กระดานสนทนาวัดบางพระ

ผมคิดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วครับว่าคนอย่างท่าน maximus ต้องออกมาตอบโต้ด้วยความคิดของท่านเอง...

เพราะท่านก็มีอายุไม่ใช่น้อยแล้ว มากกว่าผมหลายปี ผมจึงขึ้นต้นใช้คำว่าด้วยความเคารพ....

แล้วผมก็บอกว่าเห็นด้วย แต่ก็ไม่ทั้งหมด  ก็เข้าใจเจตนาท่านครับ....

ก็หวังว่าท่านจะเข้ามาบ่อยเพื่อตรวจสอบว่า คำไหนผิดแล้วก็ช่วยเตือนนะครับ...

ถ้ามีเวลาก็ช่วยดูเว็ป อื่นๆด้วยนะครับ...ก็จะเป็นการดี คนไทยจะได้ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องทุกคน

ส่วนผมไม่มีความสามารถเท่ากับท่านครับ  ตัวเองก็ยังพิมพ์ผิดบ่อย สะกดผิดบ่อยครับ..ขอบคุณครับ...

ปล.ถ้าจะแก้เรื่องนี้จริงๆ ต้องแก้ที่การศึกษาพื้นฐานครับ  ไม่ใช่มาตามแก้ในเว็ปฯ

ขนาดผมเรียน  ผมใช้มาตั้งแต่เด็กจนทำงานนี้  ก็ยังเขียนให้ถูกทุกคำไม่ได้เลย

แล้วบางท่าน  ที่เขาไม่ค่อยได้เขียน ด้วยอาชีพของเขา  เขาจะเขียนได้ถูกทุกคำไหมครับท่านลองคิดดู

เว็ปนี้มีคนทุกระดับนะครับ  ไม่ใช่มีระดับเดียวกับท่านทุกคน

เอาความเป็นจริง  มาใช้ในชีวิตจริง

และรายละเอียดก็เป็นไปตามที่กระทู้แรกของผม  เรื่องการใช้ภาษาในเว็ปฯ

อย่าเรียกว่าโต้ตอบเลยครับ เรียกว่าชี้แจงข้อเท็จจริงดีกว่า
คงไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เพราะผมแค่สมาชิกธรรมดา คุณเป็นคนเก่ากว่าผมยังไม่เห็นความสำคัญ ผมจะต้องทำเพื่ออะไร?
ถ้าการเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณยังคิดว่ายาก แล้วการให้ไปเปลี่ยนที่พื้นฐานการศึกษามันไม่ยากกว่าหรือ? แค่ตัวเองยังไม่คิดจะทำ จะไปเริ่มที่คนอื่น
ในโลกนี้เขาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงคนอื่นนะมันยาก เริ่มต้นที่ตัวเองก่อนดีกว่าไหม? ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองครับ

ขอบคุณสำหรับความเคารพที่ให้ ผมไม่อยากเป็นพวกแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน เช่นกันก็ขอแสดงความเคารพต่อคุณ

ขอบคุณครับ

ถึง เจ้าของกระทู้ครับ

ตามหัวข้อ "สวัสดีครับพี่ๆ ขออนุญาติถามครับ"  คำว่า "อนุญาติ" ต้องไม่มีสระ "อิ"ครับ ไม่ได้มีเจตนามาตำหนิหรือไร้สาระอะไร แต่อยากให้ช่วยกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เพราะทุกวันนี้ภาษาไทยของเราวิบัติใช้ผิดกันมากขึ้น จนกลายเป็นความเคยชิน ต่อไปเราจะไม่รู้ว่าคำไหนถูก คำไหนผิด เราเป็นชาติที่ไม่ต้่องยืมภาษาใครมาใช้ ควรช่วยกันอนุรักษ์ให้สืบต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน.........ขอบคุณครับ

ปล.หากไม่เป็นที่พอใจก็ขออภัยเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ "ติเพื่อก่อ"  ช่วยกันคนละไม้ละมือ เพื่อภาษาที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย

  :004:เห็นด้วยกับคุณj-clubและคุณสายัณ....อันนี้เรื่องจริงล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเกิดขึ้นกับตัวเองจนทุกวันนี้ก็ยังเจอ ทั้งๆที่ก็ขึ้นเลข 5 เหมือนกัน สมัยเรียนพาณิชย์มีเพื่อนคนหนึ่งหน้าปรุทั้งหน้า ตัวดำ แต่นามสกุลดี มีเงิน มีรถขับ มีสาวขอนั่งรถกลับบ้านด้วยทุกวัน ทั้งสาวไทย ลูกครึ่ง

พอถึงวัยทำงาน เมื่อก่อนทำงานใหม่ๆ ยังไม่มีอะไรคุยกับสาว สาวก็ไม่อยากคุย เพราะไม่มีรถ เงินเดือนน้อย พอมีครบทุกอย่างทั้งหน้าที่การงาน การเงิน บ้าน รถ และสามารถเผื่อแผ่ให้ใครอีกก็ได้ที่พอใจ ทั้งๆที่ไม่เคยคล้องพระสักองค์ มีแต่หลวงพ่อเงิน(แบงค์สีต่างๆ)เท่านั้น มีแต่คนอยากคุยด้วย อยากรู้จัก เวลาไปเที่ยวก็มีคนคอยมาเทคแคร์ อยากให้เราเรียก อยากรับใช้เรา จะใช้ จะวานใคร มีแต่แย่งกันทำให้ จำได้ว่าคนสุดท้ายที่มาติดอายุแค่ ๑๙ ปี ต้องยอมเลิกไม่คุยด้วย เพราะคุยทีไรคิดถึงลูกสาวทุกที ไม่อยากทำกรรมเพราะมีลูกสาว ......ทำงาน เก็บเงิน หาความก้าวหน้า สร้างอนาคต พอมีครบไม่ต้องไปวิ่งหา เดี๋ยวก็มีคนมาคุยด้วยเอง ไม่ว่าชายหรือหญิง ไม่มีใครอยากลำบากหรอกครับ ถ้าเลือกได้ทุกคนย่อมเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ส่วนแต่งกันไปแล้วจะอยู่ด้วยกันได้หรือไม่ก็อีกเรื่องครับ เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร? ดูดาราที่แต่งงานกับคนรวยๆก็เลิกกันมานักต่อนักเช่นกัน เพราะอะไร?...ไม่เข้าใจกัน(แล้วตอนคบกันไม่รู้หรือ?)....ความคิดเห็นไม่ตรงกัน(แล้วตอนคบกันทำไมคิดตรงกันทุกเรื่อง).....นิสัยไม่ดี(ตอนคบกันไม่รู้นิสัยเลยหรือ)

เอาพระเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ในการทำความดี ดีกว่าครับ ให้รู้จักเกรงกลัวต่อบาป ไม่ทำร้ายใคร ไม่ผิดลูกเมียใคร หมั่นรักษาศีล ทำบุญ ทำทาน ขอให้ชีวิตมีความสุข ไม่มีหนี้ ไม่เป็นทุกข์ ไร้โรคา จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต แค่นี้ก็ดีใจแล้วครับ ทุกวันนี้ผมคิดแค่นี้จริงๆ  ถึงแม้ทุกวันนี้สามารถใช้ชีวิตแบบนั้นได้ แต่ก็ไม่ต้องการเพราะสิ่งที่ผ่านมามันจอมปลอมทั้งนั้นครับ มันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เพราะคนที่ห้อมล้อมเรา ล้วนแต่ต้องการหาผลประโยชน์จากเรา เวลาเงินหมด คนพวกนั้นก็หายไปหมด

เอาพระพุทธ....เป็นที่ตั้ง  เอาพระธรรม...ยึดเหนี่ยวใจ ไม่ต้องถึงนิพพาน แค่ไม่ไปนรกก็พอใจแล้ว...........

เชื่อว่าเจ้าของกระทู้มีภูมิความรู้ที่ดี ได้ท่องเที่ยวที่ต่างๆกว่า30ประเทศ
   วันที่ท่านเจอเหตุการณ์ชาวต่างชาติมาเช่าวัตถุมงคล จนท่านสงสัยในการเช่าของชาวต่างชาตินั้น
เหตุใดท่านจึงไม่เรียนถาม ชาวต่างชาติผู้นั้นโดยตรง เพราะเชื่อว่าท่านคงสื่อสารกับชาวต่างชาติได้และ
คงเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ในการบูชาเป็นอย่างดี กว่าที่จะมาเกิดวิวาท(ะ)อักษร
         บางคนกินข้าวแค่พออิ่ม
    แต่บางคนกินจนเกินอิ่ม                                            

อย่างที่แจ้งแต่แรกแล้วว่าต่างคนต่างแย่งกันดู แย่งกันซื้อ ผมเองยืนอยู่ตรงนั้นเกือบ ๒๐ นาทีถึงจะได้มีโอกาสเข้าไปดูและก็ไม่ได้ดูอะไรมาก เพราะพระที่ดูแลตรงนั้นท่านก็ไม่ว่างต้องคอยหยิบวัตถุมงคลให้กับชาวต่างชาติ ผมก็เช่าพระมา ๒ องค์กับแผ่นป้ายแขวนหน้าบ้านมา ๑ แผ่น และพอดีแฟนผมลงนะหน้าทองเสร็จเขาก็เดินมาเรียกผมกลับ เพราะต้องไปวัดกลางบางแก้วต่อ

การเดินทางของผมก็เป็นเรื่องงานมากกว่าไม่ได้ร่ำรวยเดินทางท่องเที่ยว และวันนั้นไม่ได้ถามก็ด้วยเหตุผลข้างต้น อีกอย่างนักท่องเที่ยวชาวจีนบางคนก็ไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษเช่นกัน ผมเองก็ไม่ได้เก่งระดับอาจารย์ แค่ถามทางและขอข้าวกินเวลาหลงทางเท่านั้น แต่ด้วยความโชคดีมากกว่าเท่านั้น

ส่วนวิวาทะ นั้นคงปรบมือข้างเดียวไม่ได้ ถ้าคนตอบๆด้วยความสุจริตใจอย่างคุณโยคี หรือ คุณปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) และคุณบางแก้วฟ้า ผมเข้าใจด้วยเหตุและผลและยินดีรับฟังด้วย ไม่ได้เผด็จการความคิดใคร ทุกคนแสดงความคิดเห็นได้ในหลักประชาธิปไตยอยู่แล้ว ผมน้อมรับฟังความคิดเห็น คำแนะนำที่บริสุทธิ์ใจของทุกท่านในนี้ ในเมื่อผมไม่ได้ไปกล่าวล่วงเกินใคร ใครก็อย่าได้มากล่าวล่วงเกินผม แค่คำถามทีไม่ถูกใจต่อมความรู้สึกเท่านั้น องค์ลงทันทีแบบนี้ มีคนในเวปนี้เตือนผมแล้วว่าอย่าถาม อย่าต่อความ ผมก็อยากรู้ว่าเราจะอยู่กันด้วยเหตุผลหรือพวกมากลากไป ถ้าเป็นแบบหลังผมก็คงไม่เข้ามาแน่นอน กฎระเบียบที่เขียนไว้ก็คงไม่มีประโยชน์และเจตนารมย์ที่มีเวปนี้เพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับวัดก็คงไม่มีประโยชน์ ผมเชื่อว่าโลกนี้มีคน ๒ กลุ่ม คือพวกเห็นด้วย กับ ไม่เห็นด้วย แต่ต้องมีเหตุผล ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงอยู่ร่วมกันยาก การที่เราจะให้ใครเห็นด้วยกับเราทุกเรื่องย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่คนที่ไม่เห็นด้วยกับเราเป็นคนผิด เป็นคนไม่ดีหรือครับ? คุณสามารถมองเห็นบนใบหน้าคุณเองได้ไหมครับ ถ้าไม่มีกระจก? เช่นกันการมองต่างก็เหมือนการสะท้อนให้เห็นหน้าตัวเอง ที่เคยคิดว่าหน้าตัวเองไม่เคยมีสิว มีฝ้า พอมีกระจกมาสะท้อนก็เห็นสิว เห็นฝ้าจริงไหมครับ?

ส่วนคำคม "บางคนกินข้าวแค่พออิ่ม แต่บางคนกินจนเกินอิ่ม" ขอบคุณครับ ส่วนตัวผมก็อยู่ที่สถานการณ์มากกว่าว่า"เวลาไหนควรกิน เวลาไหนควรอด" ขอบคุณนะครับสำหรับคำแนะนำและคำถาม

ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำแนะนำและความคิดเห็น............

อย่างที่ถามมิได้มีเจตนาอะไร เพียงแค่สงสัย และก็ถามไปตามที่เห็น มิได้ตัดสินว่าใช่หรือไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะผมเองก็ไม่ได้ตัดสินอะไรด้วยการเห็นเพียงครั้งแรก กว่าจะรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีล้วนต้องใช้เวลาในการศึกษาและวิเคราะห์ โดยอาชีพผมด้วยยิ่งต้องใช้ข้อมูลเยอะ  ผมอาจจะพบชาวต่างชาติที่ไม่เข้าใจในเรื่องแบบนี้มาก่อน เลยทำให้มีความกังวลก็เท่านั้น มิได้มีเจตนาเป็นอื่น ดีใจด้วยซ้ำไปที่มีชาวต่างชาติที่เข้าใจและศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อ มาเป็นลูกศิษย์ลูกหานับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งครับ.........ขอให้บารมีหลวงพ่อแผ่ไกลไปทั่วฟ้าจบดินครับ...สาธุ สาธุ   สาธุ

  เพิ่งจะทราบจริงๆ...ว่าสักนายขนมต้มแล้วป้องกันคนมารังแกได้ ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องให้ทหารชายแดนใต้ทั้งหมดไปสักยันต์คงกระพันชาตรีซะแล้วจะได้ไม่โดนผู้ก่อการร้ายฆ่ารายวัน....แหม!..ต้องขอบคุณจริงๆที่จุดประกายความคิด ผมจะลองไปเรียนท่านรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมดู ถ้าท่านไม่ยันผมออกจากห้องซะก่อน.......555

คิดได้ยังไงครับ? ผมว่ากลับทบทวนพฤติกรรมของลูกดูก่อนดีไหมครับ...ว่าเป็นอย่างไร? ผมและคุณเคยผ่านชีวิตในวัยนี้มาแล้ว ควรคิดว่าเพราะเหตุใดคนถึงมาหาเรื่องเรา สมัยก่อนเพื่อนผมคนหนึ่ง ชอบเดินยกไหล่แล้วก็เดินส่ายไปมา พอผ่านหน้าพวกนักเลงมันเห็นก็หมั่นไส้ก็วิ่งไล่กระทืบ ถ้าเดินดีๆปกติก็คงไม่มีใครมาไล่กระทืบแน่ ผมเองเดินผ่านโรงเรียนโจทก์มันยังเฉยๆ ผมว่ามันดูครับว่าไอ้นี่เด็กเรียนหรือเด็กเกเร ผมว่าลองทบทวนตัวเราก่อนๆที่จะไปโทษคนอื่นดีกว่าครับ.......

ส่วนหลายๆความคิดที่สมาชิกหลายๆท่านชี้แนะไป ผมว่าเป็นเหตุผลที่น่ารับฟัง อยากให้เราเข้าใจถึงเจตนารมย์ของการสักยันต์ ผมเรียนตรงๆครับว่าเมื่อก่อนผมมีความคิดไม่ค่อยดีกับคนสักยันต์เท่าไหร่ แต่หลังจากมาอ่านในนี้และเป็นสมาชิกได้ไม่นาน ผมคิดผิดถนัด ความสุขุม เหตุผล ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะได้รับรู้ ซึ่งผิดกับพวกนักเลงหัวไม้ที่สักเต็มตัว พูดจา ความคิด เหตุผลหาแทบไม่ได้ เพราะผมเจอกับตัวเองมาแล้ว บ้านตรงข้ามกันแท้ๆ เกเรสุดๆ ใครเดินผ่านเป็นแซว พูดจาคำก็มีคุณวรนุชตามมาตลอด ยกสวนสัตว์มาไว้ที่บ้านเลย สุดท้ายมาแขวะน้องชายที่บ้านทั้งๆที่น้องผมไม่เคยมองหน้ามันด้วยซ้ำ เช้าไปทำงาน เย็นกลับมาบ้านก็อยู่แต่ในห้อง สันดานคนจริงๆครับ ไม่ใช่อะไรเลย แค่สักไว้ให้คนกลัวเท่านั้น เพราะฉะนั้นอยากให้คิดเสมอว่าถ้าเราเป็นคนเกเร ผมว่าสักไปก็เท่านั้น ครูบาอาจารย์ท่านคงไม่อยากมีลูกศิษย์แบบนี้หรอกครับ...........

ปล.อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกก็ขออภัยเจ้าของกระทู้ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

อ้างจาก: maximus ที่ 14 มิ.ย. 2556, 08:00:10

ผมเป็นคนไม่เคยสัก แต่เห็นคนสักมาเยอะ ผมว่าการสักยันต์เป็นการรับสิ่งดีๆเข้ามาอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นคนที่รักษาศีล หมั่นทำความดีเหมือนเราแขวนพระ หากแขวนพระเต็มคอ ทำแต่เรื่องไม่ดี ผมว่าก็คงไม่มีประโยชน์อะไร ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนส่งเสริมคนทำไม่ดีแน่ อยากให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ ถ้าจะป้องกันตัวจริงๆผมว่าอาจารย์ 11 ,.38 หรือ .357 ผมว่าขมังกว่าเยอะครับ อย่าสักยันต์เพื่อจะไปป้องกันตัวเรื่องแบบนั้นเลยครับ ผมเห็นลูกศิษย์อาจารย์หนูสักเต็มตัว โดนฟัน โดนยิงตายมาหลายคนแล้ว เราควรให้ความสำคัญกับการทำความดีมากกว่าครับ คนดีๆไม่ต้องมีอะไรมาป้องกันหรอกครับ เพราะความดีป้องกันตนเองอยู่แล้ว เราทำดี ก็คงไม่มีใครมาหาเรื่องกับเรา แต่ถ้าเป็นนักเลงหัวไม้ ต่อให้สักมากี่สำนัก วันหนึ่งก็คงไม่พ้นโดนเขาทำร้ายจนตายหรอกครับ "สักยันต์เพื่อเตือนตน เตือนสติ ว่าเราเป็นคนมีครูบาอาจารย์ ท่านให้ของดีเรามาแล้วก็ต้องรักษาไว้ ไม่ใช่ทำไม่ดี มิฉะนั้นสิ่งที่ได้มาก็คงเสื้่อมเพราะการกระทำของเราเอง แล้วก็ไปโทษอาจารย์ว่าไม่ขลัง เชื่อขนมกินไม่ได้ ก็เรายังทำตัวไม่ดี แล้วของดีๆที่ไหนจะอยู่กับเราครับ"

ปล. อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้มีเจตนากล่าวร้ายใคร ผิดถูกก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย.

ผมว่าไม่ควรกล่าวพาดพิงสำนักอื่น 

ขออภัยครับ มิได้มีเจตนาจะพาดพิงสำนักใด เพียงแต่ยกตัวอย่าง เพราะไม่ใช่ว่าอาจารย์หนูไม่ดี แต่เป็นลูกศิษย์ต่างหากที่ทำไม่ดี ถึงจะได้พบกับจุดจบแบบนั้น อาจารย์หนูท่านก็คงสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาให้ทำแต่ความดี ยังไงก็ขออภัยถึงสำนักที่พาดพิงถึงด้วย มิได้มีเจตนาจริงๆ

ผมเป็นคนไม่เคยสัก แต่เห็นคนสักมาเยอะ ผมว่าการสักยันต์เป็นการรับสิ่งดีๆเข้ามาอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นคนที่รักษาศีล หมั่นทำความดีเหมือนเราแขวนพระ หากแขวนพระเต็มคอ ทำแต่เรื่องไม่ดี ผมว่าก็คงไม่มีประโยชน์อะไร ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนส่งเสริมคนทำไม่ดีแน่ อยากให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ ถ้าจะป้องกันตัวจริงๆผมว่าอาจารย์ 11 ,.38 หรือ .357 ผมว่าขมังกว่าเยอะครับ อย่าสักยันต์เพื่อจะไปป้องกันตัวเรื่องแบบนั้นเลยครับ ผมเห็นลูกศิษย์อาจารย์หนูสักเต็มตัว โดนฟัน โดนยิงตายมาหลายคนแล้ว เราควรให้ความสำคัญกับการทำความดีมากกว่าครับ คนดีๆไม่ต้องมีอะไรมาป้องกันหรอกครับ เพราะความดีป้องกันตนเองอยู่แล้ว เราทำดี ก็คงไม่มีใครมาหาเรื่องกับเรา แต่ถ้าเป็นนักเลงหัวไม้ ต่อให้สักมากี่สำนัก วันหนึ่งก็คงไม่พ้นโดนเขาทำร้ายจนตายหรอกครับ "สักยันต์เพื่อเตือนตน เตือนสติ ว่าเราเป็นคนมีครูบาอาจารย์ ท่านให้ของดีเรามาแล้วก็ต้องรักษาไว้ ไม่ใช่ทำไม่ดี มิฉะนั้นสิ่งที่ได้มาก็คงเสื้่อมเพราะการกระทำของเราเอง แล้วก็ไปโทษอาจารย์ว่าไม่ขลัง เชื่อขนมกินไม่ได้ ก็เรายังทำตัวไม่ดี แล้วของดีๆที่ไหนจะอยู่กับเราครับ"

ปล. อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้มีเจตนากล่าวร้ายใคร ผิดถูกก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย.

วันนี้ขอนำวัตถุมงคลของหลวงปู่สรวงมาให้ชมกันอีก ......
1.พระปางห้ามสมุทร สร้างปี2526


2.ตะกรุดสัตตโลหะ หลวงปู่สรวง สร้างปี2519


3.ย่ามโภคทรัพย์ จารหลวงปู่สรวงกับหลวงปู่อาจ(บุตรบุญธรรมของหลวงปู่สรวง)

ผมเป็นสมาชิกใหม่ ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นสักนิด.....

อันที่จริงวัดก็คือที่พึ่งทางใจสำหรับชาวพุทธ ผมเห็นเวลาใครมีปัญหาก็เข้าวัด ซึ่งก็คงไม่มีใครไปให้พระแก้ปัญหาให้ แต่ไปเพื่อสงบจิตสงบใจ ใช้ความคิดทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านมา เพื่อให้มีสติและปัญญาในการแก้ไขปัญหานั้นๆ ซึ่งผมเองก็เคยมีปัญหา บางครั้งก็ไปนั่งอยู่ในโบสถ์นั่งสมาธิ พอจิตใจสงบก็กลับมาสู้กับปัญหาต่อ ผมคิดว่าวัดหรือเวปคงไม่ปิดกั้นคนที่กำลังมีความทุกข์ ส่วนความเหมาะสมผมก็ว่ามันคนละส่วนกัน คงไม่มีพระที่ไหนปฎิเสธการนิมนต์ของญาติโยมหรือปฎิเสธที่จะใช้ธรรมะแก้ไขปัญหาให้ผู้ที่กำลังมีทุกข์ เพราะฉะนั้นควรแยกออกจากกัน..........

เรื่องของเจ้าของกระทู้ ผมเชื่อว่าถ้าเขามีทางออกหรือมีที่ปรึกษาที่สามารถพูดคุยได้ เขาก็คงไม่ต้องมาระบายในนี้ ซึ่งการที่นำเอาเรื่องส่วนตัวแบบนี้มาเล่าให้คนอื่นรับรู้ ผมว่ามันน่าละอาย แต่ระหว่างความละอายกับความอัดอั้น อันไหนมันมีมากกว่ากัน เขาคงอัดอั้นมากจนไม่เกิดความละอายที่จะให้เพื่อนๆทุกคนได้รับรู้และช่วยหาทางออกหรือคำปรึกษาให้กับเขา ผมว่าน่าจะเห็นใจเขามากกว่านะครับ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าให้เขาไปคิดเองและตัดสินใจทำอะไรแบบผิดๆไป ซึ่งอาจจะทำให้มีปัญหากับสังคม ............

ผมเห็นใจในสิ่งที่เกิดกับคุณ แต่ถ้าเราคิดในทางธรรม ก็เป็นเรื่องของบุญวาสนา หรือ กรรมของแต่ละคน เราอาจจะทำบุญมาร่วมกับเขามาแค่นี้ ผมก็เคยผิดหวังในเรื่องแบบนี้ ก็ต้องให้เวลากับมัน ให้เวลาเป็นยาประสานแผลใจ สิ่งที่ควรทำก็คือเลิกย้ำคิดแต่เรื่องเดิมๆที่เคยทำร่วมกัน หลีกเลี่ยงสถานที่ๆประทับใจ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ ทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสติ ว่าเราหรือเขาที่ไม่เข้าใจกัน ไม่ควรพูดคุยในขณะที่ไม่มีสติ จะควบคุมตัวเองไม่ได้ จะทำให้เรื่องบานปลาย ควรหาจังหวะที่เหมาะสมนัดคุยกัน ถ้าหากเขายังยืนกรานว่าจะไปก็ปล่อยเขาไปเถิดครับ คนเราบทจะไปอะไรก็รั้งไม่อยู่ แล้วก็แยกจากกันอย่างฉันท์มิตร ภายภาคหน้าเวลาเจอกันก็ยังคุยกันได้ เราก็ตั้งหลักเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตอนเราเกิดมาก็ไม่มีเขา อยู่มาจนอายุปานนี้ค่อยมาเจอเขาเมื่อ ๓ ปีที่ผ่านมา แล้วอีก ๒๐ กว่าปีที่ผ่านมาเราไม่มีเขาทำไมเรายังอยู่ได้? ทุกอย่างในโลกนี้มันยากตอนก้าวแรกทั้งนั้น เมื่อเราผ่านก้าวแรกไปแล้ว ก้าวต่อไปก็ก้าวไปได้ไม่ยากเย็น ขอเพียงคุณทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมว่าคุณผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างแน่นอน..........

ส่วนเรื่องอาชีพของแฟนคุณ ผมคิดว่าคนเราไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ยังมีค่าของความเป็นคน ค่าของคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับอาชีพของคนๆนั้น คนเราเกิดมามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันหมดคือความเป็นคน แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือสถานะของคนเท่านั้น ขอเพียงเป็นอาชีพที่สุจริตไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม คนทำงานกลางคืนก็เป็นอาชีพหนึ่ง ผมเชื่อว่าทุกท่านในนี้ไม่มีใครไม่เคยเที่ยวกลางคืน หรือ ภาษาพระเขาเรียกว่าที่ "อโคจร" เพราะมันมีแต่เรื่องของกิเลสกับราคะ แต่เราก็เป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งที่ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง แต่พอเรามีอายุมากขึ้นเราก็เริ่มจะละได้บ้าง เวลาเราไปเที่ยวที่นั่นก็เห็นทุกคนมีความสุขกับน้องๆที่มานั่งเป็นเพื่อน ไม่เห็นมีใครรังเกียจ แถมบางคนยังแสดงอาการอยากจะกินเธอเหล่านั้นด้วยซ้ำไป ผมก็ไม่เข้าใจว่าพอเวลาเราเปลี่ยนไป กลับมองคนทำงานอาชีพนี้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ผมว่าเราต้องให้ความยุติธรรมกับคนเหล่านั้นด้วย ถ้าเลือกได้เขาก็คงไม่อยากมาทำงานแบบนี้ ประเภทเต็มใจคงมีน้อย อย่าเอาสถานะทางสังคมมาตัดสินว่าใครดีหรือไม่ดี เพราะคนที่มีสถานะทางสังคมดีๆ ที่ดีแต่เปลือกก็เยอะ เพราะสังคมเรายอมรับคนที่เปลือกนอกมากกว่า ทำให้คนเลวๆในคราบผู้ดีสามารถยืนหยัดในโลกนี้ได้อย่างสง่างาม พระท่านยังมีเมตตาจิตต่อคนทุกชนชั้นเลยครับ และเราในฐานะผู้สืบทอดพระศาสนา สืบทอดเจตนารมย์ของหลวงพ่อ ทำไมเราไม่เปิดใจให้กว้างและเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สังคมจะได้น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม ทั้งหมดที่ผมจะกล่าวก็มีเพียงเท่านี้...........

ขออำนวยพร อำนาจบารมีของหลวงพ่อเปิ่นจงคุ้มครองทุกท่านทั้งหลายให้มีแต่ความสุข ความเจริญ คิดสิ่งใดสมความปรารถนาทุกประการ.....สาธุ

ทำไมอัพรูปไม่ได้ครับ ใครทราบช่วยแนะนำด้วย ขอบคุณครับ

2.เหรียญว่าวจุฬา สร้างปี๓๖

อันที่จริงเรื่องแบบนี้อยู่ที่ความเชื่ออย่างเดียวล้วนๆ ไม่ได้คิดจะมาขวางโลกกับใคร แต่อยากให้คิดสักนิด ...........
การสักเป็นเรื่องที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งก็เป็นเรื่องของกำลังใจและความเชื่อ คนสมัยก่อนอาจจะมีวิชาความรู้ด้านไสยศาสตร์เวทมนต์จริง และได้รับการถ่ายทอดมาอย่างถูกต้อง คนที่สักก็ต้องเป็นคนที่ดี รักษาศีล เพื่อคงไว้ซึ่งความขลังของวิชาอาคม แต่ในปัจจุบันนับว่ามีน้อยมาก คนที่สักแล้วดีก็มี สักแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็เยอะ หรือแย่ลงกว่าเดิมก็มาก แต่ไม่มีใครออกมาบอกหรอก คิดง่ายๆเหมือนซื้อหวยถูกดีใจบอกไปสิบบ้าน แต่พอหวยกินก็เงียบๆไม่มีใครรู้ ก็เราเลือกแต่จะรับรู้เรื่องดีๆเท่านั้น แต่เรื่องไม่ดีไม่อยากรู้ ผมก็ไม่อยากรู้ แต่บางครั้งต้องรู้เพื่อคิดและเตือนสติในสิ่งที่ผ่านมา ภรรยาผมก็ไปลงนะหน้าทอง สาริกาลิ้นทองมา ทุกวันนี้ก็เห็นชีวิตก็เหมือนเดิม พูดจาก็เหมือนเดิม ค้าขายก็เหมือนเดิม ซ้ำจะแย่กว่าเก่าอีก ไม่อยากเข้าข้างตัวเองว่าดีขึ้น เพราะมันเห็นกันทุกวัน ..........

ผมว่าก่อนที่จะพึ่งพระพึ่งเจ้า ลองพึ่งตัวเองก่อนดีไหม? เช่นกลับมาทบทวนหาสาเหตุที่เราค้าขายไม่ดี หน้าที่การงานไม่ก้าวหน้า ทำไมคนไม่อยากคุยด้วย ทุกอย่างต้องมีสาเหตุ เพียงแต่เราไม่หาเหตุ แต่ชอบโทษเหตุที่เกิดขึ้นว่า "ซวย" ก็ถ้าเราคิดแต่เรื่อง ซวยๆ เราก็เจอแต่เรื่องซวยๆ เพื่อนผมหนึ่งไปสักสาริกาลิ้นทอง ผมจำไม่ได้แล้่วว่าที่ไหน นานมากเพราะตอนนั้นเรียนชั้นมัธทยมต้น ต้องแลบลิ้นออกมาแล้วเอาเข็มแทงลิ้น กว่าจะเสร็จก็สงสารลิ้นคงไร้ความรู้สึกการรับรู้รสไปหลายวัน ทุกวันนี้มันก็เหมือนเดิม คุยกับใครไม่ได้ เป็นมีเรื่องไปหมด ชีวิตไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น นับวันก็แย่ลง สรุปว่าตัวเองไม่ดี ไม่ใช่ของไม่ดี............

ผมว่านะการสักสาริกาลิ้นทอง ไม่จำเป็นหรอกครับ ถ้าคุณเป็นคนพูดจาดี ไพเราะ นอบน้อม ขายของก็พูดจาเพราะใครๆก็อยากซื้อ คือทำตัวให้ดูดี มีเสน่ห์ ใครเห็นก็อยากคุยด้วย แต่ถ้าสักไปแล้วพูดจาไม่ดี ด่าลูกค้า ต่อให้สักนกสาริกาอีกร้อยตัวก็เหมือนเดิม เพราะเขาบอกว่าคนสักสาริกาฯ ห้ามด่า ห้ามพูดคำหยาบ ผมว่าคนเราแค่เป็นคนพูดจาดี ไม่ด่าใคร ไม่พูดคำหยาบก็มีแต่คนอยากคุยด้วยทั้งนั้น แต่ถ้าคุณไปสักเพราะความศรัทธาในครูบาอาจารย์และคุณงามความดีของสิ่งศักดิ์มงคลเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวในการทำคุณงามความดีผมสนับสนุน ไม่ใช่ชีวิตแย่ก็รดน้ำมนต์ ดวงซวยก็ไปหาพระหาเจ้า แต่ไม่กลับมาคิดหาสาเหตุุแก้ไข ต่อให้ไปสิบวัดสิบสำนัก ถ้ากลับมาแล้วไม่แก้ไขปัญหา มันก็คงหายไปเองไม่ได้หรอกครับปัญหา อย่าเอาชีวิตไปผูกกับดวง ผูกกับความเชื่อที่บางครั้งออกจะไร้สติ เพราะมันจะทำให้ชีวิตคุณไม่ปกติ คือมีปัญหาต้องไปเพิ่งพระเพิ่งเจ้าตลอดเวลา อันที่จริงสิ่งที่คุณไปทำมาก็แค่เป็นกำลังใจให้คุณเองเท่านั้น คือไม่รู้จะเพิ่งกำลังใจจากอะไรก็เลยไปทางนั้น เหมือนตอนเด็กๆเวลาจะสอบก็จะไปบ่นเจ้าเข้าทรงหรือไปตามวัด ขอให้สอบได้ทีเถอะ อย่าสอบตกเลย ลูกจะมาแก้บนไก่ตัว หัวหมูหัว รู้สึกสบายใจว่าเราได้บนเจ้าแล้วต้องสอบได้ เพราะเจ้ารับบนไว้แล้ว แต่ลองไม่อ่านหนังสือดูซิครับ จะสอบได้ไหม? มีเจ้าที่ไหนมากระซิบบอกหรือเปล่า? ถ้าใครมีแบบนี้โพสมาบอกกันด้วยนะจะได้ให้ลูกสาวไปบนบ้าง  

ทุกวันนี้พวกเราหลงทางไปกับเรื่องแบบนี้มากมาย เชื่อแบบผิดๆ คิดแบบง่ายๆ สุดท้ายก็ตกเป็นเหยื่อพวกมารศาสนา ที่หลอกคนด้วยการอาศัยความเชื่อของเรามาหากิน มีข่าวเยอะแยะโดนหลอกจนหมดตัวมัวแต่สะเดาะเคราะห์ หารู้ไม่ว่าเคราะห์กำลังมา บางคนเสียเงินเสียทอง บางคนเสียทั้งเงินเสียทั้งตัว ให้หัดหันมามองความจริงที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสั่งสอนไว้บ้าง พิธีกรรมแบบนี้ไม่มีในคำสั่งสอนและในศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราเชื่ออย่างมีสติ แต่เราชอบเชื่อแบบเสียสติและเสียสตางค์คือฟังเขาบอกมา เขาเล่าว่า แล้วไอ้เขานั่นมันเป็นใคร เชื่อได้แค่ไหน อย่าที่สมเด็จพุฒาจารย์ โต ท่านบอกไว้ว่า "บุญเราไม่เคยสร้าง ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า".....ลูกเอ๋ย ก่อนที่จะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนเองลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมาก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้แล้วฟ้าดินจะช่วยเจ้าเอง  จงจำไว้นะเมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดา ฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า...........นี่คือคำเทศนาของสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต ที่ผมยึดเหนี่ยวมาตลอด หันมาทำบุญทำความดีให้มากๆดีกว่า คุณมีเงินร้อยล้าน ถ้าอยากให้เงินมากขึ้นก็ต้องเอาไปฝากธนาคารเพื่อได้ดอกเบี้ย เช่นกันถ้าคุณอยากมีบารมี คุณก็ต้องหมั่นทำบุญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่คุณไปทำกันมาก็ช่วยคุณได้ต่อเมื่อเวลาเสวยบุญของคุณมาถึง ตอนนั้นคุณอาจจะโชคดีจนคาดไม่ถึงก็ได้ ลงมือทำก่อน ก่อนที่จะให้ใครมาทำให้เรา

บทความนี้มิได้มีเจตนาจะลบหลู่หรือกล่าวร้ายใคร เพียงแค่อยากเตือนสติ ให้แก้ไขปัญหาอย่างถูกทางและถูกวิธี ใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผล ถ้าคุณมีสติ+เหตุผล=ภูมิคุ้มกันตัวคุณเอง ที่บ้านผมก็มีกุมารทองของวัดสามง่าม ที่บูชามาเพราะศรัทธาในตัวหลวงพ่อเต๋กับหลวงปู่แย้ม ตั้งแต่มีกุมารทองมาผมก็มีชีวิตเหมือนเดิม เวลาบนแล้วไม่ได้ก็ไม่เคยคิดไปโกรธหรือว่าไม่ศักดิ์สิทธิ์ ทุกวันนี้ก็ไหว้ตามปกติ และก็ไม่บนอะไร ก็อย่างที่บอกถ้าเราไม่ลงมือทำจะได้อะไร ต่อให้บนว่าขอถูกหวย เรายังต้องลงมือทำคือเดินไปซื้อหวย ไม่ใช่ไม่ซื้อแล้วบนให้ถูกหวย มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่คิดได้แบบนั้น สำหรับท่านใดที่จะคิดแย้งและตอบโต้ ก็ขอความกรุณาใช้วาจาที่สุภาพและก็เหตุผลด้วยนะครับ อย่าเอาแต่อารมณ์หรือความมันเข้าว่า มิฉะนั้นคุณก็จะหนีไม่พ้นคำว่า "หลงจนไร้สติ" หากมีสิ่งใดที่ผมได้ล่วงเกินครูบาอาจารย์ท่านใดไปด้วยกาย วาจา ใจ จะด้วยตั้งใจก็ดี มิได้ตั้งใจก็ดี จะรู้เท่าถึงการณ์ก็ดี หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอให้ทุกท่านจงได้โปรดอโหสิกรรมให้ผมด้วย อย่าจองเวรจองกรรมกัน และบุญกุศลใดที่ผมได้ทำไว้ในชาตินี้หรือชาติที่แล้วขอผลบุญจงส่งผลให้ท่านท้้งหลายจงมีแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยเทอญ...........สาธุ  สาธุ  สาธุ