ปาฏิหาริย์แห่ง ยาวิเศษอนันตคุณ พระพุทธวิถีนายก(บุญ ขันธโชติ)วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
ยาจินดามณี เป็นยาที่มีคุณวิเศษมีชื่อเสียงโด่งดังของวัดกลางบางแก้ว มาอย่างยาวนาน ขณะเดียวกันตำรับยาของวัดกลางบางแก้วก็มีอีก2ขนาน คือยาวิเศาอนันตคุณ และรัตนวาโย
แต่2ขนานหลังนี้ไม่เป็นที่รูจักเท่ายาจินดามณีด้วยไม่ได้ทำขึ้นต่อเนื่องและแพร่หลายอย่างยาจินดามณี
คุณวิเศษแห่ง ยาวิเศษอนันตคุณของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เป็นเช่นใดในหนังสือ พิพิธภัณฑ์พระพุทธวิถีนายก ที่อาจารย์สุธน ศรีหิรัญ ได้เรียบเรียงเรื่องราวของหลวงปู่บุญไว้ มีกล่าวถึง
โปรดอ่าน
อีกเรื่องหนึ่งในเรื่องการบำบัดรักษาคนป่วยของหลวงปู่บุญที่เล่าสืบต่อกันมาและยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้ใหญ่บางคนในย่านแม่น้ำนครชัยศรี คือ เรื่อง ของแป๊ะซุ้น
แป๊ะซุ้นเป็นคนจีนคนหนึ่งอายุกว่า50ปี กับลูกชายของแกวัยหนุ่ม สองคนพ่อลูกมีอาชีพเป็นช่างไม้พเนจร รับจ้างทั่วไปเกี่ยวกับงานช่างไม้ ระเหเร่ร่อนมาจากไหนไม่มีใครทราบ ก็เมื่อแป๊ะซุ้นกับลูกชายของแกมาถึงวัดกลางบางแก้วในลักษณะที่แป๊ะซุ้นเป็นโรคพุพอง น้ำเหลืองไหลเต็มตัวเป็นปุ่มเป็นปมไปทั่วร่างกาย คนเรียกว่า หูหนาตาเล่อ หรือ ไทกอ อะไรเทือกนั้นไปไหนมาไหนมีแต่คนรังเกียจงานรับจ้างงานช่างไม้ของแกก็คงไม่มีใครจ้าง
เมื่อมาถึงวัดกลางบางแก้ว ลูกชายก็มานอนพักอยู่ที่ใต้ถุนศาลาการเปรียญ พาเตี่ยมานอนอยู่ที่นั่น แล้วตัวเองก็ออกไปรับจ้างทำงานหาเงินมาเลี้ยงเตี่ยหลังจากมาอยู่ได้ไม่กี่วันก็รู้ไปถึงหลวงปู่บุญ
หลวงปู่บุญก็บอกกับครูหลอมว่าจะทำยา วิเศษอนันตคุณ ให้ตาแป๊ะนอนเป็นไทกอใต้ถุนศาลา จึงพากันไปหาเครื่องยามาจนครบ หลวงปู่ก็ปรุงยาจนเสร็จสรรพให้คนไปเรียกลูกชายของแป๊ะซุ้นมาพบ แล้วมอบยาให้กำชับให้เตี่ยกินให้ครบตามที่สั่ง แล้วบอกลูกชายแป๊ะซุ้นว่าไม่ต้องไปหางานทำท่านจ้างทำกุฏิพระที่วัด ข้าวปลาอาหารให้มาเอาที่กุฏิท่านไปให้เตี่ยกินและกินอยู่กับท่าน ทั้งให้พาแป๊ะซุ้นไปพักอยู่ที่ห้องข้างล่างหอฉันที่
ว่างอยู่
แป๊ะซุ้นกินยาวิเศษอนันตคุณของหลวงปู่อยู่ไม่นาน อาการก็ขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งหายเป็นปกติสามาถทำงานได้ ก็ช่วยลูกชายทำงานสร้างกุฏิพระที่วัดกลสงบางแก้ว หลวงปู่จ่ายค่าแรงให้ทั้งแป๊ะซุ้นและลูกชายไม่ยอมรับ บอกว่าบุญคุณของหลวงปู่มีมากกว่าขุนเขาเกินกว่าค่าแรงที่หลวงปู่มอบให้ไม่สามารถรับค่าแรงได้ จะทำกุฏิพระถวายเป็นสิ่งตอบแทน หลวงปู่ก็ไม่ขัดศรัทธา
ระหว่างนั้นแป๊ะซุ้นมักจะบอกใครๆอยู่เสมอว่า ยาวิเศษอนันตคุณ ของหลวงปู่บุญเป็นยาวิเศษ แม้แกเป็นไทกอไม่มียาอะไรรักษาหายก็ยังกินแล้วหายได้ คนที่ได้ยินแป๊ะซุ้นเล่าก็นึกว่า หลวงปู่มียาวิเศษจริงๆใครๆป็นอะไรก็มาหาหลวงปู่และมักจะมาบอกกับหลวงปู่ว่ามาขอ ยาวิเศษอนันตคุณแหลวงปู่ต้องเรียกแป๊ะซุ้นไพบแล้วบอกว่า บาอั๊วไม่ใช่ยาวิเศษแต่ชื่อว่าวิเศษอนันตคุณ เป็นชื่อยาไม่ใช่วิเศษ รักษาอะไรก็หายหมดทุกอย่าง คนตายแล้วก็ฟื้นได้ไม่ใช่แบบนั้น
คนที่ได้ยินได้ฟังแป๊ะซุ้นไปแล้ว ก็ยังเชื่อกันว่าหลวงปู่มียาวิเศษจริงๆกันมาก จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนมาหาหลวงปู่ที่กุฏิปลูกใหม่ ขณะที่ท่านกำลังดูแป๊ะซุ้นและลูกชายสร้างกุฏิอยู่ ก้มลงกราบหลวงปู่กับพื้น เขาเป็นชายวัยกลางคนมีท่าทางตื่นตระหนก ละลำละลักกลาวกับกลวงปู่บุญว่า
หลวงปู่ช่วยผมด้วย ขอยาวิเศษให้แม่ผมเถอะครับ แม่ผมเพิ่งสิ้นลมไปเมื่อสักครู่เดี๋ยวนี้เอง
หลวงปู่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ หันไปมองแป๊ะซุ้นซึ่งได้ยินเรื่องราวที่ชายคนนั้นพูดกับหลวงปู่โดยตลอด แป๊ะซุ้นเห็นหลวงปู่หันมามองถึงกับก้มหน้าหลบ สำนึกได้ว่าเพราะแกเที่ยวไปพูดกับคนว่า หลวงปู่มียาวิเศษ คนจึงเข้าใจผิด ขนาดคนตายแล้วลูกชายยังมาขอรับยาวิเศษจากหลวงปู่ หวังให้แม่ฟื้น
หลวงปู่ถอนหายใจไม่รู้จะทำประการใดดี จึงนั่งหลับตานิ่งอยู่พักใหญ่ชายที่มาหาหลวงปู่ก็นั่งกระสับกระส่ายได้แต่ซ้ำซี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกว่า
ขอยาวิเศษให้แม่เถอะ
ระหว่างที่หลวงปู่นั่งหลับตาอยู่นั้น ท่านพิจารณาอะไรไม่มีใครทราบได้
แต่พอท่านลืมตาขึ้นมาแล้ว ท่านบอกกับชายผู้นั้นว่า
ตามฉันมา
ท่านเดินนำหน้าชายผู้นั้นซึ่งชื่อแฉล้มเป็นลูกชายแม่ชื่น คนไทยาวาสตำบลใกล้กับวัดกลางบางแก้วนั่นเอง มิวายแป๊ะซุ้นจะเสียโอกาสจึงเดินตามไปด้วย หลวงปู่เดินไปที่กุฏิของท่าน เมื่อขึ้นไปบนกุฏิแล้ว ท่านก็ให้ชายที่ชื่อแฉล้มนั่งคอย แล้วหันเหลือบไปเห็นแป๊ะซุ้นตามขึ้นมาด้วย ท่านก็ไม่ว่ากะไร เข้าไปในห้องสักครู่ ท่านออกมาพร้อมด้วยยาสีดำอยู่ในฝ่ามือหนึ่งเม็ด ท่านนั่งภาวนาคาถาอยู่พักใหญ่ก็ส่งยาเม็ดนั้นให้นายแฉล้มแล้วกล่าวว่า
ยานี้เป็นยาจินดามณี ไม่ใช่ยาวิเศษอะไรนั่น ฉันไม่มี แม่เธอยังไม่ถึงชะตาตาย เขชาเพียงเป็นลมแน่นิ่งไปตัวยังอุ่นอยู่ เอายานี่ฝนกับน้ำมะนาวให้กินเดี๋ยวก็ฟื้น ยานี้ไม่ใช่ยาวิเศษนะ
ชายผู้ชื่อแฉล้มรีบลาจากไปพร้อมยาจินดามณีที่หลวงปู่มอบให้ หลวงปู่รีบเรียกแป๊ะซุ้นซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่นด้วยไปบอกว่า
ยานั่นไม่ใช่ยาวิเศษนะ ไม่ใช่คนตายกินแล้วฟื้นได้ แป็นยาจินดามณี แม่ของเขาเป็นลมไป ถึงไม่กินยาก็ฟื้นเอง แต่ฉันให้ยาไปเพราะกินแล้วจะฟื้นเร็วขึ้นเท่านั้นเอง คนเราไม่มียาอะไรกินแล้วฟื้นได้ถ้าถึงเวลาก็ต้องตาย แป๊ะซุ้นเองถ้ากรรมยังไม่หมด ถึงกินยาวิเศษอนันตคุณของฉันไปแล้วก็ไม่หาย นี่แป๊ะซุ้นมาอยู่วัดกับลูกชาย ช่วยทำบุญสร้างกุฏิ บุญกุศลช่วยให้แป๊ะซุ้นหายเร็วขึ้น ถ้าแป๊ะซุ้นอยากสบายก็ทำบุญมากมาก ทำบาปน้อยน้อย ก็จะมีแต่กรรมดี ชีวิตก็จะดี
แป๊ะซุ้นได้ฟังหลวงปู่กล่าว ได้แต่กาบปลกๆแล้วลาจากไปสร้างกุฏิกับลูกชายของแกต่อไป
หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน นายแฉล้มได้พาแม่ชื่นของเขาซึ่งฟื้นคืนสติดีแล้วมาถวายสังฆทานกับหลวงปู่ที่วัดกลางบางแก้ว และได้พบกับแป๊ะซุ้น แป๊ะซุ้นได้กล่าวกับนายแฉล้มว่า
หลวงปู่ไม่ได้ให้ยาวิเศษลื้อไปหรอกนะ ท่านว่าชื่อยาจินดามณี กินแก้ลม แม่ลื้อเป็นลม แต่อั๊วว่า หลวงปู่เป็นผู้วิเศษ เพราะท่านรู้ว่าแม่ลื้อจะตายหรือไม่ตาย ถ้าท่านไม่ใช่ผู้วิเศษ ท่านไม่รู้หรอกว่า แม่ลื้อจะฟื้นเอง ลื้อเชื่ออั๊วมั้ย
หลวงปู่บุญเป็นผู้วิเศษ ในใจของแป๊ะซุ้นอยู่นานเท่านาน ตลอดชีวิตของแป๊ะซุ้นก็ว่าได้ เพาะแกอยู่รับใช้หลวงปู่ที่วัดกลางบางแก้วตลอดมา งานสร้างไม้ฉลุตามกุฏิต่างๆในวัดกลางบางแก้ว บางชิ้นเป็นฝีมือของแป๊ะซุ้นกับลูกชายของแก ยังปรากฎอยู่ทุกวันนี้