ผู้เขียน หัวข้อ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๗ สค. ๕๔ ...  (อ่าน 1332 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๗ สค. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
พฤหัสบดีที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
     อากาศแปรปรวนเกือบทังวันและคืน  มีทั้งฝนและลมสลับกัน ออกไปทำกิจข้างนอกไม่ได้
ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในที่พัก เจริญสติภาวนา ทบทวนศึกษาในสภาวะแห่งข้อธรรมทั้งหลาย
ถึงที่มาและที่ไปของสภาวธรมในแต่ละอารมณ์ แล้วนำไปสงเคราะห์เข้าหาหลักธรรม
การยกจิตขึ้นสู่การพิจารณาธรรมนั้น เป็นขั้นตอนในการปฏิบัติหลังจากจิตนั้นนิ่งสงบแล้ว
เมื่อจิตเข้าสู่สภาวะความโปร่ง โล่ง เบา สว่าง สงบ สบาย และทรงไว้ในอารมณ์นั้นจนเต็มที่
จึงถอนจิตกลับมาสู่การพิจารณาธรรม การพิจารณาธรรมนั้นให้เริ่มจากการพิจารณาร่างกาย
เป็นลำดับแรก โดยการกำหนดรู้ไปทั่วกาย กำหนดภาพร่างกายภายนอกของเราให้เห็นชัด
วิธีการนี้เรียกว่าเอาจิตมาคุมกาย เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งจิตออกไปนอกกาย เอาจิตมาไว้กับกาย
ดูกายด้วยตาใน คือความรู้สึกของเรา จนเห็นรูปกายนั้นเด่นชัด เมื่อเห็นรูปกายภายนอกเด่นชัดแล้ว
ให้กำหนดระลึกรู้เข้าไปสู่ภายในกายของเรา กำหนดรู้ในอาการ ๓๒ ของกายเรา จนเห็นซึ่งอาการ ๓๒นั้น
        เมื่อเห็นอาการ ๓๒ ของกายเด่นชัดแล้ว จึงพิจารณาอาการ ๓๒ นั้นไปสู่การเป็นธาตุ
คือ ดินน้ำลมไฟ แยกธาตุที่ประกอบเป็นกายนั้นแล้วคืนสู่ธรรมชาติ  เพราะธาตุดิน ธาตุน้ำ
 ธาตุลม ธาตุไฟ ในร่างกายเรานั้น เป็นธาตุเหมือนกันกับธาตุในธรรมชาติทั้งหลาย
แต่แตกต่างกันไปเพียงสภาวะการตั้งอยู่เท่านั้น เป็นธาตุตัวเดียวกัน พิจารณาจนธาตุนั้นสลายไป
แยกจิตแยกกายออกจากกัน เหลือเพียงจิตรู้คือวิญญาณธาตุ ที่มาอาศัยกายนี้เท่านั้น
พิจารณาอย่างนั้นกลับไปกลับมา จนมีความชำนาญเข้าใจในกาย สามารถกำหนดรู้ได้ทุกครั้ง
เมื่อจิตผ่านความสงบ
       การพิจารณาธรรมในเรื่องกายนี้ คืออารมณ์ธรรมในองค์ฌาน คือองค์แห่งวิตกวิจาร
การตริตรองใคร่ครวญในธรรม ยังเป็นอารมณ์ของสมถะกรรมฐาน เพราะยังอยู่ในอารมณ์ฌาน
มีสมาธิควบคุมอยู่ อย่าหลงคิดว่าเป็นวิปัสสนาเป็นปัญญา เพราะว่ายังอยู่ในองค์แห่งฌาน
ยังอยู่ในอารมณ์สมาธิอยู่ เป็นการทำความรู้ความเข้าใจในกายของเรา ให้เห็นในกายทั้งหลาย
ทั้งภายนอกและภายใน " ดูกายภายนอก ดูกายภายใน " จนเข้าใจกายว่ามันเป็นอย่างไร
มันประกอบด้วยอะไร ไม่มีความสงสัย เพราะเข้าใจในกายนี้ ซึ่งการพิจารณาอย่างนี้ผลที่ตามมาคือ
จะทำให้การยึดถือในกาย ในตัวตนของเรานั้นเบาบางลง ลดลง มานะทิฐิและอัตตานั้นจะลดลง
เมื่อเราเข้าใจในกายและไม่เข้าไปยึดถือ
       เพียรพิจารณากายของเราอยู่อย่างสม่ำเสมอ จนมีความชำนาญในกาย ซึ่งการพิจารณาอย่างนี้
จะมีผลเมื่อเรายกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาในสติปัฏฐาน ๔ ในฐานกาย ซึ่งเป็นพื้นฐานในการปฏิบัติธรรมทั้งหลาย
 ให้พิจารณากายให้ชำนาญเสียก่อน อย่าใจร้อนรีบไปพิจารณาเวทนา พิจารณาจิต พิจารณาธรรม
เพราะเราต้องสร้างฐานให้มั่นคงเสียก่อน เพราะฐานของจิตของธรรมทั้งหลายนั้นก็คือกายของเรา
ซึ่งการพิจารณาธรรมขั้นต่อไปนั้นจะอธิบายในลำดับชั้นต่อไป หลังจากเรารู้เราเข้าใจในฐานกาย
ชัดเจนชำนาญแล้ว
       การปรารภธรรมในเรื่องนี้  มีเหตุปัจจัยมาจากการนั่งพิจารณาดูน้ำฝนที่ตกลงมาจากหลังคา
ลู่ภาชนะที่รองรับไว้ เกิดการกระเพื่อมของผิวหน้าน้ำตลอดเวลาที่น้ำนั้นหยดลงมาในภาชนะ
ทำให้มองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในภาชนะนั้นไม่ชัดเจน เปรียบได้กับจิตของเราที่กำลังสับสนวุ่นวาย
ฟุ้งซ่านไปในอารมณ์ทั้งหลาย ย่อมจะพิจารณาอะไรได้ไม่ชัดเจน เหมือนน้ำที่กำลังกระเพื่อมอยู่
แต่เมื่อเราไปมองน้ำที่เก็บไว้ในถังที่เก็บไว้ ไม่มีความเคลื่อนไหว ตกตะกอนสงบนิ่งอยู่นั้น เราได้
เห็นสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ภายในถังน้ำนั้นได้ชัดเจน  เหมือนกับจิตของเราที่เข้าสู่ความสงบนิ่ง
ความจริงแท้ธรรมชาติของจิตนั้นก็จะปรากฏชัดขึ้นมา กิเลส ตัณหา ทิฏิมานะ อัตตา ทั้งหลาย
ที่มีอยู่ในจิตใจของเรานั้น ก็จะเห็นได้เด่นชัดขึ้น มันเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของจิต
                 ด้วยความปรารถดีและไมตรีจิตแด่มิตรผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลาย
                          รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑๘  สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๔.๔๐ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๗ สค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 18 ส.ค. 2554, 05:01:13 »
ดูกายภายนอก ดูกายภายใน..จนเข้าใจกายว่ามันเป็นอย่างไร 36; 36;
         
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ  รักษาดูแลสุขภาพด้วยนะครับ :054: :054:
 
ขอบพระคุณ ท่านพระอาจารย์ สำหรับคำสอนดีๆ ที่นำมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ
                                                                                                                                                   
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบพระคุณมากครับ) :033: :033:

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ

ออฟไลน์ boomee

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 339
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๗ สค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 18 ส.ค. 2554, 07:47:49 »
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ :054:
หากตัวท่านไรซึ่งความหวัง  กายท่านจะคงอยู่เพื่อสิ่งใด

Au_Ahoo

  • บุคคลทั่วไป
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๗ สค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 18 ส.ค. 2554, 10:43:01 »
สาธุ..สาธุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๗ สค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 18 ส.ค. 2554, 08:07:47 »
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ครับ :054:

อ้างถึง
........ความจริงแท้ธรรมชาติของจิตนั้นก็จะปรากฏชัดขึ้นมา กิเลส ตัณหา ทิฏิมานะ อัตตา ทั้งหลาย
ที่มีอยู่ในจิตใจของเรานั้น ก็จะเห็นได้เด่นชัดขึ้น มันเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของจิต
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๗ สค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 18 ส.ค. 2554, 08:33:50 »
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา