พึ่งอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงทำไปเพราะไม่รู้ ทำไปเพื่อความสบายใจ เป็นต้น

  อันที่จริงการสวดรับส่งดาวพระเคราะห์นั้น โหรท่านจะทำต่อเมื่อ "เทวดาเสวยอายุ แทรก" เท่านั้น เช่นพระราหูเสวยอายุครบ
และพระศุกร์จะมารับช่วงเสวยอายุต่อ ดังนั้นจึงมีการสวดส่งพระราหู และสวดรับพระศุกร์เป็นต้น โดยวิธีการคำนวณหาดาวพระเคราะห์เสวย
อายุนั้น ก็มีมากมายหลายวิธีมาก เช่นคัมภีร์มหาทักษา (คิดจากวันเกิด) วิมโสตรีทักษา (พิจารณาจากดาวจันทร์ในจักราศี) ฯลฯ

  แต่ที่เห็นทำกันในปัจจุบันนั้น เป็นการทำเพื่อหากินกัน ทำเพราะความไม่รู้ หรืออื่นๆ โดยเห็นทำการบูชาเทวดากันเมื่อ "ดาวย้ายราศี" เช่นเมื่อวันที่ ๒๔ พค. ๕๔ ก็มีการบูชาพระราหูกัยยกใหญ่เพราะบอกกว่าพระราหูย้ายราศี บูชาแล้วจะรวย

  ในความเป็นจริงนั้น ดาวในจักราศี ต่างก็มีเวลาในการโคจรในแต่ละราศีอยู่แล้ว เช่น พระอาทิตย์จะย้ายราศีทุกๆ เดือน (ครบ ๑๒ ราศีเป็นหนึ่งปี)
พระจันทร์จะย้ายราศีราว ๒ วันครึ่ง (ครบ ๑๒ ราศีเป็น ๑ เดือน) พระราหูทุกๆ ๑ ปีครึ่ง  ฯลฯ ดังนั้น "ถ้าเราต้องบูชาเทวดาเมื่อดาวย้ายราศี" เราไม่ต้องบูชาพระจันทร์ ทุก ๒ วันครึ่งหรือ และเราไม่ต้องบูชาพระอาทิตย์ทุกๆเดือนหรือ  เราลองพิจารณาง่ายๆเช่นนี้

  ลูกศิษย์พระเดชพระคุณของหลวงพ่อเปิ่น เป็นผู้มีปัญญากันทุกคน ดังนั้นอย่าให้อวิชชา หรือความไม่รู้มาทำให้เราไขว้เขวได้

  ในการบูขานั้น บูชาอะไรก็ไม่เท่าบูชาพระรัตนตรัย บูชาบิดามารดา บูชาครูบาอาจารย์ ดั่งบทที่ว่า "ปูชาจะปูชนียานัง" คือบูชาสิ่งที่ควรบูชา
ส่วนเทพเทวดาทั้งหลาย เราก็บูชาได้ ส่วนจะเป็นอามิสบูชา หรือปฏิบัติบูชานั้น ก็แล้วแต่ละท่านจะพิจารณากันเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 มิ.ย. 2554, 06:53:00 โดย สาม เสมา »

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
ในการบูขานั้น บูชาอะไรก็ไม่เท่าบูชาพระรัตนตรัย บูชาบิดามารดา บูชาครูบาอาจารย์ ดั่งบทที่ว่า "ปูชาจะปูชนียานัง" คือบูชาสิ่งที่ควรบูชา
ส่วนเทพเทวดาทั้งหลาย เราก็บูชาได้ ส่วนจะเป็นอามิสบูชา หรือปฏิบัติบูชานั้น ก็แล้วแต่ละท่านจะพิจารณากันเอง

กราบขอบพระคุณ :054:ท่าน สาม เสมา เป็นอย่างยิ่งครับ สำหรับความรู้และแนวคิด  25;
ถ้าท่านเข้ามาพูดคุยหรือตอบเรื่องธรรมะบ้างก็จะยิ่งดีครับ ผมเป็นเพียงนักศึกษาใหม่ครับ สงสัยไปเรื่อยเลยครับ 15;