กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 02 ต.ค. 2552, 09:54:38

หัวข้อ: บันทึกธรรม...๑ ต.ด.๕๒..สติมา ปัญญาเกิด...
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 02 ต.ค. 2552, 09:54:38
"จงใคร่ครวญเสียก่อนแล้วจึงค่อยทำ...อนุวิจฺจการํ  กโรหิ..."
                พุทธสุภาษิต  อุปาลีวาทสูตร ๑๓/๖๒
                    ............................
"ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายจงเจริญสมาธิเถิด
ภิกษุผู้มีใจตั้งมั่นแล้ว ย่อมเห็นตามความเป็นจริง"
"สมาธึ  ภิกฺขเว  ภาเวถ  สมาหิโต ภิกฺขเว ภิกฺขุ  ยถาภูตํ  ปชานาติ"
                           พุทธสุภาษิต  สมาธิสูตร ๑๙/๔๗๐
                  .........................................
"ผู้ใด มีสติพิจารณาร่างกายอยู่เนืองนิตย์
      ทั้งกลางวันและทั้งกลางคืน
ผู้นั้น ย่อมได้ชื่อว่าเป็นสาวกผู้ตื่นของพระพุทธเจ้า"
"สุปฺปพุทฺธํ   ปพุชฺฌนฺติ  สทา  โคตมสาวกา
เยสํ  ทิวา  จ  รตฺโต  จ  นิจฺจํ  กายคตา  สติ"
                     พุทธสุภาษิต  ธรรมบท ๒๕/๔๖
               ........................................
ฝนยังตกอยู่เกือบทั้งวัน....
ใช้เวลาทุกนาทีให้มีประโยชน์ให้มากที่สุด
เตรียมกายเตรียมจิดทบทวนความทรงจำในหัวข้อธรรมทั้งหลาย
อ่านแล้วทำความเข้าใจบันทึกไว้ในหมวดของความทรงจำของสมอง
ใคร่ครวญไตร่ตรองพิจารณาให้ถ่องแท้ถึงอรรถะความหมายของบทธรรม
ว่าพระองค์ทรงตรัสที่ไหน แก่ใคร ปรารภเหตุจากอะไร มุ่งหมายเพื่อสิ่งใด
จะได้ไม่สับสนในหัวข้อธรรม เมื่อนำไปกล่าว ไปบรรยาย จะได้ชัดเจน
ทุกอย่างในการทำงานแต่ละขั้นตอนเราต้องมีการวางแผนงานไว้ล่วงหน้า
ต้องค้นหาข้อมูลรายละเอียดให้ถูกต้องและชัดเจนเพื่อความไม่ผิดพลาด
เพราะการกล่าวธรรมนั้นไม่อาจที่จะผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากหลักธรรมได้
ซึ่งถ้าเรากล่าวผิดไปพลาดไปทำให้ผู้ฟังเข้าใจคลาดเคลื่อนและนำไปปฏิบัติตาม
มันจะเป็นกรรมที่หนักต่อตัวเรา ซึ่งเท่ากับชี้ทางผิดให้เขาเดินไปสู่อบาย
เป็นการปิดกั้นกระแสพระนิพพานของเขา กรรมของเราผู้กล่าวแนะนำนั้นจึงหนัก
ซึ่งเรื่องนี้ได้เรียนรู้มาจากหลวงพ่อชาแห่งวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี
ที่ท่านได้เคยกล่าวสอนแก่ศิษย์ไว้...ว่าในสมัยหนึ่งเคยมีพระมาถามเรื่องธรรมวินัย
และท่านได้ตอบผิดพลาดไป แต่เมื่อมาทบทวนดูใหม่ ท่านได้รีบไปหาเพื่อแก้ไข
บอกข้อธรรมใหม่ที่ถูกต้องให้แก่พระท่านนั้น แม้นว่าจะเป็นเวลากลางคืนดึกดื่นแล้ว
และท่านได้ย้ำเตือนศิษย์ทั้งหลายให้ตระหนักและจดจำไว้ในการที่จะกล่าวธรรม
จึงได้นำมาปฏิบัติเตือนจิตเตือนใจทุกคร้งในการที่เราจะกล่าวธรรมบรรยายธรรม
เราต้องทำการบ้านมาก่อนทุกครั้ง และถ้าคำถามใดที่เรายังไม่ชัดเจนก็จะไม่ตอบไป
โดยขอเวลาค้นหาและทำความเข้าใจเสียก่อนจึงจะตอบในหัวข้อธรรมที่เขาถาม
การทำความรู้ความเข้าใจนั้น ต้องใช้สติและสัมปชัญญะ เพื่อให้จิตเป็นสมาธิ
แล้วทำจิตให้ว่าง ยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา ให้ปัญญาเกิดขึ้นในจิตแล้วพิจารณาหัวข้อธรรม
เราจึงจะเห็นสภาวะธรรมที่แท้จริง ไม่ใช่สิ่งที่จิตเราปรุงแต่งและคิดเข้าใจไปเอง
โดยเอาอัตตามานะทิฏฐิของเราเป็นที่ตั้งในการคิดและพิจารณาหัวข้อธรรมทั้งหลาย
และถ้าไม่เข้าใจและไม่ชัดเจนก็ต้องบอกให้ผู้ฟังรู้ว่า..นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว
ผู้ฟังอย่าพึ่งเชื่อให้ลองคิดพิจารณาดูซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ เพราะเป็นความเห็นส่วนตัว
อย่าสอนให้ผู้ฟังงมงายเชื่อทันทีที่ได้ยินได้ฟัง จงสอนให้เขารู้จักการคิด รู้จักการพิจารณา
เพื่อให้ปัญญาเกิดขึ้นแก่ผู้ฟัง ฝึกให้เขาคิดเป็น คิดเองได้ เพราะไม่มีใครจะเข้าใจในตัวเขาเท่ากับตัวเขาเอง...
 :016:แด่การเตรียมกายเตรียมจิด ทบทวนความคิดและความทรงจำในหัวข้อธรรมทั้งหลาย :015:
                               เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
                                           รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒ ตุลาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๕๕ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๑ ต.ด.๕๒..สติมา ปัญญาเกิด...
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 02 ต.ค. 2552, 10:31:30
"จงใคร่ครวญเสียก่อนแล้วจึงค่อยทำ...อนุวิจฺจการํ  กโรหิ..."
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ กราบขอบพระคุณที่เตือนสติ คนเราจะทำจะพูดอะไร ต้องไตร่ตรองให้ดีก่อน เพราะการกระทำหรือคำพูดที่ออกไปไม่สามารถเรียกย้อนคืนได้ บางคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรี แต่การกระทำเพียงครั้งเดียว เกียรติและศักดิ์ศรีอาจหายไปทันที คนที่รักใคร่ชอบพอกัน พอพูดไม่ดีเพียงครั้งเดียวอาจกลายเป็นศัตรูกันทันที ดั่งที่พระอาจารย์สอนมา "จงใคร่ครวญเสียก่อนแล้วจึงค่อยทำ...อนุวิจฺจการํ  กโรหิ..."  
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๑ ต.ด.๕๒..สติมา ปัญญาเกิด...
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 02 ต.ค. 2552, 11:09:19
จงสอนให้เขารู้จักการคิด รู้จักการพิจารณา เพื่อให้ปัญญาเกิดขึ้นแก่ผู้ฟัง ฝึกให้เขาคิดเป็น คิดเองได้ เพราะไม่มีใครจะเข้าใจในตัวเขาเท่ากับตัวเขาเอง...


....กราบนมัสการขอบพระคุณที่เมตตาสอนครับ....
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๑ ต.ด.๕๒..สติมา ปัญญาเกิด...
เริ่มหัวข้อโดย: vespa1985 ที่ 02 ต.ค. 2552, 11:51:04

.... กราบนมัสการพ่อท่านโด่งครับ ขอบพระคุณครับ....
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๑ ต.ด.๕๒..สติมา ปัญญาเกิด...
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์โจรสลัด~ ที่ 02 ต.ค. 2552, 01:01:01
"ผู้ใด มีสติพิจารณาร่างกายอยู่เนืองนิตย์
      ทั้งกลางวันและทั้งกลางคืน
ผู้นั้น ย่อมได้ชื่อว่าเป็นสาวกผู้ตื่นของพระพุทธเจ้า"
"สุปฺปพุทฺธํ   ปพุชฺฌนฺติ  สทา  โคตมสาวกา
เยสํ  ทิวา  จ  รตฺโต  จ  นิจฺจํ  กายคตา  สติ"


สาธุ กราบนมัสการ หลวงพี่โด่งครับ ขอบพระคุณกับบทธรรมะสอนใจ สาธุ ...  :054:
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๑ ต.ด.๕๒..สติมา ปัญญาเกิด...
เริ่มหัวข้อโดย: อชิตะ ที่ 02 ต.ค. 2552, 05:53:18
สาธุ .. มีสติทำให้ไม่ลืมตัว ไม่ลืมตน  ไม่ลืมที่มา ไม่ลืมที่จะไป  ไม่ประมาท  ...

เผลอสติ ก็ลืมตัว ลืมตาย    ..