คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๒๗ สค. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
อาทิตย์ที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔
แต่ละวันที่ผ่านพ้นไป อารมณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามเหตุและปัจจัยที่ปรุงแต่ง สลับสับเปลี่ยนกันไป
กุศลจิตบ้าง อกุศลจิตบ้าง ปะปนกันไปแล้วแต่เหตุและปัจจัยที่มากระทบ
ซึ่งส่วนใหญ่เราจะรู้เท่าทันเฉพาะอกุศลจิต เพราะเรากลัวโทษภัยของมัน
ส่วนที่เป็นกุศลจิตนั้นเราไม่ค่อยจะพิจารณาถึงคุณถึงโทษของมัน
เพราะจิตเรานั้นไปยินดีเพลิดเพลินหลงในอารมณ์แห่งกุศลจิต
ทำให้ลืมคิดและพิจารณา เกิดความประมาทขาดสติและสัมปชัญญะ
ไม่รู้เท่าทันปัจจุบันธรรม อยู่กับความคิด ความฝันและจินตนาการ
ของการสร้างบุญ สร้างบารมี เพลินในความคิดจิตปรุงแต่งในกุศล
แต่จิตไม่ได้พัฒนาคือเพียงแต่ได้คิดและสิ่งที่คิดนั้นไม่สามารถทำให้เป็นรูปธรรมได้
เพราะว่าบางครั้งเหตุและปัจจัยยังไม่พร้อม เรายังไม่ได้สร้างเหตุและปัจจัยสำหรับสิ่งนั้นเลย
แต่เราไปนึกถึงผลของความสำเร็จและประโยชน์ที่จะได้รับในสิ่งที่เรากำลังปรุงแต่งจินตนาการ
มันเลยทำให้เราประมาทขาดสติและสัมปชัญญะ ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันธรรม ความเป็นจริงทั้งหลาย
การปฏิบัติธรรมคือการทำหน้าที่ของเรานั้นโดยมีสติและสัมปชัญญะควบคุมอยู่.......
ก่อนที่จะทำหน้าที่นั้น เราต้องรู้จักหน้าที่และขอบเขตของหน้าที่ ลำดับชั้นของหน้าที่เสียก่อน
แล้วจึงลงมือกระทำไปตามหน้าที่ในขอบเขต ตามลำดับไป ควรรู้ว่าเราจะต้องทำอะไรในขณะนี้
ตามหน้าที่ของเรา "รู้ตน รู้ตัว รู้ทั่ว รู้พร้อม" คือองค์ประกอบของความเจริญก้าวหน้า การพัฒนาของจิต
สติและสัมปชัญญะที่ได้รับการฝึกฝน ให้รู้เท่าทันปัจจุบันธรรมนั้น จะคอยควบคุมกาย ควบคุมจิต
ให้รู้จักคิด รู้จักการพิจารณา และรู้จักการละวางซึ่งสิ่งที่เป็นอกุศลทั้งหลาย ไม่เข้าไปยึดถือในสิ่งนั้น
และตามดู รู้ทันในสิ่งที่กำลังตั้งอยู่ในความเป็นกุศลทั้งหลาย โดยเหตุและผลของตัวมันเอง
ดำเนินชีวิตไปตามบทบาทและหน้าที่ ที่พึงกระทำ ตามเหตุและปัจจัยที่มีในขณะนั้น
จิตอยู่กับปัจจุบันธรรมคือสิ่งที่กำลังเป็นไปในขณะนั้น แต่ไม่เข้าไปยึดติดจนงมงาย
รู้และเข้าในในเหตุและผลของตัวมันเอง โดยการคิดและพิจารณาในอารมณ์ทั้งหลายนั้น
รู้ เห็น เข้าใจ สิ้นความสงสัย แล้วจิตจึงจะเข้าไปละวาง ไม่ยึดถือในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น
เป็นสภาวธรรมที่เกิดขึ้นแก่จิต ที่ได้ผ่านการฝึกคิดและพิจารณาจนมีความชำนาญแล้ว
ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกฝนสร้างความเคยชินให้แก่จิตนั้น เป็นไปตามขั้นตอน
จากสิ่งที่ง่ายไปสู่สิ่งที่ยาก จากสิ่งที่หยาบไปสู่สิ่งที่ละเอียด จนสติและสัมปชัญญะนั้น
มีความรู้เท่าทันในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลาย และไม่เข้าไปยึดติดยึดถือ ปรุงแต่งในสิ่งนั้น
ให้อยู่ปัจจุบันธรรมเห็นการเกิดดับของสรรพสิ่งทั้งหลายโดยสภาวะแห่งธรรมที่แท้จริง....
ขอบคุณความคิดและจิตวิญญาณในการพิจารณาธรรม
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๐.๕๓ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี