คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๖ สค. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
พุธที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
มีผู้ปฏิบัติธรรมมากมายที่หลงในอารมณ์กัมมัฏฐาน ปฏิบัติธรรมแล้วไปหลงยึดติดในข้อวัตร
เกิดมานะอัตตาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเหตุนั้นเกิดจากเจตนา ดำริตัวแรกในการเข้าสู่การปฏิบัติ ที่เป็นไปโดย
มิชอบ อย่างเช่นปรารถนาให้ผู้อื่นมากล่าวยกย่องชมเชยในการปฏิบัติของเรา หรือปฏิบัติเพื่อแข่งขัน
ให้ตนเองนั้นดีนั้นเด่นกว่าผู้อื่นเขา อยากจะเก่งเหมือนเขาหรือให้ดีกว่าเขา ฉลาดกว่าเขา เป็นไปเพื่อการ
โอ้อวด หวังให้ผู้อื่นมาชื่นชมในการปฏิบัติของตน มันจึงก่อให้เกิดทิฐิมานะและอัตตา สำคัญผิดคิดไปเองว่า
เรานั้นปฏิบัติดีกว่าผู้อื่นเขา เราเคร่งกว่าเขา เราฉลาดกว่าเขา เราบริสุทธิ์กว่าเขา ซึ่งเป็นการยกตนข่มท่าน
เป็นการปฏิบัติที่ผิดพลาดเพราะนำมาซึ่งการเพิ่มอัตตากิเลสตัณหาให้มากยิ่งขึ้น
การปฏิบัติธรรมนั้น ไม่ได้ทำให้เราฉลาดขึ้นกว่าคนอื่น แต่ทำให้เราได้เห็นความโง่ ความหลงผิด
ในอดีตของเราที่ผ่านมา ยิ่งปฏิบัติก็ทำให้เราได้เห็น ในสิ่งที่เรายังไม่รู้ ในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ ซึ่งที่ผ่านมานั้น
เราคิดว่าเรารู้ถูกต้องและเข้าใจหมดแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เรายังไม่รู้จริง เรายังไม่เข้าใจในความจริง
อย่างที่เราเคยคิด ยังมีอีกมากมายที่เรายังไม่รู้และไม่เข้าใจ
การปฏิบัติธรรมนั้นทำให้เราเห็นกิเลสของเรา ที่เรายังไม่เคยเห็นหรือไม่เคยสนใจ ทำให้เรารู้เท่าทัน
กิเลสที่เกิดขึ้นและกิเลสที่มีอยู่แล้วในกายในจิตในความคิดของเรา ซึ่งเมื่อก่อนนั้นเราคิดว่าการปฏิบัติธรรม
ทำให้เราฉลาดขึ้น ทำให้เราหมดกิเลส กิเลสเบาบางลง ทำให้เราหลงตัวเองเพราะการที่เรามีความคิดอย่างนั้น
มันเป็นการก่อเกิดและเพิ่มซึ่งอัตตา มานะ การถือตัวถือตนโดยเราไม่รู้ตัว คิดว่าตนเองบริสุทธิ์และสมบูรณ์ด้วยศีล
ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบกว่าผู้อื่น เกิดการหลงตัวเองโดยที่เรารู้ไม่เท่าทัน ขึ้นมาที่ละน้อย ซึ่งนานเข้ามันจะมากขึ้น
จนอาจจะยากในการแก้ไขและปรับปรุงตัวเองได้
เมื่อเราได้มีเวลาทบทวนพิจารณา สิ่งที่ผ่านมาในอดีตของเรา ทำให้เราได้เห็นความประมาท
ความผิดพลาดในการดำเนินชีวิตของเราที่ผ่านมา เราไปติดอยู่เพลินอยู่กับความสะดวกสบาย
ในสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายทำให้เราไม่เห็นทุกข์ คลุกคลีกับหมู่คณะเกินไป
จนทำให้การปฏิบัติย่อหย่อน ซึ่งเมื่อเราได้พิจารณาและเห็นในสิ่งนั้น เห็นในความประมาท
และผิดพลาดของตัวเรา จึงทำให้เราระลึกได้ในหลักธรรมเรื่อง " อัตตา ตัวกู ของกู "ที่เคยได้ศึกษามา
เพราะว่าอัตตานั้น มันจะบดบังสัจจธรรมที่แท้จริง เราต้องเปิดโลกทัศน์ ชีวทัศน์ ทำลายอัตตาลบภาพมายา
ทั้งหลายให้หายไปแล้วเราจะได้พบกับ "สัจจธรรม" ธรรมชาติของจิตที่แท้จริง......
มุมมองในวันนี้......การที่เรานั้นได้บันทึกไว้นั้น เพื่อเป็นการย้ำเตือนแก่ตนเอง ให้ระลึกถึงสิ่งที่เรามุ่งหวัง
และตั้งใจไว้ ในการประพฤติปฏิบัติธรรม ซึ่งการบันทึกเรื่องราวไว้นั้น เมื่อวันเวลาผ่านไป เรานำกลับมาอ่านใหม่
มันให้อะไรแก่เรามากมาย ได้รู้ถึงความแปรเปลี่ยนไป จากอดีตที่ผ่านมาสู่ปัจจุบัน ทั้งในความคิดและการกระทำ
จึงได้นำมาเสนอให้ท่านทั้งหลายได้รู้และเข้าใจ เพื่อจะได้ใช้เป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติ ในการดำเนินชีวิต
ทั้งในทางโลกและทางธรรม ให้น้อมนำมาเป็นข้อคิดในการดำเนินชีวิตในโอกาสต่อไป เพื่อความเจริญในธรรมทั้งหลาย
“ เพียงคุณเปลี่ยนความคิด ชีวิตคุณก็จะเปลี่ยนไป “......
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๔.๒๐ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี