กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 06 ต.ค. 2553, 08:02:23

หัวข้อ: รอยทางและรอยธรรม...๕ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 06 ต.ค. 2553, 08:02:23
(http://img842.imageshack.us/img842/273/100tc.jpg)

ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
  ๖ ตุลาคม ๒๕๕๓
.....รอยทาง.....
                   ฝนตกหนักทั้งวันทั้งคืน อากาศหนาว อุณหภูมิอยู่ประมาณ ๑๘-๒๑ องศา
ตื่นนอนเร็วกว่าปกติเพราะอากาศหนาว ทำภาระกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว จึงไหว้พระสวดมนต์
ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ เจริญจิตตภาวนา อธิษฐานจิต แผ่เมตตา จนฟ้าสว่างจึงได้วันทาลาพระ
ลงไปทำพิธีให้แก่ญาติโยมที่มารออยู่ เสร็จแล้วกลับขึ้นศาลาที่พัก เขียนบันทึกตามปกติที่ทำมา
ตอนสายๆพระมาขอเบิกเงินไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่จะมาซ่อมเรือหางยาวและออกไปติดต่อเรื่องที่ดิน
เพื่อออกโฉนด ตอนบ่ายสองกว่าๆมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานที่ดินมาขอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่ดินของวัด
พร้อมทั้งเดินตรวจสอบพื้นที่ เพื่อที่จะนำไปเป็นข้อมูลในการออกโฉนด ลงไปให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ที่ดิน
พร้อมทั้งนำไปเดินดูพื้นที่โดยรอบของบริเวณวัด ตอนเย็นออกไปดูรถตู้วัดที่เอาไปซ่อม ปรากฏว่าเสียหาย
ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่เพราะว่าฝาสูบแตก ลูกสูบ ครัช เบรค ใช้การไม่ได้หมดสภาพ ต้องยกเครื่องใหม่ทั้งชุด
ได้เวลาจึงกลับวัดเพื่อมาไหว้พระสวดมนต์ทำวัตรเย็นปฏิบัติธรรมตามปกติอย่างที่เคยทำมา
.....รอยธรรม.....
                    อากาศหนาวถ้าเราอยู่นอนมากมันจะปวดข้อปวดกระดูก จึงต้องพยายามที่จะเคลื่อนไหวร่างกาย
ให้ร่างกายอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา เพื่อปรับสภาพร่างกายให้มีภูมิต้านทานต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
จึงใช้การบริหารร่างกายโดยการเดินจงกรม เป็นการเจริญสติภาวนาและบริหารร่างกายไปพร้อมกัน ซึ่งในการเดินจงกรมนั้น
เราจะได้กำลังของสติและสัมปชัญญะทั้งสองอย่างพร้อมกัน  และเมื่อจิตเริ่มเข้าสู่สมาธิอารมณ์กรรมฐาน วิตก-วิจารณ์ จะเกิดขึ้น
คือจิตจะยกหัวข้อธรรมขึ้นมาคิดและพิจารณาแยกแยะหัวข้อธรรมตีความหมายในหัวข้อธรรมนั้นๆ จะเกิดสภาวะธรรมะลื่นใหล
คือคิดอะไรจะเป็นธรรมะไปหมด เดินไปเทศน์ไป เทศน์ให้ตนเองฟัง ซึ่งอารมณ์ธรรมตัวนี้ถ้าเราตามไม่ทันก็จะเกิดการหลงใน
อารมณ์ได้ ทำให้คิดว่าตนเองนั้นบรรลุธรรม และถ้าควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ก็จะเกิดอาการฟุ้งซ่านในธรรม คืออยากจะออกไปเทศน์
ไปบรรยายให้ผู้อื่นได้รู้ในธรรมที่ตนเองรู้และเข้าใจ เพราะหลงคิดไปว่าตัวเองนั้นบรรลุธรรมแล้ว ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วนั้น
เป็นเพียงอารมณ์เบื้องต้นแห่งองค์ฌาณ คืออารมณ์วิตกวิจารณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายต้องพึงระวังไม่ให้หลงในอารมณ์นี้
ด้วยการมีสติและสัมปชัญญะ รู้ให้เท่าทันอารมณ์กรรมฐานที่เกิดขึ้น อันต้องมีพื้นฐานจากการฝึกสติและสัมปชัญญะที่ถูกต้องมาก่อน
ตามหลักของไตรสิกขา ๓ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ดั่งพุทธพจน์ที่พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า..." ดูกรภิกษุทั้งหลาย ศีลนี้เองเป็นพื้นฐานให้
เกิดสมาธิคือความสงบใจ สมาธิที่มีศีลเป็นเบื้องต้น เป็นสมาธิที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก บุคคลผู้มีสมาธิย่อมอยู่อย่างสงบ เหมือนเรือน
ที่มีฝาผนัง มีประตูหน้าต่างปิดเปิดได้เรียบร้อย มีหลังคาป้องกันลมแดดและฝน ผู้อยู่ในเรือนเช่นนี้ ฝนตกก็ไม่เปียก แดดออกก็ไม่ร้อน
ฉันใด บุคคลผู้มีจิตเป็นสมาธิดีก็ฉันนั้น ย่อมสงบอยู่ได้ไม่กระวนกระวายเมื่อลมแดดและฝน กล่่าวคือโลกธรรมแผดเผา กระพือพัดซัดสาด
เข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า สมาธิอย่างนี้ย่อมก่อให้เกิดปัญญา ในการฟาดฟันย่ำยีและเชือดเฉือนกิเลสอาสาวะต่างๆให้เบาบางและหมดสิ้นไป
เหมือนบุคคลผู้มีกำลังจับศาสตราอันคมกริบแล้วถางป่าให้โล่งเตียนก็ปานกัน "...นั่นคืออานิสงส์แห่งการฝึกสติโดยการรักษาศีล มีศีลเป็น
พื้นฐานในการเจริญจิตตภาวนา ตามหลักของพระพุทธศาสนาในไตรสิกขาทั้ง ๓ ประการ...
.....รอยกวี.....
                  ปลายฝน  ก็ถึง  ต้นหนาว
                ต้นข้าว   ออกรวง เอนไหว
                ลมพัด    รวงข้าว  แกว่งไกว
                เอนไป   ตามสาย  ลมแรง
                           เมฆฝน   บนฟ้า  กระจาย
                           สลาย    เมื่อเมฆ พบแสง
                           ฟ้าครึ้ม  อากาศ  เปลี่ยนแปลง
                           แสดง    ถึงกาล  เวลา
                                      เปลี่ยนแปลง  ไปตาม  วิถี
                                      ที่มี   มานาน   หนักหนา
                                      คู่โลก   คู่กาล  นานมา
                                      ดินฟ้า   อากาศ  ฤดู
                                               โลกนี้  มันเป็น  เช่นนั้น
                                               แปรผัน  ตามที่  เป็นอยู่
                                               เอาโลก  นั้นมา  เป็นครู
                                               เรียนรู้   กับโลก  และธรรม
                                                         จึงต้อง ปรับกาย  ปรับจิต
                                                         เพื่อคิด ให้พบ   สุขล้ำ
                                                         น้อมกาย  น้อมจิต น้อมนำ
                                                         เอาธรรม  มาเป็น  อารมณ์
                    เรียนรู้  ฝึกทำ กรรมฐาน
                    ตามกาล เพื่อความ เหมาะสม
                    ทางโลก  ทางธรรม  กลืนกลม
                    ผสม     ให้เป็น  หนึ่งเดียว
                          เอาธรรม  นำทาง  สร้างสรรค์
                          ร่วมกัน  เข้ามา   เกาะเกี่ยว
                          รวมกาย  รวมจิต  กลมเกลียว
                          กายเดียว  จิตเดียว  รู้ทัน
                                       ตามดู  ตามรู้  กายจิต
                                       พินิจ   ด้วยจิต  สร้างสรค์
                                       ดูกาย  ดูใจ    ทุกวัน
                                       ให้ทัน  กับความ  เปลี่ยนแปลง
                                                 ทุกอย่าง  มีเกิด  และดับ
                                                 สลับ      ไปทุก  หนแห่ง
                                                 ทำไป    ตามที่   มีแรง
                                                  แสดง    ให้เห็น  เป็นจริง
                                                             ความจริง  คือพระ  ไตรลักษณ์
                                                             คือหลัก   ในสรรพ (ะ)สิ่ง
                                                             คือโลก   แห่งความ  เป็นจริง
                                                             จิตนิ่ง     สงบ     พบธรรม.....
                              ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
                                   รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๓๘ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๕ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: NONGEAR44 ที่ 06 ต.ค. 2553, 09:12:04
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณมากครับสำหรับคำสอนและแง่คิดที่ดีๆครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๕ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: berm ที่ 06 ต.ค. 2553, 09:31:45
[shake]กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ...ฝนตกทุกวันรักษาสุขภาพด้วยนะครับผม[/shake]
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๕ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 06 ต.ค. 2553, 10:21:09
กราบมนัสการพระอาจารย์ที่เคารพ  :054:

กราบขอบพระคุณเรื่องราว รอยทาง รอยธรรม รอยกวี คำสอน  :054:

ศิษย์ขอนอบน้อมปฏิบัติต่อไป  :054:
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๕ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 06 ต.ค. 2553, 03:52:25
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณที่เมตตาสอนครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๕ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: nsp8428 ที่ 06 ต.ค. 2553, 08:21:53
กราบนมัสการพระอาจารย์และกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๕ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 07 ต.ค. 2553, 12:57:08
เรียนรู้  ฝึกทำ กรรมฐาน
ตามกาล เพื่อความ เหมาะสม
ทางโลก  ทางธรรม  กลืนกลม
ผสม     ให้เป็น  หนึ่งเดียว

กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ รักษาสุขภาพด้วยน่ะครับ
หัวข้อ: ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๕ ต.ค. ๕๓
เริ่มหัวข้อโดย: yout ที่ 07 ต.ค. 2553, 01:05:43
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ............. :090: :090: :114: :090: :090:....................