แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Noname

หน้า: [1]
1






กรอบที่แตกนี้รถล้มหัวกระแทกกับถนนคอนกรีตครับ มึนๆแล้วก็ลุกขึ้นมา
บวกกับวันนั้นเจริญพระกรรมฐานท่านคงส่งให้ยังไม่ถึงคราวตาย...

2




ไม่เคยเห็นแต่มีอยู่และได้มาบูชา
คดปลวก เขี้ยวหนุมาน และ พระธาตุ ครับ
ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยท่านผู้รู้ทุกท่านครับ

3
วันเสาร์ที่20มีนาคม2553นี้
ตามปฏิทินเขียนว่าขึ้น5ค่ำเดือน5
เป็นวันเสาร์ห้ารึเปล่าครับ
แล้วถ้าใช่ทางวัดมีพิธีอะไรมั้ยครับ ขอบคุณครับ

4




สายสิญหลวงปู่อั๊บวัดท้องไทรผูกข้อมือให้ตอนขึ้นไปเป่าครอบยันต์แม่พิมพ์ครับแล้วก็ชานหมากหลวงปู่แย้มวัดสามง่ามครับ

6
ถือ (ก็) หนัก วาง (ก็) เบา เคยมีคนไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าพระองค์ให้เหลือเพียงสั้นๆ ทว่า ครอบคลุมใจความทั้งหมดแห่งพระพุทธศาสนา พระองค์ตรัสว่า หากจะให้สรุปเช่นนั้น ก็ขอสรุปเช่นนั้นก็ขอสรุปว่า ใจความแห่งคำสอนของพระองค์ขึ้นอยู่กับประโยคที่ว่า “สัพเพ ธัมมานาลัง อะภินิเวสายะ ใดใดในโลกอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น” ทำไมจึงไม่ควรยึดติดถือมั่น เพราะที่ใดมีความถือมั่น ที่นั่นก็มีความทุกข์ ความทุกข์ขยายตัวตามระดับความเข้มข้นของความยึดติด ยึดมาก ติดมาก จึงทุกข์น้อย ไม่ยึด ไม่ติด จึงไม่ทุกข์ ความไม่ยึดติดถือมั่น กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า “ความปล่อยวาง” ทำไมจึงต้องปล่อยวาง เพราะทุกอย่าง “มีความว่าง” มาแต่เดิม คนที่หลงกอด “ความว่าง” โดยคิดว่าเป็น “ความมี” ทำไมจะไม่ทุกข์ ? พระบวชใหม่รูปหนึ่ง เดินบิณฑบาตผ่านชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งมีผู้คนจอแจ ขณะเดินสำรวมก้มหน้าแต่พอประมาณ เพื่อเดินผ่านชุมชนไปอย่างช้าๆ นั้นเอง จู่ๆ ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งใส่สูท ผูกเนคไท สวมแว่นตาดำเดินเข้ามาหาท่าน พร้อมทั้งชี้หน้าด่าท่านอย่างสาดเสียเทเสีย พระรูปตกตะลึง รีบเดินหนี แต่แม้ท่านจะเดินหนีชายคนนั้นพ้นแล้ว แต่เสียงด่าของเขายังคงก้อง อยู่ในโสตประสาทของท่านอย่างชัดถ้อยชัดคำ เมื่อกลับถึงวัด พลันที่คิดถึงเหตุการณ์ ที่ตนถูกชี้หน้าด่ากลางฝูงชน พระหนุ่มก็รู้สึกโกรธจนหน้าแดงก่ำ ยิ่งคิดต่อไปว่าชายคนนั้นมาชี้หน้าด่าตน ซึ่งเป็นพระและตนเองก็จำได้ว่า ตั้งแต่บวชเข้ามาในพระธรรมวินัย ก็ยังไม่เคยทำอะไรผิด คิดมาถึงขั้นว่า ตนไม่ผิด แต่ทำไมตนต้องถูกด่า ยิ่งเจ็บ ยิ่งแค้น วันที่ท่านถูกด่ากลางชุมชนนั้นเป็นวันศุกร์ แต่ตกถึงเช้าวันจันทร์ท่านก็ยังไม่หายโกรธ เช้าวันจันทร์นั้น พระบวชใหม่ประคองบาตร เดินผ่านชุมชนนั้นเหมือนเดิม ท่านพยายามสอดส่ายสายตามองหาชายคนเดิม ตั้งใจว่าวันนี้จะต้องถามให้รู้เรื่อง ว่าเหตุจึงมาชี้หน้าด่าตนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ยิ่งพยายามค้นหา กลับยิ่งไม่พอ ท่านจึงเดินสำรวจรับอาหารบิณฑบาตต่อไป จนได้อาหารเต็มบาตรแล้วจึงเดินกลับวัด ระหว่างทางกลับวัด โดยไม่คาดฝัน พระหนุ่มทอดสายตาไปพบกับชายคนหนึ่งสวมสูท ผูกเทคไท ใส่แว่นตาดำ ท่านอุทานในใจว่า “อ๋อ เจ้าคนนี้เองที่ด่าฉันเมื่อวันศุกร์” ภาพที่เห็นก็คือ ชายแต่งตัวดีคนนั้น นอนหลับหมดสติอยู่ข้างศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ข้างๆ ตัวเขามีขวดเหล้าล้มกลิ้งอยู่ พอท่านพยายามเดินเข้าไปมองใกล้ๆ เขาจึงเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พอเห็นท่านเท่านั้นชายคนนั้นก็ร้องขึ้นมาว่า “ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นกล้าฯ บัดนี้ พระองค์ทรงกลับมาครองอยุธยาอีกครั้งหนึ่งแล้วกระนั้นหรือ...” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นกำเฉิบๆ พลันที่ท่านประเมินว่าชายแต่งตัวดี คนที่ชี้หน้าด่าท่านเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เป็นคนบ้าที่มาในร่างของคนแต่งตัวดีเท่านั้นเอง ความโกรธที่ก่อตัวเป็นเมฆดำทะมึน อยู่ในใจของท่านมานานถึงสามวัน ก็พลันอันตรธานไปอย่างง่ายดายชนิดไร้ร่องรอย ทำไม เราจึงปล่อยวางต่อคนบ้าได้ง่ายดายเหลือเกิน ? แต่กับคนปกติ ทำไม เราจึงมีความรู้สึกว่าต้องเอาเรื่องราวให้ถึงที่สุด ?

7
เหรียญที่ระลึกครบรอบ 72 ปี (หลวงพ่อเกษม เขมโก จ.ลำปาง)
รุ่นที่เห็นนี้ทันหลวงพ่อรึเปล่าครับ (เพิ่งได้มาจากราชบุรี1เหรียญครับ)ขอบคุณครับ


เพิ่มเติมครับเห็นว่าน่าสนใจ copy มาจากเว็บบอร์ด xxxxxx.com(ขออนุญาตินะครับเป็นเว็ปซือขายพระเครื่องครับ)
ประวัติหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง
ประพฤติธรรมอุกฤต
หลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสำนักปฏิบัติธรรมสุสานไตรลักษณ์ (ศาลาดำ) โดยปกติวิสัยของท่านเป็นผู้ที่พูดแต่น้อยอยู่แล้ว เมื่อท่านตั้งจิตอธิษฐานที่จะมุ่งมั่นในทางปฏิบัติธรรม ท่านจึงเว้นการสนทนากับผู้คนโดยสิ้นเชิง ดังมีเรื่องเล่ากันต่อมาว่าสมัยที่หลวงพ่อเดินทางไปจำพรรษาในป่าช้าศาลาวังทาน ตลอดสิ้นการพรรษาหลวงพ่อจะไม่ยอมเอ่ยปากเป็นคำพูดกับใครเลย เมื่อมีผู้เดินทางไปกราบนมัสการท่าน ท่านจะนั่งสงบนิ่ง โดยการวางเฉยถืออุเบกขาธรรมตลอด ซึ่งเรื่องนี้ต่อมาจึงน้อยนักน้อยหนาจะมีผู้เดินทางไปรบกวนหลวงพ่ออีก นอกจากบุคคลที่มีความประสงค์ที่จะนำภัตตาหารไปถวาย เมื่อถวายอาหารหลวงพ่อรับประเคนเสร็จ ผู้ที่มีจิตศรัทธาผู้นั้นก็กราบลาหลวงพ่อกลับสู่บ้านของตน จนกระทั่งสิ้นกาลตลอดพรรษานั้นจึงไม่มีใครเลยสักคนเดียวที่จะได้รับฟังคำพูดที่เปล่งออกมาจากปากของหลวงพ่อ

ปฏิบัติธรรมท่ามกลางแสงแดด
มีอยู่มากมายในการประพฤติวิปัสสนากรรมฐานของหลวงพ่อเกษมที่ท่านได้บำเพ็ญเพียรมา อย่างเช่นเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อออกไปนั่งบำเพ็ญสมณธรรมท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุเป็นเวลาหลายวันคือตอนเช้าหลังจากที่หลวงพ่อกระทำภัตตกิจเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะออกจากกุฏิ (กระท่อมที่มุงด้วยหญ้า) แล้วไปนั่งบำเพ็ญภาวนา เริ่มจาที่แสงแดดอ่อน ๆ ในตอนเช้าและก็เริ่มร้อนแรงตามลำดับ แต่หลวงพ่อท่านไม่เคยที่จะแสดงอาการสะทกสะท้านเลยแม้สักนิดเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ใจแก่ผู้ที่ได้ไปเห็นหลายคนเช่นกันที่หลวงพ่อท่านนั่งบำเพ็ญอยู่อย่างนั้นหลายสิบวัน จนกระทั่งผิวหนังของหลวงพ่อออกสีคล้ำแทบจะเป็นรอยไหม้ เคยมีผู้มีจิตเป็นมหากุศลสงสารหลวงพ่อเคยนำเอาร่มไปกางกั้นกันแสงแดด แต่หลวงพ่อท่านก็ไม่ยินดีและยังบอกว่า ขออย่าได้ทำลายความตั้งใจของท่านเลย และชาวบ้านย่านนั้นจำต้องเอาร่มออกจากสถานที่ที่หลวงพ่อนั่งบำเพ็ญเพียร เพื่อให้เป็นไปตามความประสงค์ของหลวงพ่อ

ครั้นถึงฤดูฝนมาถึงหลวงพ่อก็จะนั่งสมาธิท่ามกลางสายฝน เหมือนไม่ได้มีธรรมชาติใด ๆ เกิดขึ้นกับท่าน ร่างของท่านยังคงนั่งสงบ เม็ดฝนจะตกมามากมายเพียงใดก็ตามหลวงพ่อก็ไม่เคยแสดงความหวั่นไหว จนกระทั่งหน้าฝนผ่านไปย่างเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งชาวเราทั้งหลายย่อมทราบกันดีว่า หน้าหนาวในเมืองไทยเรานั้น ดินแดนทางภาคเหนือนั้นชื่อว่ามีความหนาวเหน็บยิ่งนัก หลายครั้งที่อากาศหนาวถึงกับลบหลายองศา แต่ทว่าหลวงพ่อเกษมนั้นท่านมีขันติธรรมเป็นเลิศ ท่านได้กระทำสิ่งที่บุคคลทั้งหลายกระทำได้ยาก ท่านได้ทำการพิสูจน์จิตใจของท่านด้วยความเด็ดเดี่ยวหาผู้ใดเทียมได้

ด้วยความที่หลวงพ่อกระทำเหตุอันเป็นเรื่องอัศจรรย์ปานนี้ หลายครั้งที่เคยมีผู้เข้าไปถามหลวงพ่อว่า ระหว่างที่หลวงพ่อนั่งอยู่ท่ามกลางแสดงแดดที่มีอุณหภูมิ ระดับ 30-40 องศานั้น หลวงพ่อไม่ร้อนบ้างหรือ เพราะอย่าว่าแต่จะให้คนธรรมดาสามัญอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ต้องออกไปนั่งท่ามกลางแดดเปรี้ยงอย่างนั้นเลย แม้แต่อยู่ในร่มเราก็ร้อนกันจนต้องอาบน้ำเพื่อผ่อนคลายความร้อนอยู่แล้ว แต่นี่หลวงพ่อกลับนั่งท่ามกลางเปลวแดดทั้งวันท่านไม่รู้สึกว่าร้อนหรือ?

ต่อคำถามที่ผู้คนมักจะถามหลวงพ่อทำนองนี้บ่อย ๆ ซึ่งท่านมักจะตอบเพียงว่า “เมื่อร้อนเราก็อย่าไปร้อนกับมัน แม้มีฝนเราก็อย่าได้ไปกังวลกับมัน เมื่อมันหนาวเราก็อย่าไปหนาวกับมัน”

จากคำกล่าวของหลวงพ่อเป็นเช่นนี้ หากว่าเราท่านไม่ได้นำเอาคำกล่าวของท่านมาพิจารณาให้ถี่ถ้วนก็ดูเหมือนว่าเป็นเพียงคำพูดแบบธรรมดา แต่หากจะนำมาใคร่ครวญดูแล้วหลวงพ่อเกษมท่านได้แสดงธรรมขั้นสูงที่ท่านได้สำเร็จแก่ผู้ที่ได้เข้าไปกราบนมัสการเรียนถามแล้วคือ การไม่ไปยึดมั่นถือมั่นกับความทุกข์อันเกิดแต่ธรรมชาติ สามารถแยกแยะระหว่างความทุกข์ในกับทุกข์ภายนอกสามารถแยกจิตออกจากสภาพแวดล้อมได้อย่างสิ้นเชิง

หลวงพ่อเกษมกับหลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแก ท่านทั้งสองเป็นสหธรรมิกกันครับ ท่านติดต่อกันทางจิต หลวงปู่ดู่ท่านได้เคยบอกลูกศิษย์ที่จะไปกราบหลวงพ่อเกษมไว้ว่า "อย่าไปลอง ให้ไปจริง ๆ ไปขอพรท่าน ท่านเป็นพระอรหันต์"

คาถาบูชา
ตั้งนะโม (3 จบ)

โอกาสะ โอกาสะ อาจาริโย เมนาโถ ภันเต โหตุ
อายัสสะมา เขมโภ ภิกขุ เมนาโถ ภันเต โหตุ
(3 จบ)

 

8
วันนี้ไปวัดบางพระมาตอนเช้ากับเณรที่เป็นน้องชายไปเช่าเสื้อมาสองตัว
ไปถึงพระอาจารย์ญายืนอยู่หน้ากุฎิ
เณรน้องผมก็เข้าไปไหว้ท่านและบอกว่ามาเอาเสื้อ
ท่านบอกให้ลูกศิษย์เอานมมาถวายเณร
ท่านเข้าไปหยิบเสื้อมาสองตัวแล้วน้องผมบอกว่า
ท่านเอาหมวกใส่หัวให้อ่ะถวายเอาไว้ใส่ไปโชว์สาว
กราบขอบพระคุณท่านมากครับสำหรับหมวก


9
เนื่องด้วยในวันที่1มีนาคม2552นี้จะเป็นวัน
พระราชทานเพลิงศพพระราชปริยัติโมลี(โสภา  เขมสรโณ)
รองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม
ปธ.9 MA.บาลีสันสฤต
เจ้าอาวาสวัดพระงามพระอารามหลวง
กำหนดการมีดังนี้
10.00น.  พระสงฆ์ทรงสมณะศักดิ์เจริญพุทธมนต์
11.00น.  ถวายเพลแด่ภิกษุสามเณร 400 รูป
16.00น.  พระราชทานเพลิงศพ
ขอเชิญศิษย์ยานุศิษย์ร่วมแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
โดยพร้อมเพรียงกันในเวลาและวันดังกล่าว
ณ.วัดพระงามพระอารามหลวง จ.นครปฐม

10


ปาฏิหาริย์แห่ง ยาวิเศษอนันตคุณ พระพุทธวิถีนายก(บุญ ขันธโชติ)วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
   ยาจินดามณี เป็นยาที่มีคุณวิเศษมีชื่อเสียงโด่งดังของวัดกลางบางแก้ว  มาอย่างยาวนาน  ขณะเดียวกันตำรับยาของวัดกลางบางแก้วก็มีอีก2ขนาน  คือยาวิเศาอนันตคุณ  และรัตนวาโย
   แต่2ขนานหลังนี้ไม่เป็นที่รูจักเท่ายาจินดามณีด้วยไม่ได้ทำขึ้นต่อเนื่องและแพร่หลายอย่างยาจินดามณี
   คุณวิเศษแห่ง  ยาวิเศษอนันตคุณของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว  เป็นเช่นใดในหนังสือ  พิพิธภัณฑ์พระพุทธวิถีนายก  ที่อาจารย์สุธน  ศรีหิรัญ  ได้เรียบเรียงเรื่องราวของหลวงปู่บุญไว้  มีกล่าวถึง
   โปรดอ่าน
   อีกเรื่องหนึ่งในเรื่องการบำบัดรักษาคนป่วยของหลวงปู่บุญที่เล่าสืบต่อกันมาและยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้ใหญ่บางคนในย่านแม่น้ำนครชัยศรี  คือ  เรื่อง  ของแป๊ะซุ้น
   แป๊ะซุ้นเป็นคนจีนคนหนึ่งอายุกว่า50ปี  กับลูกชายของแกวัยหนุ่ม  สองคนพ่อลูกมีอาชีพเป็นช่างไม้พเนจร  รับจ้างทั่วไปเกี่ยวกับงานช่างไม้  ระเหเร่ร่อนมาจากไหนไม่มีใครทราบ  ก็เมื่อแป๊ะซุ้นกับลูกชายของแกมาถึงวัดกลางบางแก้วในลักษณะที่แป๊ะซุ้นเป็นโรคพุพอง  น้ำเหลืองไหลเต็มตัวเป็นปุ่มเป็นปมไปทั่วร่างกาย  คนเรียกว่า  หูหนาตาเล่อ  หรือ  ไทกอ  อะไรเทือกนั้นไปไหนมาไหนมีแต่คนรังเกียจงานรับจ้างงานช่างไม้ของแกก็คงไม่มีใครจ้าง
   เมื่อมาถึงวัดกลางบางแก้ว  ลูกชายก็มานอนพักอยู่ที่ใต้ถุนศาลาการเปรียญ  พาเตี่ยมานอนอยู่ที่นั่น  แล้วตัวเองก็ออกไปรับจ้างทำงานหาเงินมาเลี้ยงเตี่ยหลังจากมาอยู่ได้ไม่กี่วันก็รู้ไปถึงหลวงปู่บุญ
   หลวงปู่บุญก็บอกกับครูหลอมว่าจะทำยา  วิเศษอนันตคุณ  ให้ตาแป๊ะนอนเป็นไทกอใต้ถุนศาลา  จึงพากันไปหาเครื่องยามาจนครบ  หลวงปู่ก็ปรุงยาจนเสร็จสรรพให้คนไปเรียกลูกชายของแป๊ะซุ้นมาพบ  แล้วมอบยาให้กำชับให้เตี่ยกินให้ครบตามที่สั่ง  แล้วบอกลูกชายแป๊ะซุ้นว่าไม่ต้องไปหางานทำท่านจ้างทำกุฏิพระที่วัด  ข้าวปลาอาหารให้มาเอาที่กุฏิท่านไปให้เตี่ยกินและกินอยู่กับท่าน  ทั้งให้พาแป๊ะซุ้นไปพักอยู่ที่ห้องข้างล่างหอฉันที่
ว่างอยู่
   แป๊ะซุ้นกินยาวิเศษอนันตคุณของหลวงปู่อยู่ไม่นาน  อาการก็ขึ้นเป็นลำดับ  จนกระทั่งหายเป็นปกติสามาถทำงานได้  ก็ช่วยลูกชายทำงานสร้างกุฏิพระที่วัดกลสงบางแก้ว  หลวงปู่จ่ายค่าแรงให้ทั้งแป๊ะซุ้นและลูกชายไม่ยอมรับ  บอกว่าบุญคุณของหลวงปู่มีมากกว่าขุนเขาเกินกว่าค่าแรงที่หลวงปู่มอบให้ไม่สามารถรับค่าแรงได้  จะทำกุฏิพระถวายเป็นสิ่งตอบแทน  หลวงปู่ก็ไม่ขัดศรัทธา
   ระหว่างนั้นแป๊ะซุ้นมักจะบอกใครๆอยู่เสมอว่า  ยาวิเศษอนันตคุณ  ของหลวงปู่บุญเป็นยาวิเศษ  แม้แกเป็นไทกอไม่มียาอะไรรักษาหายก็ยังกินแล้วหายได้  คนที่ได้ยินแป๊ะซุ้นเล่าก็นึกว่า  หลวงปู่มียาวิเศษจริงๆใครๆป็นอะไรก็มาหาหลวงปู่และมักจะมาบอกกับหลวงปู่ว่ามาขอ ยาวิเศษอนันตคุณแหลวงปู่ต้องเรียกแป๊ะซุ้นไพบแล้วบอกว่า  บาอั๊วไม่ใช่ยาวิเศษแต่ชื่อว่าวิเศษอนันตคุณ  เป็นชื่อยาไม่ใช่วิเศษ  รักษาอะไรก็หายหมดทุกอย่าง  คนตายแล้วก็ฟื้นได้ไม่ใช่แบบนั้น
   คนที่ได้ยินได้ฟังแป๊ะซุ้นไปแล้ว  ก็ยังเชื่อกันว่าหลวงปู่มียาวิเศษจริงๆกันมาก  จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนมาหาหลวงปู่ที่กุฏิปลูกใหม่  ขณะที่ท่านกำลังดูแป๊ะซุ้นและลูกชายสร้างกุฏิอยู่  ก้มลงกราบหลวงปู่กับพื้น  เขาเป็นชายวัยกลางคนมีท่าทางตื่นตระหนก  ละลำละลักกลาวกับกลวงปู่บุญว่า
   หลวงปู่ช่วยผมด้วย  ขอยาวิเศษให้แม่ผมเถอะครับ  แม่ผมเพิ่งสิ้นลมไปเมื่อสักครู่เดี๋ยวนี้เอง
   หลวงปู่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ  หันไปมองแป๊ะซุ้นซึ่งได้ยินเรื่องราวที่ชายคนนั้นพูดกับหลวงปู่โดยตลอด  แป๊ะซุ้นเห็นหลวงปู่หันมามองถึงกับก้มหน้าหลบ  สำนึกได้ว่าเพราะแกเที่ยวไปพูดกับคนว่า  หลวงปู่มียาวิเศษ  คนจึงเข้าใจผิด  ขนาดคนตายแล้วลูกชายยังมาขอรับยาวิเศษจากหลวงปู่  หวังให้แม่ฟื้น
   หลวงปู่ถอนหายใจไม่รู้จะทำประการใดดี  จึงนั่งหลับตานิ่งอยู่พักใหญ่ชายที่มาหาหลวงปู่ก็นั่งกระสับกระส่ายได้แต่ซ้ำซี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกว่า
ขอยาวิเศษให้แม่เถอะ
   ระหว่างที่หลวงปู่นั่งหลับตาอยู่นั้น  ท่านพิจารณาอะไรไม่มีใครทราบได้
แต่พอท่านลืมตาขึ้นมาแล้ว  ท่านบอกกับชายผู้นั้นว่า
ตามฉันมา
   ท่านเดินนำหน้าชายผู้นั้นซึ่งชื่อแฉล้มเป็นลูกชายแม่ชื่น  คนไทยาวาสตำบลใกล้กับวัดกลางบางแก้วนั่นเอง  มิวายแป๊ะซุ้นจะเสียโอกาสจึงเดินตามไปด้วย  หลวงปู่เดินไปที่กุฏิของท่าน  เมื่อขึ้นไปบนกุฏิแล้ว  ท่านก็ให้ชายที่ชื่อแฉล้มนั่งคอย  แล้วหันเหลือบไปเห็นแป๊ะซุ้นตามขึ้นมาด้วย  ท่านก็ไม่ว่ากะไร  เข้าไปในห้องสักครู่  ท่านออกมาพร้อมด้วยยาสีดำอยู่ในฝ่ามือหนึ่งเม็ด  ท่านนั่งภาวนาคาถาอยู่พักใหญ่ก็ส่งยาเม็ดนั้นให้นายแฉล้มแล้วกล่าวว่า
   ยานี้เป็นยาจินดามณี  ไม่ใช่ยาวิเศษอะไรนั่น  ฉันไม่มี  แม่เธอยังไม่ถึงชะตาตาย  เขชาเพียงเป็นลมแน่นิ่งไปตัวยังอุ่นอยู่  เอายานี่ฝนกับน้ำมะนาวให้กินเดี๋ยวก็ฟื้น  ยานี้ไม่ใช่ยาวิเศษนะ
   ชายผู้ชื่อแฉล้มรีบลาจากไปพร้อมยาจินดามณีที่หลวงปู่มอบให้  หลวงปู่รีบเรียกแป๊ะซุ้นซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่นด้วยไปบอกว่า
   ยานั่นไม่ใช่ยาวิเศษนะ  ไม่ใช่คนตายกินแล้วฟื้นได้  แป็นยาจินดามณี  แม่ของเขาเป็นลมไป  ถึงไม่กินยาก็ฟื้นเอง  แต่ฉันให้ยาไปเพราะกินแล้วจะฟื้นเร็วขึ้นเท่านั้นเอง  คนเราไม่มียาอะไรกินแล้วฟื้นได้ถ้าถึงเวลาก็ต้องตาย  แป๊ะซุ้นเองถ้ากรรมยังไม่หมด  ถึงกินยาวิเศษอนันตคุณของฉันไปแล้วก็ไม่หาย  นี่แป๊ะซุ้นมาอยู่วัดกับลูกชาย  ช่วยทำบุญสร้างกุฏิ  บุญกุศลช่วยให้แป๊ะซุ้นหายเร็วขึ้น  ถ้าแป๊ะซุ้นอยากสบายก็ทำบุญมากมาก  ทำบาปน้อยน้อย  ก็จะมีแต่กรรมดี  ชีวิตก็จะดี
   แป๊ะซุ้นได้ฟังหลวงปู่กล่าว  ได้แต่กาบปลกๆแล้วลาจากไปสร้างกุฏิกับลูกชายของแกต่อไป
   หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน  นายแฉล้มได้พาแม่ชื่นของเขาซึ่งฟื้นคืนสติดีแล้วมาถวายสังฆทานกับหลวงปู่ที่วัดกลางบางแก้ว  และได้พบกับแป๊ะซุ้น  แป๊ะซุ้นได้กล่าวกับนายแฉล้มว่า
   หลวงปู่ไม่ได้ให้ยาวิเศษลื้อไปหรอกนะ  ท่านว่าชื่อยาจินดามณี  กินแก้ลม  แม่ลื้อเป็นลม  แต่อั๊วว่า  หลวงปู่เป็นผู้วิเศษ  เพราะท่านรู้ว่าแม่ลื้อจะตายหรือไม่ตาย  ถ้าท่านไม่ใช่ผู้วิเศษ  ท่านไม่รู้หรอกว่า  แม่ลื้อจะฟื้นเอง  ลื้อเชื่ออั๊วมั้ย
   หลวงปู่บุญเป็นผู้วิเศษ  ในใจของแป๊ะซุ้นอยู่นานเท่านาน  ตลอดชีวิตของแป๊ะซุ้นก็ว่าได้  เพาะแกอยู่รับใช้หลวงปู่ที่วัดกลางบางแก้วตลอดมา  งานสร้างไม้ฉลุตามกุฏิต่างๆในวัดกลางบางแก้ว  บางชิ้นเป็นฝีมือของแป๊ะซุ้นกับลูกชายของแก  ยังปรากฎอยู่ทุกวันนี้
      

13
เมตตาไม่พอ  เมตตาไม่พอ
คาถาป้องกันโทสะ

  มีเป็นอันมากที่รู้ความเป็นผู้มักโกรธของตน  รู้โทษนั้น  เมื่อปรารถนาจะหนีให้พ้น
โทษของความโกรธที่พึงรับความจริงว่าเมตตาเท่านั้นที่จะป้องกันมิให้ความโกรธรุนแรงได้.
  บางทีจึงใช้วิธีที่ง่าย  คือใช้คำภาวนาเมื่อความโกรธเกิดขึ้น  เช่นท่องพุทโธ  พุทโธ  แต่แม้จะให้เห็นปัญญา  ป้องกันความโกรธให้ไกลออกไปเป็นลำดับ  ให้เมตตามากขึ้นเป็นลำดับ  ก็ต้องเปลี่ยนคำภาวนาอันเป็นสมาธิให้มาเป็นคำภาวนาอันเป็นปัญญา  คือด้วยการบอกตัวเอง
หรือเตือนตัวเองนั่นแหล่ะ  ว่า  เมตาไม่พอ  เมตตาไม่พอ.
  ความสำคัญในการภาวนาว่า  เมตตาไม่พอ  อยู่ที่ต้องทำใจยอมรับความบกพร่องของใจตนเอง  ว่าเมตตาไม่พอจริงๆนั่นแหล่ะ  จึงจะเป็นการค่อยผลักดันโทสะที่มีอยู่เต็มโลก  ให้ห่างไกลใจตนได้สำเร็จเป็นลำดับไป
  เมตตาไม่พอ  เมตตาไม่พอ  นี้เป็นความจริง  ที่ทุกคนตำหนิตนได้  ไม่ใช่ไปตำหนิผู้อื่น  แม้ใช้  เมตตาไม่พอ  กับผู้อื่นแทนที่จะเป็นคุณ 
ก็จะกลับเป็นโทษอย่างแน่นอน  พึงสำนึกในความจริงนี้ให้เสมอ.
  พระนิพนธ์  สมเด็จพระญาณสังวร  สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก

14












เขี้ยวเสือแท้แท้ดูดีดีแล้วจะเห็น555+
ไปเที่ยวที่บึงฉวากเข้าไปถ่ายรูปกับสิงโตกับเสือป้อนนม
กำลังจับเสือตัวนึงให้นมอยู่อีกตัวหนึ่งวิ่งมาข้างหลัง
ขาสองข้างของเค้าพาดมาที่หลังพอดิบพอดี
พร้อมกับลงเขี้ยวกำลังจะขบขยี้เลยเอี้ยวหลังหลุดมาก่อน
ปีใหม่นี้โชคดีกว่าทุกปีเลยทีเดียว
วันแรกของปีเฉี่ยวลูกปืน
ไปเที่ยวโดนเสือกัดอีก
วันนี้จะมาเรียนขี่มอไซค์ชนคนอีกล้มเลือดซิบๆเลย555+
พึ่งไปทำบุญมาเมื่อวานโชคดีไป..........

15
หลวงปู่ทวดยืนใหญ่ที่สุด! ที่...วัดแม่ตะไคร้ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่

--------------------------------------------------------------------------------

หลวงปู่ทวดยืนใหญ่ที่สุด! ที่...วัดแม่ตะไคร้ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
 
 




"ใหญ่ที่สุดในโลก!" ยังคงใช้เป็นจุดเรียกศรัทธาของพุทธศาสนิกชนให้เข้าวัดมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดเริ่มต้นจากการจัดสร้าง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ขนาดหน้าตักกว้าง ๘ เมตร ๑ นิ้ว สูง ๑๑ เมตร เป็นรูปหล่อด้วยทองเหลือง ประดิษฐานอยู่ ณ วัดบ้านโนนกุ่ม ริมถนนมิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ที่จัดสร้างโดย นายสรพงษ์ ชาตรี


ตามด้วยการจัดสร้าง พระหลวงปู่ทวด ปางสมาธิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หล่อด้วยโลหะผสม หน้าตักกว้าง ๙.๙ เมตร สูง ๑๑.๕ เมตร บนฐานสูง ๓ ชั้น ชั้นล่างกว้าง ๗๐ เมตร ยาว ๗๐ เมตร ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่บริเวณวัดห้วยมงคล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

จากนั้นก็มีวัดอีกหลายแห่ง สร้างพระใหญ่ที่สุดในโลก เช่น วัดตาลเจ็ดยอด ต.ศาลาลัย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ สร้างรูปหล่อ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรัหมรังสี) ขนาดหน้าตักกว้าง ๑๑ เมตร สูง ๑๘ ซึ่งใหญ่กว่าที่วัดบ้านโนนกุ่ม ส่วนที่วัดบางกะพ้อม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มีการจัดสร้างรูปเหมือน หลวงพ่อคง องค์ใหญ่ ขนาดหน้าตัก ๑๐ เมตร ในขณะที่วัดหนองพลับ หมู่ ๒ ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดสร้าง พระพุทธรูปปางประทานพร องค์ใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้าง ๑๑ เมตร ๘๙ ซม. สูง ๑๗ เมตร




ส่วนที่วัดเกาะหงส์ ต.ตะเคียนเลื่อน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จัดสร้าง พระสังกัจจายน์ยืน องค์ใหญ่ แกะสลักด้วยหินทรายทั้งองค์ ขนาดสูง ๑๙.๓๙ เมตร เป็นต้น

โครงการสร้างพระใหญ่อีกโครงการหนึ่ง คือ การจัดสร้างรูปเหมือน หลวงปู่ทวด ปางยืนธุดงค์ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก หล่อด้วยโลหะผสม ขนาดความสูงรวมฐาน ๒๙ เมตร ซึ่งจะประดิษฐาน ณ วัดแม่ตะไคร้ ต.ทาเหนือ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ โดยมี นายสมพงษ์ กันภัย (อ.หนู กันภัย) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอักขระ-เลขยันต์ รับเป็นประธานดำเนินการจัดสร้าง

"การสร้างครั้งนี้ นับเป็นนิมิตหมายอันดีของชาวเชียงใหม่ และชาวเหนือ ที่จะไม่ต้องเดินทางไกลเพื่อไปสักการบูชายังสถานที่ที่มีการสร้างองค์หลวงปู่ทวด

เนื่องจากทราบมาว่า ทั่วภาคเหนือยังไม่เคยมีใครจัดสร้างองค์พระหลวงปู่ทวดขนาดใหญ่มาก่อนเลย รวมทั้งเมื่อการสร้างเสร็จสิ้น ก็หวังว่าจะให้พื้นที่บริเวณโดยรอบกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งใหม่ของ จ.เชียงใหม่ อีกแห่งหนึ่ง

โครงการอุทยานหลวงปู่ทวด จะเสร็จสมบูรณ์แบบภายในระยะเวลา ๒ ปี ตามที่กำหนดไว้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับบรรดาผู้มีจิตศรัทธา" นี่คือเหตุผลของ อ.หนู กันภัย





สาเหตุที่ได้เลือกสร้างรูปเหมือนหลวงปู่ทวด ไว้ที่วัดแม่ตะไคร้ อ.หนูบอกว่า เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม ทั้งลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ รวมไปถึงรู้จักกับ พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท หรือ หลวงพ่อเทียนชัย เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้มานาน ซึ่งเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อีกทั้งมีความชอบในวัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดของท่าน ภายหลังที่มีการปรึกษาหารือร่วมกัน กับหลวงพ่อเทียนชัย จึงคิดหาวิธีการที่จะระดมทุนก่อสร้าง เพราะต้องใช้งบประมาณมากถึง ๕๐-๖๐ ล้านบาท ซึ่งไม่ทราบว่า จะหาเงินทุนจำนวนมหาศาลก้อนนี้มาจากไหน จึงปรึกษากับบรรดาลูกศิษย์ที่พอมีฐานะช่วยกันระดมทุน เบื้องต้นได้มาก้อนหนึ่ง แต่ยังไม่มากพอ
 
"ความรู้สึกของคนทั่วไป ที่ส่วนใหญ่มักคุ้นกับองค์หลวงปู่ทวดที่เป็นปางสมาธิ และเป็นพระเกจิชื่อดังทางภาคใต้ แต่เหตุที่นำมาสร้างที่ภาคเหนือ ผมเห็นว่า หลวงปู่ทวด ปางยืนธุดงค์ มีการสร้างกันบ้าง แต่น้อยมาก ซึ่งตามตำนานนั้น หลวงปู่ทวดเป็นพระนักธุดงค์ จึงน่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่จะให้คนทั่วไปได้รับทราบเกร็ดเล็กๆ ในอัตชีวประวัติของท่าน จึงคิดสร้างปางที่ไม่ซ้ำกับที่อื่น และเรียกปางนี้ว่ารุ่นยืนมั่นคงบุญยฤทธิ์หนุนดวง" อ.หนูกล่าว










17
ใครไปวัดบางพระแล้วเคยไปเอามือถูฆ้องใหญ่ชัยมงคลที่วัดบางพระบ้าง
ถ้าใครถูแล้วมีเสียงดังกังวานแสดงว่าจะโชคดี
แต่มีลุงคนนึงที่ขายชาร้อน-เย็นอยู่ตรงหน้าฆ้องจะถูให้ดูและก็สอนวิธีการถู
แต่ลุงท่านนั้นถูกี่รอบก็ดังทุกรอบแปลกมากมากดังกังวานก้องเลย
ส่วนน้อยที่จะมีคนถูดัง10คนจะดังซักคน
พอดีช่วงนี้วันอาทิตย์ไปวัดบ่อยอ่ะครับได้ไปสัมผัสเลยเก็บเรื่องนี้มาฝาก
ถ้ารู้กันแล้วก็ขออภัยด้วยนะครับ  ขอบคุณมากครับ

18
คือว่าผมชักไม่ค่อยสบายใจในสิ่งที่จะขอสอบถามต่อไปนี้ถึงรู้ว่าใจอยู่ของอยู่ก็ไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี
จึงอยากขอคำแนะนำ จากเพื่อนพี่พี่น้องน้องทุกท่านหน่อยอ่ะครับ ขอบคุณมากครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า  เวลาผมนั่งทำงานอยู่ในห้องอินเตอร์เน็ตที่ที่ผมเรียนหรือบางครั้งเวลาทำงานหรือ
เพื่อนๆผู้หญิงที่ผมรู้จักและไม่รู้จักก็ตามพี่ๆน้องๆผู้หญิงชอบเดินเฉียดหลังมากมากติดติด
และหลายหลายครั้ง (ขออภัยนะครับในส่วนนี้มันไม่สบายใจจริงๆ) ที่ชอบเอาอวัยวะเพศมาแนบหลังบ้างเอามาถูบ้าง
และบางที่ก็เป็นหน้าอกของเค้าที่เข้ามาแนบกับหลังของเราบ้าง
ทั้งสองอย่างของคุณเธอทั้งหลายนี้บางทีก็ที่หลังบ้างที่แขนบ้างซึ่งตรงนั้นมียันต์อยู่พอดีหลายครั้งที่โดนจังจัง
ผมจึงไม่สบายใจเป็นอย่างมากจึงอยากขอคำแนะนำครับกลัวจะเป็นการลบหลู่ครูบาอาจารย์ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ...

19
  เฉียดตายที่แก่งกระจาน
เนื่องด้วยวันอาทิตย์ที่ 16  พ.ย. 51 ที่ผ่านมา  ผม อาม่า  และญาติ
ได้เดินทางไปเที่ยวที่เขื่อนแก่งกระจาน  จ.เพชรบุรี  ซึ่งไปในช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆ
กำลังจะมืดพอดี เมื่อไปถึงก็กราบสักการะ  พ่อปู่เขาเจ้า ก่อนที่จะขึ้นไปชมเขื่อนบนเนินเขาด้านบน
ซึ่งมีทางเป็นพื้นถนนให้พอรถวิ่งขึ้นไปได้  ในช่วงที่ขึ้นไปแล้วกลับลงมานี่เองได้เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญขึ้น
ทุกคนที่นั่งอยู่ด้านนอกข้างหลังของแค็ปรถกระบะต่างเงียบ หน้าเย และมองหน้ากันอย่างเหรอหรา
   ด้วยทางที่เป็นเนินแนวเขาขึ้นๆลงๆนั้นขณะที่รถกระบะที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้  ก็คือ  อีซูซุดีแม็ค
เครื่อง 3000 cc ได้ขับมาด้วยความเร็วอย่างต่อเนื่องกำลังจะเร่งเครื่องขึ้นผ่านเนินบริเวณนี้นั้น
รถได้ดับและไหลลงมาโดยที่รเบรกไม่อยู่  แฟนของลุงผมก็ตาร์ทเครื่องรถเพื่อจะเหยียบคันเร่งขึ้นไปนั้น
รถก็ดับอีก 1 ครั้ง และกำลังจะไหลออกนอกทางตกลงสู่ด้านล่างซึ่งสูงมากมาก ล้อรถด้านหลังแตะเสมอขอบทางพื้นหญ้าตรงนั้นรถได้หยุดพอดี  พร้อมกับที่รถสตาร์ทเครื่องติดและสามารเหยียบคันเร่งขึ้นไปอย่างเฉียดฉิวรอดตายราวปาฏิหาริย์
     ซึ่งในการเดินทางไปเที่ยวครั้งนี้นั้นผมมีวัตุมงคลติดตัวอยู่ 7 สิ่ง  และภาวนาอิติปิโสถอยหลัง
ไปตลอดการเดินทาง
     วัตุมงคล 5 อย่างที่แขวนอยู่ที่คอก็คือ
1.  ตะกรุด(อาจารย์ของพ่อผมสร้าง)-ได้มาจากพี่ชายอีกที
2.  ฮู้ของแป๊ะกงนาร้าง จ.นครปฐม(ฮู้มีลักษณะเหมือนแผ่นยันต์แต่เป็นอักษรจีน)-ท่านปลุกเสกและมอบให้ รับจากมือท่าน
3.  เหรียญโภคทรัพย์  หลวงปู่พูล  วัดไผ่ล้อม จ. นครปฐม -  ได้รับจากมือหลวงปู่ในงานฉลองอายุ
4.  เหรียญปี 2530 รุ่นสร้างสะพาน หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม -ได้รับอภินันทนาการมาจาก
คุณ เอ็ม ไร่ขิง
5.  พระซุ้มกอ จ.กำแพงเพชร - เป็นพระของก๊งผมตอนก๊งยังมีชีวิตอยู่
      ส่วนอีก 2 สิ่งที่เหลือ  ก็คือ
6.  ปลัดขิก หลวงปู่ไสว วัดปรีดาราม จ.นครปฐม (ใส่เชือกคาดเอว)-ได้มาจากเพื่อนของน้องชาย
7.  ตะกรุดหลวงปู่แผ้ว วัดกำแพงแสน จ.นครปฐม (นำมากเชือกคาดข้อมือ)-ได้มาจากเพื่อนที่อยู่
อ.กำแพงแสน
     ซึ่งจากเหตุการณ์ครั้งนี้นั้นผมเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเป็น เพราะพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ
สิ่งศักดิ์ทธิ์ที่อารักษ์ที่แห่งนั้นและครูบาอาจารย์ได้ช่วยคุ้มครองปกปักรักษาให้ผมและครอบครัวนั้นรอดตาย
มาได้
      ส่วนการที่ผมนำเรื่องราวที่ได้เจอมาเล่าสู่กันฟังนั้นผมมิได้มีเจตนาแอบแฝงใดๆทั้งสิ้น  เป็นเพียงความรู้สึกในนาทีที่ผมและครอบครัวรอดตายจึงอยากนำมายทอดเป็นประสบการณ์และเล่ากันฟังเท่านั้นเอง
                                                                    ด้วยความเคารพนะครับทุกๆท่าน
ปล. ตั้งแต่ตอนเด็กจนโต
      ไม่รู้เป็นไงผมมักจะเจอ
      นาทีที่  โลก  สวรรค์  นรก 
      อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมอยู่บ่อยครั้ง
      จึงยังมีอีกหลายเหตุการณ์
      ที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟัง
      แต่กลัวทุกท่านจะหาว่าเพ้อเจ้อ  :001:
     

21
ด้วยความเคารพนะครับ
คือว่าผมเมา
แล้วผมไปมีอะไรกับผู้หญิงแล้วผู้หญิงเอาขาพาดบ่าผม
แต่ผมก็ไม่ได้เอาออกเพราะผมเมาควบคุมสติอะไรไม่ได้เลย
แล้วของผมจะเสื่อมไหมครับ
คือก่อนที่จะออกจากหอพักกันหมึกยังเข้มอยู่พอกับมาให้มันดูมันบอกว่าจางอ่ะครับ
ช่วยตอบผมทีนะครับ ขอบคุณทุกท่านมากมากเลย

เหตุการณ์ครั้งนี้ผมเสียใจมากเลยอุตส่าทำดีมาตลอดยึดมั่นศรัทธาอย่างเหลือคณานับ
แต่ต้องมาพลาดเพราะบางสิ่ง

22
อยากโชคดีด้านความรัก
ต้องสักยันหรือว่าบูชาอะไรครับ
ขอบคุณมาก

23
เหรียญจิ๊กโก๋นี้ดูยังไงครับ
แล้วข้างหลังคำว่าหลวงพ่อเงินตรงหลวงพ่อ
นี่มีไม่เอกรึเปล่า ของที่ผมมีไม่มีอ่ะครับ
ช่วยตอบกระจ่างความหน่อย
ขอบคุณครับ

หน้า: [1]