กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => กฎแห่งกรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: ทรงกลด ที่ 11 มิ.ย. 2554, 09:51:38

หัวข้อ: นรก อยู่ไหน?
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 11 มิ.ย. 2554, 09:51:38
นรก อยู่ไหน ๑/๒
บาป กรรม ที่ไหน.. นรก


    ทุกคนคงไม่คิดว่านรกจะมีจริงใช้ไหม แต่มีคนอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยไปถึงนรก ทั้ง ๆ ที่เค้ายังไม่ถึงคาด จะว่าไปก็อาจจะไม่ค่อยมีคนเชื่ออีกเช่นเคย คนเราจะเคยได้ยินแต่ "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" มันก็คงจะจริงเหมือนกันนั่นแหละ เพราะ"ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว" แต่จะมีสักกี่ึคนที่จะรู้แจ้งเห็นจริงกับเรื่องราวของนรก คุณคงเคยเห็นว่านรกหน้าตาเป็นอย่างไร อย่างเช่นในหนังในละครได้นำมาเผยแพร่กัน คือต้องมีต้นงิ้ว มีกระทะทอง มีนกเหล็ก มีคนถือหอกคอยทิ้มแทง อะไรประมาณนี้

    แต่อันที่จริงนั้นนรกน่ากลัวกว่าที่เราได้เห็นทางทีวีกันมากกว่า เพราะคนที่เคยไปถึงนรกนั่นได้นำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะให้เรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายได้กลัวเกรงต่อบาป กรรม กันบ้าง ไม่มากก็น้่อย เพราะการถ่ายทอดของเค้าเป็นการที่เค้าอยากให้เราทั้งหลายสร้างบุญกุศลเอาไว้ให้มาก ๆ เมื่อตายไปแล้วเราจะได้ไม่ต้องตกนรก แต่การขึ้นสวรรค์นั้่นยังไม่มีใครเคยมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้ฟังน่ะ

    เรื่องของบุคคลคนนี้ที่ไปนรกนั้น ก็ไม่มีใครหรอกจะคาดการณ์ได้ว่าเค้าได้ไปนรกมาจริง ๆ แต่การยืนยันนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่น่าเชื่อได้ และัอีกอย่างบุคคลคนนี้เป็นคนที่ไม่เคยโกหก และเป็นผู้ที่มีจิตใจเป็นกุศลด้วย

เริ่มเรื่องเลยดีกว่า

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า นรกนั้นใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้ว เพราะอะไรนั่นเหรอ ก็เพราะเมืองมนุษย์ กับเมืองนรกเป็นภพคนละภพกัน การเดินทางเลยไม่เหมือนเช่นในเมืองมนุษย์ เรื่องก็มีอยู่ว่า มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง มีอาชีพทำนา ครอบครัวนี้จะมีกันเพียง 3 คนเท่านนั้น คือ พ่อ แม่ และลูกสาวอีกคนเท่านั้น ในทุก ๆ วันครอบครัวนี้ก็จะมีหน้าที่ออกไปทำนา ทำสวนตามปกติ คือ เช้าตอนประมาณตี 4 ก็จะออกเดินทางจากบ้าน ซึ่งกว่าจะถึงท้องนาก็ประมาณ 20 กิโลเมตรได้ ผู้เป็นแม่จะมีหน้าที่ในตอนเช้าเพื่อเติมอาหารนำไปกินที่นาด้วย พวกเค้าจะทำแบบนี้ในทุก ๆ วันไม่มีเว้น เพราะข้าวในนาก็คือเงินที่พวกเค้าจะนำมาเลี้ยงชีพนั้นเอง

ทุกอย่างของชีวิตทั้งสามก็ดำเนินมาแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมาถึงวันหนึ่ง ในวันนั้นไม่มีใครคาดคิดได้เลยว่าแม่ที่รักของเค้าจะได้พบยังนรกมา ก่อนที่แม่ของเค้าจะได้ไปนรกนั้น แม่ของเค้าก็ทำภาระกิจเหมือนเดิม ๆ แต่พอเวลาใกล้เที่ยงซึ่งวันนั้นอากาศร้อนมาก เรียกว่าร้อนอย่างผิดปกติเลยทีเดียว ทุังสามก็ได้ทำนากันตามปกติ แต่แล้วจู่ ๆ แม่ก็ได้เป็นลมล้มพับลงไป ซึ่งพ่อ กับลูกสาวตอนนั้นได้อยู่ห่างจากผู้เป็นแม่แต่ก็ไม่ไกลเกินไปนัก ในขณะนั้นพ่อก็ได้หันมามองที่แม่ ซึ่งตอนนี้แม่ก็ได้ล้มลงไปกับพื้นนาเสียแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงร้องเรียกลูกสาวให้มาดูแม่ แต่พ่อได้มาถึงตัวแม่ก่อนและได้ตะโกนบอกลูกสาวว่า "แม่เป็นอะไรไม่รู้" ลูกสาวรีบวิ่งมาดูอาการของแม่ และได้ช่วยกันนำแม่ไปไว้ยังใต้ต้นไหม้ใหญ่ที่อยู่เลยไป ทั้งคู่ก็ได้พยายามทำให้แม่พื้น แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ผู้เป็นแม่ไม่มีลมหายใจแล้วในขณะนี้


ที่มา
http://khonsin.blogspot.com/2009/10/blog-post_15.html
หัวข้อ: ตอบ: นรก อยู่ไหน?
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 11 มิ.ย. 2554, 09:56:10
นรก อยู่ไหน ๒/๒

   ลูกสาวได้บอกกับพ่อว่า "แม่ไม่หายใจแล้ว" และทั้งคู่ก็นั่งร้องไห้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น และเมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึง 10 นาที ผู้เป็นแม่ได้มาอาการขยับตัวและลืมตามามองหน้าลูก และสามี และบอกว่า "ฉันได้ไปเมืองนรกมา" แต่สามีห้ามไม่ให้พูดอะไร แล้วทั้งสามก็พากันกลับบ้าน ไปรักษาอาการของแม่ แต่ก็แปลกที่เมื่อแม่รู้สึกตัวขึ้นมา แม่ไม่มีอาการใด ๆ เลยนอกจากรู้สึกอ่อนเพลียไปเท่านั้น

   พอรุ่งเช้าทั้งสามได้มานั่งคุยกัน และแม่เริ่มที่จะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่าตอนที่แม่กำลังทำนาอยู่นั้นแม่มีอาการหน้ามืด และเป็นลมไป และรู้สึกมีลมเย็น ๆ มาปะทะกับตัว และมีผู้ชายคนหนึ่งมารับตัว เค้าแนะนำตัวเองว่า เค้านั้นเป็นยมทูต และลูกสาวได้ถามแม่ว่า แม่จำได้ไหมว่าเป็นยังไงต่อ แม่เค้าก็ตอบไปว่า

   ผู้ชายคนนั้นได้พาแม่เดินทางมาเรื่อย ๆ กับเค้าจนมาถึงถ้าแห่งหนึ่งซึ่งที่ถ้ำนั้นมืดมาก ๆ จนแม่ไม่กล้าที่จะเข้าไป แต่สักครู่ก็ได้มีแสงสว่างขึ้นมา ซึ่งแสงนั่นไม่ใช้แสงธรรมดา แต่เป็นแสงสีทองอร่าม และแม่ก็ตื่นตาตื่นใจมาก แต่แม่ก็ต้องตกใจอีกครั้งหนึ่ง เพราะแม่ได้เห็นผู้คนที่อยู่ในถ้ำมากมายเหลือเกิน ทุกคนแต่งชุดสีขาว และท่านยมทูตได้ตอบให้ฟังว่า "คนพวกนี้คือวิญญาณที่รอไปเกิด ก็เลยมารออยู่ที่ปากถ้ำ" จากนั้นท่านยมทูตได้พาเดินไปอีกสักครู่ และมาถึงห้อง ๆ หนึ่งท่านบอกให้นั่งลง และก้มหน้าลงด้วย แม่ได้ถามว่าให้นั่งทำไม ยมทูตตอบว่า "ให้นั่งรอท่านพญามัจจุราช" พอได้ยินเท่านั้นแม่ยิ่งกลัวไปใหญ่เลย แม่จึงนั่งก้มหน้าไม่ยอมเงยเลยเป็นเด็ดขาด แต่พอแม่นั่งอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงที่ดังก้องกังวาน ก็ทำให้แม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาโดยอัตโนมัติ แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะ "แม่เห็นท่านพญายม นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่สูงสง่า พร้อมกับมีคนอีก 2 คนยืนอยู่ข้าง ๆ ตัวท่าน และมีผู้ชายตัวใหญ่อีกคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ ท่านพร้อมกับสมุดโน้ตเล่มใหญ่ 1 เล่ม อ้อแต่หน้าตาของท่านพญามัจจุราชไม่ดุเลยน่ะ หน้าตาท่านก็คล้ายกับคนเราทั่ว ๆ ไปนั้นแหละ

   แต่เรื่องยังไม่มีแค่นี้ เพราะท่านพญามัจจุราชได้พูดกับแม่ว่า "แม่เป็นคนที่ทำำบุญไว้มาก และที่สำคัญแม่ยังไม่ถึงที่ตาย" แต่แม่ไม่สามารถรู้เวลาที่แม่อยู่ในนรกได้ว่านานเท่าไร แต่เมื่อท่านพญามัจจุราชท่านบอกว่าแม่ยังไม่ถึงที่ตาย แม่ก็ดีใจ และท่านยังบอกอีกว่าถ้าแม่ได้กลับขึ้นไปยังเมืองมนุษย์แล้ว ให้หมั่นทำบุญให้มาก ๆ และให้นำเรื่องราวในนรกไปเผยแพร่ให้มนุษย์บนโลกได้รับรู้กันบ้างน่ะ และก่อนที่เจ้าจะได้กลับขึ้นไปบนโลกมนุษย์ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าการทำบาป ทำกรรม จะได้รับโทษอย่างไรบ้าง

   ท่านพยายมได้เดินทางเพื่อมาส่งแม่ที่โลกมนุษย์ แต่ระหว่างทางท่านได้พาไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่เห็นคือ มีต้นงิ้วสูงใหญ่ และมีคนปีนขึ้นไปบนต้นงิ้ว โดยที่คนเหล่านั้นไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่อยู่เลย พวกเค้าต้องปีนไปถึงยอด แต่พอถึงยอดต้นงิ้วก็จะมีอีกาจิก และพวกเึค้าก็จะปีนลงมาข้างล่าง ซึ่งด้านล่างก็จะมีผู้ชายถือหอกไว้ทิ้มแทงอีก และคนพวกนั้นจะร้องแบบเจ็บปวดทรามานมาก อ้ออีกาที่อยู่ข้างบนไม่ได้จิกธรรมดาน่ะ แต่จิกลูกตา เมื่อแม่เล่ามาถึงตอนนี้แม่ก็เกินอาการอาเจียนออกมา และท่านยมทูตได้บอกกับแม่ว่า คนพวกนี้ที่ต้องปีนต้นงิ้วก็เพราะ "ผิดลูกผิดเมีย เป็นชู้กับชาวบ้าน" จึงต้องชดใช้กรรมอย่างที่เห็น

   และนี้ก็เป็นเรื่องราวที่คน ๆ หนึ่งได้ไปยังเมืองนรก ซึ่งเป็นเมืองที่คนเราอาจจะต้องไปกันทุกคนถ้าได้กระทำกรรมชั่วไว้มาก แต่การกระทำนั่นยังไม่สายจนเกินไป ให้เรามาทำบุญกันไว้มาก ๆ ดีกว่า แล้วผลบุญก็จะกลับมาหาตัวท่านเอง


ที่มา
http://khonsin.blogspot.com/2009/10/blog-post_15.html
หัวข้อ: ตอบ: นรก อยู่ไหน?
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 11 มิ.ย. 2554, 09:58:57
บาปตกที่ลูก
บาปอะไรไม่ลงกับตัวเอง


   คนเรานั่นบางครั้งคิืดว่าบา่ปกรรมไม่มีจริง แต่การที่เราสร้างบาปกรรมเอาไว้ไม่ได้มาสนองที่ตัวเราเิอง แต่อาจที่จะไปตกที่ลูกเข้าก็เป็นได้ อย่างเช่นนี้ราวต่อไปนี้

  เรื่องมีอยู่ว่า ครอบครัวของนายขาว เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างที่จะลำบาก คือชีวิตจะอยู่กับการทำไร่ ทำสวน นายขาวมีเมียอยู่คนหนึ่งชื่อ ณี และยังมีลูก ๆ ด้วยกัน 2 คน อ้อ! นายขาว กับณี ได้เลี้ยงสุนัขไว้ด้วย 3 ตัวด้วยกัน

   เหตุเกิดกัับนายขาวอยู่วันหนึ่ง ในวันนั่นนายขาว และณีได้เข้าไร่ เข้าสวนตามปกติ เค้าทั้งคู่ได้ทำงานไปเรื่อย ๆ จนใกล้เที่ยง ทั้งสองก็ได้รู้สึกหิวขึ้นมา และได้พากันเดินกลับที่พัก แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นกับพวกเค้า คือเมื่อทั้งคู่ไปถึงที่พักแล้ว ปรากฎว่าอาหารที่ณีได้เตรียมไว้นั่นกระจัดกระจายไปทั่ว และก็หมดแล้วด้วย นายขาวซึ่งอยู่กับอาการที่หิวมาก ก็เกิดโมโหขึ้นมาเค้าแน่ใจเลยว่าต้องเป็นสุนัขตัวใดตัวหนึ่งที่เค้าเลี้ยงไว้แน่นอน นายขาวเดินมาเห็นสุนัขเคราะห์ร้ายตัวนั่นเข้า ในขณะที่เจ้าสุนัขกำลังเลียปากอยู่ ทำให้นายขาวแน่ใจว่าต้องเป็นตัวนี้แน่นอน นายขาวไม่รอช้า

  เหตุการณ์ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นแล้ว นายขาวได้หาไม้ท่อนใหญ่พอสมควรมา 1 ท่อน จากนั้นนายขาวได้วิ่งไล่เพื่อตีเจ้าสุนัขเคราะห์ร้ายตัวนั่น ผลปรากฎว่านายขาวตีจนสุนัขเคราะห์ร้ายตัวนั่นพิการเลย เพราะตั้งแต่ส่วนของสะโพกลงไปถึงขาของสุนัขไม่สามารถใช้การได้แล้ว และเจ้าสุนัขเคราะห์ร้ายตัวนั้นต้องทนทุกข์ทรมานมาพอสมควร ด้วยการที่ต้องเดินไปไหนมาไหนต้องลากขา เป็นเหตุให้ขาของมันเน่าเสีย จนมันต้องตายไปในที่สุด แต่ช่วงที่มันอยู่อย่างทรมานนี้ วัน ๆ เจ้าสุนัขจะนอนร้องครวญครางอยู่้ตลอดเวลา

  และเหตุการณ์ที่นายขาว และณี ได้ทำเค้าก็ลืมไปจนหมด แต่เรื่องยังไม่จบลง เพราะอยู่มาหลังจากที่สุนัขตัวนั้นได้ตายลงไป ณี ก็ได้ตั้งท้องขึ้นมา และพอคลอดพวกเค้าต้องดีใจเป็นที่สุด แต่ก็ต้องเสียใจที่สุดเช่นกันเพราะพวกเค้าได้ลูกชาย แต่ที่น่าเสียดายคือ ลูกชายของพวกเค้าออกมาในลักษณะที่พิการ คือ ส่วนล่างลงไปลีบ และไม่สามารถที่จะเดินได้ ลูกชายของเค้าจะต้องลากขาไปไหนมาไหนเอา ซึ่งก็เหมือนกับเจ้าสุนัขตัวที่นายขาวได้ทำร้ายมันนั่นเอง และสุดท้ายลูกของนายขาว และณีั ก็ต้องจบชีวิตลงในวัยประมาณ 2 ขวบเศษ และยังมีอาการร้องโหยหวนเช่นกัน

   เหตุการณ์นี้จึงทำให้ทั้งนายขาว และณี ได้สำนึกขึ้นได้กับการกระทำกับสุนัขตัวนั้น ทั้งคู่ได้คิดแล้วมามันเป็นบาปที่เค้าได้ก่อขึ้นเอง แต่น่าเสียดายที่นายขาวผู้ที่เป็นคนลงมือกระทำนั่นไม่ได้รับกรรมอ้นใดจากบาปนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าลูกชายคนแรก และคนเดียวของเค้า่ได้เกิดมาดูโลกได้ในระยะสั้น ๆ และยังต้องพิการอีกด้วย

คุณที่จะปฏิบัติอะไร ควรที่จะคิดให้ดีก่อน ว่าจะมีผลต่อบาปกรรมอะไรตามมาหาเราหรือไม่


ที่มา
http://khonsin.blogspot.com/2009/10/blog-post_15.html
หัวข้อ: ตอบ: นรก อยู่ไหน?
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 11 มิ.ย. 2554, 10:04:12
บาปกรรม ทันตา
บาปกรรม กับปลาทันตา


   ใครที่ว่าบาปกรรมนั้นไม่มีในโลกนี้ คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่กันได้แล้ว เพราะทุกวันนี้เรียกได้ว่า "กรรมติดจรวด" เลยทีเดียว เพราะเราทำบาปวันนี้ บางครั้งพรุ่งนี้ก็ได้กลับมาทันตาเห็นซะแล้ว

   เรื่องบาปกรรมนั้น ถ้าไม่เชื่อก็ไม่มีใครที่สามารถที่จะบังคับให้เชื่อกันได้อยู่แล้ว เพราะเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับตนเองเท่านั้นที่จะรู้ว่า "บาปกรรม" มีจริงหรือไม่ แต่บางครั้งตัวเองอาจจะไม่เห็นก็ได้ อาจจะเป็นคนข้างตัวที่เห็นแล้วจะพูํดออกมาว่า "กรรมตามทัน" แต่ใครก่อกรรมอะไรไว้ผลกรรมก็ต้องตอบสนองเป็นธรรมดา เอาเป็นว่าเราคิดดีทำดีกันดีกว่า อย่างเช่นเรื่องที่จะเล่าให้ฟังกันนี้

   เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำบาปกรรมของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่เค้ากระทำลงไปเค้าคิดว่าถูกแล้ว แต่คนทั่วไปที่เห็นการกระทำของผู้่หญิงคนนี้ล้วนแต่จะบอกว่าทำทารุณกันทั้งนั้น เรื่องที่เกิดกับเค้าก็คือว่า

   มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งมีอยู่กันเพียงสองคนสามีภรรยาเท่านั้น เพราะพวกเค้าไม่มีลูก ด้านสามีนั้นมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ทั้งเหล้า และบุหรี่ก็ไม่เคยแตะ พอถึงวันพระ สามีของเค้าก็จะเข้าวัดปฏิบัติธรรมเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ส่วนภรรยาชอบหาปลา และเหล้า บุหรี่ชอบหมด พอเมาก็จะเสียงดัง แต่เค้าเป็นคนอารมณ์ดีไม่เคยที่จะดุด่าสามีเลย ถึงภรรยาเป็นคนอย่างนั้นก็ไม่เคยที่จะดุด่าภรรยาเช่นกัน ภรรยาเค้าไม่เคยที่จะขอเงินสามีเพื่อที่จะซื้อเหล้าซื้อบุหรี่เลย เค้าจะหาเงินโดยการที่นำปลาที่หาได้ไปขายให้กับชาวบ้านแถว ๆ นั้น เพราะปลาของเค้าจะสดอยู่เสมอ ซึ่งชาวบ้านก็จะชอบมาก

  วิธีการทำปลาของเค้า เป็นวิธีที่ดูแล้วจะโหดร้ายมาก เพราะใครที่เห็นก็จะบอกเตือนเค้าตลอดเวลา คือเวลาที่เค้าตกปลามาได้แล้ว แทนที่เค้าจะเอาปลาออกจากเบ็ดแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเค้าจะร้อยเบ็ดเป็นสายไว้ แล้วก็ลากปลาไปเรื่อย ๆ พอถึงที่ขายก็จะเอาปลาขึ้นจากน้ำและถอดเบ็ดออก แต่กว่าเค้า่จะขายปลาก็สายน่าดู ลองคิดดูว่าปลาต้องทรมานปากฉีกนานขนาดไหน แกจะทำอย่างนี้ทุก ๆ วัน มีคนเตือนให้แกเลิกกระทำกับปลาแบบนั้นซะ แกก็ไม่เลิก หรือแม้แต่เค้าบอกว่าทำอย่างนั้นปลามันเจ็บน่ะ ทรมานด้วย แกก็จะพูดแต่ว่า "ปลามันไม่เห็นเคยร้องโอย โอย ให้ได้ยินเลย" หรือไม่ก็จะบอกว่า "ถ้าเอาปลาขึ้นจากน้ำ ปลาที่ไหนมันจะสดกันล่ะ" เมื่อทุกคนเตือนไม่ได้ก็หยุดเตือนกันไปเอง ส่วนสามีนั้่นเตือนแล้วว่า "ระวังบาปกรรมบ้างน่ะ ไปทำกับเค้าอย่างนั้น ระวังจะโดนเข้ากับตัวเอง"

   ภรรยาก็ไม่เคยเชื่ออะไร จนเวลากระทั้งจากวันนั้นมาประมาณ 5 ปี ก็ได้เกิดเรื่องขึ้นกับภรรยาจนได้ นั่นคือภรรยาของแกเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา โรคที่เป็นก็คือมะเร็งในช่องปาก และลำคอ แกได้เข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลอยู่ระยะหนึ่ง แล้วหมอบอกให้กลับไปรักษาต่อที่บ้าน อาการเริ่มแรกที่แกเป็นนั้น คือมะเร็งมันได้กัดกินในปาก และลำคอ จนเพดานทะลุก่อน จากนั้นก็ลามไปที่กระพุ้งแก้มก็ทะละเป็น เนื้อร้ายได้กัดกินไปถึงใต้คาง คือบริเวณคางจะมีหนองไหลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาการทั้งหมดนี้ทำให้ภรรยาแกไม่สามารถที่จะรับประทานอาหารได้เลย และก็จะร้องครวญครางอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้าคิดให้ดีอาการที่ภรรยาของแกเ้ป็นนั้นเหมือนกับตอนที่แกตกปลาแล้วปล่อยให้ปลาติดเบ็ดและลอยอยู่ในน้ำตลอด จะว่าไปแล้วแค่การทีภรรยาแกไปตกปลาขายก็บาปอยู่แล้ว นี้กลับทรมานปลาด้วยวิธีให้ปลาลอยกับเบ็ดไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางอีก

  ผลของการกระทำบาปของเค้าก็ได้ส่งผลให้เห็นในชาตินี้เลยทีเดียว ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้่ากันอีกแล้ว แบบนี้จะไม่ให้บอกว่า "กรรมติดจรวด" ได้อย่างไร

   เค้าถึงบอกว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สุภาษิตนี้สามารถที่จะสอนเราจนตายได้เลยทีเดียว แต่ก็อีกนั่นแหละแล้วแต่ความเชื่อของใครต่อใคร ซึ่งเราก็ไม่สามารถที่จะไปบังคับความเชื่อของคนได้ สรุปเราทำดี คิดดี และสิ่งดี ๆ ก็จะกลับมาหาเราเอง


ที่มา
http://khonsin.blogspot.com/2009/10/blog-post_27.html
หัวข้อ: ตอบ: นรก อยู่ไหน?
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 11 มิ.ย. 2554, 10:08:25
ตุ๊กแกผี
ตุ๊กแกจองเวร เพราะคน


   ตุ๊กแกบางคนก็จะสามารถนำมาประกอบอาหารเพื่อรับประทาน หรือไม่อาจจะนำมาตากแห้งเพื่อที่จะส่งออกนอกประเทศก็มี นั่นก็คือการกระทำบาป แต่บางครั้งคนเราอาจจะเลือกไม่ได้ว่าควรจะทำอย่างไร เพราะนั่นหมายถึงอาชีพ และหมายถึงเงินที่จะมาดูแลปากท้องของพวกเค้า แต่เสียงร้องของตุ๊กแกนี่ซิช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน แต่อีกนั่นแหละอาจจะมีคนชอบเสียงร้อง ตุ๊กแกๆๆๆๆ ก็เป็นได้

  เรื่องตุ๊กแกผีนี้มีอยู่ว่า มีบุคคลอยู่คนหนึ่งเค้าเกลียดชังกับตุ๊กแกมาก และนี่เองก็คือบาปที่เค้าจะได้เจอ สมมุติให้บุคคล ๆ นั้นชื่อว่า "ยายแดง" ยายแดงแก่จะเกลียดเจ้าพวกตุ๊กแกมาก ๆ เลย เกลียดขนาดที่ว่าเห็นที่ไหนจะต้่องฆ่าที่นั่นเลยทีเดียว และการฆ่าตุ๊กแกของยายแดงนั่นชังน่าเวทนามาก คือแกจะใช้ไม้ทุบตีเจ้าตุ๊กแกจนเลือดแดงทะลักออกมา จากนั่นมันก็จะตายไปในที่สุด แต่ที่น่าสงสัยมากนั่นคือ เมื่อยายแดงแก่ฆ่าตุ๊กแก แต่ปรากฎว่าที่บ้านของแกก็จะมีตุ๊กแกเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แทนทีจะมีัปริมาณที่ลดลงเพราะฝีมือของยายแดงแต่ไม่เลย
(http://2.bp.blogspot.com/_0QS2F1SrIGc/SsAfDVUGuHI/AAAAAAAAAFg/Yv6h8HqISa0/s1600/%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%81.jpg)
   และที่สำคัญมีอยู่วันหนึ่งยายแดงก็ได้ทุบตีเจ้าตุ๊กแกเหมือนเช่นเคย ทุบจนตัวมันเละ และยังแปลกตรงที่ว่าเจ้าตุ๊กแกที่ยายแดงแกตีตายนั่นตัวใหญ่ และยังมีลายที่เข้มไปหมด สภาพของตุ๊กแกนั่นเละไม่มีชิ้นดี เลือดแดงท่วมร่างของมัน ปากอ้างค้าง และที่สำคัญคือตามันเบิกโพนจ้องมาที่หน้าของยายแดงอีกด้วย ลักษณะของมันคงจะเจ็บปวดมากเลยทีเดียว ในคืนวันเดียวกันนั่นเอง พอตกตอนกลางคืนยายแดงได้เข้านอนตามปกติ แต่มันผิดปกติก็ตรงที่ยายแดงแกนอนร้องลั่นไปหมด คล้ายกับยายแดงตกใจเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ๆ นั่นคือ มีเจ้าตุ๊กแกประมาณ 10 กว่าตัวเดินอยู่บนตัวของยายแดง และไม่เพียงเท่านั่นน่ะ เพราะเจ้าตุ๊กแกพวกนั่นกำลังพยายามที่จะกัดยายแดงอีกด้วย

    ในที่สุด ยายแดงแกก็ก็ต้องขาดใจตายไป ด้วยความกลัวสุดขีดกับเจ้าตุ๊กแก และยังโดนกัดกินเนื้อด้วย ซึ่งลักษณะการตายของยายแดงเหมือนกับพวกตุ๊กแกที่แกเคยที่ตาย เพราะสภาพคือ อ้างปากค้าง และตาเหลือก และนี้ก็คือบาปที่ยายแดงได้ก่อไว้กับสัตว์ อย่างพวกตุ๊กแกนั่นเอง

ในเรื่องนี้ก็สามารถเป็นอุทธาหรณ์ได้ว่า ใครที่ทำบาป กรรมอะไรไว้ ก็จะได้สิ่งเหล่านั่นกลับคือมาเช่นกัน


ที่มา
http://khonsin.blogspot.com/2009/09/blog-post_27.html
หัวข้อ: ตอบ: นรก อยู่ไหน?
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 11 มิ.ย. 2554, 10:20:23
บาป จากความงาม  ๑/๒
แม่ค้าขาย เครื่องสำอาง


   จริง ๆ แล้วคำว่าเวร กรรมนั่น บางคนอาจจะไม่เชื่อว่าจะมีจริง หรือแม้แต่คำว่าบาปก็เหมือนกัน คุณคิดว่ามีไม่จริงหรือ แต่ความจริงแล้วทุกวันนี้เรียกได้ว่า "กรรมติดจรวด" ยังได้เลย เพราะอะไรที่เป็นเช่นนั้นน่ะหรือ ก็เพราะว่าบางครั้งคนเราทำบาปไว้ หรือทำกรรมอะไรก็ได้ ไม่ว่ากับสัตว์ หรือกับคน หรือสิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็ตาม ไปรังแกเขา ไปกลั่นแกล้ง ไปเหยีดหยาม อะไรก็ตามที่ไม่ดีแล้วเราไปทำให้เกิดขึ้น นั้นก็คือก็สร้่างบาป จากนั้นกรรมก็จะตามมาอีก อย่างเช่นเีรื่องที่จะนำมาเล่าให้ฟังนี้

คนเราทุกคนนั้นย่อมที่จะต้องมาหน้าที่การงานกันทั้งสิ้น ไม่ว่างานจะดี หรือไม่ดีก็ตาม แต่คนเราบางครั้งก็เลือกที่จะเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำได้ ถ้าเราทำแต่ความชั่ว ไม่ช้่าเราก็ต้องรับบาปอยู่ดี อย่างเช่นผู้หญิงคนนี้ คือเค้ามีอาชีพในการขายเครื่องสำอาง อยู่ที่ห้างดังแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด แต่สินค้าที่แม่ค้าคนนี้ขายนั่นมีสิ่งที่ผิดปกติืติดตัวอยู่

แม่ค้าคนนี้นับว่าเป็นแม่ค้าที่หน้าตาดีทีเดียวเลย ผู้ชายคนไหนได้พบเจอก็ต้องหลงรักเธอทั้งนั้น และอีกอย่างก็คือแม่ค้าคนนี้เป็นผู้มีอัทธยาศัยที่ดีมาก พูดจาไพเราะ เป็นที่รักของทุกคนที่ได้รู้จักกับเธอ แม่ค้าคนนี้เค้าสามารถที่จะขายสินค้าของเค้า ก็คือเครื่องสำอาง จนสามารถที่มีบ้าน และมีรถเป็นของตนเองได้ ชีวิตของเค้าพบแต่ความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะด้านงานการ ด้านครอบครัว หรือด้านฐานะ ถือว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีอย่างมากเลย ทุกคนในครอบครัวของเธอต่างรักกัน ทั้งลูกและสามี สามีก็ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลย เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบมาก ๆ ก็ว่าได้

เรื่องกิจการเครื่องสำอางของเธอนั้นนับว่าประสบผลสำเร็จอย่างมาก ในขณะที่เธอยืนเสนอสินค้านั่น ไม่ว่าจะลูกค้าเข้าร้านกี่คนก็สามารถที่จะต้องควักกระเป๋าเพื่อจ่ายค่าสินค้าของเธอทุกคนไป เนื่องจากลูกค้าได้มองดูใบหน้าของเธอแล้วก็ต้องพูดได้ว่า "ผิวหน้าดีจริง ๆ เลย" และถ้าถามเรื่องอายุแล้ว ก็ขึ้นไปที่เลข 4 แล้วด้วย แต่ความลับอะไรก็ย่อมไม่มีในโลกนี้อย่างแน่นอน แต่ยังไม่จบ เรื่องราวชีวิตของเธอนั้นยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ กับเรื่องนี้


ที่มา
http://khonsin.blogspot.com/2009/10/blog-post_13.html
หัวข้อ: ตอบ: นรก อยู่ไหน?
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 11 มิ.ย. 2554, 10:22:03
บาป จากความงาม  ๑/๒

   ความลับนั้นก็คือว่า แม่ค้าคนนี้จะมีเพื่อน ๆ สนิทมากเลยอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนของเค้าคนนี้จะรู้ดีเรื่องเครื่องสำอาง เพราะจริง ๆ แม่ค้าสุดสวยไม่เคยเลยแม้แต่นิดเดียวที่จะใช้เครื่องสำอางภายในร้านของเธอ ไม่ใช้เพราะราคาแพงหรอกน่ะ ราคาสินค้าของที่ร้านเธอนั้นถูก คือเป็นสินค้าที่คนทั่ว ๆ ไปสามารถซื้อได้ ที่ว่าแม่ค้าคนนี้ไม่เคยใช้เครื่องสำอางของตนเองก็เพราะว่า "เธอใช้สินค้าที่มียี่ห้อทุกชิ้น และราคาก็สูงริบ" เพื่อนของเธอก็ได้เคยเตือนเกี่ยวกับสินค้าที่แม่ค้าคนนี้นำมาจำหน่ายแล้ว ว่า "ระวังน่ะเอาของไม่มีคุณภาพ มาขายให้คนอื่น เดี๋ยวถ้าลูกค้าเกิดปัญหาขึ้นมาก็จะแก้ไม่ได้ หรือไม่อย่างนั้นอาจจะตกมาที่ตัวเองก็ได้น่ะ" เมื่อความลับเป็นเช่นนี้ก็เป็นความลับต่อไป แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เครื่องสำอางที่แม่ค้าคนนี้ซื้อมาจำหน่้ายให้ลูกค้านั้นเป็นของที่เกรดต่ำ คุณภาพไม่ต้องห่วง อาจจะเจอกับลูกค้าที่แพ้ และลูกที่ไม่แพ้ก็เป็นได้ เรื่องราวได้ดำเนินมาเรื่อย ๆ จนมีอยู่วันหนึ่ง เมื่อแม่ค้าคนนี้ได้กลับมาถึงบ้าน เธอก็ได้ปฏิบัติภา่ระกิจอย่างเดิม ๆ ทุกวัน คือเป็นแม่บ้านที่ดี ทำกับข้าวให้ลูก ๆ และสามีทาน เมื่อตกกลางคืนเธอได้อาบน้ำและเข้านอน แต่การนอนของคืนนี้ไม่เหมือนกับทุกคืนที่ผ่านมา คือ แม่ค้าคนนี้เธอมีความรู้สึกว่าใบหน้าอันสวยงามของเธอร้อนเหมือนกับมีใครเอาไฟมาเผาที่ใบหน้า เธอก็ตกใจมากจนต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฝันร้ายได้เข้ามาแล้ว

   ใบหน้าอันสวยงามนั้นมีอาการไหม้ และพองขึ้น พอถึงรุ่งเช้าสามีก็ได้พา่เธอไปพบแพทย์ ทำการรักษามาเรื่อย ๆ แต่ไม่หาย เป็นอาทิตย์ก็แล้ว เป็นเดือนก็แล้ว อาการก็ยังไม่ดีขึ้นสักที เธอต้องพบกับความทุกข์มาเป็นปี ๆ ครอบครัวที่เคยมีความอบอุ่นบัดนี้ก็เริ่มหายไปแล้ว คือสามีก็เริ่มเที่ยวเตร่ และมีผู้หญิงอื่น ส่วนลูกก็เริ่มที่จะเที่ยวกับเพื่อนๆ เช่นกัน บ่อยให้เธอต้องผจญปัญหาอยู่เพียงคนเดียว จนทุกวันนี้ก็ผ่านไปเกือบ 5 ปีแล้วที่เธอพยามที่จะรักษาให้ใบหน้าของเธอกลับขึ้นมาสวยเหมือนเดิม แต่ "กรรม" เท่านั้นที่เธอได้ก่อขึ้นมา เพราะเธอได้นำสินค้าที่ไม่ได้มาตราฐานมาขายให้กับลูกค้าของเธอ ครอบครัวของเธอจึงต้องแต่แยก บ้านช่องก็ไม่เหลือ เพราะเธอต้องใช้เงินในการรักษามาก เธอต้องขายทั้งรถ ทั้งบ้าน สุดท้ายเธอก็ไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่สามี บ้าน และความสุขที่เคยมี

   สุดท้ายชีวิตของเธอต้องประสบกับปัญหาทุกอย่าง ใบหน้าของเธอก็เป็นหนอง พุพอง ไปไหนมาไหนก็ต้องปกปิดใบหน้าเิอาไว้ไม่สามารถที่จะให้ใครพบหน้าได้อีกต่อไป ถ้าเธอคิดได้คงไม่ทำการกระทำเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่ก็จริงนั้นแหละว่า "คนเราถ้ายังไม่เจอเค้ากับตัว ก็ไม่เชื่อว่ากรรมมีจริง"

   บางครั้งคนเราทุกวันนี้ก็ยังไม่ค่อยเชื่อเกี่ยวกับบาปกรรม แต่ถ้าเราทำดีผลดีก็จะกลับมาหาเราเองนั่นแหละ ฉะนั้นเราอย่าก่อให้คนอื่นได้รับทุกข์กันเลยดีกว่าน่ะ

ที่มา
http://khonsin.blogspot.com/2009/10/blog-post_13.html
หัวข้อ: ตอบ: นรก อยู่ไหน?
เริ่มหัวข้อโดย: saken6009 ที่ 12 มิ.ย. 2554, 02:40:56
คำโบราณว่า สวรรค์อยู่ที่อก นรกอยู่ที่ใจ 02; 02;
                                         
ขอขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำบทความดีมากๆมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :053: :053:
 
ติดตามอยู่ครับ อ่านแล้วเพลินดีมากๆครับ และ ได้สาระความรู้มากๆครับผม :016: :015:
 
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบคุณครับผม) :054: :054: