คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๙ สค. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
พุธที่ ๑๐ สิงหาคม พศ. ๒๕๕๔
........ คุณค่าของเวลาที่ผ่านมานั้น
จัดสรรให้มีค่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่ปล่อยให้ผ่านไปโดยไร้ซึ่งประโยชน์
ทั้งในเรื่องทางโลกและในเรื่องทางธรรม
ตอกย้ำจิตสำนึกในบทบาทภาระและหน้าที่
เพราะวันเวลาของชีวิตที่ได้ผ่านมานั้น
มันคือกำไรของชีวิตแห่งการที่ยังมีลมหายใจอยู่......
........ชีวิตก้าวข้ามความตามมาหลายครั้ง
ในสมัยที่ยังไม่รู้จักคุณค่าของชีวิต
เดินอยู่บนเส้นทางที่พลาดผิดห่างไกลธรรม
เพลิดเพลินในการประกอบกรรมอันเป็นอกุศล
โดยไม่มีความรู้สึกรักตัวและกลัวตายในสิ่งที่ทำ
ชีวิตที่รอดมาได้จนถึงวันนี้มันจึงคือกำไรของชีวิต
เมื่อมีความรู้สึกสำนึกผิดชีวิตที่เหลือก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัว......
.....วันเวลาที่ผ่านไปทุกขณะจิตนั้น
มันเป็นการสั่งสมประสพการณ์ของชีวิต
สอนให้เรานั้นได้คิดได้พิจารณาเพิ่มขึ้น
ขอให้เรานั้นมั่นคงในจุดยืนของการดำเนินชีวิต
ที่คิดจะสร้างจะทำก่อกรรมดีสร้างมงคลให้กับชีวิต
เพื่อจะได้พัฒนาทางจิตให้เจริญก้าวหน้าในทางธรรม
การเจริญสตินั้นจึงเป็นงานที่ต้องกระทำอยู่ตลอดเวลา.....
.....กาลเวลานั้นย่อมหมุนเวียนและเปลี่ยนไป
ไม่มีเวลาที่จะสิ้นสุดและหยุดนิ่งสรรพสิ่งย่อมเคลื่อนไหว
โลกนั้นแปรเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง
กระแสแห่งโลกนั้นจึงไม่มีวันที่จะสิ้นสุดและหยุดอยู่
แต่จิตของมนุษย์นั้นย่อมมีวันที่จะสิ้นสุดและหยุดนิ่ง
ถ้าได้รู้และได้เห็นความเป็นจริงของชีวิตจิตวิญญาน
สิ้นสุดด้วยการที่รู้จักพอโดยไม่ร้องขอและแสวงหาอีกต่อไป....
....ความสำเร็จของชีวิตนั้นคือรางวัลของชีวิต
ซึ่งมิได้วางไว้ในจุดเริ่มต้นของการเดินทาง
การทำงานทุกสิ่งอย่างย่อมมีอุปสรรคและปัญหา
เหมือนกับคำที่กล่าวว่า...เส้นทางนั้นมิได้โรยด้วยดอกกุหลาบ
ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ การเดินทางของชีวิตนั้นยังไม่จบ
ไม่มีคำว่าล้มเหลวในชีวิตเพราะสิ่งที่ผ่านมานั้นคือบทเรียน
บทเรียนของชีวิตที่จะพัฒนาจิตของเราให้ก้าวเดินต่อไป....
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๗.๓๐ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี