กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) => ข้อความที่เริ่มโดย: น้องลิงน้อย ที่ 10 เม.ย. 2552, 02:00:26

หัวข้อ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: น้องลิงน้อย ที่ 10 เม.ย. 2552, 02:00:26
อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยเเม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

...หลวงปู่ว้าวุ่นใจเป็นอย่างยิ่ง จิตที่เคยควบคุมบังคับให้สงบนิ่งได้ก็เกิดปรวนแปรไป ความคิดคำนึงคอยแต่จะโลดแล่นซัดส่ายไปหาหญิงงามอย่างเดียว ทำให้หลวงปู่แหวนเกิดความหวาดกลัวตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ขืนอยู่ต่อไปอาจจะพ่ายแพ้ต่อกิเลสเมื่อไหร่ก็ได้
ดังนั้น หลวงปู่แหวนจึงตัดสินใจเก็บบริขารทั้งหลายเดินทางกลับประเทศไทยอย่างฉับพลันทันที เมื่อข้ามแม่น้ำโขงสู่ผืนแผ่นดินมาตุภูมิแล้วก็มุ่งหน้าขึ้นไปทางอำเภอศรีเชียงใหม่ ระหว่างเดินทางหนี "มาตุคาม" ซึ่งเป็นเนื้อคู่บุพเพสันนิวาสมาแต่ชาติปางก่อน จิตใจของหลวงปู่ยังโลดแล่นไปหาสาวงามเกือบตลอดเวลา เป็นความรู้สึกที่ฟุ้งซ่านที่รุนแรงร้ายกาจสุดพรรณนาทีเดียว

หลวงปู่แหวนเดินทางมาถึงพระบาทเนินกุ่ม หินหมากเป้ง จึงหยุดยั้งอบรมตนอยู่ ณ ที่นี้ และก็เป็นวาสนาของหลวงปู่ที่ได้พบกับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่แหวนมีปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับท่านอาจารย์ใหญ่ การได้มาพักอบรมตนอยู่ใกล้กับท่านพระอาจารย์มั่นก่อนเข้าพรรษาปีนั้น ทำให้หลวงปู่แหวนระงับความฟุ้งซ่านลงได้ไม่น้อย  
แม้กระนั้นภาพของหญิงงามก็ยังปรากฏเป็นครั้งคราว ทำให้ดวงจิตหวั่นไหวอยู่เสมอ แต่เมื่อเร่งภาวนายิ่งขึ้นภาพนั้นก็สงบระงับไป หากพลั้งเผลอเมื่อใดภาพสาวงามก็จะผุดขึ้นมาอีก
หลังจากเข้าพรรษาแล้ว หลวงปู่แหวนได้ตั้งใจปรารภความเพียรอย่างหนัก การเร่งความเพียรอย่างเต็มที่ทำให้จิตสงบอย่างรวดเร็ว ทรงตัวสู่ฐานสมาธิได้ง่าย ไม่วุ่นวายฟุ้งซ่านอีก คล้ายกับจิตมันยอมสยบราบคาบแล้ว และเกิดอุบายทางปัญญาพอสมควร

แต่หลวงปู่หารู้ไม่ว่า ยิ่งเร่งความเพียรเอาจริงเอาจังหนักขึ้นเท่าใด กิเลสที่แสร้งสงบนิ่งก็เริ่มต่อต้านเอาจริงเอาจังมากขึ้นเท่านั้น คราวนี้แทนที่จะควบคุมจิตให้ดำเนินไปตามทางที่ต้องการ มันกลับเตลิดโลดแล่นไปหา  "สาวงาม" ที่บ้านนาสอง ริมฝั่งแม่น้ำงึมอีก และครั้งนี้พลังของกิเลสดูจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
หลวงปู่แหวนพยายามหาอุบายธรรมต่างๆ มาปราบเจ้าตัวกิเลสที่ฟูขึ้นมา แต่ไม่สำเร็จ หลวงปู่เล่าว่า
"ยิ่งเร่งความเพียร ดูเหมือนเอาเชื้อไปใส่ไฟ ยิ่งกำเริบหนักเข้าไปอีก เผลอไม่ได้เป็นต้องไปหาหญิงนั้นทันที บางครั้งมันหนีออกไปซึ่งๆ หน้า คือขณะที่คิดอุบายการพิจาณาอยู่นั้นเอง (จิต) มันก็วิ่งออกไปหาหญิงนั้นซึ่งๆ หน้ากันเลยทีเดียว"  โอ... "มาตุคาม" นี้อันตรายนัก และหากเป็นบุพกรรมอันผูกพันร้อยรัดอยู่ด้วยบุพเพสันนิวาสเข้าไปอีก การเอาชนะเพื่อยุติกรรมยิ่งลำบากยากเข็ญเป็นที่สุด"

หลวงปู่แหวน ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อพลังกิเลสกองนี้โดยเด็ดขาด อุบายการปฏิบัติธรรมทุกอย่างถูกนำมาใช้เพื่อต่อสู้กับกิเลสมารสุดชีวิต เช่น เว้นการนอนเสีย มีเฉพาะอิริยาบถนั่ง เดิน ยืน เท่านั้น หลวงปู่แหวนทรมานจิตมันอยู่หลายวันหลายคืน พร้อมกันนั้นก็พิจารณาดูว่าจิตยอมอยู่ใต้บังคับหรือไม่ มันคลายความรักต่อหญิงงามคนนั้นหรือไม่
ทำถึงอย่างนี้แล้วกลับไม่ได้ผล เพราะเผลอเมื่อไหร่ จิตมันจะโลดทะยานไปหาหญิงนั้นอีก

เอาใหม่...เมื่อจิตมันยังรัดรึงอยู่กับ "มาตุคาม" ไม่ยอมปล่อย ยอมคลาย หลวงปู่จึงตัดอิริยาบถนั่งกับนอนทิ้งไป เหลือยืนกับเดินจงกรม กระทำความเพียรเช่นนี้ทั้งวันทั้งคืน
แต่จิตมันก็ยังแส่ส่ายไปหาหญิงงามไม่ยอมหยุด ยิ่งทรมานมันมากเท่าไหร่ ดูเหมือนว่ามันจะดื้อรั้นโต้ตอบมากเท่านั้น

คราวนี้เปลี่ยนวิธีใหม่อีก... ไม่ฉันอาหารมันล่ะ เหลือแต่น้ำอย่างเดียว ถ้าจิตมันยังดื้อถือดี ยังทะยานเข้าหากองกิเลสไม่ยอมเลิกรา หลวงปู่ตั้งเจตนาว่า ตายเป็นตาย ให้มันรู้ไปว่าจิตได้พ่ายแพ้แก่อำนาจกิเลสอย่างราบคาบแล้ว
หลวงปู่แหวนเพ่งพิจารณาหาอุบายกำราบจิตใหม่โดยการเพ่งเอาร่างกายของหญิงงามนั้นยกขึ้นมาแล้วพิจารณากายคตาสติ แยกอาการ ๓๒ นั้นทีละส่วน โดยอนุโลม ปฏิโลมเทียบเข้าหากายของตน พิจารณาละเอียดให้เห็นตามความเป็นจริงว่า อวัยวะแต่ละส่วนของหญิงนั้นก็มีเหมือนกันทุกอย่าง จะผิดแผกแตกต่างกันก็ด้วยลักษณะแห่งเพศเท่านั้น

หลวงปู่ทรงสมาธิแล้วพิจารณาอยู่เช่นนั้นกลับไปกลับมา ปัญญาก็เกิดขึ้น ปัญญาพิจารณา "กายคตาสติ" ไปจนถึงหนังถ้าถลกหนังที่ห่อหุ้มเนื้อออกจนหมด ความจริงก็ปรากฏทันที  

นั่นคือ เนื้อกายซึ่งปราศจากผิวหนังห่อหุ้มอยู่ย่อมีสภาพที่ไม่น่าดู หรือ ดูไม่ได้เอาเสียเลย เพราะเหลือแต่เนื้อแดง ๆ เยิ้มด้วยน้ำเหลือง มีเส้นเลือดผุดพราวไปทั่ว "ตัวรู้" ก็บอกว่าหากหญิงงามไม่มีหนังหุ้ม เหลือแต่เนื้อแดง ๆ ใครเล่าจะพิศวาสได้ลงคอ
อ้อ... คนเรามา "หลง" อยู่ตรง "หนัง" นี่เอง


ปัญญาเพ่งพินิจต่อไปอีกจนเห็นความเน่าเปื่อยแล้วก็สลายกาย เป็นกองเนื้อเน่า ๆ และกองกระดูกเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรตั้งอยู่ทรงสภาพเดิมไว้ได้อีก ไม่มีส่วนไหนจะคงอยู่ได้เลย
ปัญญาเพ่งต่อไปถึง มูตร (ปัสสาวะ) และ กรีษ (อุจจาระ) ของหญิงงาม ปัญญาก็ตั้งคำถามอีกว่า ที่หญิงงาม น่ารัก น่าพิศวาสนั้น มูตรกับกรีษงามด้วยหรือเปล่า กินได้ไหม เอามาตระกองกอดได้ไหม "จิต" ตอบว่า "ไม่ได้"[/color]
ปัญญาก็ตั้งคำถามอีกว่า เมื่อกินไม่ได้ เอามาตระกองกอดไม่ได้ แล้วอันไหนล่ะที่ว่างาม อันไหนที่ว่าดี

จิตโดนปัญญาซักฟอกอย่างหนักเช่นนั้นก็ตอบไม่ได้ หาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้ จิตมันก็อ่อนลงเพราะจนด้วยเหตุผลของปัญญา ก็ต้องยอมรับความเป็นจริง ยอมสารภาพผิดแต่โดยดี

จิตซึ่งเคยโลดแล่นแส่ส่ายออกไปตามวิสัยความอยากของมันก็พลันถึงความสงบ ไม่กำเริบร้อนเร่าอีก
หลวงปู่แหวนยังไม่วางใจจิตนัก ท่านจึงทดสอบโดยส่งจิตไปหาหญิงงามบ้านนาสอง ริมฝั่งแม่น้ำงึมหลายครั้ง
แต่จิตก็ไม่ยอมโลดแล่นไปอีก จิตคงทรงอยู่ในความสงบเพราะได้เห็นความเป็นจริงของธรรมแล้ว


การอดอาหาร และทำความเพียรอย่างยิ่งยวด เพื่อเอาชนะกิเลสมารของหลวงปู่แหวนครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ จิตของท่านรู้แจ้งเห็นจริงในภัยของมาตุคาม อย่างทะลุปรุโปร่งและสิ้นพยศตั้งแต่นั้น...ตลอดไป[/size]
ข้อมูลได้มาจาก http://board.palungjit.com (http://board.palungjit.com)[/url][/color][/color]
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: ชลาพุชะ ที่ 10 เม.ย. 2552, 06:34:48
       ขออนุญาติท่านเจ้าของกระทู้เพิ่มประวัติหลวงปู่ท่านนะครับ พี่น้องช่วยกันทำมาหากิน
                                                     (http://img136.imageshack.us/img136/7326/150pxe0b8aae0b8b8e0b888.jpg)
    ประวัติหลวงปู่แหวน สุจิณโณเกิดในตระกลูของช่างตีเหล็ก เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2430 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน ณ บ้านนาโป่ง ตำบลหนองใน อำเภอเมือง จังหวัดเลย โดยเป็นบุตรของนายใสกับนางแก้ว รามสิริ โดยมีน้องสาวร่วมบิดา- มารดาอีกหนึ่งคนคือ นางเบ็ง ราชอักษร และบิดามารดาของท่านได้ ตั้งชื่อว่า ญาณ ซึ่งแปลว่า ปรีชา กำหนดรู้ พอท่านมีอายุ ได้ประมาณ 5 ขวบเศษ โยมมารดาของท่านก็ล้มป่วย แม้จะได้รับการดูแลเยียวยารักษาเป็นอย่างดีจากสามี แต่อาการของท่านก็มีแต่ทรงกับทรุด ในที่สุดเมื่อท่านรู้ตัวว่า คงจะไม่รอดชีวิตไปได้แน่แล้วท่านจึงได้เรียกหลวงปู่แหวน เข้าไปใกล้ แล้วกล่าวความฝากฝังเอาไว้ว่า ลูกเอํย...แม่ยินดีต่อลูก สมบัติใด ๆ ในโลกนี้ล้วน กี่โกฎก็ตามแม่ไม่ยินดี แม่จะยินดีมากถ้าลูกจะบวชให้แม่ เมื่อลูกบวชแล้วก็ให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมา มีลูกมีเมียนะ... หลวงปู่แหวนพยักหน้า รับคำเท่านั้น ดวงวิญญาณของท่านก็ออกจากร่างไป มาอีกไม่นาน ดึกสงัดของค่ำคืนวันหนึ่งขณะที่คุณยายของหลวงปู่แหวนกำลังนอนหลับสนิทก็เกิดฝันประหลาด อันเป็นมงคลนิมิตหมายที่ดีงาม ท่านจึงได้นำเอาความฝันมาเล่าสู่ลูกหลานและหลวงปู่แหวนฟัง ในวันรุ่งขึ้นว่า เมื่อคืนนี้ ยายนอนหลับและได้ฝันประหลาดมาก ฝันว่าเจ้าไปนอนอยู่ในดงขมิ้น จนกระทั่งเนื้อตัวของเจ้าเหลือง อร่ามไปหมด ดูแล้วน่ารักน่าเอ็ดดูยิ่งนัก ยายเห็นว่า เจ้านี้จะมีอุปนิสัยวาสนาในทางบวช ฉะนั้นยายขอให้เจ้าบวชตลอดชีวิต และขอให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมามีลูกมีเมียเจ้าจะทำได้ไหม

หลวงปู่แหวน บรรพชา
จากนั้น วันเวลาผ่านมาจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2439 ท่านมีอายุได้ 9 ขวบ คุณยายของท่านที่ได้เลี้ยงดูแลเอาใจใส่มาอย่างทะนุถนอม ได้เรียกท่านพร้อมกับ หลานชายอีกคนหนึ่ง ที่เป็นญาติสนิทรุ่นราวคราวเดียวกัน เข้าไปหาแล้วพูดว่า ยายจะให้เจ้าทั้งสองบวชเป็น สามเณร เมื่อบวชแล้วไมต้องสึก เจ้าจะบวชได้ไหม ท่านหันมามองหลวงปู่แหวนอย่างตั้งใจฟังคำตอบ หลวงปู่แหวนก็พยักหน้ารับ พอใกล้เข้าพรรษา คุณยายของท่านจึงได้ตระเตรียมเครี่องบริขาร จนครบเรียบร้อยแล้ว จึงได้พาเด็กชายทั้งสองเข้าถวายตัวต่อพระอุปัชฌาย์ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า เข้าพรรษาเป็นสามเณร ณ วัดโพธิ์ชัย พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็นเด็กชาย ญาณ เป็นสามเณร แหวนนับแต่นั้นมา
ตลอดพรรษาที่ได้บรรพชา เป็นสามเณรนั้น หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ได้แต่ทำวัตร สวดมนต์ต์บ้างตามโอกาส เท่าที่พระภิกษุและ สามเณร ภายในวัดจะร่วมกันทำสังฆกรรม นอกจากนั้นก็จะใช้เวลา ไปในทางเล่นซุกซนตามประสาเด็ก ในที่สุดพระอาจารย์อ้วน ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของท่าน มองเห็นว่าหากปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้ จะทำให้สามเณรน้อยไม่มีความรู้ จึงพาไปฝากฝังถวาย เป็นศิษย์ของท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนังตยาคโน ณ วัดบ้านสร้างถ่อ อำเภอกษมสีมา จังหวัดอุบลราชธานี เป็นที่น่าอัศจรรย์ ขณะที่พระอาจารย์อ้วนกำลังพาสามเณรน้อย เดินฝ่าเปลวแดดสีทองมุ่งหน้าเข้าสู่บริเวณวัดในยามบ่ายนั้น พระอาจารย์สิงห์ขนัง ศิษย์สำคัญสูงสุดของพระอาจารย์ใหญ่ ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานคือ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กำลังมองที่ร่างสามเณรน้อย พลันก็บังเกิดฤทธิ์อำนาจ แห่งอภิญญาณทำให้ท่านเห็นรัศมีเป็นแสงสว่างโอภาส เปล่งประกายออกมาจากร่างของสามเณรน้อยผู้นี้ เป็นผู้ที่มีบุญญาธิการมาเกิด ดั้งนั้นพระอาจารย์สิงห์ จึงได้ถ่ายทอดความรู้ตลอดจนข้อวัตรปฏิบัติทั้งหมดให้
  การออกจาริกแสวงบุญ
ปี พ.ศ. 2464 ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อศึกษาธรรมกับ ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์
ปี พ.ศ. 2478 ได้เข้าพบ ท่านเจ้า คุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ที่วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ ในครั้งนี้ได้เปลี่ยนจากมหานิกายเป็น ธรรมยุติ และได้รับฉายาว่า สุจิณโณ จากนั้นได้ออกจาริกแสวงบุญต่อ ขณะที่ศึกษาธรรมกับพระอาจารย์มั่นฯ ที่ดงมะไฟ บ้านค้อ จังหวัดอุบลราชธานี มีศิษย์พระอาจารย์มั่นฯ ที่มีอัธยาศัย ที่ตรงกัน 2 ท่านคือ หลวงปู่ขาว อนาลโย และ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม เช่นเดียวกับคราวที่ จากท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ก็ได้ หลวงปู่ขาว จาริกแสวงธรรมเป็นเพื่อนจนถึงเมืองหลวงพระบาง
ปีพ.ศ. 2489 หลวงปู่แหวนจำพรรษาที่วัดป่าบ้านปง อ.แม่แตง ในพรรษานั้นท่านอาพาธเป็นแผลที่ขาอักเสบต้องผ่าตัด โดยมีพระอาจารย์หนู สุจิตโต ซึ่งเดินทางมาจากดอยแม่ปั๋งพยายามอยู่ใกล้ๆ เมื่อครบ 7 วัน ต้องกลับไปดอยแม่ปั๋ง เพราะอยู่ระหว่างพรรษา จนกระทั่งเดือนเมษายนในปีต่อมา อาการอาพาธจึงดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หายสนิทยังเดินไปไหนไกลๆ ไม่ได้ นับแต่นั้นมาอาจารย์หนูได้พยายามอยู่ใกล้ๆ เพื่อดูแลหลวงปู่แหวน ต่อมาท่านอาจารย์หนูได้ดำริว่า ปัจจุบันหลวงปู่มีอายุมากแล้ว ไม่มีพระภิกษุสามเณรอยู่ด้วย เพื่อเป็นอุปัฏฐาก ถ้านิมนต์มาอยู่ที่ดอยแม่ปั๋งก็จะได้ถวายการดูแลได้โดยง่ายไม่ต้องไปๆ มาๆ อยู่อย่างนี้ แต่ก็ต้องเป็นเพียงความคิดของพระอาจารย์หนูเท่านั้น เพราะในเวลาดังกล่าว ดอยแม่ปั๋งยังไม่มีอะไรพร้อมแม้แต่กุฏิก็ยังไม่มี
ปีพ.ศ. 2505 ขณะที่หลวงปู่แหวนมีอายุ 75 ปี คืนวันหนึ่งท่านอาจารย์หนูนั่งภาวนาอยู่เกิดเป็นเสียงหลวงปู่ดังขึ้นมาที่หูว่า จะมาอยู่ด้วยคนนะ หลังจากวันที่ได้ยินเสียงหลวงปู่แหวนอีกสามวัน พระอาจารย์หนูได้ถูกนิมนต์ไปที่วัดบ้านปงสถานที่ที่หลวงปู่อยู่ และถือโอกาสนิมนต์หลวงปู่แหวนมาที่วัดดอยแม่ปั๋งด้วย
เมื่อหลวงปู่แหวนได้มาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋งแล้ว ครั้งแรกท่านพักอยู่ที่กุฏิหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง การมาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋งนี้ ท่านได้มีข้อตกลงกับพระอาจารย์หนูว่า หน้าที่ต่างๆ และกิจทุกอย่างที่มีขึ้นในวัด ให้ตกเป็นภาระของพระอาจารย์หนูแต่เพียงผู้เดียว ส่วนท่านจะอยู่ในฐานะพระผู้เฒ่าผู้ปฏิบัติธรรมจะไม่มีภาระใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนั้นหลวงปู่จะไม่รับนิมนต์โดยเด็ดขาด แม้ที่สุดถึงจะเกิดอาพาธหนักเพียงใดก็ตาม ท่านไม่ยอมนอนรักษาที่โรงพยาบาล ถึงธาตุขันธ์จะทรงอยู่ต่อไปไม่ได้ก็จะให้สิ้นไปในป่าอันเป็นที่อยู่ ตามอริยโคตรอริยวงศ์ ซึ่งบูรพาจารย์ท่านเคยปฏิบัติมาแล้วในกาลก่อน

นับตั้งแต่หลวงปู่แหวนได้ขึ้นไปทางเหนือ ท่านไม่เคยไปจำพรรษาที่ภาคอื่นเลย เพราะอากาศทางภาคเหนือสัปปายะสำหรับท่าน หลวงปู่แหวนได้มรณภาพลงที่วัดดอยแม่ปั๋งแห่งนี้ เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2528 สิริอายุ 98 ปี
ได้ข้อมูลมาจาก  :  http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%99_%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%93%E0%B8%BA%E0%B9%82%E0%B8%93 (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%99_%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%93%E0%B8%BA%E0%B9%82%E0%B8%93)
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: cho presley ที่ 10 เม.ย. 2552, 07:50:20
น่ารักกิ๊บกิ้ว... มากมาย...

พี่น้อง ช่วยกันทำมาหากินค่ะ.... ใครมีอะไรเพิ่ม คลุก แจม ได้อย่างถึงพริกถึงขิง

พี่โชว ก็เริ่มตะแหง่วๆ กะสายล้านนา สายเหนือ น้า.... ต้องกวนกูรู กูร้ ... ที่มีประสบการณ์มาเป็นธุระหน่อย....


เว็บบางพระ คัดถอนมะได้.... :073:
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: มังกร ที่ 10 เม.ย. 2552, 09:21:33
สาธุ :054:
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ต้นน้ำ~ ที่ 10 เม.ย. 2552, 10:04:07
สาธุ
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: น้องลิงน้อย ที่ 10 เม.ย. 2552, 10:07:58
:016: ขอบคุณมากมายค่ะ :053:  พี่ศักดา ที่มีอะไรดีๆ มาเพิ่มเติมให้ :015:

 :017:พอดีเมื่อคืนก็นอนดึกละ กะว่าจะหาประวัติท่านเหมือนกัน :061:

พี่ก็เป็นคนเหนืออ่ะนะ ความรู้คงแน่นกว่าลิงน้อยแน่ๆ

ขอบคุณค่ะ :054:  :053:
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: พุงโต ที่ 10 เม.ย. 2552, 11:25:39
ขอบคุณครับที่นำมาให้อ่าน  ใครที่คิดว่าตัวเองถือศีลเคร่ง ตรึง ลองมาดูอาจารย์แต่ละท่านนะครับว่าเป็นไง

กว่าจะสำเร็จแต่ละอย่างต้องมีกำลังใจขนาดไหน  เรายังถือศีลขาด ๆ เกิน ๆ อยู่แบบนี้อย่าหวังว่าจะได้อะไร

เลยครับ  :054: :054: :054:
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: zx2000 ที่ 10 เม.ย. 2552, 11:48:05
ขอขอบพระคุณที่ให้ความรู้ครับ
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: Sak1459 ที่ 10 เม.ย. 2552, 11:51:52
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: แหวกบาดาล ที่ 10 เม.ย. 2552, 11:59:32
สาธุด้วยครับ ทำไมพระเครื่องของหลวงปู่แหวนคนไม่ค่อยนิยมใช้กันอะครับ
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: tum72 ที่ 10 เม.ย. 2552, 12:45:22
หลวงปู่ท่านเป็นพระสมถะ ไม่ถือชั้นวรรณะ ไม่รับชั้นวรรณะ
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: porpar ที่ 10 เม.ย. 2552, 12:54:59
อ้างถึง
สาธุด้วยครับ ทำไมพระเครื่องของหลวงปู่แหวนคนไม่ค่อยนิยมใช้กันอะครับ
ก็มีคนใช้เหมือนกันนะครับ ส่วนมากทางเหนือเค้าจะมีกันแทบทุกคนนะครับเท่าที่รู้มานะครับ..... :002:
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนส่อง ที่ 10 เม.ย. 2552, 03:39:29
ไม่รู้คนอย่างเราจะทำได้เหมือนหลวงปู่หรือเปล่าครับ
ผมไม่เคยไปนมัสการหลวงปู่ครับ ตอนนั้นยังเด็กแต่ก็ยังได้ไปงานพระราชทานเพลิงศพครับ
พระเครื่องของหลวงหลวงปู่แหวนที่ผมมีคือ เหรียญเราสู้ครับ


 :054: :054:  :054:  :054:  :054:  :054:
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: น้องลิงน้อย ที่ 10 เม.ย. 2552, 04:00:14
หลวงปู่แหวานท่านมีชื่อเสียงมากค่ะ ลิงน้อยก็พอจะได้ยินเรื่องราวของท่านมาบ้างก่อนท่านจะมรณะภาพ :063: :054:
 
แต่ตอนนั้นยังไม่ค่อยจะถนัดด้านนี้เท่าไหร่ ยังเด็กไปอ่ะค่ะ หรืออาจจะะไม่ใช่วัยที่มาสนใจมั๊งค่ะ 15; 05;

พอนึกถึงตอนนี้แล้วก็ เสียดายมากมาย :070: :070:
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: อชิตะ ที่ 10 เม.ย. 2552, 05:28:13
สาธุๆ  เรื่องราวดีๆ ที่อ่านแล้วทำให้ได้แง่คิดที่ดีครับ  เก็บไว้ในใจ  สบายใจดี   ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: TTTUTTT ที่ 10 เม.ย. 2552, 06:29:17
ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ...
นมัสการครับ...{^_^}...
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 10 เม.ย. 2552, 08:20:53
อนุโมทนาด้วยนะครับผมสำหรับบทความครับ  :001:
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: peachsama ที่ 13 เม.ย. 2552, 12:35:17
พระเครื่องของหลวงปู่แหวน ผู้แขวนจะมีนิสัยสมถะ แต่จะมีผิวพรรณวรรณะ ขาวใส มีสง่าราศี แต่จะอยู่ในงานที่ลำบาก แต่เป็นที่เชื่อใจ ของผู้ใหญ่
เท่าที่ทราบครับ
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: ๛][รัตu:][๛ ที่ 13 เม.ย. 2552, 12:57:09
สาธุ สาธุ
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: Kitisin ที่ 15 เม.ย. 2552, 03:33:20
ขอบพระคุณสำหรับ ข้อมูลดีๆครับ  15;
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 15 เม.ย. 2552, 07:17:09
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆครับ
หัวข้อ: ตอบ: อุบายชนะกามคุณ ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่ง ที่ 15 เม.ย. 2552, 08:18:12
 :080:ขอบคุณข้อมูลดีดี ที่พี่น้องนำมาแบ่งปันค่ะ^__^