กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => กฎแห่งกรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: ทรงกลด ที่ 08 พ.ค. 2554, 12:16:32

หัวข้อ: 1.เคราะห์จากการค้าขายหมู.......2.บ่วงกรรมจาการฆ่าควาย.....
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 08 พ.ค. 2554, 12:16:32
เคราะห์จากการค้าขายหมู

ครอบครัวของข้าพเจ้าเป็นคนจีน ตั้งแต่จำความได้ข้าพเจ้าเห็นเตี่ยขายหมูในตลาดสด ส่วนแม่ข้าพเจ้าทำการขายของชำต่างๆอยู่กับร้าน

.....ครอบครัวของข้าพเจ้าเป็นคนจีน ตั้งแต่จำความได้ข้าพเจ้าเห็นเตี่ยขายหมูในตลาดสด ส่วนแม่ข้าพเจ้าทำการขายของชำต่างๆอยู่กับร้าน ข้าพเจ้าเติบโตขึ้นมาเห็นเตี่ยฆ่าหมูอยู่เสมอ ทำให้นึกสงสารหมูที่ถูกฆ่า เตี่ยของข้าพเจ้าเป็นคนอารมณ์ดีไม่น่าเชื่อว่าจะฆ่าหมูได้ และมีความชำนาญในการฆ่าด้วย

.....ในสมัยก่อนไม่มีโรงฆ่าสัตว์ ดังนั้นผู้ที่มีอาชีพขายหมูต้องฆ่าหมูเอง และต้องคอยรับ
ซื้อหมูเป็นจากชาวบ้านมากักตุนไว้สำหรับขาย การฆ่าหมูจะเริ่มฆ่าเวลาตีสองเศษ
เมื่อชำแหบะเสร็จเรียบร้อยจึงค่อยไปพักผ่อนนอนหลับ ครั้งเวลาตีห้าก็ค่อยตื่นมาขายต่อ
ที่ตลาด

.....การฆ่าหมูโดยทั่วไปมีสองวิธี วิธีแรกใช้ท่อนเหล็กยาวประมาณหนึ่งแขนตีไปที่หัวหมูเต็มแรง หมูจะชักและดิ้นอยู่นานกว่าจะหมดสติ เมื่อเห็นว่าหยุดดิ้นแล้วจึงยกขึ้นบนโต๊ะสำหรับฆ่า จากนั้นใช้มีดปลายแหลมประมาณหนึ่งศอกแทงลงไปตรง
ใต้ซอกคอจนสุดมีดหมูจะตายอย่างสนิท แต่วิธีนี้ไม่คอยทำกันเนื่องจากทรมานสัตว์จนเกินไป ส่วนมากใช้วิธีที่สองคือแทงคอเลยโดยไม่ต้องทุบหัว โดยจับหมูมัดขาทั้งหน้า-หลังให้แน่นเสียก่อน หมูมันเหมือนจะรู้ ด้วยสัญชาตญาณแห่งความกลัวตาย มันจะดิ้นและส่งเสียงร้องอย่างโหยหวน น้ำตาพรากเหมือนจะขอชีวิต ข้าพเจ้าโตขึ้นมาก็ได้ช่วยเตี่ยขายหมูแต่ด้วยความไม่ชอบ ก็ขอเตี่ยแค่ช่วยแบกชิ้นส่วนหมูไปส่งที่ตลาดเท่านั้น เพราะกลัวบาปกรรม

.....แต่เมื่อนานเข้าเตี่ยก็อายุมากขึ้นข้าพเจ้าก็ต้องทำ
หน้าที่แทนเตี่ยต้องฆ่าหมูเอง เตี่ยก็ล้มป่วยลง อาการยิ่งทรุดหนักลงเรื่อยๆ เกิดการเป็นแผลในลำคอ ทำให้กินอาหารไม่ค่อยได้ ร่างกายผ่ายผอมซูบซีด ได้นำเตี้ยไปโรงพยาบาลผลการตรวจของหมอลงความเห็นว่า เตี่ยเป็นมะเร็งที่ลำคอ อาการยิ่งทรุดหนัก เตี่ยได้แต่นอนน้ำตาไหล ขากรรไกรเริ่มแข็ง พูดไม่ได้ และก็สิ้นสุดชีวิตเวลาตีสองของคืนวันหนึ่ง

....ข้าพเจ้าต้องฆ่าหมูรับช่วงต่อจากเตี่ยเป็นเวลาหลายปีโดยไม่มีทาง เลือก และข้าพเจ้าก็แต่งงานกับสาวข้างบ้าน อยู่กินกันมาอย่างมีความสุข จนกระทั้งอายุข้าพเจ้า 45 ปี เหตุการณ์อันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คืนหนึ่งเวลาตีสองข้าพเจ้าต้องสะดุ้งตื่นและปวดปัสสาวะมาก จึงรีบไปห้องน้ำ พอไปถึงห้องน้ำ ข้าพเจ้ารู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม แต่ก็ค่อยช่วยตนเอง
ปัสสาวะอย่างช้าๆจนเสร็จ และเอื่อมมือขวาไปตักน้ำเพื่อจะราดน้ำทำความสะอาด แต่กลับ
ยกขันน้ำไม่ขึ้น รู้สึกว่าแขนขวาชา ไม่มีกำลัง จึงใช้มือซ้ายตักน้ำแทน และค่อยพยุงตัวกลับ
ห้องนอนอย่างช้าๆ

.....ในตอนเช้าข้าพเจ้าขยับตัวไม่ได้ นอนน้ำลายฟูมปากเกิดอาเจียนหลายครั้ง ปากก็เริ่มเบี้ยว พยายามจะเรียกภรรยา แต่ก็พูดไม่ได้ สักครู่ภรรยาตื่นเห็นอาการของข้าพเจ้าก็ตกใจ
รีบพาข้าพเจ้าไปส่งโรงพยาบาล หมอลงความเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นอัมพาต หมอแนะนำให้ไป
รักษาที่กรุงเทพฯ ต้องฉีดยาวันละ 3-4 เข็ม ต่อมาต้องจอคอของข้าพเจ้าเพื่อเป่าลมเข้าไป
ในสมอง จะรู้สึกเบาหัวโล่งสบาย

.....นานนับเดือนที่ข้าพเจ้าต้องได้รับความทุกข์ทรมานจากการรักษาอย่าง แสนสาหัส ทำให้คิดขึ้นว่าได้ทำบาปอะไรหนอ จึงได้มารับเคราะห์กรรมอย่างมหันต์ขนาดนี้ จึงคิดได้ว่าเป็น
เพราะบาปกรรมที่ข้าพเจ้าฆ่าหมูมาเป็นจำนวนมาก และผลของวิบากกรรมจึงสนอง
ข้าพเจ้าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

.....ปัจจุบันข้าพเจ้าต้องกลายเป็นคนทุพพลภาพ ร่างกายไม่สมประกอบไปไหนต้องใช้
ไม้พยุงร่าง เดินกะโผกกะเผลก มือขวาที่ใช้แทงคอหมู ก็ใช้การไม่ได้จนถึงทุกวันนี้


ขอบคุณที่มา
http://www.watpanonvivek.com/phpBB306/viewtopic.php?f=39&t=1218
หัวข้อ: ตอบ: 1.เคราะห์จากการค้าขายหมู.......2.บ่วงกรรมจาการฆ่าควาย.....
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 08 พ.ค. 2554, 12:19:14
1/2

2.บ่วงกรรมจาการฆ่าควาย

เหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าจะนำมาให้รับรู้กันนี้ เป็นเรื่องราวน่าพิศวงไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องของบาปกรรมที่เคยก่อไว้ได้กลับย้อนคืนสนองตอบแทนเอาชีวิตไม่รอด อันนำมาซึ่งทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสระทมตรมใจขนาดหนักมาตราบเท่าทุกวันนี้ เหมือนตราบาปที่หวาดระแวงติดตัวมาอย่างไม่คาดฝัน และคงเป็นอุทาหรณ์สอนใจได้บ้างว่า ?เวรกรรมนั้นมีจริง? ดังเช่นข้าพเจ้าต้องประสบเคราะห์กรรมอย่างเรื่องนี้เมื่อหลายปีผ่านมา ครั้งนั้นข้าพเจ้าเพิ่งเรียนจบการศึกษาต่อทางด้านวิชาชีพครู พอดีกำลังสอบบรรจุครู หลังจากที่ได้เดินทางกลับบ้านเกิดต่างจังหวัด ช่วงนั้นที่หมู่บ้านข้าพเจ้าอาศัยอยู่ได้จัดงานบุญประเพณีขึ้น เป็นงานมหาชาติ จัดงานกำหนด ๒ วัน ๒ คืน มีมโหรสพสมโพชหลายอย่าง ที่สำคัญด้านอาหารการกินนั้น ชาวบ้านได้
เตรียมสัตว์เลี้ยงพวกวัว ควายไว้ฆ่าชำแหละหลายตัว มีการจัดสรรแบ่งปันกันไปตามแต่ความต้องการมากน้อยแค่ไหนเพื่อไว้กินเป็นอา หารกับแกล้มกับญาติพี่น้องที่มาร่วมงาน หลังจากคืนแรกผ่านไปจนถึงวันที่ ๒ มีการนำวัว ควาย มาเชือดอีก ๒ - ๓ ตัว ในจำนวนนั้นมีควายเผือกตัวเมียขนาดใหญ่รวมอยู่ด้วย โดยนำมาผูกไว้ใต้ถุนบ้าน เพื่อรอไว้ฆ่าตอนเย็น ข้าพเจ้าเองก็เคยเห็นเข่าฆ่าวัวมาหลายครั้งต่อหลายครั้งจนชินตาแล้ว ด้วยว่าคนข้างบ้านมักจะฆ่าชำแหละขายเป็นประจำนั่นเอง เห็นแล้วบางครั้งเฉยๆ บางที่ก็อดนึกสงสารพวกมันไม่

ได้แต่ทำยังไงได้ เมื่อต้องมาเป็นอาหารของมนุษย์ จนมาถึงควายเผือกตัวนี้ทำให้ข้าพเจ้าต้องจดจำตลอดชีวิตไม่ลืมเลือน นับเป็นตราบาปอันใหญ่หลวงที่มาถึง จนตัวเองที่ต้องทุกข์ระทมเท่าทุกวันนี้ เย็นวันนั้นข้าพเจ้าจำได้อย่างแม่นยำว่า ข้าพเจ้าเดินไปดูชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังรอการฆ่าควายเผือกอยู่พอดีมีการนำ เอาสุราขาวรินใส่แก้วแจกจ่ายดื่มกินกันถ้วนหน้า แม้กระทั่งข้าพเจ้าเองด้วย ดื่มสุราไป ๒ - ๓ แก้ว ชักมึนศีรษะชอบกลมองไปที่ควายเผือกขะตาขาดตัวนั้น ให้สะท้านใจด้วยดวงตาทั้ง ๒ ข้าง มันน้ำตาคลอเบ้าคลับคล้ายว่าคงจะรับรู้ถึงชะตาชีวิตทำนองนั้น มันผูก

พันธนาการด้วยเชือกไนลอนอย่างแน่นหนา และ.....ชาวบ้านคนนั้น ก็คว้าฆ้อนปอนด์ขนาดเขื่องในมือกระหน่ำตีลง ณ. หัวควายเผือกเคราะห์ร้ายเสียงดังพล๊วก ควายตัวนั้นร้องขึ้นอย่างโหยหวล ตะกุยตะกายดิ้นรนเพื่อให้รอดพ้นจากความตายดวงตาแทบเหลือกถลนแดงก่ำ แต่ก็ไม่พ้นอิสระภาพและยมทูตไปได้ เมื่อถูกทุบลงกระหม่อมอีกครั้ง ควายตัวนั้นทรุดฮวบลงทันทีหลังจากที่ดิ้นสะบัดไปมาอย่างทุรนทุรายจนล้มลงเ หมือนว่าแข้งขาอ่อนยวบยาบ ข้าพเจ้าดูด้วย


ขอบคุณที่มา
http://www.watpanonvivek.com/phpBB306/viewtopic.php?f=39&t=626
หัวข้อ: ตอบ: 1.เคราะห์จากการค้าขายหมู.......2.บ่วงกรรมจาการฆ่าควาย.....
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 08 พ.ค. 2554, 12:24:25
2/2


ความคึกคะนองรีบไปเอาฆ้อนปอนด์ในมือชาวบ้านคนนั้นมาเป็นมือ เพขรฆาตเสียเอง เพราะดูแล้วมันจะตายยากเสียเหลือเกิน จัดแจงทุบสมองกลางกระหม่อมอย่างแรง เสียงของควายเผือกร้องลั่น ดวงตามันยังคงจ้องเขม็งดูข้าพเจ้าอย่างกินเลือดกินเนี้อตัวสั่นระริก แล้วก็สามารถปลิดเอาวิญญานออกจากร่างควายนั้นอย่างย่ามใจตนเองนักที่สามาร ถจัดการฆ่ามันด้วยน้ำมือตนเอง ได้ยิ้มกะหยิ่มโดยไม่คิดถึงบาปบุญคุณโทษใดๆทั่งสิ้น ถือเป็นเรื่องสนุกสนานไป

หลังจากนั้นชาวบ้านพาก็พากันช่วยแบ่งสรรปันส่วนเนื้อควายเผือกตัวนั้น ให้ก ับ ผู้ต้องการไปทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาในงาน ข้าพเจ้าเองก็ได้เนื้อควายไปทำกับแกล้มด้วย จนงานประเพณีของหมู่บ้านผ่านไปด้วยดี จวบจนเวลาลุล่วงผ่านไปเกือบปี แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้นคล้ายกัยว่าบาปกรรมที่ตัวเองก่ อไว้มาย้อนสนองเข้าให้อย่างจังๆ โดยในปีนั้นได้มีกลุ่มหนุ่มสาวตลอดทั้งชาวบ้านในหมู่บ้านที่พากันไปทำงานใ นกรุงเทพฯ ได้จัดผ้าป่าสามัคคีนำมาทอด

ถวายที่วัดของหมู่บ้านที่ข้าพเจ้าอยู่ ตัวข้าพเจ้าเองก็ถูกจัดให้เป็นคณะกรรมการคนหนึ่งต้องให้คอยการต้อนรับและอ ำนวยความสะดวกต่างๆ กับขบวนคณะผ้าป่าที่มา โดยที่มีกำหนดมาถึงช่วงตอนสายๆ มีการเช่าเหมารถตู้ปรับอากาศขนาดใหญ่มาด้วย วันนั้นพอขบวนรถคณะผ้าป่ามาถึงก่อนที่จะถึงทางเข้าวัด ปรากฎว่ามีสายไฟโยงพาดผ่านกึ่งกลางถนนในระดับต่ำจนเป็นเหตุให้รถบัสปรับอา กาศขับผ่านไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงได้นำเอาไม้พาด แล้วปีนขึ้นบนหลังคารถตู้ที่นำหน้าคันแรก พร้อมใช้ไม้ไผ่แหย่เพื่อยกสายไฟให้สูงขึ้นอีก พอให้หลังคา

รถบัสปรับอากาศที่ตามหลังขับผ่านไปได้ โดยที่ไม่ระวังตัวเท่าไหร่ อีกทั้งความมึนเมาเกิดเหยียบพลาดตรงบริเวณขอบหลังคารถตู้คันนั้น เกิดเสียการทรงตัวร่างของข้าพเจ้าลอยละลิ่ว จากบน

หลังคารถตู้ลงมากระทบพื้นด้านล่างอย่างแรง โดยเฉพาะศรีษะถูกกระทบพื้นจนทำให้ถึงกระโหลกร้าวข้าพเจ้าสลบทันที ต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองกระทันหันโดยการผ่าครึ่งหัวกระโหลกเอาเลือดคลั่ง ออกแล้วเย็บเข้าใหม่หลายสิบเข็ม ข้าพเจ้าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ความจำแทบเลอะเลือนจิตใจไม่ปกติเหมือนเดิม แทบไม่น่าเชื่อที่ที่นอนพักรักษาตัวนั้น ภาพของควายเผือกตัวนั้นยังคงเที่ยวหลอกหลอนข้าพเจ้าอยู่ทุกคืน เสียงร้องโหยหวล บวกกับดวงตาอัน

แดงกร่ำจ้องมองดูข้าพเจ้าอย่างกับจะจองล้างจองผลาญกัน อ้าปากแยกเขี้ยวใส่ ข้าพเจ้าสดุ้งผวาหวาดหวั่นแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย ข้าพเจ้าพักรักษาตัวอยู่หลายเดือน ที่โรงพยาบาล จนอาการค่อยทุเลาลงบ้างแต่ก็มักปวดศรีษะเหมือนมีอะไรมาทุบตรงกระโหลกแทบแต กแยกเป็นเสี่ยงๆ จนสมองแทบระเบิดบางครั้งแทบคลุ้มคลั่งตลอดเวลา ต้องเอายามาทานระงับไว้จึงค่อยทุเลาบ้าง

แต่ก็อย่างว่าข้าพเจ้าต้องทุกทรมานอย่างหนักไม่คิดว่า บาปกรรม จะมาย้อนสนองเข้าให้เยี่ยงนี้ นี่แหละหนาเขาถึงว่า ?กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนตอบสนอง? จะช้าหรือเร็วเท่านั้น

ขอบคุณที่มา
http://www.watpanonvivek.com/phpBB306/viewtopic.php?f=39&t=626
หัวข้อ: ตอบ: 1.เคราะห์จากการค้าขายหมู.......2.บ่วงกรรมจาการฆ่าควาย.....
เริ่มหัวข้อโดย: saken6009 ที่ 08 พ.ค. 2554, 03:44:13
ฆ่าสัตว์ใหญ่ บาปกรรม ก็ใหญ่ขึ้นตามลำดับขนาดของสัตว์ 01; 01;
               
ข้าพเจ้า เคยได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับการเอาชีวิตของสัตว์ใหญ่เหล่านั้นมาค้าขาย เพื่อทำให้ตัวเองมีเงินมีทองขึ้นมาครับ
                               
บุคคลเหล่านี้ ต้องทำบุญอย่างหนักให้กับชีวิตสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ แต่ ผลของ บาปกรรม ไม่ได้ลดลงเลยนะครับ
                                 
ผลบาปกรรมที่ตามมาตอนหลัง คือ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ต้องใช้เงินทองที่ได้มาจากชีวิตสัตว์เหล่านี้ในการรักษา
                               
กันจนเกือบจะหมดตัวก็ว่าได้ครับ เงินทองที่หามาได้ ก็ไม่เคยได้ซื้อหาความสุขใส่ตัวเองเท่าไรเลยครับ
                                             
ขอขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำบทความดีมากๆมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :054: :054:
 
ติดตามอยู่ครับ อ่านแล้วเพลินดีมากๆครับ และ ได้ความรู้ดีมากๆครับผม :016: :053: :015:  
                                                                                                                                                                                                 
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน ขอบคุณครับ) :054: :054:
 
  
หัวข้อ: ตอบ: 1.เคราะห์จากการค้าขายหมู.......2.บ่วงกรรมจาการฆ่าควาย.....
เริ่มหัวข้อโดย: โบตั๋นสีขาว ที่ 08 พ.ค. 2554, 09:54:14
ขอบคุณมากๆคะ สำหรับเรื่องราวดีๆ อ่านแล้วกลัวบาปกรรมขึ้นทันทีเลยคะ  :090: :075: :090: