ผู้เขียน หัวข้อ: พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เจ้าของฉายา "จอมขมังเวท-เจ้าพิธีดัง" ตอนที่ 2  (อ่าน 5315 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ชลาพุชะ

  • เราอาจไม่รู้มากนัก แต่เรารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1526
  • เพศ: ชาย
  • ที่นี่คือเว็บวัดบางพระ เราก็ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ย้ายกลับพัทลุง
ต่อมาในปี พ.ศ. 2491 ทางจังหวัดพัทลุงมีโจรผู้ร้ายกำเริบชุกชุมขึ้นอีก ราษฎรชาวพัทลุงนึกถึงขุนพันธ์ฯ นายตำรวจมือปราบ เพราะเคยประจักษ์ฝีมือมาแล้ว จึงเข้าชื่อกันทำหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมตำรวจ ผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขอตัวขุนพันธ์ฯ กลับพัทลุงเพื่อช่วยปราบปรามโจรผู้ร้าย กรมตำรวจอนุมัติตามคำร้องขอ ขุนพันธ์ฯ จึงได้ย้ายมาเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุงอีกวาระหนึ่ง ได้ปราบปรามเสือร้ายที่สำคัญๆสิ้นชื่อไปหลายคน ผู้ร้ายบางรายก็หนีออกนอกเขตพัทลุงไปอยู่เสียที่อื่น นอกจากงานด้านปราบปรามซึ่งเป็นงานที่ท่านถนัดและสร้างชื่อเสียงให้ท่านเป็นพิเศษแล้ว ท่านยังได้พัฒนาเมืองพัทลุงให้เป็นเมืองท่องเที่ยว โดยปรับปรุงชายทะเลตำบลลำปำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และให้มีตำรวจคอยตรวจตรารักษาความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารรถไฟที่เข้าออกเมืองพัทลุง ทำให้เมืองพัทลุงในสมัยที่ท่านเป็นผู้กำกับการตำรวจ มีความสงบสุขน่าอยู่ขึ้นมาก ตำรวจที่ทำหน้าที่ดังกล่าวได้เลิกไปเมื่อกรมตำรวจจัดตั้งกองตำรวจรถไฟขึ้น ด้วยความดีความชอบในหน้าที่ราชการ ท่านจึงได้รับพระราชทานเลื่อนยศ เป็นพันตำรวจโทในปี พ.ศ. 2493 ท่านอยู่พัทลุงได้ 2 ปีเศษ จนถึง พ.ศ. 2494 จึงได้รับการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2503 จึงดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 8 และได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นพลตำรวจตรี จนกระทั่งเกษียณอายุในปี พ.ศ. 2507
ครั้งหนึ่งเคยมีคำขวัญอันคมคายของกรมตำรวจอยู่ประโยคหนึ่งว่า "ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้" นี่เป็นถ้อยคำที่เกิดขึ้นในยุคอัศวินแหวนเพชรเฟื้อง ในสมัยของท่านอธิบดีฯ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ปกครองกรมตำรวจ วีรบุรุษผู้สร้างเกียรติประวัติให้กรมตำรวจนั้นมีอยู่มาก มีอยู่ทุกยุคทุกสมัย แต่ในยุคสมัยที่ท่าน อธิบดีกรมตำรวจหลวงอดุลย์เดชจรัสนั้น...นามของ"ขุนพันธรักษ์ราชเดช" ระบือลือลั่นสุดยอดแผ่นดินด้ามขวานทอง แม้ท่านขุนพันธ์จะปลดเกษียณราชการไปนานปี แล้วก็ตาม แต่ชื่อของท่านยังอยู่ในความทรงจำของกรมตำรวจและประชาชนทั่วไป นั่นเป็นเพราะผลงานอันน่าอัศจรรย์ของท่าน กลายเป็นผลงานอันยากยิ่งที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน ควรค่าแก่การบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนเมืองใต้และคนของแผ่นดิน
พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 ที่บ้านในซอยราชเดช ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช อายุได้ 108 ปี
เกียรติประวัติ
ชีวิตของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นชีวิตที่มีค่าของแผ่นดินเมืองใต้และเมืองไทย ลมหายใจของท่านเคยโลดแล่นอยู่ท่ามกลางหมู่โจรผู้ร้าย ไม่เฉพาะแต่ผู้ร้ายในภาคใต้เท่านั้น แต่ที่ไหนประชาชนเดือดร้อนจากโจรผู้ร้ายชุกชุม ตำรวจคนอื่นปราบปรามไม่สำเร็จ กรมตำรวจจะต้องส่งตัวขุนพันธ์ฯ ไปปราบปรามทุกถิ่นที่มีครั้งหนึ่ง พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดชเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 8 ท่านเคยเดินทางมาตรวจสืบราชการลับที่เกาะสมุย ขุนพันธ์ฯท่านชอบดูมวย วันนั้นท่านไปยืนดูมวยอยู่ข้างเวที บังเอิญถอยหลังไปเหยียบเท้านางพล้อยเข้าโดยไม่ตั้งใจ ป้าพล้อยแกเป็นคนปากจัด ใครแตะเป็นด่าไม่ไว้หน้า แกก็ด่าขุนพันธ์ฯ ขุนพันธ์ฯก็วางเฉยไม่โต้ตอบอะไร มีคนรู้จักกันเข้าไปเตือนสติป้าพล้อยว่า "คนที่ป้าด่าอยู่นั้นรู้มั๊ยว่าเป็นใคร...นั่นแหละขุนพันธ์ฯ" พอได้ยินชื่อขุนพันธ์ฯเท่านั้น ป้าพล้อยแกเงียบเป็นเป่าสาก รีบก้มหน้างุดๆ เดินมุดผู้คนหนีไปโดยไม่เหลียวหลังมาอีกเลย คำบอกเล่าสั้นๆนี้ทำให้เห็นว่า ขุนพันธ์ฯ ท่านมีตบะสูง เพียงได้ยินว่าเป็นขุนพันธ์เท่านั้น ใครๆก็ขยาดทั้งนั้น เพราะรู้กิตติศัพท์ของท่านมาก่อนนั่นเอง
สมัยที่ขุนพันธ์ฯกลับมาอยู่เมืองนครศรีธรรมราช ก็มีเรื่องเล่ากันว่า ตอนนั้นมีเสือใหญ่อยู่ 10 ตัว ในจำนวนเสือร้าย 10 ตัวนั้น มีเสือข่อย เสือจ้อย เสือหวน ฯลฯ รวมอยู่ด้วย เสือทั้ง 10 คนนั้น ล้วนเคยเป็นศิษย์หลวงพ่อช่วย เมืองนครศรีธรรมราช ผู้ซึ่งเป็นพระมีวิชาเก่งกล้าทางไสยศาสตร์ หรือกฤตยาคม ขุนพันธ์ฯ เคยเรียนวิชาด้วยผู้หนึ่ง เมื่อท่านขุนพันธ์ฯกลับมาอยู่ในตำแหน่งสำคัญระดับภาค ท่านมีประกาศิตสั่งให้ผู้ร้ายทั้ง 10 คนนั้น เลิกประพฤติเยี่ยงโจร ให้กลับใจเลิกเป็นเสือเสีย โดยให้บวชเป็นพระภิกษุ ถ้าหากไม่ทำตามคำขอร้องนั้น ขุนพันธ์ฯ ก็จะยิงทิ้งทุกคน เล่ากันว่าประกาศิตของขุนพันธ์ฯทำให้เสือร้ายส่วนใหญ่ปฏิบัติตามแต่โดยดี มีเพียงเสือข่อยเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ไม่ยอมทำตามคำของขุนพันธ์ฯ เสือข่อยไม่ยอมเลือกทางเดินที่ขุนพันธ์ฯเลือกให้ ซ้ำร้ายยิ่งท้าทายอำนาจของกฎหมายบ้านเมือง ด้วยความเชื่อว่า ตนนั้นเป็นศิษย์หลวงพ่อช่วย ผู้เรืองวิชาอาคมแก่กล้า เป็นลูกศิษย์อาจารย์เดียวกับขุนพันธ์ฯ จึงคิดว่าขุนพันธ์จะยกเว้นไว้สักคนหนึ่ง แต่ปรากฏว่า ขุนพันธ์ฯ ทำตามที่พูด ว่ากันว่าท่านยิงเสือข่อย แต่ยิงไม่เข้า จึงสั่งให้ลูกน้องฆ่าด้วยศูลแทงสวนทวารจนถึงแก่ความตาย คำเล่าลือเหล่าเสือร้ายในหมู่บ้านของชาวเมืองปักษ์ใต้ มีทั้งเรื่องจริงบ้าง หรือต่อเติมเสริมแต่งของผู้เล่าอ่านเองบ้าง มันคือตำนานอมตะของวีรบุรุษเล็กพริกขี้หนู ที่มีนามว่า "นายร้อยบุตร์ พันธรักษ์ราชเดช" หรือขุนพันธรักษ์ราชเดช ขุนพันธ์ฯ เป็นบุคคลที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าตำแหน่งใด ยศใด ยกย่อง นับถือ และกล่าวถึง เนื่องจากท่านเป็นแบบอย่างที่ดีของตำรวจนั่นเอง
ขุนพันธ์ในฐานะนักการเมือง

ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช เคยเป็น ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ จ.นครศรีธรรมราช ในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2512[1]

ขุนพันธ์ในฐานะนักวิชาการ
 
ขุนพันธ์กับบุตรชาย คุณณสรรค พันธรักษราชเดชนอกจากเกียรติคุณทั้งในและนอกตำแหน่งหน้าที่ราชการดังกล่าวมาแล้ว ขุนพันธ์ฯ ยังมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่สำคัญซึ่งควรกล่าวถึงคือ เป็นนักวิชาการที่สำคัญคนหนึ่ง ท่านเป็นทั้งนักอ่านและนักเขียน ได้เขียนเรื่องราวต่างๆ ลงพิมพ์ในหนังสือและวารสารต่างๆ หลายเรื่อง ขุนพันธ์ฯ เป็นคนหนึ่งที่มีความสนใจในเรื่องไสยศาสตร์อยู่มาก เรื่องที่เขียนส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อทางไสยศาสตร์ นอกจากนั้นก็มีเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทั้งประวัติบุคคลและสถานที่ ตำนานท้องถิ่น มวย และเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเอง ข้อเขียนต่างๆของท่าน เช่น ความเชื่อทางไสยศาสตร์ในภาคใต้ สองเกลอ ช้างเผือกงาดำ หัวล้านนอกครู ศิษย์เจ้าคุณ มวยไทย เชื่อเครื่อง กรุงชิง เป็นต้น โดยเฉพาะเรื่องกรุงชิงนั้น ท่านเล่าว่าเป็นเรื่องที่ท่านเขียนทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบันตามพระบรมราชโองการ และต่อมามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีได้ขออนุญาตนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ใน "รูสมิแล" วารสารของมหาวิทยาลัยปีที่ 6 ฉบับที่ 3 เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม พ.ศ. 2526 งานเขียนของท่านส่วนมากจะลงพิมพ์ใน สารนครศรีธรรมราช หนังสืองานเดือนสิบวิชชา (วารสารทางวิชาการของวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช) รูสมิแล (วารสารทางวิชาการของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) และหนังสือที่ระลึกในโอกาสต่าง ๆ ของโรงเรียนและหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมทั้งเป็นผู้ริเริ่มให้มีการบวงสรวงพระธาตุนครศรีธรรมราช อันเป็นที่มาของการสร้างจตุคามรามเทพรุ่นแรกในปี พ.ศ. 2530 ด้วย

ในด้านชีวิตครอบครัว ขุนพันธ์ฯ มีภรรยาคนแรกชื่อ เฉลา ตอนนั้นท่านมีอายุได้ประมาณ 30 ปี ขณะที่รับราชการอยู่ที่จังหวัดพัทลุง มีบุตรด้วยกัน 8 คน ต่อมาภรรยาเสียชีวิต ท่านจึงได้ภรรยาใหม่ชื่อ สมสมัย มีบุตรด้วยกัน 4 คน
งานพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช

        กว่าจะมาเป็นพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ที่เราท่านรู้จักได้ต้องผ่านการทำความดีไว้มากมายใช่ว่าจะเลียนแบบกันง่ายๆครับ ต่อไปผมจะนำข้อมูลการจับผู้ร้ายมาให้ชมในตอนหน้านะครับ

ที่มาของข้อมูล : วิกิพีเดีย
นำรูปภาพจากองค์จตุคามดอทคอม www.ongjatukarm.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ส.ค. 2552, 10:17:26 โดย ชลาพุชะ »

ออฟไลน์ ....

  • อดทนต่อความเจ็บใจ
  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 119
  • เพศ: หญิง
    • ดูรายละเอียด
แบบอย่างตำรวจที่ดีที่ตำรวจรุ่นใหม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง
[shake]รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต[/shake]

ออฟไลน์ โองการยันนะรังสี

  • ผู้ดูแลระบบ
  • *****
  • กระทู้: 951
  • เพศ: ชาย
  • หมากรุกเดินยังต้องคิด หมากชิวิตเดินไม่คิดได้ไง
    • ดูรายละเอียด
จริงครับอย่างทึีคุณ ชลาพุชะ กล่าวไว้ ท่านขุนพันธ์ เป็นแบบอย่างบุคคลที่น่ายกย่อง และยึดถือในคุณงามความดีที่ท่านได้สร้างไว้

พวกเราควรจะยึดถือท่านเป็นแบบอย่างที่ดีและควรทำความดีให้มากๆ ไม่ใช่ดีแต่ใช้ปากพูด แต่ไม่เคยทำ หรือ พูดได้แต่ทำไม่ได้อย่างที่พูด

ขอเชิญร่วมงานพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ หลวงพ่อเปิ่น
 



ออฟไลน์ โองการยันนะรังสี

  • ผู้ดูแลระบบ
  • *****
  • กระทู้: 951
  • เพศ: ชาย
  • หมากรุกเดินยังต้องคิด หมากชิวิตเดินไม่คิดได้ไง
    • ดูรายละเอียด
ขอย้ายบางกระทู้เก็บนะครับ เข้าข่ายไม่ถูกต้องตามกติกา

ออฟไลน์ ชลาพุชะ

  • เราอาจไม่รู้มากนัก แต่เรารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1526
  • เพศ: ชาย
  • ที่นี่คือเว็บวัดบางพระ เราก็ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ก็ตามท่านว่าที่นี่ยอมมีกฏ ข้าน้อยน้อมรับในกฏของที่นั้นๆ งั้นเอาใหม่
          การที่จะยกย่องใครนั้นต้องดูถึงคุณงามความดี เกียรติประวัติ เพื่อให้สังคมไทยคงไว้ซึ่งสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันแบบ ใช้คุณความดี ไม่ใช่ยกย่อง ที่ยศ  ที่อายุ และที่วงศ์ตระกูล
          ขอให้มองถึงจุดประสงค์การนำเสนอและข้อมูลความเป็นประโยชน์มากกว่า ใครเป็นผู้นำเสนอ ไม่ผิดที่ ต้องมองว่าใครนำเสนอ และควรมองถึงข้อมูลนั้นด้วย ขอบคุณที่ช่วยตักเตือน
          
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ส.ค. 2552, 12:26:01 โดย ชลาพุชะ »

ออฟไลน์ โองการยันนะรังสี

  • ผู้ดูแลระบบ
  • *****
  • กระทู้: 951
  • เพศ: ชาย
  • หมากรุกเดินยังต้องคิด หมากชิวิตเดินไม่คิดได้ไง
    • ดูรายละเอียด
ก็ตามท่านว่าที่นี่ยอมมีกฏ ข้าน้อยน้อมรับในกฏของที่นั้นๆ งั้นเอาใหม่
          การที่จะยกย่องใครนั้นต้องดูถึงคุณงามความดี เกียรติประวัติ เพื่อให้สังคมไทยคงไว้ซึ่งสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันแบบ ใช้คุณความดี ไม่ใช่ยกย่อง ที่ยศ  ที่อายุ และที่วงศ์ตระกูล
          ขอให้มองถึงจุดประสงค์การนำเสนอและข้อมูลความเป็นประโยชน์มากกว่า ใครเป็นผู้นำเสนอ ไม่ผิดที่ ต้องมองว่าใครนำเสนอ และควรมองถึงข้อมูลนั้นด้วย ขอบคุณที่ช่วยตักเตือน
         


จุดประสงค์เท่าที่ดูนั้นอาจจะเจตนาดี แต่การนำเสนอบอกเล่าเรื่องราวนั้น

ไม่ควรกล่าวอ้างถึง องค์กร สถาบัน ต่างๆ  และฝากข้อความในรูปนี้ให้เพื่อนสมาชิกได้ช่วยพิจารณาครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ส.ค. 2552, 10:50:25 โดย โองการยันนะรังสี »

ออฟไลน์ ศิษย์΄βP΄Θยกบ้าน

  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 132
  • เพศ: หญิง
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณมากค่ะที่นำประวัติมาให้อ่าน น่าศึกษา :016: :015:
[shake]เขามีส่วน>เลว<บ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วน>ดี<เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้างยังน่าดู
ส่วนที่>>ชั่ว<< อย่าไปรู้ของเขาเลย...
^^จริงๆนะ
[/shake]

ร่วมรณรงค์ในการ พูด อ่าน เขียน ภาษาไทยให้ถูกต้องค่ะ

ออฟไลน์ cho presley

  • ------> I'm Cho Presley
  • นวมะ
  • ****
  • กระทู้: 2049
  • เพศ: หญิง
  • สุดท้ายก็กาหลง!
    • MSN Messenger - cho.khalong@hotmail.com
    • AOL Instant Messenger - เมืองเสน่ห์กาหลง
    • Yahoo Instant Messenger - มหาเสน่ห์+เมตตา+มหานิยม
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.khalong.com
       กว่าจะมาเป็นพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ที่เราท่านรู้จักได้ต้องผ่านการทำความดีไว้มากมายใช่ว่าจะเลียนแบบกันง่ายๆครับ ต่อไปผมจะนำข้อมูลการจับผู้ร้ายมาให้ชมในตอนหน้านะครับ
ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช... ระบือลือลั่นสุดยอดแผ่นดินด้ามขวานทอง
แม้ท่านขุนพันธ์จะปลดเกษียณราชการไปนานปีแล้วก็ตาม แต่ชื่อของท่านยังอยู่ในความทรงจำของกรมตำรวจและประชาชนทั่วไป นั่นเป็นเพราะผลงานอันน่าอัศจรรย์ของท่าน กลายเป็นผลงานอันยากยิ่งที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน ควรค่าแก่การบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนเมืองใต้และคนของแผ่นดิน

ฟังประโยคนี้ขนลุก.. คนเขียนเขียนดีด้วยค่ะ.. เยี่ยมมากชลาพุชะ... แรกๆยังงงเอาประวัติตำรวจมาโพสทำไม...ไม่เห็นน่าสนใจ..พอถึงบางอ้อ ถึงได้ทราบว่า.. เราก็มีจตุคามของท่านนี่หน่า..  :004: ซู้ดหยอดดดดดดดดด...

เอออยากเห็นเรื่องการปราบโจรผู้ร้ายด้วย.. ชักน่าติดตามตอนต่อไปจริงๆ แฮะ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ส.ค. 2552, 10:39:10 โดย cho presley »

cho presley       

ออฟไลน์ อุณาโลม

  • คนกินสัตว์สัตว์กินพีชยืดชีวิตพีชมีสิทธิ์กินดินสิ้นสงสัยวัฎจักรเวียมมาน่าสมใจผลสุดท้ายพื้นดินก็กินคน
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 183
  • เพศ: ชาย
  • ทำอะไรไม่ผิดเลย คือไม่เคยทำอะไรเลย
    • MSN Messenger - bonbigbike@HOTMAIL.COM
    • ดูรายละเอียด
กว่าจะมาเป็นพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราช เดช ที่เราท่านรู้จักได้ต้องผ่านการทำความดีไว้มากมายใช่ว่าจะเลียนแบบกันง่ายๆ ครับ ต่อไปผมจะนำข้อมูลการจับผู้ร้ายมาให้ชมในตอนหน้านะครับ

ผมขอต่อนะครับ พี่ชลาพุชะ ผมเป็นคนชอบศึกษาและอ่านหนังสือมาก ๆ ก็เลยได้ศึกษาประวัติโดยสังเขปของท่าน ขุนพันธรักษ์ราช เดช ผู้มีดวงตาเสือ(ดวงตาดุ) มาบ้าง

เสือดังที่โดนจับก็มี เช่น ต่อไปนี้ .......

เสือสัง พัทลุง
อะแวสะดอ ตาและ
เสือกลับ คำทอง
เสือไท
หมอโน้ม หรือเสือโน้ม อาจารย์เสือ แห่งเมืองพิจิตร
2 เสือ จัน-ไหว
เสือข่อย
เสือผัด แก้วเอียด
เสือช้อง

และอีกมากที่หนีกฎหมายบ้านเมืองไปไม่ได้

ปล.ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ จากเด็กตาดำ ๆ   :090:

คาถาบูชาหลวงพ่อเปิ่น
ตั้งนะโม ๓ จบ
นะมัตถุ รัตตะนัตตะยัสสะ สัทธัมเม ฐิตะคุณาภิปะยุตตัง เสฎฐัง สิสสานัง คะรุฎฐานิยัง
อุตตะมะปะชานาถะ วิสสุตัญจะ มะหาเถรัง นะมามิหัง ตัสสะ ตัสสานุภาเวนะ สัพะโสตถี
ภะวันตุเมฯ

ออฟไลน์ peachsama

  • คณินวัฒน์ สิทธิสงคราม พุ่มทิพย์ร่วมสาธุครับ
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1513
  • เพศ: ชาย
  • อำนาจ วาสนา บารมีดี เพราะมีแรงครู รายอกะจิ วันทามิ
    • MSN Messenger - peachsama@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • http://peachsama.hi5.com
    • อีเมล
ท่านขุนเป็น เชื้อวงศ์เจ้า ทางสาย นั้นๆ (คือทางใต้สายนคร คือพระยารามราชเดโช(หวาน) ท่านทวดนอกหน้า
เจ้านายหน้าศพ ทำนองนั้นขอรับ)จึงมีกริชประจำตระกูล (ล้วงลึกเรื่องกริชต้องถามท่านปลัดบัฟขอรับ กริชเจ้าเมือง กริชอาแวสะดอตาและ และ ดาบแดงสายพระยาพิชัย)

"ตรงที่พาดพิงตำรวจแรงไปนิดครับท่าน" เนื้อหาโดยรวมงดงามยิ่ง

พระเจ้าตะวันอธิราช เจ้าเมืองนคร ยุคสมัยปืนใหญ่จอมสลัด ที่มีปืน นางพญาตานี กับอีกกระบอกจำชื่อไม่ได้น่ะท่าน ซึ่งพระเจ้าตะวันอธิราชที่ปิดปากกรุ หรือไหกรุนี้เอง +ไอเดียของท่านกับฝีมือนักศึกษาศิลปากร กลายเป็นต้นแบบขององค์พ่อจตุคามรามเทพที่ท่านๆ ทราบแล

คนโบราณตัวใหญ่ ดาบโบราณจึงยาว แต่ญี่ปุ่นโบราณตัวไม่สูงป้อมๆ ประมาณเอวเรานี้แลท่าน ดาบซามุไรโบราณจริงๆจึงสั้น แต่โนดาชิกับโอกาตาน่ะ จึงยาว 1ช่วงคนคือหัวจรดเท้า

พระวัตถุมงคลจึงใหญ่ตาม จตุคามรามเทพออกแบบมาเพื่อ  แขวนเดี่ยว จึงมีขนาดใหญ่ พอแขวนร่วมกับพระ
หนักมาก จึงไม่ค่อยนิยมในช่วงหลัง แต่ถ้าใครได้แขวนของแท้ๆ ทีท่านขุนสร้างจะพบว่า -คุ้ม-
มิไช่ ท่าพระจันทร์วนาราม 3ลูก100 ก้นครก 5บาท (รุ่นแท้ไม่ทำทำต้องปลอม)

กลางวัน โชวแดด อาบแสงแดด กลางคือนแขวนอาบแสงจันทร์ เหมือนชาร์จแบ็ต
กลวิธีลดขนาด ลดน้ำหนัก จตุคาม
1.เลี่ยมเปิด ใช้ไปสักพัก ก็สึกเอง
2.โดนน้ำบ่อย มวลสารจะร่อนไปเอง เบาลงๆ
ลองทำดูครับ สำหรับพี่น้อง จตุคามที่ท่านขุนพันธ์รักษ์ราชเดชเป็นเจ้าพิธี (เฉพาะของท่านคือไม่เกิน2545)
ท่านสามารถลองเช่ามาขึ้นคอ ลองพุทธคุณได้ เห็นผลใน7วันครับ (conferm) เพราะเจตนาดี ท่านอยากเป็น
เทวดา ท่านร่วมทุกพิธี เจตนาดี รายได้ไม่ดีเพราะได้เงินช่วยท่านทำบุญคืนเกือบหมด จึงไม่รวยสักทีไงครับ

เงินบำนาญนายพล เดือนละ 4หมื่น5 ถึง5หมื่น แต่แทบไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆเลย ผิดกับนายพลบางท่าน พอท่านเสียไป ทิ้งมรดกไว้เพียบในโลกนี้ แต่ท่านขุนเลือกเอาโลกหน้า เป็นที่หมายให้จนวินาทีสุดท้าย
ครับพี่น้อง

"พูดน้อย ต่อยหนัก รักจริง คนจริง กล้าขอ กล้าให้ นี้แหละท่านขุน"




ตั้งกระทู้ไม่ได้ครับ
วัดถ้ำเมืองนะ
www.watthummuangna.com/seamsee
ศาสนสุภาษิต "สรรพทานัง ธรรมทานัง  ชินาติ"
ศิษย์บางพระ:บูรพาจารย์หลวงพ่อเปิ่น ฐิตะคุโณเป็นธงชัย
นำไปสู่สำเร็

ออฟไลน์ ยอดรัก..บางแค

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 587
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - yodrak-bo@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณ ทุกท่าน สำหรับ ข้อมูล
และความรู้ดีๆๆคร้าบ แต่เอะ  :062: ใครมีจตุรคาม ของท่านเอามาให้ชมกันบ้างสิครับ  :095:

ออฟไลน์ @ZeRo@

  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 301
  • เพศ: ชาย
  • CPW 17
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณชลาพุชะอีกครั้งครับ นำเสนอข้อมูลได้ดีจริงครับ ยิ่งได้อ่านแล้วยิ่งศรัทธาในท่านขุนพันธ์ครับ ท่านมีความสามารถมากมายครับ เชิงบู้เชิงบุ๋น สุดยอดครับ เป็นได้ในหลายๆอย่างเป็นตำรวจ เป็นนักวิชาการ เป็นนักการเมือง ทำอะไรก็เป็นที่ยอมรับนับถือครับ เก่งด้วยตนเองจนเป็นที่ยอมรับนับถือ มีครูบาอาจารย์ที่อ้างอิงได้ มีแหล่งข้อมูลว่าเรียนจากที่ใด ต่างกับสมัยนี้ดังด้วยบารมีคนอื่น เขามีชื่อเสียง ก็แอบอ้างกัน ว่าเป็นสายนั้น เรียนจากที่นั้น 


ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด    ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในหัวใจคน