คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๒๙ สค. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
อังคารที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
ได้มีเวลาทบทวนเรื่องราวที่หลากหลายของชีวิตที่ผ่านมาในอดีต
ทั้งที่เป็นฝ่ายกุศลและฝ่ายที่เป็นอกุศล ก่อนที่จะเข้าสู่เส้นทางสายธรรม
วิเคราะห์หาเหตุผลองค์ประกอบในสมัยนั้นที่มันเป็นไป เพราะอไรเราจึง
คิดและทำอย่างนั้น มองย้อนกลับมาสู่ปัจจุบัน จึงเห็นซึ่งความแตกต่าง
เมื่อก่อนนั้น จิตมันหยาบมันแข็งกระด้าง เพราะอัตตาและมานะของเรา
ยังไม่ถูกขัดเกลา จึงหนาแน่นไปด้วยกิเลสคือ ความรัก โลภ โกรธ หลง
ที่เข้าครอบงำจิตของเรา พฤติกรรมที่แสดงออกนั้นจึงกร้าวร้าวรุนแรง
ตอบโต้ทุกครั้งที่มีอะไรเข้ามากระทบจิต ไม่รู้จักความผิดชอบและชั่วดี
ดำเนินชีวิตอยู่ในวิถีแห่งคนพาลสันดานหยาบ หมกมุ่นอยู่กับกิเลสตัณหา
และอุปาทานโดยคิดว่ามันคือความสุขจากการที่ได้เสพในสิ่งที่ตอบสนองเหล่านั้น....
แต่เมื่อได้ศึกษาและปฏิบัติธรรม ความรู้สึกนึกคิดก็เปลี่ยนไป
ทำให้เรารู้อะไรๆมากขึ้น รู้จักผิดชอบชั่วดี มีสติและสัมปชัญญะในการดำรงค์ชีวิต
มีความคิดที่เป็นระบบมากขึ้น รู้จักใคร่ครวญ ทบทวน พิจารณาหาเหตุและผล
ของเหตุการณ์ทุกสื่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา รู้จักการข่มจิตข่มใจต่อสิ่งยั่วยวนทั้งหลาย
ควบคุมความรู้สึกนึกคิดของเราได้ มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต จิตน้อมเข้ามาหากุศล
ดำรงตนตั้งอยู่ในทำนองคลองธรรม....
สิ่งนี้คือคุณของพระรัตนตรัย ที่เราได้รับมาจากการที่เราได้เข้ามาศึกษาอาศัย
ใบบุญของพระศาสนา ทำให้ชีวิตเรามีคุณค่ากว่าที่เคยเป็นมาในอดีตของชีวิตฆราวาส
พบกับความเย็น ความสงบ ความสุข ที่เราไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต มันเป็นความรู้สึก
ที่ไม่อาจจะบรรยายเป็นตัวอักษรหรือคำพูดได้ มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ รู้ได้เฉพาะตน
เห็นผลด้วยการปฏิบัติธรรมะของพระพุทธองค์พิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติ และต้องทำให้จริง
สิ่งที่เรารู้ สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราเข้าใจเป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลีหนึ่งของพระธรรม.......
ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างอีกมากมายหนทางอีกยาวไกล ที่เรายังไม่ได้ก้าวเข้าไป
และยังไม่รู้ไม่เห็นบนเส้นทางแห่งสายธรรมนี้ยังมีอีกมากมายให้เราได้เรียนรู้และปฏิบัติ
การเดินทางกลับไปสู่ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของจิตที่ปภัสสร จิตแท้จิตเดิมที่เริ่มมานั้นมันบริสุทธิ์
แต่กิเลสที่เป็นอาคันตุกะได้เข้ามาอยู่อาศัยทำให้จิตเรานั้นต้องเศร้าหมอง เพราะกิเลสที่จรมา
จึงเป็นหน้าที่ของเราผู้เป็นเจ้าเรือน ที่จะต้องทำความสะอาดปัดกวาดกิเลสให้หมดสิ้นไป....
ตราบใดที่การเดินทางของชีวิตนั้นยังไม่สิ้นสุด ยังต้องเวียนว่ายอยู่ในห้วงแห่งวัฏสงสาร
ที่เต็มไปด้วยกิเลส ตัณหา อุปทาน ยังไม่สิ้นอาสาวะแห่งกิเลสทั้งหลาย จงอย่าได้รีบด่วนสรุป
ในสิ่งที่รู้ ในสิ่งที่เห็นและสิ่งที่เป็น ว่าเรารู้และเข้าใจหมดแล้ว เพราะมันยังมีหลายสิ่งหลายอย่าง
อีกมากมาย ที่เรานั้นต้องประสพพบเห็น ทั้งในทางโลกและทางธรรม สิ่งที่ผ่านมานั้น มันเป็นเพียง
ปรารกฏการทางจิต ที่เกิดขึ้นจามเหตุและปัจจัยที่มีในขณะนั้น มันยังไม่ใช่ที่สุดแห่งการเดินทาง
ของชีวิตจิตวิญญาณ ตราบใดที่มรรคผลนิพพานนั้นยังไม่บังเกิดขึ้นในจิตของเรา.......
น้อมกายน้อมจิตแสดงความเคารพซึ่งพระรัตนตรัย
ด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาในสายธรรม
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๒.๒๘ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี