ผู้เขียน หัวข้อ: การปฎิบัติตน  (อ่าน 1747 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ SANDEE

  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 7
  • เพศ: หญิง
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
การปฎิบัติตน
« เมื่อ: 01 ก.ย. 2554, 11:29:21 »
1.ถ้าเกิดดื่มของมึนเมาจะผิดมากไหมค่ะ

2.ถ้าหลุดวาจาหยาบคายกะเพื่อนไปบ้าง

3.ไม่ได้สวดมนต์ทุกวันจะเป็นไรไหมค่ะ

ออฟไลน์ ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

  • *โปรดระวัง - สีลัพพตปรามาส, ๗ เดือน ๑๙ วันจะเก็บแต่ความทรงจำที่ดีๆไว้, ตถตา (เช่นนั้นเอง).
  • ...
  • *****
  • กระทู้: 6436
  • เพศ: ชาย
  • ผู้สอนคือผู้ลวง? ผู้เรียนคือผู้หัดที่จะลวง?
    • ดูรายละเอียด
    • เฟสบุ๊ควัดบางพระ (หลวงพ่อเปิ่น)
ตอบ: การปฎิบัติตน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 02 ก.ย. 2554, 12:21:50 »
ศีล ๕ คือ คุณสมบัติวัดความเป็นมนุษย์ที่ปกติ ,ธรรมอันเป็นปกติของผู้เป็นมนุษย์

ศีลมีความหมายได้หลายนัย นัยยะหนึ่งที่น่าสนใจ ศีล หมายถึง "ปกติ"

คนมีศีลก็คือคนปกติ คนผิดศีลก็คือคนไม่ปกติ นั่นเอง

จะให้ผลในสองกาลคือ ผลในปัจจุบัน และผลที่จะเกิดหลังจากละอัตภาพ(ตาย)จากโลกนี้ไปแล้ว

***ประโยชน์ของศีลที่แท้จริงคือเพื่อกำจัดละกิเลส แต่หากนำศีลไปปฏิบัติอย่างงมงาย ถือศีลเพื่อเพิ่มกิเลสในตัวเรามากขึ้นอาทิว่าต้องรักษาศีลพรตแล้วจะขลังศักสิทธิ์จะไม่เสื่อม หรือรักษาศีลไปเพื่อยกข่มผู้อื่นว่าศีลเราบริสุทธิ์กว่า ทั้งหมดนี้จัดเข้าอยู่ใน"สีลัพพตปรามาส"ทั้งสิ้น(เป็น๑ในสังโยชน์๑๐ประการหมายถึงเป็นกิเลสเครื่องผูกมัดใจสัตว์ไว้)***

1.ถ้าเกิดดื่มของมึนเมาจะผิดมากไหมค่ะ

   ของมึนเมาจัดอยู่ในศีล ๕ ข้อ "สุราเมระยะ มัชชะ ประมาทัฏฐานาฯ" เมื่อล่วงเข้าแล้วจะทำให้ขาดสติ ในที่นี้หากเอา"มหาปเทส ๔"มาเป็นเครื่องชี้วัด ในข้อที่ว่า"สิ่งใดไม่ได้ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ไม่ควร (อกัปปิยะ) ขัดกับสิ่งที่ควร (กัปปิยะ) สิ่งนั้นไม่ควร" ก็จะรวมถึงสิ่งเสพติดทั้งหลายเข้าด้วยกับศีลข้อที่ ๕ เพราะสิ่งเสพติดเหล้านั้นเมื่อบุคคลเสพเข้าไปแล้วย่อมขาดสติ บุคคลเมื่อขาดสติแล้วก็จะทำผิดศีลข้ออื่นๆตามมาได้ง่าย และอาจจะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆตามมาได้อีกมากมาย นี้เองจึงเป็นผลในปัจจุบัน ฉะนั้นศีลข้อ ๕ นี้ จึงเป็นข้อที่สำคัญที่สุดที่บุคคลพึงรักษา

   ส่วนผลที่ได้รับหลังจากละอัตภาพไปแล้ว ก็จะไปบังเกิดเป็นสัตว์นรก ในมหานรกขุมที่ ๕ มีนามว่า"มหาโรรุวนรก" คือ สถานที่ที่สำหรับลงทัณฑ์สัตว์นรกที่ครั้งเมื่อเป็นมนุษย์ได้กระทำผิดศีลข้อที่ ๕ โดยได้รับการทรมานจากนายนิรยบาลตามกรรมของตนที่ได้ทำไว้ครั้งเป็นมนุษย์ คือ ดื่มสุราของมึนเมาและสิ่งเสพติด

2.ถ้าหลุดวาจาหยาบคายกะเพื่อนไปบ้าง

   ศีลข้อ ๔ "มุสาวาทาฯ" โดยทั้งหมดแล้วจะครอบคลุมทั้งหมดดังนี้คือ พูดเท็จ,พูดคำหยาบ,พูดส่อเสียด,พูดเพ้อเจ้อ ผลในปัจจุบัน จะทำให้ไม่เป็นที่เชื่อถือเกรงใจ และหากโกหกไปจนติดเป็นนิสัยเสียแล้ว ความจำก็จะลดสั้นลง เพราะการโกหกเชื่อได้เลยว่าเมื่อโกหกแล้ว ก็จะต้องโกหกไปเรื่อยๆอย่างแน่นอน เป็นต้น

   ผลในอนาคต หากทำจนเป็นนิสัย จนเกิดความเคยชิน เมื่อละอัตภาพ(ตาย)จากความเป็นมนุษย์ไปแล้ว ก็จะไปบังเกิดในมหานรกขุมที่ ๔ ชื่อว่า"โรรุวมหานรก" เป็นสถานที่ลงทัณฑ์ทรมานสัตว์นรกที่ครั้งเมื่อเป็นมนุษย์ได้กระทำผิดศีลข้อ ๔ ไว้

*ทั้งข้อ ๑ และข้อ ๒ นี้ ต้องดูกรรมเป็นตัวประกอบด้วยเช่นกันว่ากรรมไหนจะส่งผลช้าเร็ว (ในธรรมวิภาคปริจเฉท ๒ หมวด ๑๒ มีกล่าวถึงเรื่องกรรม ๑๒ กล่าวถึงไว้ ลองศึกษาเพิ่มเติมดูครับ) อาทิเช่น"ครุกรรม"หมายถึง กรรมหนัก กล่าวคือหากทำกรรมชนิดนี้ลงไปแล้ว ทางเดียวที่จะได้ไปคืออเวจีมหานรก ในที่นี้จะกล่าวถึง"อนันตริยกรรม"๕ ประการ คือ ฆ่าพ่อ,ฆ่าแม่,ฆ่าพระอรหันต์,ทำให้พระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต,ทำสงฆ์ให้แตกกัน ไม่ว่าจะประกอบกรรมดีมามากมายเท่าไหร่ หากกระทำ ๑ ใน ๕ ข้อนี้แม้ครั้งเดียว ก็จะส่งผลให้ไปเกิดในอเวจีมหานรกสถานเดียว จนกว่าจะใช้กรรมบาปนี้หมด จึงจะได้กลับมาเสวยผลของกรรมดีอันเป็นบุญกุศลที่เคยได้กระทำไว้ เป็นต้น

3.ไม่ได้สวดมนต์ทุกวันจะเป็นไรไหมค่ะ

   ต้องถามตัวเราเองก่อนว่า สวดมนต์ ไปเพื่ออะไร? ในสมัยพุทธกาลขณะที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ทุกเช้าเย็นก็จะมีสาธุชนพุทธบริษัทเดินทางมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรมและสักการะเป็นประจำทุกวันมิได้ขาดสาย แต่ภายหลังเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานเสียแล้ว เหล่าพุทธบริษัทเหล่านั้นก็ได้ปฏิบัติเช่นเดิมโดยการมาพระวิหารทั้งเช้าและเย็นเพื่อฟังธรรมจากพระเถระ และก็ได้พร้อมใจกันสวดสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้าพระธรรมและพระสงฆ์ เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย นี้คือที่มาของการทำวัตรสวดมนต์

   มาในปัจจุบัน การสวดมนต์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจของผู้สวดสงบขึ้น เพราะเป็นการปฏิบัติสมาธิวิธีหนึ่ง โดยที่จิตของเราเพ่งไปที่ตัวหนังสือบทสวดเหล่านั้น จนจิตจดจ่ออยู่กับสิ่งนี้สิ่งเดียว ก็จะทำให้ใจสงบเป็นสมาธิได้เช่นกัน บางท่านอาจจะจำบทสวดมนต์ได้ พอสวดไปแล้ว จิตเราก็จะนึกถึงวรรคประโยคต่อๆไป ก็เข้าข่ายเป็นสมาธิด้วยเช่นกัน เป็นต้น

   เท่านี้ก็เพียงพอที่จะเป็นคำตอบได้แล้วครับว่า"เราจะสวดมนต์ไปเพื่ออะไร?" การที่เราจะทำหรือไม่ทำนั้น ไม่ทำก็ไม่ได้ผิดอะไร หากทำก็จะได้รับประโยชน์แก่ตัวเองเป็นที่สุด.

สุดท้ายนี้ขอฝากให้กำลังใจ โดยนำคำที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ผมเคารพท่านนึงได้กล่าวให้โอวาทไว้ว่า

"อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด  บาปอกุศลทุกชนิดไม่ทำเพิ่มอีกเด็ดขาด  หมั่นสั่งสมบุญกุศลให้เข้มข้นทับทวี ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 ก.ย. 2554, 01:20:11 โดย ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) »

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: การปฎิบัติตน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 02 ก.ย. 2554, 06:58:00 »
ตอบได้ชัดเจน และ กระจ่างชัดมากครับ 36; 36;
                                   
ขอบคุณท่าน ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่นำบทความธรรมะดีๆ มาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ
                                                                                                                                               
ป.ล คำจากลุงบอกว่า เราดื่มสุรา แต่อย่าให้ สุราดื่มเรา แต่ถ้างดดื่มได้ก็ยิ่งดีเป็นบุญกุศลแล้ว
                                                                                                                                                         
ป.ล ไม่สวดมนต์ทุกวันก็ไม่ได้ผิดอะไรครับ แต่ถ้าสวดมนต์ทุกวันก็เป็นประโยชน์กับตัวเราเองครับ
                                                                                                                                                   
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน ขอบคุณมากครับ) :033: :033:

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ

ออฟไลน์ Lop

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 64
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: การปฎิบัติตน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 03 ก.ย. 2554, 01:49:55 »
สาธุครับ

ออฟไลน์ SANDEE

  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 7
  • เพศ: หญิง
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: การปฎิบัติตน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 03 ก.ย. 2554, 07:36:26 »
ขอบคุณค่ะ   :054:

กังวลค่ะ

กลัวของที่ได้รับมาจะเสื่อมถ้าปฎิบัติผิดวิธีค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ   

ออฟไลน์ coko

  • ปัญจมะ
  • *****
  • กระทู้: 44
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: การปฎิบัติตน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 06 ก.ย. 2554, 08:58:13 »
ชัดเจนมากครับ

ออฟไลน์ imooba

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 53
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: การปฎิบัติตน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 07 ก.ย. 2554, 06:22:59 »
ชัดเจน ครับ สาธุ

ออฟไลน์ seaghost

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 871
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: การปฎิบัติตน
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 08 ก.ย. 2554, 12:43:51 »
ขอบคุณ ท่านสิบทัศน์ ครับ  :015:
คำตอบ คำอธิบาย ชัดเขน ลึกซึ้ง จริงๆ ครับ

ออฟไลน์ peachsama

  • คณินวัฒน์ สิทธิสงคราม พุ่มทิพย์ร่วมสาธุครับ
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1513
  • เพศ: ชาย
  • อำนาจ วาสนา บารมีดี เพราะมีแรงครู รายอกะจิ วันทามิ
    • MSN Messenger - peachsama@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • http://peachsama.hi5.com
    • อีเมล
ตอบ: การปฎิบัติตน
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 11 ก.ย. 2554, 08:48:36 »
1.ถ้าเกิดดื่มของมึนเมาจะผิดมากไหมค่ะ -> สุราเมระยะ ข้อ5 ถ้านับถือหลวงปู่หงษ์ให้ขลังก็ต้องห้ามเด็ดขาดครับ ถือไม่ได้ลำบาก

2.ถ้าหลุดวาจาหยาบคายกะเพื่อนไปบ้าง ->
อย่าด่า พ่อ แม่ เป็นพอ โบราณถือมากๆ 
นอกจากพ่อแม่บุคคลแล้ว ยังหมายได้ว่า
พ่อ -พระเพลิง พ่อ พระพาย
แม่ -แม่พระธรณี แม่พระคงคา

ท่านจึงห้ามไงครับท่าน



3.ไม่ได้สวดมนต์ทุกวันจะเป็นไรไหมค่ะ

ถ้าถือของ ต้องปลุกของตนเองทุกวัน แต่ก่อนจะปลุกของ ควรปลุกจิตของตนให้พร้อมเสมอโดย
1.ปลุกสติ การสวดมนต์ทำให้เราเกิดสติ ทั้งชาย และหญิง
2.บูชาคุณครูอาจารย์ ขอท่านคุ้มครอง คนร้ายเห็นภาพลวง ภาพหลอน เผ่นหนีเพราะ ครูบาอาจารย์ท่านมาช่วย
ครับท่าน
3.ท่องคาถาที่มีให้จำขึ้นใจสักบทใช้จนขลัง ก็จะขลังไปเอง

ครูรักษาครับท่าน
ตั้งกระทู้ไม่ได้ครับ
วัดถ้ำเมืองนะ
www.watthummuangna.com/seamsee
ศาสนสุภาษิต "สรรพทานัง ธรรมทานัง  ชินาติ"
ศิษย์บางพระ:บูรพาจารย์หลวงพ่อเปิ่น ฐิตะคุโณเป็นธงชัย
นำไปสู่สำเร็