ผู้เขียน หัวข้อ: ศิลปะในการหายใจ หลวงปู่พุทธะอิสระ  (อ่าน 4279 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ศิลปะในการหายใจ  หลวงปู่พุทธะอิสระ

    มีการค้นพบกันว่า สัตว์ที่หายใจสั้นและถี่ จะมีชีวิตสั้น ส่วนสัตว์ที่หายใจยาวและเป็นระบบ จะมีอายุยืนยาว อวัยวะในกาย เซลล์ต่างๆในกาย จะตื่นตัวและเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเสมอ สังเกตดูได้จากสัตว์รอบๆตัวท่าน………..

   ศิลปะในการหายใจ นี้ หลวงปู่เรียกมันว่า ลม7 ฐาน หรือใครจะเรียกมันว่า โยคะ หรือ โยคี อะไรก็แล้วแต่ มันมีอยู่แล้วในศิลปะการหายใจ มีอยู่ใน พุทธศาสนา นั่นคือ วิชา อานาปานสติกรรมฐาน นี้แหละ วิชาอานาปานสติกรรมฐาน คือ การค่อยๆผ่อนลมหายใจ หายใจด้วยความผ่อนคลาย ความรู้สึกดื่มด่ำ ซึมซาบ และซึมสิงกับกลิ่นอายธรรมชาติแวดล้อมที่สูดเข้าไป และไปเปลี่ยนเป็นพลังงานพร้อมกับขับถ่ายของเสียออกมากับลมหายใจที่ระบายออก คือ การตามดูลมที่เข้าและออก มีสติ จดจ่อ จับจ้อง จริงจัง และก็ตั้งใจ………..

   ศิลปะในการหายใจเพื่อการผ่อนคลาย หลวงปู่ไม่อยากจะเรียกมันให้เป็นวิชาสูงส่ง เพราะพระพุทธเจ้าทรงสูงส่งกว่าหลวงปู่มาก แต่ประสบการณ์ทางวิญญาณ ที่หลวงปู่ได้รับรู้จากการปฏิบัติ ที่นำมาเล่าสู่พวกท่านฟัง ก็คือ ระบบการหายใจ คำพูดประโยคหนึ่งที่หลวงปู่พูด คิด ทำ ที่พวกท่านได้ฟังบ่อยๆ ก็คือเรื่อง จัดระเบียบของกาย จนเป็นระบบของความคิด………..
 
  เพราะฉะนั้น เรามาเริ่มจัดโครงสร้างของกายให้เป็นระเบียบกันก่อน ที่จริงเราฝึกจิต ไม่ใช่ฝึกกาย แต่เมื่อกายเป็นที่อยู่แห่งจิต เราก็จำเป็นต้องปรับระบบโครงสร้างของกายให้โล่ง โปร่งเบา ผ่อนคลาย จนเป็นที่สบายของจิตเสียก่อน…………

    เริ่มจากการปรับโครงร้างของกายให้ตรง ไม่ว่าจะอยู่ในท่าไหนๆ ท่านั่งก็ได้ ท่ายืนก็ได้ ท่าเดินก็ได้ หรือท่านอนก็ได้ เสร็จเรียบร้อย แล้วก็ปรับโครงสร้างของตนให้มี อิริยาบถ 3 ประการคือ อิริยาบถสะอาด อิริยาบถสงบ อิริยาบถปกติ เมื่อเรามีอิริยาบถอันสะอาด อันได้แก่ อิริยาบถที่ปราศจากมลทิน อิริยาบถที่ปราศจากเครื่องร้อยรัด อิริยาบถที่ปราศจากความคั่งค้าง คาราคาซัง ไม่เสร็จ ไม่เสร็จในภาระกิจทั้งปวง ส่วนอิริยาบถสงบ คือ อิริยาบถที่ผ่านขั้นตอนในการชำระล้าง สะสาง ขจัด เครื่องร้อยรัดและมลทิน พร้อมกับภาระกิจทั้งปวง ได้ถูกปล่อยวาง จนหมดสิ้นแล้ว สำหรับอิริยาบถปกติ นั่นมันหมายถึง ความจริงจัง จริงใจ สนใจ สม่ำเสมอ ต่อการชำระสะสาง ขจัด ขัดเกลา ในภาระทั้งเก่าและใหม่ ให้หดหาย ผ่อนคลาย เบาสบาย ทีนี้ก็เริ่มที่จะจัดโครงสร้างภายในกาย…………….


   ก่อนอื่น ลองดูรูปโครงกระดูกที่มีให้ไว้นี้ รูปโครงกระดูกที่เห็นนี้ จะเป็นคู่มือในการจัดโครงสร้างของกาย เป็นรูปที่ช่วยป้องกันภัยพิบัติจากตาเห็น หูฟัง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส และกายสัมผัส……………….(ไม่มีรูป...แต่ให้นึกเอา)

ลำดับแรก เราน้อมเอารูปโครงกระดูกอันนี้ เข้ามาอยู่ในกายเรา ลำดับที่ 2 ก็คือ โยกขยับปรับโครงสร้าง ลองขยับดูให้ดี ตรงไหนมันบิดมันเบี้ยว ทับเส้นเอ็นเส้นประสาท จัดให้เข้าท่าเข้าทาง จนแน่ใจว่า ทำให้เราสบายในขณะที่นั่งอยู่ได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ส่วนมือไม้จะวางไว้ตรงไหน หลวงปู่ไม่จำเป็นจะต้องบอก ว่าจะต้องวางไว้ที่เข่าอย่างหลวงปู่ เพราะหลวงปู่ถนัดอย่างนี้ ก็วางอย่างนี้ แต่ถ้าเราถนัดอย่างไร ก็วางเอาไว้อย่างนั้น หรืออาจจะเอามาซ้อนไว้ตรงหน้าตักก็ได้ หรือวางทิ้งไว้ข้างขาก็ได้ จะหลับตาก็ได้ ลืมตาก็ได้ แล้วแต่ แต่ต้องไม่เกร็ง หรือข่มหนังตาและลูกตา………..

    ที่นี้ลองโยกตัวไปข้างหน้า โยกตรงๆ ไม่ใช่โยกเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง โดยทิ้งน้ำหนักตัวลงสู่ช่วงล่างของลำตัว เพื่อรักษาดุลถ่วง ตอนที่โยกตัวไปข้างหน้า ก็ให้ส่งความรู้สึกไปในโครงสร้างดูว่า กระดูกทุกส่วนของร่างกายมันมีอะไรบกพร่องบ้าง อะไรผิดพลาดบ้าง โยกตัวไปช้าๆ ให้ลำตัวเกือบขนานไปกับพื้น อย่างมีสติ แล้วค่อยๆโน้มขึ้นมาให้ตั้งตรง แล้วก็เอนไปทางขวา แล้วก็กลับมาตั้งตรงขึ้นมาอย่างช้าๆ จากนั้นเอนไปทางซ้าย แล้วก็ตั้งตรงขึ้นมาอย่างช้าๆ ถ้าเราส่งความรู้สึกมันลงไปในกาย แล้วคลุมอาการไหวของโครงสร้างภายในกายให้ตลอด แล้วเราก็จะสัมผัสได้ถึงความชัดเจน รู้จริง เห็นจริง ในอิริยาบถของตนเอง แล้วสิ่งหนึ่งที่จะปรากฏแก่เราก็คือ ความสงบ สงบไหม เริ่มรู้สึกตัวทั่วพร้อมแล้วใช่ไหม เช่นนี้แหละที่เรียกว่า สติปัฏฐาน นั่นคือ สติเป็นฐานที่ตั้งมั่นของพฤติกรรม เรื่องที่เราทำ คำที่เราพูด สูตรที่เราคิด จะถูกต้องชอบธรรมได้ก็ด้วยอาศัยฐานที่ตั้งอันนี้แหละ…………..

ที่มา
http://www.buddha-dhamma.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=334451&Ntype=4
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ศิลปะในการหายใจ หลวงปู่พุทธะอิสระ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 01 ก.ค. 2554, 08:50:20 »

    เอาละ…….ขยับโยกไปข้างหลังอีกหน่อย ตรวจสอบก้นกบ และโครงสร้างของเรา ต้องทำอย่างจริงจังและจับจ้องต่อมัน แล้วก็กลับมาอยู่ในท่าตรง ขยับหัวไหล่ แล้วแอ่นอกไปข้างหน้า แอ่นอกไปข้างหลัง จากนั้นตรวจสอบดูให้พร้อมว่า กระดูกส่วนใดมีความผิดปกติบ้าง บิดคอจากซ้ายไปขวา ขวาก็ไปซ้าย แล้วมองตรง เงยคอและหน้าขึ้นมองเพดาน และก็กลับมามองตรงเฉพาะหน้า สายตาทอดลงต่ำ……………..
เมื่อเราได้โครงสร้างที่เหมาะสมแล้ว เราก็ค่อยๆเริ่มหรี่เปลือกตาลงน้อยๆ ด้วยความสุขุมนุ่มนวล และสุภาพอ่อนโยน ไม่ใช่หลับจนเกร็งเปลือกตา จนหลับปี๋ จะกลายเป็นความถมึงทึง เครียด…………

    เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆให้เต็มปอด ลึกสุดหยั่งเต็มที่ พร้อมตามดูลมไป จนกระทั่งมันพลุ่งพล่านอยู่ภายใน เปรียบประดุจดังน้ำที่เทเข้าขวด จนเต็มแน่นอัด ในขณะที่มันกำลังเต็ม ก็เกิดฟองคลื่น แล้วก็ล้นไหลนองออกมาจากขวด เราต้องปิดฝาขวดไว้สักพัก คือ กักลมทิ้งไว้ อย่าเพิ่งผ่อนลมออก นับในใจว่า 1,2,3,4,5,6 แล้วก็เปิดฝาขวดค่อยๆรินน้ำออก คือ ผ่อนลมออกอย่างแผ่วเบา สุภาพ ผ่อนคลาย และหมดจด แล้วพักไว้สักนิด หยุดกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งครั้ง แล้วค่อยๆสูดเข้าไปใหม่อย่างสุขุมคัมภีรภาพ เบิกบาน เต็มสมบูรณ์ สูดให้เต็มปอด จนกระทั่งลมมันยกหน้าอกขึ้น แล้วก็กักลมทิ้งไว้ พร้อมกับนับใหม่………….

    เราอาจจะนับไม่ถึง 6 ก็ได้ หรือไม่นับก็ได้ เพื่อให้ลมมันได้พุ่งพล่านไปในกาย ปลุกเส้นประสาททั้งหลายให้ตื่นตัว เมื่อมันตื่นหมด จนคิดว่าทนไม่ไหวแล้ว ค่อยๆผ่อนออก พยายามอย่าไปกลั้นลม จนเราทนไม่ไหว ตรงนี้มันจะทำให้เหนื่อย ที่จริงไม่ต้องใช้คำว่า ทนไม่ไหว แต่ว่ามันเหลือกลั้น ก็ผ่อนออก ผ่อนด้วยความนิ่มนวล ผ่อนคลาย ผ่อนของเสียที่มีอยู่ในกายออกมา ดูดของดีเข้าไปใหม่ เพื่อปรุงชีวิตอินทรีย์ขึ้นใหม่ แล้วก็ขับของเสียออกมา ผ่อนออกแล้วต้องทิ้งไว้นิดหนึ่ง แล้วจึงจะสูดเข้าไปใหม่ เพราะถ้าสูดเข้าไปเลย มันจะทำให้เหนื่อย…………..


     การผ่อนลม จะผ่อนออกทางปากก็ได้ ไม่จำเป็นต้องผ่อนทางจมูกเสมอไป ไม่มีข้อห้ามว่าจะต้องออกทางจมูกเท่านั้น สูดเข้าทางจมูกและผ่อนออกทางปากก็ได้ เหมือนกับอักษร “จ” แต่เขียนหางตัว “จ”ก่อน แล้วมาจบที่หัว หรือจะสูดเข้าทางปากแล้วออกทางจมูกก็ได้ เหมือนอักษร “จ”ที่เขียนตามปกติ เสร็จแล้วลองสำรวจดูอารมณ์ว่า สงบไหม…..สงบ…….ทรงความสงบนั้นไว้ก่อน อย่าเพิ่งปล่อยให้เราแยกแตกออกจากกันกับความสงบนั้น จงรักษาความสงบนั้นต่อไป ขั้นแรกของวิชาลม 7 ฐาน เอาแค่นี้ก่อน อาจยังเรียกไม่ได้ว่าขั้นแรก แต่อาจบอกได้ว่า เป็นพื้นฐานของวิชา ลม 7 ฐาน พอได้ ช่วงนี้ขอเพียงพวกเรารู้จักถึงกลิ่นอาย รสชาติ ที่แท้จริงของสติ สงบ เท่านี้ก่อน เพียงแค่นี้ มันก็ทำให้เรารู้สึกดื่มด่ำ ชุ่มฉ่ำ แช่มชื่น และมีสันติสุข พอที่จะเป็นฐาน เป็นพลัง ให้เราได้ทำ พูด คิด อย่างสมบูรณ์ ถูกต้องแล้ว………….

   เข้าใจวิธีแล้วใช่ไหม เพราะฉะนั้น วิธีนี้คือวิธีที่เรียกว่า ศิลปะในการหายใจ เพื่อความผ่อนคลาย การที่เรากักลมทิ้งไว้ ลมที่กัก มันจะทำให้หัวใจเราเต้นแรง หลอดเลือดจะขยาย โลหิตจะไหลเวียนได้มากยิ่งขึ้น ใครที่เป็นโรคเส้นโลหิตอุดตัน เป็นโรคความดัน หรือเป็นโรคปลายประสาทฝ่อ จะแก้และรักษาได้ด้วยวิธีนี้……………..

    ฝึกใหม่ๆ แค่ 5 ครั้ง ก็น่าจะพอแล้ว ถ้า 10 ครั้ง มันจะเหนื่อยเกินไป แล้วค่อยๆเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ จะต้องทำติดต่อกันจนเป็นปกติของชีวิตเรา นี่เป็นวิธีการที่จะทำให้เราตั้งมั่นอยู่ได้ในทุกอิริยาบถ ถ้าหากเราฝึกจนถึงขั้นที่จะรู้เท่าทัน จตุธาตุวัฏฐาน หรือความเป็นไปของธาตุทั้ง 4 ภายในกาย เราก็สามารถจะควบคุมกายนี้ได้ เป็นนายกายนี้ถูก สมองทุกห้องของเรา จะใช้มันอย่างสมบูรณ์ ประสาททุกส่วนในตัวเรา จะได้รับการปลุกให้ตื่นได้ทุกเวลา ถ้าเราอยากตื่น……….

จริงๆแล้ว การหายใจ ไม่ควรที่จะต้องสูดลมหายใจแรงๆ เพราะจะทำให้เราเหนื่อย แถมจะทำให้ปอดขยายเร็วเกินไป ในกรณีของคนที่ปอดไม่แข็งแรง……………

   หลวงปู่เคยแนะนำวิธีหายใจอย่างนี้ กับคนที่มีปอดเหลือครึ่งเดียว เขาเป็นคนขับรถแท็กซี่ รถที่ขับเป็นรถที่ใช้แก๊ส เขานั่งดมแก๊สที่มันรั่วเข้าไปในรถ โดยที่ไม่รู้ตัวมา 7 ปีเต็มๆ จนในที่สุด ปอดเขาเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ปกติปอดมี 2 ข้าง แต่เขาโดนมะเร็งทำลายปอด จนเยื่อหุ้มปอดเป็นขุย ปอด 2 ข้างนี้เหลือแค่ครึ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นเวลาเขาหายใจ ก็จะหายใจสั้นๆ จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว เมียเขาไปขอร้อง อ้อนวอนคุณหมอให้ช่วย เพราะว่าลูกเขายังเรียนไม่จบ คุณหมอก็พามาหาหลวงปู่ให้ช่วย……………..

    หลวงปู่ช่วยรักษาเขา โดยการสอนให้เขาเดินลมแบบนี้ล่ะ แต่ใช้ศิลปะเทคนิค ที่ไม่ต้องสูดลมเข้าให้เต็มปอด มันเหมือนปาฏิหาริย์นะ เพราะเยื่อหุ้มปอดที่เป็นขุย ที่ขังลมไม่ได้ กักลมไม่อยู่ มันกลายเป็นพังผืดที่เต็มแน่นสนิทเหมือนกับของเดิม มันไม่อาจจะงอกมาตลอดทั้ง 2 ข้างได้ แต่ที่คงไว้ ที่มีอยู่นั้น กลายเป็นปกติ เขาสามารถเอาชนะมันได้ หมอผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง เลยกลายเป็นลูกศิษย์หลวงปู่โดยปริยาย เพราะหมอเป็นคนพามา เขาเชื่อเรื่องวิธีการอย่างนี้……..

     ตามหลักวิชาวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์การแพทย์บอกว่าคนที่หายใจช้าและสม่ำเสมอ คือ คนที่มีชีวิตยืนยาวและมีพลังมากที่สุด เพราะฉะนั้นหลวงปู่ไม่ได้หวังว่า เราจะหายใจได้ตามหลวงปู่ถึง 36 หรือ 22 หรือ 23 ต่อวินาที อะไรนั่นไม่ใช่ แต่หลวงปู่หวังว่า มันจะทำให้เราตื่นได้ทุกเวลา ที่เราต้องการตื่น ช่วงปฏิบัติใหม่ๆ เราอาจจะทำได้สัก 15 , 7 ,3 , 2 แต่อย่าถึงขนาด 1 เลยนะ………….

ที่มา
http://www.buddha-dhamma.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=334451&Ntype=4

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ศิลปะในการหายใจ หลวงปู่พุทธะอิสระ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 01 ก.ค. 2554, 08:58:58 »

ที่มา
http://taehome.blogspot.com/2010_04_18_archive.html

ศิลปะในการหายใจนี้ ถ้าทำได้ถึงขั้นแล้ว เราจะสามารถขยับกระดูกของเราได้ ข้อกระดูกของเราจะลั่น ดังกร๊อบ คือ มันจะลั่นเข้าที่ และมันจะทำให้เรารู้สึกหายเมื่อย หายปวด หายเครียด และหายเพลีย………….
หลวงปู่จำได้ว่า สมัยหลวงปู่ไปธิเบต ได้พบเพื่อนภิกษุสหธรรมิก ซึ่งท่านเป็นคุรุผู้เฒ่าองค์ที่ 5 องค์ที่ 6 และก็องค์ที่ 8 รู้มั๊ยว่า คุรุเหล่านั้นมีอายุเท่าไร 112 ปี 106 ปี แล้วก็ 114 ปี หลวงปู่ก็ไม่เชื่อหรอก เขาพูดให้ฟังเท่านั้น แต่ว่าสิ่งหนึ่ง ที่เราจะเห็นจากพวกเขาก็คือ พวกเขาอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ในเทือกเขาหิมาลัย ที่เป็นดินแดนแห่งหิมะ โดยไม่ต้องห่มผ้าหนาๆ แต่ห่มผ้าจีวรชั้นเดียวอย่างหลวงปู่นี่แหละ………..
วิธีฝึกโกลัมปะ ก็คือ การทำสมาธิ แบบการควบคุมลมหายใจ ให้สม่ำเสมอ ชัดเจน เป็นระบบ อย่างที่หลวงปู่ได้กล่าวไว้แล้วในเบื้องต้น ลำดับพิธีของพวกเขาก็คือ การเอาผ้าที่ทอด้วยขนจามรี ชุบน้ำให้เปียกแล้วก็หุ้มห่อตัว ผ้าที่ทอด้วยขนจามรีมันหนายิ่งกว่ากระสอบป่านใส่ข้าวของบ้านเราซะอีก เสร็จแล้วก็จุดธูปไว้ 1 ก้านธูป ทำอย่างไรให้ภายใน 1 ชั่วธูป ต้องทำให้ผ้านั้นแห้ง ลองคิดดูว่าผ้าหนา ชุ่มน้ำอย่างนั้น ตากแดดทั้งวันยังไม่แห้งเลย แต่เขาสามารถทำให้ผ้าที่ทอด้วยขนจามรีแห้งใน 1 ชั่วธูป วิชาที่กล่าวมานี้ ถ้าเปรียบกับวิชาพุทธศาสนาก็คงเป็น ศิลปะการหายใจ บวกกับกสิณไฟนี่เอง…………….
เข้าใจถึงความหมายของการหายใจที่เป็นศิลปะแห่งการผ่อนคลายแล้วหรือยัง…………


อยากจะสรุปว่า ทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวงนี่แหละ เป็นเรื่องดีที่เราต้องค่อยๆซึมสิง ซึมซาบ และศึกษาจากายนี้อย่างจริงจัง และตั้งใจ จดจ่อ จับจ้องมันจริงๆ หลวงปู่ได้เรียนรู้ศิลปะในการหายใจครั้งนี้ในถ้ำพระโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นสถานที่บำเพ็ญพรต ของเหล่าพระโพธิสัตว์ เป็นเหมือนคลังแห่งสรรพวิทยา เป็นที่ฝึกฝน อบรม วิชาการต่างๆ ซึ่งจะมีบรรดาเหล่าพระมหาโพธิสัตว์ ผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนกันมาถ่ายทอดสรรพวิทยาทั้งปวง ให้แก่สามัญโพธิสัตว์ทั้งหลาย ด้วยสรรพวิทยาเหล่านั้น ทำให้หลวงปู่ชนะงูพิษ ชนะพิษภัยที่งูมันกัด ทำให้หลวงปู่รู้จักยืนหยัดอยู่ได้ อย่างไม่ง่วง อย่างไม่เพลีย ไม่ละเหี่ย และไม่เมื่อยล้า ในขณะที่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนตลอด 2 ราตรี แถมกลางวัน ยังต้องทำภารกรรมต่างๆดังที่พวกเราได้เห็น เราจะเห็นว่า หลวงปู่ไม่เคยแม้แต่จะนั่งโงกง่วง หรือแสดงความท้อแท้ ท้อถอย ต่ออุปสรรคใดๆในการทำงาน ไม่เคยวิตกกังวล กลัดกลุ้ม ทุรนทุราย ต่อการบีบคั้นในกระบวนการใดๆ เพราะฉะนั้น ระบบการหายใจของเรา มันเป็นการบริหารกายนี้อย่างมีประสิทธิภาพ มากด้วยสาระ พร้อมทั้งยังเป็นการออกกำลังกายที่ยิ่งใหญ่ ที่ใครๆมักจะมองข้ามมันไป……………….
ศิลปะในการหายใจนี้ สำหรับหลวงปู่แล้ว มันเป็นความจำเป็นที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
ลูกรัก………
ลมหายใจที่เข้าและออกในตัวของลูกนั้น มันมีความหมายและสำคัญต่อตัวลูกมาก เพราะนอกจากจะให้ชีวิตและพลังแล้ว ลมหายใจยังให้การเรียนรู้ ให้ความตั้งมั่น ให้ความสำเร็จ ให้ความสงบ ให้ความสุข และเป็นบทพิสูจน์คุณค่าของการมีชีวิตอีกด้วย………..

ลูกรัก………มีลมหายใจ มีชีวิต………………..
ได้พลัง ใช้พลัง สร้างสรรค์ผลงาน…………
หมดลมหายใจ ไร้ชีวิต……………….
สิ้นพลัง ไร้ผลงาน………………….
นี่มันเรื่องของคนตาย………………

ลูกรัก…………..
ความสำเร็จที่แท้จริง จะเกิดขึ้นจาก……………….
ความเพียรพยายาม อดทน อดกลั้น………………..
จริงจัง และ ตั้งใจ……………………
และลงไม้ลงมือกระทำ………………….

ที่มา
http://www.buddha-dhamma.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=334451&Ntype=4
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 ก.ค. 2554, 09:04:39 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ศิลปะในการหายใจ หลวงปู่พุทธะอิสระ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 01 ก.ค. 2554, 07:16:21 »
ศิลปะในการหายใจ  หลวงปู่พุทธะอิสระ 36; 36;
                                 
ขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำบทความดีมากๆมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :053: :053:
   
ติดตามอยู่ครับ อ่านแล้วเพลินดีมากๆครับ และ ได้สาระความรู้มากๆครับผม :016: :015:
 
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบคุณครับผม) :033: :033:
   
 

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ