"รู้ไปหมด...แต่อดไม่ได้"
เราทุกคนต่างก็รู้ว่า อะไรดีอะไรชั่ว อะไรถูกอะไรผิด แต่เรายังคิดและเรายังทำ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะองค์แห่ง
คุณธรรมของเรายังไม่เพียงพอ เราได้แต่รู้ เราได้แต่คิด แต่ไม่ได้พิจารณาถึงคุณ ถึงโทษ ถึงประโยชน์และ
มิใช่ประโยชน์ของสิ่งนั้น และเรายังไม่ได้ลงมือทำในการฝึกจิต จึงเป็นได้เพียงความคิดและความฝันซึงเป็นเพียง"นามธรรม"อันจับต้องไม่ได้
:016:จิตรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นกุศลหรืออกุศลสิ่งนั้นควรหรือไม่ควร แต่จิตนั้นมันอดปรุงแต่งตามไม่ได้...
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่ากำลังของกุศลจิตยังไม่เพียงพอที่จะเข้าไปยับยั้งมิให้คิดและทำได้...สตินั้นเรามีอยู่
เพราะเราระลึกรู้ได้ว่ามันเป็นอะไร ดีหรือชั่ว ถูกหรือผิด ควรหรือไม่ควร แต่ความเคยชินเก่าๆที่เราเคยทำมา
เคยคิดมา มันมีกำลังมากกว่า ทำให้เราอดไม่ได้ทีจะปรุงแต่งและกระทำในสิ่งที่ผิด
:015:ขบวนการทางจิตมันละเอียดอ่อนมาก ทุกขั้นตอนของการพัฒนาทางจิต ต้องกระทำอย่างสม่ำเสมอ
ตามลำดับชั้นและขั้นตอน เพื่อเป็นการสร้างความเคยชินตัวใหม่ให้แก่จิตของเรา ซึ่งกว่าจะกลายเป็นความเคยชินได้นั้นมันต้องใช้ระยะเวลาของการสั่งสมอบรมจิต ด้วยการฝึกคิดและฝึกทำอย่างสม่ำเสมอ
:059:คนเราส่วนใหญ่มักจะมองไปที่ผลประโยชน์ที่จะได้รับเป็นอันดับแรก เล็งถึงผลกำไรที่จะได้รับว่ามัน
คุ้มค่าหรือไม่ ทำให้ลืมคิดถึงความเป็นโทษของสิ่งนั้น เพราะเมื่อเราคิดถึงประโยชน์กำไรผลตอบแทนที่จะได้รับ ความโลภ ความอยาก มันจะเข้าครอบงำโดยเราไม่รู้ตัว ทำให้เราประมาท ลืมนึกถึงโทษ ถึงภัยที่จะได้รับ ถ้าหากสิ่งนั้นไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้
:059:ที่เราทำธุรกิจแล้วล้มเหลวหรือขาดทุนนั้น เพราะเราไปมองที่กำไรที่จะได้รับเป็นอันดับแรก กิเลสมันล่อใจ ทำให้เราเกิดความประมาท แต่ถ้าเราพิจารณาถึงผลเสียหรือความล้มเหลวของการนั้นเสียก่อนแล้ว เราจะเห็นผลกระทบที่ตามมาถ้าหากว่ามันล้มเหลว ว่ามันเป็นทุกข์ เป็นภัย เป็นโทษ อย่างไรแล้ว
มันจะเกิดความกลัว ซึ่งจะทำให้เราคิดละเอียดยิ่งขึ้น ไม่ประมาทในการกระทำในสิ่งนั้น
:059:เราต้องเห็นของจริงเสียก่อน เมื่อเห็นแล้วต้องทำความรู้ความเข้าใจกับสิ่งนั้นให้แจ่มแจ้งเสียก่อน
แล้วจึงเข้าไปจัดการกับสิ่งนั้น การเข้าไปจัดการกับสิ่งนั้นมันขึ้นอยู่กับองค์แห่งคุณธรรมของแต่ละคนว่ามีภูมิธรรม ภูมิปัญญาเป็นอย่างไร ไม่ใช่การนึกคิดหรือจินตนาการ แต่เป็นเหตุการณ์จริงที่เราประสพพบเห็น
อยู่ทุกขณะจิต ไม่ใช่อดีตหรือว่าเป็นอนาคต แต่สิ่งนั้นคือปัจจุบันธรรมที่เรากำลังสัมผัสและเป็นอยู่ เราจึงต้องมาเรียนรู้ให้จิตของเราอยู่กับปัจจุบันธรรม
:016:เรียนรู้จากของเก่า มาปรับใช้ให้เข้ากับปัจจุบัน เพื่อสร้างสรรค์กำหนดอนาคตที่จะก้าวต่อไป
:054:ฝากไว้ด้วยจิตที่เป็นมิตรและปรารถนาดี
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต-แด่มิตรผู้แสวงหากุศลธรรมทั้งหลาย
รวี สัจจะ
วจีพเนจร-คนรอนแรม
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๖.๑๖ น. มุมหนึ่งของมหานครใหญ่ ประเทศไทย