...บันทึกเส้นทางบนสายธรรม บทที่ ๙๓...
...คือกระแสธรรมแห่งกาลเวลา...
...เรียนรู้ทางโลกมามากมาย
แต่ล้วนแล้วเป็นไปเพื่อความ
อยากมี ความอยากได้และความ
อยากเป็น ส่งจิตออกจากตัวเอง
ตลอดเวลา แสวงหาสิ่งนอกกาย
เป็นไปเพื่อความเพิ่มพูนกิเลส
ตัณหาอัตตาและมานะ เรียนไปๆ
กิเลสก็ยิ่งหนา มิได้เบาบางลง
...เรียนรู้ทางธรรม เป็นไปเพื่อ
ความลดละซึ่งความโลภ โกรธ
หลง ละกิเลส ตัณหาและอุปาทาน
ให้มันเบาบางลง เป็นการศึกษา
จากภายนอกเข้ามาสู่ภายในจิต
ในกายของเรา น้อมจิตเข้าสู่ตัวเรา
เรียนรู้ให้รู้จักตัวเราเอง
...ทุกคืนก่อนที่จะหลับไปนั้นจะ
ทบทวนใคร่ครวญ พิจารณาถึง
สิ่งที่ผ่านมาในแต่ละวัน เริ่มจาก
ตั้งแต่ตื่นนอนมาจนกระทั้งจะ
นอนใหม่ ว่าเรานั้นได้ทำอะไร
มาบ้าง อารมณ์ความรู้สึกเป็น
อย่างไร เวลาที่ผ่านไปใจเรา
เป็นกุศลหรืออกุศล อะไรเป็น
เหตุเป็นปัจจัยให้จิตแปรเปลี่ยน
ไปทั้งในทางกุศลและอกุศล
ให้คะแนนความประพฤติแต่ละวัน
ที่ผ่านมา เพื่อให้เห็นความก้าวหน้า
หรือว่าความเสื่อมของตัวเรา
เพื่อรักษาไว้ซึ่งความเพียรของเรา
...ความเพียรทั้ง ๔ ประการอันได้แก่...
๑.เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้น
ในจิตของเรา เรียกว่า"สังวรปธาน"
๒.เพียรพยายามละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
ในจิตของเรา เรียกว่า"ปหานปธาน"
๓.เพียรพยายามทำให้กุศลเกิดขึ้น
ในความคิดในจิตของเรา เรียกว่า
"ภาวนาปธาน"
๔.เพียรพยายามรักษากุศลที่
เกิดขึ้นแล้วในความคิดในจิต
ของเราไม่ให้เสื่อมไป เรียกว่า
"อนุรักขนาปธาน"
...เป็นความเพียรในมรรคองค์แปด
ที่เรียกว่า"สัมมาวายาโม" คือความ
เพียรชอบ สิ่งนี้เราได้ทำแล้วและ
จะกระทำต่อไป เพื่อให้ทรงไว้ซึ่ง
ความเจริญในธรรม...
...ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต...
...รวี สัจจะ - สมณะไร้นาม...
...๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕...