หมวด ผู้ทรงวิทยาคุณ (เกจิอาจารย์) > เกจิอาจารย์ภาคใต้

หลวงพ่อศรีแก้ว vs พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ

<< < (2/3) > >>

phattharaphong:


พ่อท่านเขียว   กิตติคุโณ  วัดห้วยเงาะ
พ่อท่านเขียว   “พลัง”
  ณ  แดนใต้เกือบใต้สุดสยาม   องค์พระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งอาศัยอยู่อย่างเงียบสงบ  ไม่มีอะไรโจ่งครึ้มเกินไป  มีแต่เฉพาะในแถบถิ่น  ที่ล่วงรู้ในความรอบรู้ทั้งด้านสมุนไพร และ สายพระเวทย์คาถา
  หลวงปู่เขียว  กิตติคุโณ  ในสมณศักดิ์ที่  “พระครูอนุศาสน์กิจจาทร”
  สมัยหนึ่งนั้นในแถบถิ่น  ใครมีอะไรเดือดร้อน  เจ็บไข่ได้ป่วยต่างมุ่งไปที่วัด เพื่อให้ หลวงพ่อ หลวงลุงรักษา   “พ่อท่านเขียว”  จึงได้รับการเรียกเสียงเรียงนามมา  และเริ่มกระหึ่มเมื่อ  “ของดี”  หลายอย่างใช้แล้วมีพลังลึกคุ้มครอง  ทั้งค้าขายร่ำรวยทั้งหน้าที่การงานรุดหน้า
  พ่อท่านเขียว ถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาในจังหวัดยะลา เป็นบุตรคนที่จากจำนวนทั้งหมด 7 คน ดังนี้
1.นาย เชือน  เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
2.นาย แก้ว  เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
3.พ่อท่านเขียว  กิตติคุโณ  ( นามเดิม เขียว  เพ็ชรภักดี )
4.นายชื่น  เพ็ชรภักดี    ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
5.นายแจ๊ก เพ็ชรภักดี    ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
6.นายสมใจ  เพ็ชรภักดี( ถึงแก่กรรมแล้ว )
7.นาง สาว เพ็ชรภักดี
ช่วงชีวิตในวัยเด็กของ พ่อท่านเขียว ท่านก็เหมือนเด็กชาวบ้านในต่างจังหวัดทั่วไป หลังจากเรียนจบ ป.4  บิดาได้ถึงแก่กรรม ท่านจึงต้องออกมาทำงานช่วยครอบครัว เพื่อเลี้ยงแม่และน้องๆ ซึ่งในเวลานั้นท่านก็สู้อดทนรับจ้างทำงานทุกอย่าง จนกระทั่งอายุได้ 20 ปี จึงตัดสินใจบวช ตามประเพณีนิยม ณ.วัดนางโอ (ปัจจุบันคือวัดบุพนิมิตร) อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2492 ณ.พัทธสีมา วัดนางโอ
โดยมี พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอธิการแดง ธมฺมโชโต  วัดนาประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธิการทอง จนฺทโชโต วัดภมรคติวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
พระอธิการดำ ติสสโร เจ้าอาวาส วัดนางโอในขณะนั้น เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์หัตถบาส เป็นพระอาจารย์ ผู้ที่ประสิทธิ์ประศาสน์ วิชาความรู้ ให้พ่อท่านเขียวมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส
หลังจากครองผ้าเหลือง พ่อท่านเขียว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางโอ โดยท่านได้ใช้เวลาว่างทั้งหมด เล่าเรียนการสวดมนต์ต่างๆ และรวมถึงการสวดภาณยักษ์ แบบฉบับของภาคใต้ กระทั่งพรรษา 2 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสุนทรบัญชาราม อ.รามัญ จ.ยะลา ครั้งถึงพรรษาที่ 3 พ่อท่านเขียว ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดนางโออีกครั้ง ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ กับ “ตาเลี่ยม”ฆราวาสที่เชี่ยวชาญ ด้านวิปัสสนา รวมทั้งศึกษาสรรพวิชาต่างๆจากผู้เรืองพระเวทย์วิทยาคมอีกหลายท่าน
นอกจากนี้ พ่อท่านเขียวยังได้ศึกษาในทางธรรม ท่านปฏิบัติเคร่งครัด ศึกษาด้านปริยัติธรรมบาลีไวยากรณ์และนักธรรม รวมถึงการสวดมนต์ สาธยายธรรม ด้วยเหตุนี้เอง พ่อท่านเขียวท่านจึงสามารถ สวดปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ในพรรษาที่ 5   พ่อท่านเขียว สอบได้นักธรรมโทและต่อมา ท่านได้รับตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาส วัดนางโอ จนกระทั่งได้เป็นเจ้าอาวาสในลำดับต่อมา ในระหว่างนี้ท่านเองเป็นสหธรรมมิกกับ “พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ” ด้วยความที่วัดอยู่ใกล้กัน ท่านทั้งสองจึงได้เคยร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรม และร่วมในพิธีกรรมต่างๆด้วยกันเสมอ
     แม้กระทั่งพ่อท่านเขียว  ยังเคยไปช่วยตำว่านยาต่าง ๆ ให้กับพระอาจารย์ทิม  เมื่อครั้งที่สร้างหลวงปู่ทวด  2497   อันโด่งดัง   คณะนั้นพระอาจารย์ทิมไม่ได้สร้างไว้เพื่อเช่า   แต่สร้างไว้เพื่อมอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระอุโบสถ
   เมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2500 พ่อท่านเขียวได้ตรวจสอบธรณีสงฆ์รอบวัดนางโอ พบการรุกล้ำที่วัดของชาวบ้านละแวกวัด ทำให้ชาวบ้านเหล่านั้นไม่พอใจ กระทบกระทั่งกันหลายวาระ ในที่สุดหลวงพ่อเขียว จึงตัดสินใจ ออกจากวัดไปจำพรรษา ที่วัดภมรคติวัน และที่วัดนี้ก็มีปัญหาเดียวกันกับวัดนางโอ ท่านจึงย้ายวัดไปจำพรรษาที่วัดนาประดู่อีกครั้ง
    พ่อท่านเขียว  ท่านเป็นพระที่สงบ สมณะอยู่เรียบง่าย  ใครเคยเข้าไปในกุฏิของท่านจะเข้าใจกันดีครับไม่บรรยายมาก  ทางธรรมท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและบาลีจนแตกฉาน เป็นที่นับถือของประชาชนทั่วไป  ต่อมา เมื่อพ.ศ.  2522  พ่อท่านเขียว  ได้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ 

phattharaphong:




พ่อท่านเขียว  วัดห้วยเงาะ กับอิริยาบทแห่งพระเมตตา

phattharaphong:


phattharaphong:


ณ  วัดช้างให้  ร่วมกับพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายรูป   ต่อมาพระเครื่องรุ่นนี้ ประชาชนส่วนใหญ่เรียกว่า รุ่น 24  ตามกล่องบรรจุพระที่สร้างขึ้นภายหลัง  พระเครื่องรุ่นนี้ ปัจจุบันเริ่มหายากและมีราคาแพง  ปัจจุบันพ่อท่านเขียว  ได้รับการอาราธนานิมนต์ไปปลุกเสกพระเครื่องทั่วประเทศไทย  โดยเฉพาะปัจจุบัน พ่อท่านเขียว  คือ  พระเถระผู้เฒ่าที่สำคัญในสายหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  ที่ยังทรงสังขารอยู่เพียงไม่กี่รูปในประเทศไทยและแดนใต้  อาทิเช่น  หลวงปู่หวาน วัดสะบ้าย้อย  หลวงพ่อทอง  วัดสำเภาเชย  หลวงพ่อผัน  วัดทรายขาว  หลวงพ่อแสง  วัดศิลาลอย

phattharaphong:


ภายหลัง  พ่อท่านสุธีร์  เจ้าอาวาส วัดห้วยเงาะ ในเวลานั้นจึงได้มานิมนต์พ่อท่านเขียวไปอยู่ที่วัดห้วยเงาะ เนื่องด้วยพรรษาท่านมากจะได้ดูแลและไม่ต้องพบกับภาระเหนื่อยหนักอีก พ่อท่านเขียวท่านเป็น พระสงฆ์ที่มัธยัสถ์อดออมและรักสันโดษ ท่านชอบการอ่านหมั่นศึกษาหาความรู้ในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นด้านกฏหมายบ้าน เมือง การเกษตรกรรม โหราศาสตร์ สมุนไพรกลางบ้าน รวมถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในอันที่จะนำไปสงเคราะห์ผู้อื่นได้ พ่อท่านมีเมตตาสูงกับเหล่าศิษย์ และผู้ที่ไปขอให้ท่านเสกเป่าบรรเทาทุกข์ แก้ไขสิ่งที่ขัดข้องในชีวิต ท่านเมตตาเสมอเหมือนกันหมด ไม่ว่ายากดีมีจนมาจากไหนไม่ว่าจะไกลหรือใกล้
    พ่อท่านเขียวเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก  ไม่เคยยกตัวออดดี  และตั้งแต่บวชมาไม่เคยยึดติดในลาภยศ  สรรเสริญ   พ่อท่านเขียวได้เคยเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า   พรรษาแรกที่ท่านบวชท่านได้ถูกขโมยรองเท้าไป  หลังจากนั้นมาท่านจึงเลิกส่วมรองเท้ามาจนถึงทุกวันนี้   
    พ่อท่านเขียว ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากในภาคใต้   ด้วยเหตุนี้ท่านจึงต้องรับกิจนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลทั่วประเทศ  ทั้ง ๆ ที่ท่านก็ชราภาพมากแล้ว
      เหตุนี้เองทำให้ชาวบ้านและญาติโยม  จึงให้ความเคารพศรัทธาพ่อท่านเขียว   กันเกินคณานับในปัจจุบัน

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version