ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
พฤหัสบดีที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๔
.......ปลิโพธิคือความกังวลทั้งหลายที่เราต้องตัด ต้องวาง
ซึ่งถ้าจิตไม่วางจิตก็ว่างไม่ได้ จึงต้องฝึกจิตให้เริ่มละวางได้
ชั่วคราว ในขณะที่กำลังเจริญสติภาวนาและเพิ่มระยะเวลาที่
จิตนั้นว่างให้มากยิ่งขึ้นไปตามลำดับ นั่นคือการฝึกละวางซึ่ง
ความกังวลทั้งหลาย ฝึกได้โดยการมีสติระลึกอยู่กับปัจจุบัน
ว่าเวลาขณะนั้นเราควรคิดและทำในสิ่งใด ฝึกให้ใจจดจ่อกับ
สิ่งนั้น เรื่องที่ผ่านไปแล้วหรือยังไม่มาถึง จึงไม่ควรนำมาคิด
เมื่อจิตอยู่กับปัจจุบันธรรม โดยมีสติและสัมปชัญญะควบคุมอยู่
ก็ชื่อว่ากำลังได้ปฏิบัติธรรม การทำงานทุกชนิดด้วยจิตที่ว่าง
จากปลิโพธิ ความกังวลและอัตตา ปัญญาความรู้เห็นที่เป็นจริง
ก็จะบังเกิดขึ้น ทำให้ผู้นั้นรู้เท่ารู้ทันความรู้สึกนึกคิด เมื่อจิตเห็นจิต
นั่นแหละคือการเข้าถึงซึ่งธรรม...ท่านได้ลงมือฝึกฝนเพื่อพิสูจน์ตนแล้วหรือยัง..?....
...บันทึกไว้ ณ.จุดหนึ่งบนกาลเวลา ( ๔ )...
...ปลิโพธิ นั้นหรือ คือความคิด
ไปยึดติด กังวล ให้หม่นหมอง
ทำอะไร ให้คิด จิตไตร่ตรอง
ฝึกทดลอง ละวาง ห่างอัตตา
...เรื่องอดีต ผ่านมา อย่าไปคิด
ดูกายจิต ปัจจุบัน นั้นดีกว่า
อนาคต คือสิ่ง ยังไม่มา
ให้รู้ว่า สิงควรคิด กิจควรทำ
...การทำงาน ทุกชนิด ด้วยจิตว่าง
คือละวาง ความคิด จิตใฝ่ต่ำ
ระลึกดี ในสิ่งชอบ ประกอบธรรม
กุศลนำ คุมจิต ให้คิดดี
...รู้จังหวะ เวลา และโอกาส
ไม่ประมาท ระลึกรู้ อยู่ทุกที่
ตามกำลัง ของสติ ที่พึงมี
ฝึกจิตนี้ ให้มี ความชำนาญ
...ฝึกละวาง ออกห่าง ปลิโพธิ
ให้เห็นโทษ ของจิต ที่ฟุ้งซ่าน
มีสติ ระลึกรู้ อยู่กับงาน
จะทำการ สิ่งใด ให้รู้ทัน
...รู้ทันกาย ทันจิต ที่คิดอยู่
ระลึกรู้ ในจิต ใช้คิดฝัน
มีความรู้ ทั่วพร้อม ปัจจุบัน
กำหนดมัน ที่จิต ติดตามไป
...จิตเห็นจิต ความคิด ก็บันเจิด
ทำให้เกิด ปิติ จิตแจ่มใส
มีปัญญา รู้เห็น ความเป็นไป
คิดอะไร ทำอะไร จิตรู้ทัน
...เพราะหลักธรรม แท้จริง นั้นคือจิต
เฝ้าตามติด ดูจิต นั้นให้มั่น
จิตเห็นจิต ความคิด ปัจจุบัน
ทำสิ่งนั้น ให้เห็น และเป็นจริง....
...ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต...
...รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร...
๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๗.๒๐ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี