ที่มา http://www.budpage.com/ba212.shtml
กินปลาอย่าให้ก้างตำปาก
รินใจ
โลกนี้จะกลายเป็นดาวเคราะห์ที่ไร้ชีวิตทันทีที่ปราศจากออกซิเจน กล่าวได้ว่าวิวัฒนาการครั้งสำคัญของโลกเกิดขึ้นเมื่อมีออกซิเจน เพราะนับแต่นั้นวิวัฒนาการของชีวิตก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
มนุษย์จะกลายเป็น "ผัก" ทันทีที่ขาดจากออกซิเจนเพียง ๕ นาที และถ้านานกว่านั้นก็ "กลับบ้านเก่า" กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว เราทุกคนตายเพราะขาดออกซิเจนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรมาก่อนก็ตาม ไม่ผิดถ้าจะกล่าวว่าออกซิเจนหมายถึง "ชีวิต"
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ออกซิเจนก็พาเราทุกคนไปสู่ความตาย เคยสังเกตไหมว่าสัตว์ที่หายใจถี่มักมีอายุสั้น เช่น หนู กระต่าย ส่วนสัตว์ที่หายใจช้า มักมีอายุยืน เช่น ช้าง เต่า
เดี๋ยวนี้เราพบแล้วว่าออกซิเจนเป็นสาเหตุของความแก่และโรคร้าย พิษของออกซิเจนเป็นอย่างไรก็ดูได้จากเหล็กที่กร่อนเป็นสนิมเมื่อถูกออกซิเจน นอกจากนั้นในระดับเซลเรายังพบว่า เมื่อออกซิเจนแตกตัวจากอะตอม มันจะกลายเป็น "อนุมูลอิสระ" ซึ่งหลุดเข้าไปทำลายยีนและส่วนอื่น ๆ ในเซล เมื่อสะสมมากเข้าก็ทำให้เกิดสภาพที่เรียกว่า "ความชรา" หรือหนักกว่านั้นก็คือเกิดเนื้อร้ายที่เรียกว่ามะเร็ง สิ่งที่ตามมาคือ "ความตาย"
ใช่หรือไม่ว่า สิ่งที่ให้ชีวิต ก็ให้ความตายด้วยเช่นกัน!
ใช่ว่าชีวิตกับความตายเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน ยังมีคู่ตรงข้ามอีกหลายคู่ที่อยู่เคียงคู่กัน
อาทิ เช่น สุขกับทุกข์
เคยสังเกตไหมว่าสิ่งที่ให้ความสุขแก่เรา ก็สามารถทำให้เราทุกข์ได้เช่นกัน
รถยนต์คันใหม่ทำให้เราปลื้มเปรมไปได้ทั้งวัน แต่ก็ทำให้เราอดกังวลไม่ได้เวลาจอดทิ้งไว้ในที่เปลี่ยว หรือถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับหากมันถูกขโมยไป
ไม่ว่าลูก หรือ คนรัก ล้วนนำความสุขอย่างล้นหลามมาให้แก่เรา แต่ก็สามารถทำให้เราเป็นทุกข์ย่ำแย่ได้หากเขาไม่เป็นไปตามใจเรา
คนที่ภาคภูมิใจในทรวดทรงของตน ไม่ช้าไม่นานก็ต้องระทมทุกข์เพราะสิ่งเดียวกัน
ถึงวันนั้นทรวดทรงอาจแปรเปลี่ยนไป หาไม่มันก็กลายเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายขึ้นมา
ใครที่ปลื้มปีติกับชื่อเสียงของตน ก็มักเป็นทุกข์เพราะความเด่นดังของตนเช่นกัน อย่างน้อยเวลาจะควงกับใครก็ต้องระวังว่าจะมีคนเห็นหรือมายุ่มย่าม
สุขกับทุกข์เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน มันสามารถพลิกกลับไปกลับมาได้
ด้วยเหตุนี้เวลาจะมีความสุขกับอะไรหรือใครก็ตาม อย่าเพลินกับความสุขจนท่วมท้นใจ หรือหมดเนื้อหมดตัวไปกับอารมณ์เหล่านั้น ควรเผื่อใจไว้รับมือกับความผันผวนปรวนแปรที่ไม่ถูกใจเรา วันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามใจหวัง แต่พรุ่งนี้อาจกลายเป็นตรงกันข้าม
ความแปรเปลี่ยนนั้นเป็นธรรมดาของโลก อย่าไปมองว่ามันเป็นปัญหา แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือใจของเราต่างหากที่ไปยึดอยากให้บางอย่างคงที่เหมือนเดิม หรือเป็นไปตามใจเราเสมอ ทันทีที่คิดแบบนั้น จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ก็เตรียมตัวทุกข์ไว้ได้เลย
เวลาเราเดินไปเตะก้อนหินหรือถูกหนามแทง อย่าไปโทษก้อนหินหรือหนาม เขาอยู่ของเขาอย่างนั้นมานานแล้ว เราต่างหากที่เดินไปเตะหรือแกว่งมือไปถูกเขาเอง
ในทำนองเดียวกัน โลกก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว คือมีความแปรเปลี่ยนเป็นธรรมดา ใจเราต่างหากที่ไปยึดอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามใจเรา ถ้ามันไม่เป็นไปตามใจเรา แล้วเราเกิดทุกข์ขึ้นมา ก็ต้องโทษใจของเราก่อนอื่นใดว่าเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ อย่าเพิ่งไปโทษโลก ผู้คน หรือสิ่งต่าง ๆ ว่าเป็นตัวการ
เราสามารถอยู่ในโลกอย่างมีความสุขได้ หากมีสติไม่หลงเพลินกับความสุขจนลืมตัว เผื่อใจไว้รับมือกับความผันผวนปรวนแปรอยู่เสมอ ถ้าทำอย่างนี้ได้เรียกว่ามีความสุขอย่างรู้เท่าทัน ความทุกข์แม้จะแฝงอยู่ในความสุขแต่ก็ทำอะไรเราไม่ได้ เปรียบเสมือนคนที่กินปลาอย่างระมัดระวังและรู้จักแยกเนื้อออกจากก้าง จึงกินปลาได้อย่างอร่อยโดยก้างปลามิอาจตำปากได้
คนที่ทำใจอย่างนี้ได้ ถึงคราวประสบเคราะห์กรรม ก็ไม่เป็นทุกข์ หรือถึงจะทุกข์ก็หลุดได้ในเวลาไม่นาน เพราะรู้จักแสวงหาความสุขท่ามกลางความทุกข์
อย่าลืมว่า สิ่งที่ทำให้เราทุกข์นั้น ก็สามารถทำให้เราสุขได้เช่นกัน
ใช่หรือไม่ว่าคนที่ร่ำเรียนอย่างหนัก หรือทำงานอย่างเหนื่อยยาก ชีวิตที่ราบรื่นและผาสุกย่อมรออยู่เบื้องหน้า
สารหนูนั้นมีพิษร้าย สามารถฆ่าคนได้ แต่ในเวลาเดียวกันก็สามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ อาทิ หนองใน ในทำนองเดียวกัน สารเคมีที่เป็นพิษจำนวนไม่น้อยก็ถูกนำมาใช้รักษาโรคมะเร็งนานาชนิด
สิ่งที่ทำลายชีวิตนั้น ก็สามารถรักษาชีวิตได้ด้วยเช่นกัน
อย่ากลัวความทุกข์ เพราะสิ่งที่ทำให้เราทุกข์นั้น ก็สามารถสร้างสุขให้เราได้เช่นกัน