แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - phattharaphong

หน้า: [1]
1
ตะกรุดดอกไม้ทองนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นตะกรุดประจำวันจันทร์ครับ

2
หลวงพ่อทวด วัดสะบ้าย้อย จ.สงขลา รุ่น เครื่องบินตกที่เสิ่นเจิ้น ประเทศจีน สร้างโดย พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย ปัจจุบันอายุท่านเกือบ 100 ปีแล้วครับ ท่านศิษย์คนสุดท้ายของหลวงพ่อทวดสีพุฒ วัดกะโผ๊ะ ร่วมสำนักกับหลวงตาแดง วัดศรีมหาโพธิ์ พ่อท่านหวาน เป็นหลวงพี่ที่พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ให้ความเคารพนับถือ พ่อท่านหวาน เป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่เข้าพิธีปลุกเสกหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 ครับ :054:









4

















องค์แรก ปิดตาย้อนยุคหลวงพ่อครนจากมาเลเซีย  ปิดตาพิมพ์วัดบางแซะ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ศึกษาและสะสมนะครับ

5
พ่อท่านแสง กับ พ่อท่านหมุน เป็นพระเกจิของภาคใต้ที่ประชาชนเวลาบนบานศาลกล่าวประสบความสำเร็จ แล้วมักจะนำทองคำเปลวมาติดตามองค์ท่านตอนที่ท่านยังทรงสังขารอยู่ เช่นเดียวกับ หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง

6
ตะกรุดนารายณ์แปลงรูป พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว
ตะกรุดนารายณ์พลิกแผ่นดิน พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ
ตะกรุดนิมิตพิสมร หลวงพ่อทวด  พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ
ตะกรุดพญาเสือนารายณ์พลิกแผ่นดิน พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ
ตะกรุดยันต์ครู หลวงพ่ออุทัย วัดวิหารสูง
ตะกรุดลูกปืน หลวงแดง วัดไร่บางตาวา
 

7









หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด วัดห้วยเงาะ ขนาดบูชาเนื้อว่าน ปี 39

9














หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  วัดทรายขาว ปี 46  ผสมเถ้าอัฐิพระอาจารย์นอง ครับ ฐานฝังตะกรุดนารายณ์แปลงรูป พระอาจารย์นอง พระอาจารย์เพ็ง เจ้าอาวาสวัดทรายขาว รูปปัจจุบัน ท่านบอกกับผมว่า พระรุ่นนี้ดี และสร้างได้ครั้งเดี่ยว ...

ถ้าอาราธนาพระเครื่องรุ่นนี้ติดตัว เสมือนมี พระอาจารย์นอง อยู่กับตัวครับ พระเครื่องรุ่นนี้คนพื้นที่เค้าหวงกันนัก











10
แท้ครับ แต่เป็นของใหม่  เป็นพระประจำปีของวัดช้างให้ มีการสร้างเป็นประจำทุกปี  ส่วนองค์นี้น่าจะประมาณปี 254ต้น ๆ ครับ   การปลุกไม่ต้องเป็นห่วง  วัดช้างให้ ใช้เกจิสายหลวงพ่อทวดทั้งหมดครับ

11
  ก็ตามชื่อกระทู้ครับ คือ สนใจพ่องั่ง  ของพระอาจารย์โอ อยู่ว่าจะหามาแขวนเอวซะหน่อย  พระที่ผมแขวนบนคอตอนนี้ใช้  ชุดนี้ครับ   พระมงคลมหาลาภ 2499   ปิดตาพ่อท่านกล่อม วัดหูแร่ 2514 (หลวงพ่อแก้วเมืองใต้)  ขุนแผนออกศึก วัดบ้านสวน 2513 ( พระผงคงไชยชุม )


                                                                                                                                            ขอบคุณครับ

12





หลวงพ่อทวดหลังพลอยแดง วัดห้วยเงาะ ปี 39 ถือเป็นพิมพ์เอกของวัดห้วยเงาะ แน่นอนครับกว่าจะสร้างพระเนื้อว่านรุ่นนี้ได้ ทางวัดห้วยเงาะ ใช้เวลาเก็บว่านต่าง ๆ กว่า 3 ปี โดยเฉพาะพระรุ่นนี้ได้พญาว่านกลิ้งกลางดง อายุกว่า 100 ปี มาเป็นมวลสารด้วยครับ   

13

















สี่หัวใจแห่งขุนเขา  หลวงพ่อทวด วัดศรีมหาโพธิ์ ปี 38 (รุ่น 5 แช๊ะ)  หลวงพ่อทวดเตารีด วัดศรีมหาโพธิ์ ปี 39  หลวงพ่อทวดหลังพลอยแดง  วัดห้วยเงาะ  ปี 39  หลวงพ่อทวดผงพลอยพุทธคุณ  วัดห้วยเงาะ  ปี 39  พระชุดนี้ปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวด อาทิ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว หลวงตาแดง วัดศรีมหาโพธิ์(ยกเว้น เตารีด เนื่องจากสร้างหลังจากท่านมรณภาพแล้ว ) พ่อท่านทอง ท่านสำเภาเชย พ่อท่านทอง วัดป่ากอ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ  พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย ฯ 

14





หลวงพ่อทวด วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี พิมพ์จัมโบ้ ปลุกเสกโดย พระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวด


15
เอาสาริกาไว้เอวเดี่ยวบินหนีครับ   

งงคับ รายละเอียดหน่อย

ที่ว่าบินหนีเอาฮา หรือ สาระ :086:

เคยทราบมาจากอาจารย์ท่านหนึ่งว่า พวกสาริกา ไม่ชอบอยู่ที่ต่ำ  ไม่ชอบพวกพูดจาหยาบคาย ฯ ท่านว่าถ้าเอาสาริกาไว้ที่ต่ำ เอว กระเป๋ากางเกง จะบินหนีหมด ประมาณว่าเค้าจะไม่อยู่ด้วย

16
เอาสาริกาไว้เอวเดี่ยวบินหนีครับ   

17




หลวงพ่อทวด รุ่น กระเบื้องหลังคาโบสถ์ วัดช้างให้
สร้างจากกระเบื้องหลังคาโบสถ์เก่า ของวัดช้างให้ จ.ปัตตานี ซึ้งใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2495 บูรณะเมื่อ พ.ศ. 2547 ผ่านพิธีกรรมปลุกเสกหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ อันศักดิ์มาตั้งแต่ 2497 - ยุคปัจจุบัน แทบจะกล่าวได้ว่ามวลสารชุดนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ อานุภาพ และศิริมงคล อย่างหาที่้เปรียบไม่ได้ ปลุกเสก 2 วาระ วาระที่ 1 วัดช้างให้ วาระที่ 2 วัดพะโค๊ะ เมื่อวันที่ 23 มิย.2550

รุ่นนี้คนพื้นที่เก็บกันหมดครับ

18









เหรียญหลวงพ่อทวด วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี ปลุกเสกโดยพระเกจิ-อาจารย์ สายหลวงพ่อทวด  เนื้อเงินลงยาหมดจากวัดอย่างรวดเร็วครับ

19





หลวงพ่อทวด วัดห้วยเงาะ  ปี 39 พิมพ์สี่เหลี่ยม  มวลสารเม็ดแร่ด้านหลังองค์พระ ตามตำราหลวงพ่อทวดเมืองใต้









หลวงพ่อทวด วัดห้วยเงาะ  พิมพ์พระรอด  ปี 38

ที่นำมาให้ชมนี้พื้นที่ปัตตานี นิยมมากครับ  พระพิธีดี  มวลสารเข้ม  เกจิที่ปลุกเสกล้วนเป็นเกจิในสายหลวงพ่อทวด ยุคเก่า  ที่ส่วนใหญ่ละสังสารไปแล้วทั้งนั้นครับ

20












พระปิดตาวัดบางแซะ  รัฐกลันตัน  ประเทศมาเลเซีย   หลวงพ่อครน  ท่านเป็นศิษย์พระอาจารย์ทองเฒ่า  วัดเขาอ้อ  นับว่าวัตถุมงคลสายวัดบางแซะ เป็นหนึ่งในสายวิชาเขาอ้อ  องค์นี้เป็นของท่านเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันสร้างย้อนยุคครับ

21


หลวงพ่อทวด วัดทรายขาว รุ่น 80 ปี อ.นอง

22



หลวงพ่อทวด  วัดทรายขาว  รุ่น 80 ปี อ.นอง สร้างน้อย นิยมมากครับ

23
หลวงพ่อทอง  วัดสำเภาเชย  มรณภาพแล้ว เมื่อวันที่ 26 เมษา 2554

ที่โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า พระศีลมงคล หรือ หลวงพ่อทอง สรลสุวัณโณ เจ้าอาวาสวัดสำเภาเชย อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้ละสังขารด้วยวัย 94 ปี พรรษา 76 ด้วยโรคชราภาพ ซึ่งเข้ารับการรักษายังโรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ เป็นเวลากว่า 1 เดือนมาแล้ว ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาศิษยานุศิษย์ จำนวนมาก ที่ทราบข่าว โดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมเคลื่อนศพกลับยังวัดสำเภาเชย เพื่อประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ถึงสาเหตุการเสียชีวิต ของหลวงพ่อทอง เกิดจากสาเหตุเลือดออกมากภายในสมอง เนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตก ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมากว่า 1 เดือนแล้ว จนอาการดีขึ้นแล้ว ออกจากโรงพยาบาล ก่อนที่จะกลับเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.)

ที่มา
http://www.innnews.co.th/local.php?nid=282264

24
 เคยได้พระกรุวัดดักคะนน จากพระครูอุทัยธรรมสาร  1 องค์ครับ

25
  เคยมีคนแขวน หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง เข้าสถานที่อโคจร ออกมาเหลือแต่ตลับ  :069:

เมื่อประมาณปี 50-51 (จำ พ.ศ.แน่นอนไม่ได้)  พ่อผมพาไปฉลองปีใหม่ที่บ้านพี่ชาย  วันนั้นพ่อผมเช่าพระหลวงพ่อทวด  วัดดีหลวง ปี 36  ไปแจกปีใหม่หลายสิบองค์  มีผู้มารับ คนหนึ่งเป็นน้องชายของพี่สะใภ้  อีตาคนนี้มีนิสัยค่อนข้างเกเร   ชอบเข้าสถานที่อโคจร มารับพระกับพ่อผมด้วย   เขาเล่าให้พ่อผมฟังว่า  เมื่อก่อนเคยแขวนหลวงพ่อทวด อยู่ 1 องค์ ขอมาจากพี่ชายผม   แขวนอยู่ดี ๆ พระหายไปเลย สร้อยอยู่  ตลับอยู่   แต่พระหาย  สงสัยซนเกิน !     เรื่องของเรื่องคือ อีตาคนนี้แขวนพระหลวงพ่อทวด  เข้าไปในสถานที่อโคจร กลับออกมาพระในตลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ...  :069:

  

27
รู้สึกเนื้อดำจะไม่ฝังตะกรุดนะครับ

ใช่ครับ เนื้อดำไม่ฝังตะกรุด  เครื่องรางผมไม่ค่อยเน้นครับเน้นพระเครื่องมากกว่า:003:

28


วัดเดียวกันครับ แต่คนละเนื้อ เนื้อแดงออกจากวัดแพงกว่าเนื้อดำครับ

29
เอาย่อ ๆ พอน่ะพี่เอ

พระสีสะแรงแงง

เครื่องรางโบราณแห่งตำนานด้านมหาเสน่ห์ มหาหลง มหาเมตตา มหานิยมเป็นเลิศ ใช้ผูกจิตผูกใจให้ลุ่มหลง งงงวย เรียกจิต เรียกคนทั้งมนุษย์หญิงชาย หรือคนที่เราต้องการให้หลงไหล รักเราไม่เสื่อมคลาย แต่ขอให้ผู้ใช้นั้นมีศีลธรรมและให้มีความรับผิดชอบต่อการกระทำเพราะวิชาพระสีสะแรงแงงมีอานุภาพสูงมาก หลวงพ่อเมตตาสร้างเป็นครั้งแรกพระสีสะแรงแงงนี้เป็นวิชาสายกระเหรี่ยงที่ขึ้นชื่อมากมีอานุภาพสูง วัดของหลวงพ่อก็อยู่ในหมู่บ้านกระเหรี่ยงใคร ๆ ต่างรู้จักกันดีในวิชาคาถาอาคมของท่าน มีมวลสารสำคัญ ๆ มากมายเช่น ดิน 7 โป่ง ดิน 7 ป่าช้า ดิน 7 กองฟอน ผงไม้ตะเคียน น้ำมันนางตะเคียน ว่านช้างผสมโขลง ว่านนางหลงห้อง ว่านนางเรียกเนื้อ ฯ พระสีสะแรงแงงใช้ได้ทั้งด้านมหาเสน่ห์ เจรจา ค้าขาย ติดต่อธุระการงาน แล้วแต่จะปรารถนาอฐิษฐาน  ใช้ได้หมด

วิธีบูชา หากต้องการสิ่งใดให้บนด้วยเหล้าขาวบอกในสิ่งที่ต้องการและนำติดตัวไปเมื่อสมปรารถนาแล้วให้เลี้ยงด้วยเหล้าขาวโดยการเทลงบนพระสีสะแรงแงงเล็กน้อย ใช้พกติดตัวต่ำกว่าเอวได้เข้าอโคจรได้ทุกอย่างไม่มีเสื่อม
คาถากำกับ
ปัญจะมาเร ปัญจะมามะ พระสีสะแลงแงง จิตตังภิติรินิโส จิตตังภิติรินิเม นังสังจิโตทิมุตตะมัง นะมะพะทะ มะอะอุ ( 3-7-9 จบ)

30
หาใบฝอยเจอเดี่ยวพิมพ์ให้ครับพี่เอ  น่าจะวันเสาร์  ครับผม

31
ปัญจะมาเร ปัญจะมามะ พระศรีสะแลงแงง จิตตังภิรินิโส จิตตังภิรินิเม นังสังจิโต ทิมุตตะมัง .... จำได้แค่นี้ครับ เคยใช่ของท่านอยู่

32
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: ทำไม...?
« เมื่อ: 09 ม.ค. 2554, 07:53:14 »
เป็นค่านิยมของสังคมบางส่วน  นักเลงหัวไม้ไปสักกันก็เยอะเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด   คนดีที่ไปสักก็มีถมไป  เรื่องอย่างนี้ในความคิดส่วนตัวผม  ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับตัวเราครับ    อย่าได้ไปแคร์สื่อครับ  ปฏิบัติตัวเองให้ดีที่สุดก็เพียงพอแล้วครับ   

34
ปลอมยุคเก่าครับ


นำขึ้นหิ้งพระบูชาได้ครับ  เอาไปให้เข้าพิธีเสกก็ใช้ติดตัวได้ครับ ถือเป็นรูปเหมือนของพระพุทธเจ้าเหมือนกันครับ  :054: :054: :054:

35
ยอดขุนพลที่ผมเคยใช้เป็นของพ่อท่านเส้ง วัดแหลมทรายทราย ปี 2494  กับ ยอดขุนพล หลวงพ่อกง วัดพระธาตุเชิงชุม

ชุดปัจจุบันตอนนี้แขวนอยู่

1.พระมงคลมหาลาภ พิมพ์แบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ ปี 2499
2.พระเนื้อดิน หลวงพ่อ..ที่ลพบุรี ปี 249X
3.หลวงปู่ทวดหลังทับทิมแดง  7 ไตรมาส วัดห้วยเงาะ ปี 2539
4.หลวงปู่ทวดนวล วัดตุยง ปี 2507
5.ภควัมเพชรหลีก พ่อท่านกล่อม  2514

......................................................................

หลวงปู่ทวดหลังทับทิมแดง   ผมใช้พิมพ์ที่มียันต์งู ครับ เป็นสัญลักษณ์ของปีมะเส็ง   เป็นปีเกิดของพ่อท่านเขียว 
พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ  ท่านเกิดวันจันทร์ปีมะเส็ง ตัวผมเองก็เกิดวันจันทร์ปีมะเส็ง ครับ

อาจจะเปลี่ยน สมเด็จมงคลมหาลาภ พิมพ์แบบสมเด็จฯ  เป็นยอดขุนพลพ่อท่านเส้ง  วัดแหลมทราย   แล้วเพิ่ม สมเด็จมงคลมหาลาภ พิมพ์คะแนน  เป็นสร้อยอีกเส้นหนึ่งครับ

กล้องที่มี macro หายเสียจะถ่ายภาพมาใช้ชมกันครับ

36
นมัสการพระอาจารย์ครับ

สถานที่เงียบสงบเหมาะแก่การปลีกวิเวกจากสังคมภายนอกเหมาะกับการปฏิบัติธรรม ..จังเลยครับ

37
  จริงหรือป่าวครับ พอดีผมเคยได้ยินมาว่า "พระราหูอมจันทร์..คนที่เกิดวันจันทร์ไม่ควรนำมาแขวนคอ"   ท่านใดพอทราบครับว่าเป็นเรื่องจริงหรือป่าว  พอดีจะนำพระราหูของพ่อท่านเขียว  วัดห้วยเงาะ รุ่น 2 ปี 45 มาแขวนคอครับ มีคนทักมาจึงเข้ามาสอบถามสมาชิกท่านอื่นก่อนเพื่อความมั่นใจ



                                                                                                 :090:ขอบคุณครับ :090:

                                                                                 

39
 แอ๊กกก   อัพโหลดภาพขนาดย่อ ย่อเล็กขนาดนี้เลยหรือครับ


ต่อไป ภาพวัดวัดมุจลินทวาปีวิหาร หรือ วัดตุยงครับ  คราวนี้ไม่ย่อขนาดแล้วครับ  :005: :005:





อนุสรณ์สถานที่พระราชทานเพลิง  หลวงปู่ดำ  วัดตุยง









หลวงปู่ทวดนวล  วัดตุยง



42


สมเด็จหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  วัดช้างให้  นามนั้น บารมีขจรไกล 10 ทิศ  แคล้วคลาด  ปลอดภัย  นิรันอันตรายอันดับ  1  ในแผ่นดิน



วัดช้างให้  เลืองชื่อ  พระเครื่องอันดับ 1  แดนทักษิณ




สถานที่แห่งนี้เสี่ยงทายจาก  ช้างเผือก  คู่บุญ พระยาแก้มดำ  เจ้าเมืองไทรบุรี เมืองกว่า 400 ปี มาแล้ว



 


43
วันนี้ไป วัดห้วยเงาะ กับ วัดยางแดง มาแล้วครับ ไม่ลืมบูชาวัตถุมงคลกลับมาบูชาครับ





2 ภาพแรก พระยายเขียด ปี 05 (พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ เสกเดี่ยว ) พิมพ์กลางชะรูด กับ พิมพ์ซุ้มกอใหญ่ ครับ  ตรงกลางตะกรุดพ่อท่านวัดยางแดง  ด้านในบรรจุมวลสารอันเป็นมงคล



หลวงปู่ทวดผงพลอย 7 ไตรมาส  ปี 39 วัดห้วยเงาะ  หลวงปู่ทวดบัวรอบ ปี 53 วัดห้วยเงาะ  ตะกรุดนิมิตฯ วัดห้วยเงาะ  หลวงปู่ทวด ที่ขึ้นชื่อที่สุดของวัดห้วยเงาะ คือ หลวงปู่ทวดหลังทับทิมแดง 7 ไตรมาส ปี39 กับ หลวงปู่ทวผงพลอย 7 ไตรมาส ปี 39 นี้หล่ะครับส่วนใหญ่ คนพื้นที่ กับ ชาวมาเลย์เซีย  เก็บกันหมด  วันนี้ได้มาถือว่าฟลุ๊คมากครับ


44
  ปีใหม่นี้สมาชิกชาวเวปวัดบางพระไปไหว้พระที่ไหนกันบางครับ ... ผมไป

1.วัดช้างให้ ปัตตานี
2.วัดศรีมหาโพธิ์ ปัตตานี
3.วัดห้วยเงาะ  ปัตตานี
4.วัดตุยง ปัตตานี
5.วัดยางแดง (พระยายเขียด) ปัตตานี

ผมไปไหว้พระช่วงปีใหม่ประมาณนี้หล่ะครับ  อาจจะมีเปลี่ยนแปลงบ้างครับ


                                                           ขอบคุณครับ  :058:

45
ท่าทางท่านจะทิ่มแรงน่าดูเลยน่ะครับนั้นลายเส้นสวยครับ 

46
ได้เคยเรียนถามลป.อั๊บถึงเรื่องนี้ ท่านกล่าวว่า ไม่ควรแขวนกับวัตถุมงคลอื่น ท่านว่า "เขาชอบอยู่คนเดียว" และอย่าลืมถวายเหล้าขาวแก่แม่ฯด้วยนะครับ ขอให้โชคดี


ผมสงสัยมานานแล้วครับเรื่องให้แขวนเดี่ยวแม่นางพิมพ์  ว่าแต่เคยได้ยินว่ามาว่า ถ้านำนางพิมพ์มารวมกับพระเครื่ององค์อื่น ถ้าพระไม่ขลังจริงนางพิมพ์จับพระหักหมดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ   .....

47
นางพิมพ์ไม่ตอบดีกว่าครับรอศิษย์สายตรงมาตอบดีกว่า   ส่วนเรื่องตะกรุดประเภทนั้นควรศึกษาให้ดีก่อนครับ ตะกรุดบางชนิดทำได้แต่บางชนิดก็ไม่ได้น่ะครับ เช่น ตะกรุดนิมิตนิสพร หลวงปู่ทวด ของพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ เป็นของสูง (มาก) ท่านจะย้ำเสมอว่า   "แขวนคอน่ะ"    แต่อย่างผ้ายันต์รับทรัพย์ - เพิ่มทรัพย์ ท่านไม่ได้ห้าม  ทั้งผู้หญิง - ชาย ใส่ในกระเป๋ากางเกงได้หมด ท่านว่า "ทองไปอยู่ไหนก็เป็นทอง ไม่ใช่ตะกั่ว เงิน ฯ " 

48
สำหรับผม  เอาตอนเด็กๆเลยนะครับ  เป็นตะกรุดของหลวงปู่มั่นครับเเบบห้อยคอ  มีสามดอก เงิน ทอง แล้วก็นาคครับ ข้างหน้าเป็นล็อกเก็ตรูปท่านครับ  มีองค์เดียวแต่ก็อุ่นใจครับ ตอนนี้ก็ยังห้อยอยู่  อยู่อีสานมีแต่สายพระป่าครับไม่ค่อยเก็บภาดกลางเพราะว่าอยู่ใกล บุญไม่ถึงครับ


พระป่าสายกรรมฐานหลวงปู่ใหญ่เสาร์ - หลวงปู่มั่น   หลาย ๆ รูป มรณภาพแล้วอัฐิกลายเป็นพระธาตุ นั้นแสดงถึงการบรรลุธรรมขั้นสูงสุดในบวรพระพุทธศาสนาบรรลุพระอรหันต์ไปแล้วหลายรูปครับ อาทิ พระอาจารย์ฝั้น พระอาจารย์สีโห พระอาจารย์สิงห์ พระอาจารย์ขาว พระอาจารย์แหวน  พระอาจารย์ลี พระอาจารย์กงมา  พระอาจารย์สุพัฒ พระอาจารย์จวน พระอาจารย์วัน ฯ   พระเครื่อง หรือ วัตถุมงคลของรูปท่านทั้งหลาย ส่วนใหญ่ท่านไม่ได้สร้างเองหรอกครับ  แต่ศิษย์ท่านสร้างถวาย เนื่องจากประจักษ์ในญาณสมาบัติ และ บารมี  คิดดูแล้วกันครับว่า การได้อำนาจจิตของพระผู้มรณภาพแล้วอัฐิกลายเป็นพระธาตุ  พุทธคุณจะสูงส่งขนาดไหน อรหันต์อฐิษฐานจิตพระไม่ธรรมดาแน่นอนครับ    แม้แต่หลวงปู่ดู่  วัดสะแก เอง  ท่านยังกล่าวไว้ "แกเอ๋ย พระ อรหันต์น่ะ ท่านทำอะไรก็ได้ เพียงแต่การอธิษฐานว่า ขอให้วัตถุเหล่านี้ จงศักดิ์สิทธิ์ ผู้นำไปใช้จงมีความสำเร็จ เช่นเดียวกับข้าพเจ้าก็ใช้ได้แล้ว"    จงภูมิใจไว้ครับ ว่าคุณได้เพชรเม็ดเอกไว้สักการะบูชาแล้วครับ อำนาจจิตของพระอรหันต์ย่อมสูงส่งกว่าพระสงฆ์ทั่วไปที่ปลุกเสกพระโดยเลขยันต์และคาถาอาคมอยู่แล้วครับ

49
  ห้ามด่าพ่อด่าแม่ เช่น  เย..แม่  พ่อเ..ง    เสร็จ...ทุกราย

ตัดมาจากข้อความของ คุณ รณธรรม

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา เคยเล่าให้ผมฟังว่า ท่านมีลูกศิษย์ผู้ชายอยู่ 2 คน สมมตินามว่า “ยอด” กับ “ยิ่ง”
ทั้งสองเป็นคนใจถึง เข้าทำนอง “ใจนักเลง” (ไม่ใช่อันธพาล) เขา 2 คนนับถึงหลวงพ่อพุธมาก เคยมาขอพระจากท่าน
ท่านก็ให้เหรียญ รุ่นดีเซลราง ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นสองในชีวิตท่าน แต่เป็นรุ่นแรกขณะที่มาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน แก่เขาไปคนละเหรียญ
เขาก็แขวนคอทันที

แขวนไม่นาน ยอดก็ประคองยิ่งมาต่อว่าหลวงพ่อเป็นการใหญ่ว่า พระรุ่นเดียวกัน รับพร้อมกัน แต่ทำไมไม่ขลังเลย
เจ้ายิ่งโดนยิงทะลุไส้แตก เพราะอะไร หลวงพ่อเงียบไปในทันที ไม่ใช่เงียบในลักษณะ “จน” แต่เป็นการ “ตรวจสอบ” บางอย่างโดยวิธีของท่าน
สักพักท่านก็พูดเย็นๆ ขึ้นว่า “เพราะเพื่อนคุณไปเปิดประตูทอง”

สองคนนั้นงง อะไรคือประตูทอง ท่านเฉลยต่อ “ก็คุณ” ชี้ไปที่คนถูกยิง “ไปด่าแม่เขาเข้านะสิ นั่นละเปิด! ประตูทอง”
สองหนุ่มก็กระจ่างใจในบัดดล จึงขอขมาหลวงพ่อแล้วเล่าถวายว่า
เขาไปดื่มสุราในร้านอาหารแห่งหนึ่ง พบกับคู่อริที่ไม่ชอบหน้ากันเลยเกิดตะลุมบอนขึ้น เขามีกันสองคน แต่พวกนั้นมีเกือบสิบ
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ถอย วาดลวดลายจนนักเลงมวยหมู่ตั้งตัวไม่ติด 1 ใน 10 นั่นก็เลยชักปืนขึ้นมาแล้วกระโดดเข้าล็อกคอหนุ่มยอด
เอาปืนกดขมับแล้วลั่นไกทันที

เล่าถึงตอนนี้หลวงพ่อทำมือทำไม้ประกอบ พลางว่า “มันยิงดัง..แต๊บ...แต๊บ...แต๊บ...สามนัดแต่ไม่ออก”
ข้างหนุ่มยิ่งเห็นคู่อริเอาปืนจ่อหัวเพื่อนก็เข้าใจว่า “ข้างหนุ่มยิ่งเห็นคู่อริเอาปืนจ่อหัวเพื่อนก็เข้าใจว่า “ขู่” ให้กลัวเท่านั้น
จึงร้องตะโกนออกไปว่า “.....แม่ ! แน่จริงมึงอย่าใช้ปืนสิวะ” ไอ้คนยิงฉุนกึก ใจกะจะฆ่าอยู่แล้วไม่ใช่แค่ขู่
เลยเบนกระบอกปืนไปที่คนปากเก่งแล้วลั่นไก “ปัง”

แม่นยังกับจับไปวาง กระสุนทะลุท้องทันที หนุ่มยิ่งถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น คู่อาฆาตเห็นท่าไม่ดี
เลยเผ่นตะโพงกันไปหมด ทั้งสองจึงมีเรื่องมาต่อว่าหลวงพ่อด้วยประการฉะนี้

ก็เหรียญรุ่นเดียวกันรับพร้อมกัน อันหนึ่งยิงออก อันหนึ่งไม่ออก ทำไมจะไม่แปลกใจ เดชะบุญว่าหลวงพ่อมี “จิตรู้” ที่แจ่มใส
ท่านจึงทราบความเป็นมาเป็นไปของคนทั้งสอง แล้วตอบ “เคลียร์” ให้เข้าใจหาไม่แล้วหลวงพ่อคงถูกให้ร้ายว่าไม่เก่งจริง

ได้โอกาสผมจึงเรียนถามว่า “แสดงว่าพระของหลวงพ่อห้ามคนแขวนด่าพ่อด่าแม่ใช่ไหมครับ” ท่านตอบว่า
“ไม่ใช่แต่ของหลวงพ่อดอก ของใครก็ห้ามเหมือนกัน เพราะพระสงฆ์เวลาปลุกเสกพระ ท่านก็เชิญคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ มาเหมือนๆ กัน ฉะนั้นเมื่อไปลบหลู่คุณของท่านเหล่านั้น มันก็เท่ากับเราลบหลู่ครูบาอาจารย์ของเราด้วย”

“สรุปว่าพระของหลวงพ่อห้ามอะไรบ้างครับ”

ท่านยิ้มแล้วว่า “พระของหลวงพ่อห้ามคนแขวนลบหลู่บุพการี (คือพ่อแม่) ของตัวเอง และคนอื่น
ห้ามลบหลู่ครูบาอาจารย์ของคนอื่น ถ้าทำได้อย่างนี้พระนั้นขลังจริง”


50
ว่าแต่มาอยู่ปัตตานี ได้ไปกราบหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ หรือเกจิอาจารย์ในท้องที่บ้างและยังครับ 

51
ส่วนอาจารย์แดงวัดไร่ นั่นก็เก่ง ท่านสักพุทธคุณสูง ใช่ครับทหารไปสักกับท่านเยอะเพราะประสบการณ์หนังเหนียว หน่วยรบพิเศษจากพลร15ลูกศิษทั้งนั้น ตระกรุดลูกปืนก็สุดยอด แต่ที่สุดแล้วก็มีโดนระเบิดตายทั้งๆที่ตระกรุดและลอยสักเต็มหลัง ไม่ใช่ว่าของอาจารย์แดงไม่ดี แต่รักษาข้อห้ามไม่ได้มันก็เลยเป็นอย่างนั้น ผมก็มีตระกรุดลูกปืนท่าน ท่านเมตตาแจกจ่ายให้กับทหาร ประสบการณ์เมื่อ4ปีที่แล้วทหารโดนระเบิดและถูกยิงซ้ำคนที่รอดมามีตระกรุดอาจารย์แดงวัดไร่ ทั้งนั้น ส่วนคนที่ไม่เชื่อก็เป็นปุ๋ยไป นี่แหล่ะครับประสบการณ์จริงจากผู้ใช้

ถูกต้องเลยครับ การรักษาข้อห้ามสำคัญที่สุด พระสายใต้ห้ามด่าพ่อล่อแม่เด็ดขาดเลยครับ  ท่านว่าเปิดประตูทอง   หรือ การปฏิบัติตนก็สำคัญครับ   สมัยก่อนมีคนแขวนพระหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ตั้ง 3 องค์ แต่ถูกยิงตาย ประดาศิษย์มาซักไซ้เอากับหลวงปู่ถึงกุฏิ เพราะพระที่แขวนก็แท้ แต่ถูกยิงเข้า หมายความว่าอย่างไร เรื่องนี้มันสั่นประสาท “คนเป็น” ที่ยังแขวนพระท่านเสียจริง จึงต้องถาม
ทำไมเป็นอย่างนั้น?

ท่านเงียบไปอึดใจ ก่อนตอบว่า
“พ่อแม่มัน มันยังไม่เอา จะให้พระเอามันได้อย่างไร”
สืบไป สืบมา ได้ความว่า เขาคนนั้นเป็นคนขี้เหล้า ขี้พนัน เมื่อขอเงินพ่อแม่ไม่ได้ก็ประเคนให้ด้วยแข้ง เข่า ไม่เอาพ่อเอาแม่จริงๆ

นี่ถ้าหลวงปู่ไม่แจ่มแจ้งในเชิง “ฌาน” ต้องจนแต้มอย่างไม่ต้องสงสัย
 
 :069: :069: :069:

52
   มีบางรุ่นทำหลังท่านมรณภาพแล้วก็มีครับ  ผมยังได้รับแจกในงาน...อยู่เลยครับ  ทำแบบพัดยศเลยครับ   ต้องดูความเก่าเอาแล้วละครับพี่เอ   ว่าท่านได้รับสมณศักดิ์ ปีไหน เนื้อหาอายุประมาณได้หรือเปล่าครับ  โดยความคิดส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะทันหลวงพ่อฤาษีลิงดำ น่ะครับผม   :100:

53
  พระพิจิตร เป็นพระเครื่องที่หายากขึ้นชื่อลือชามาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วครับ  โดยเฉพาะพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า   ที่มีคุณค่าอย่างสูงสุดในด้านประวัติศาสตร์ของชาติ

54
  น่าเสียดายครับที่พระพุทธรูปยืนแห่งบามิยันโดยทำลายไปเมื่อหลายปีก่อน   ยังดีที่ภายหลังมีหลังมีการค้นพบ พระพุทธรูปนอนแห่งบามิยัน  จากการถอดบันทึกของพระภิกษุชวนซาง  นักแสวงบุญผู้เดินทางข้ามทะเลทรายมาศึกษาพระไตรปิฏกเมื่อประมาณเกือบ 1000 ปีก่อน  ซึ่งรอดจากการถูกทำลายจากกลุ่มตาลีบัน  เนื่องจากค้นพบเจอหลังจากกลุ่มตาลบันถูกโค่นอำนาจไปสิ้นแล้ว    ต่อให้พระพุทธรูปยืนแห่งบามิยันถูกทำลายไปแล้ว  แต่พระพุทธรูปนอนแห่งบามิยัน .. ยังเหลืออยู่





แอบเสียดายนิด ๆ ครับ ที่พระพุทธรูปยืนแห่งบามิยัน และ พระพุทธนอนแห่งบามิยัน  ไม่ได้ประดิษฐานอยู่สยามประเทศบ้านเรา   ไม่อย่างงั้นท่านองค์ถูกปิดทองคำอร่ามไปทั้งองค์แล้วครับ   :005: :005: :005:

55
  ร่างกายมนุษย์เราไม่มีส่วนไหนสะอาดหรอกครับ  มนุษย์เราก็กำเนิดมาจากเซลล์สืบพันธุ์ 22+x , 22+y   กันทั่วทุกคนนั้นแหละครับ  ไม่เว้นแม้แต่พระเกจิอาจารย์  ถ้าอย่างงั้น ไข่เจียว  ไข่ดาว   ไข่ตุ๋น ไข่ต้ม ไข่ปิ้ง  ก็กินไม่ได้สักอย่างสิครับ เพราะของพวกนี้ก็เป็นเซลล์สืบพันธุ์  ต้นกำเนิดก็มาจากแหล่งเดียวกับประจำเดือนนั้นแหละครับ

56
   เปลี่ยนเป็น นะหน้าทอง ดีกว่ามังครับ

57
   บางระจันกลับชาติมาเกิดหรือครับ   :074:    คุณประจำการอยู่แถวไหนครับ  บ้านผมอยู่ปัตตานี เห็นทหารนิยมไปสักกับพระอาจารย์แดง วัดไร่ ปัตตานี  ตะกรุดลูกปืนท่านก็ดัง  แต่ห้ามพูดจาด่าแม่ เช่น  เย็..แม่  พ่อเ..ง    เสื่อม !


โจรใต้ มันมีของดีเหมือนน่ะ  พวกวิชาชักสังวาล  วิชาชาตรีอิสลาม ลูกหนัก ลูกเบา  แล้วก้อ  วิชาวางระเบิดใส่ท้องถนน และวิชาคาร์บอม     :075: :075: :075:

58
ผมเคยใช้ ตะกรุดดำเซ็น ของ หลวงพ่ออั๊บ  วัดท้องไทร ครับ

ปกติพระเครื่องที่ผมติดตัวอยู่จะเป็นพระเครื่องสายใต้  สายวัดระฆัง สายหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด(อาจารย์ทิม อาจารย์นอง พ่อท่านทอง พ่อท่านแดง พ่อท่านหวาน พ่อท่านเขียว ฯ )  สายพระป่ากรรมฐาน ใช้แล้วถูกกับตัวผมมากครับดีจริง ๆ  มีอยู่ช่วงหนึ่ง เพื่อนผมไปเป็นศิษย์วัดท้องไทร  ทำให้ผมรู้จัก แม่นางพิม - ดำเซ็น   โดยส่วนผมตะกรุดดำเซ็น ไม่ค่อยถูกกับตัวผมเท่าไหร่ครับ ใช้แล้วติด ๆ ขัด ๆ  ทุกเรื่อง   ต้องขออภัยศิษย์วัดท้องไซร ด้วยนะครับ ถ้าผู้ที่ศึกษาในเรื่องเครื่องราง ของขลังมา  คงจะทราบว่าดวงชะตาของคนเราไม่เหมือนกัน    สิ่งใดถูกกับตัวเรา หรือ ไม่ถูกกับตัวเรา   เป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคล
  :054:

59
 ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเสมอครับ

60
    แพงพระข้างทางระวังให้มาก ๆ นะครับ ปลอมเยอะมาก เช่าพระต้องมีชั้นเชิงกันหน่อยครับ ค่อย ๆ สะสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ ก็พอแยกเยอะได้บ้างครับว่าดีหรือไม่   รู้แต่ว่าตั้งแต่เข้ามาวงการณ์นี้ผมทันคนขึ้นเยอะครับ   :005: :005: :005:

61
 ท่าน hangman69  ไม่ทราบว่าที่วัดเหลือวัตถุมงคลอะไรให้บูชาบ้างครับ พวกตะกรุด พระเครื่อง ปลัดขิก  :054: :054: :054:

62
ใส่หลวงพ่อโสธรค่ะ ของป้า องค์เล็กๆเท่านิ้วก้อยได้ ป้าบอกว่ารับมาจากหลวงพ่อเลย แต่ปัจจุบันห้อยฟันเสือค่ะ อิอิ

ห้อยฟันเสือ  ต้องแปรงฟันให้เสือด้วยน่ะครับ   เดี่ยวเสือฟันผุ    :005: :005: :005:

63
  สวดภาณยักษ์ผมเพิ่งไปมาวันนี้ครับ  เป็นงานพุทธาภิเษก วัตถุมงคลของทาง วัดอาวุธ จรัญ 72 ครับ  ไปมา 2 ครั้ง คือ วันที่ 20 ไปร่วมพิธีเป่่ายันต์เกราะเพชร   และ วันนี้ วันที่ 21 ไปร่วมพิธีเป่ายันต์โสฬส  หลวงปู่่วาส วัดสะพานสูง เมตตาทำให้ครับ  แต่ตอนเป่ายันต์โสฬสไม่ทราบว่าเสร็จพิธีรึยัง  ท่านเจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตร  ท่านมาสวดภาณยักษ์ในพิธีด้วยครับ  ไม่เห็นมีใครมีอาการของขึ้นสักคน อาจเป็นไปได้เพราะเป็นอำนาจจิตของพระเถระเป็น พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ  ไม่ใช่ไสยศาสตร์ 


   แต่อาการของขึ้นในบางสถานที่จัดงานก็แปลก  วิ่งกระโดดโลดเต้นเหมือนคนขาดสติที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้  แต่กับหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้เหมือนคนมีสติสัมปชัญญะทุกประการ......

64
  ผมมีตะกรุดดอกไม้ทองหนังงเสือของท่านครับ  เมื่อก่อนแขวนอยู่ แต่ปัจจุบันไม่ได้แขวนแล้ว เพราะท่านมีข้อห้ามห้ามพูดคำหยาบ ห้ามด่า  ไม่งั้นให้ปลุกใหม่   คือ   เมื่อก่อนผมปลุกวันหลายรอบครับ คำพูดในกลุ่มผู้ชายน่าจะรู้ ๆ กันอยู่  เลยไม่ค่อยได้แขวนเท่าไหร่เพราะไม่สะดวกครับ

 ไม่ทราบว่า รู้จัก หลวงปู่เชิญ เทพนภา  หรือเปล่าครับท่านเรียนวิชาทำตะกรุดดอกทอง  มาจากหลวงปู่เขียว  วัดเสาธงทอง  ในสมัยนั้นท่านช่วยลงตะกรุดให้หลวงปู่เขียวครับได้รับวิชามาเต็ม ๆ  แต่ตะกรุดของท่านเรียกว่า "ตะกรุดสาริกาดอกทอง"
ปัจจุบันท่านยังมีชีวิตอยู่ครับ  แต่ไม่ทราบว่าท่านจำพรรษาอยู่วัดไหน  ทราบแต่ว่าท่านอาศัยอยู่ในเกวียนไม่ได้อยู่ในกุฏิ

65
  ขึ้นอยู่กับพระอาจารย์ที่ปลุกเสกครับว่าระดับไหน   

66
    พี่เอ  รุ่นนี้ผมเช่ามาครับ เช่ามาจากวัดนก  จรัญ 13   องค์พระเหมือนในรูปเลยครับ แต่ของผมฝังตะกรุดเงินไว้สองดอก เช่ามาพร้อม พระขุนแผนยอดขุนพล หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง  พระรุ่นนี้ผมเคยมีประสบการณ์  นำองค์พระมาชมเล่น ๆ  แล้วเกิดอาการเหมือนโดนไฟซ็อตมือชาไปเลยครับ

67
  จะเสื่อมหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพระอาจารย์ที่สร้างขั้นมาว่าท่านสร้างด้วยวิธีใด  ตะกรุดของพระอาจารย์บางท่านสามารถคลี่ออกดูได้ครับไม่พร่อง ตัวอย่างเช่นตะกรุดนะอกแตก หลวงพ่อเกาะ วัดท่าสมอ  ท่านกล่าวไว้ตะกรุดของท่านคลี่ออกดูได้น่ะไม่เสื่อม  แต่ของพระอาจารย์บางท่านก่อนม้วนตะกรุดก็จะมีพิธีกรรมบางอย่างตามที่ท่านได้รับมาถ้าคลี่ออกไม่ดีแน่ครับ อย่างเช่น ตะกรุดนารายณ์แปลงรูป พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว  โดยทั่วไปตะกรุดนารายณ์แปลงรูปจะมีลักษณะเป็นปลอกลูกปืน 2 ปลอกประกบกันด้านในบรรจุของวิเศษที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทวด  มีข้อห้ามเด็ดขาด คือ ห้ามถอดปลอกลูกปืนออกจากกันไม่งั้นเสื่อม ต้องนำไปให้ท่านอาจารย์นองประจุมนต์ใหม่  อย่างเบี้ยแก้หลวงปู่เจือท่านเคยกล่าวไว้ว่าถ้าปรอทที่บรรจุไว้ในเบี้ยแก้รั่วออกมาหรือซึ่มออกมาความศักดิ์ก็จะลดลงไปบ้างไม่เท่าเดิม

  คำถามแบบนี้ไม่มีปุถุชนคนธรรมดาท่านใดตอบได้แน่นอนครับ  ขึ้นอยู่กับพระอาจารย์ที่สร้างว่าสายวิชาที่ท่านรับมานั้นมีข้อห้ามอะไรหรือป่าว   

  เมื่อก่อนผมก็เคยตั้งกระทู้ถามเหมือนกันครับ  สุดท้ายก็ได้วิธีแก้ปัญหา คือ จะนำไปสอบถามพระอาจารย์(พ่อท่านห้อง  วัดเขาอ้อ)ที่สร้างเลยครับเลยครับว่าเป็นยังไงบ้าง (ตะกรุดของหลุดออกจากเชือกถักไว้)  .... ผมยังโชคดี คือ พระอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ และผมรู้ว่ามาจากวัดไหน  เพราะผมไปเช่ามาเอง    สุดท้ายก็ยังไม่ได้ไปสอบถามพ่อท่านครับ  เพราะยังไม่มีเวลาว่างเลยครับ   :090: :090: :090:

68
องค์แรกของผม พระครูสิทธิชัยวิศาล (หลวงพ่อลำเจียก) วัดศาลาตึก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ศิษย์ของหลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยางนอก ,หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ กาญจนบุรี ท่านสร้างตะกรุดลูกอมและหวายลงอาคมใด้ขลังนัก

  สมัยก่อนชาวกาญจนบุรี ทราบกันดีครับกับประโยคที่ว่า   อยากเจ้าชู้ให้ไปวัดเหนือ อยากเป็นเสือให้ไปวัดใต้    หลวงเปลี่ยน วัดใต้ สุดยอดจริง ๆ ครับ

70
   แต่ละท่านแขวนพระเครื่อง - เครื่องราง  สุดยอด ๆ  ทั้งนั้นเลยครับผม    :053: :053: :053:

71
  ไปสืบมาแล้วครับ วัตถุมงคลของท่านสร้างน้อยราคาถูกสร้างแบบงานทำมือใส่วิชาเต็มสูตร  แล้วก็หมดเร็วด้วยครับ   สิงห์งาแกะจิ๋ว  ที่วัดให้บูชาตัวละ 100 บาท เองครับ ไม่รู้หมดยัง  ปลัดขิก ท่านน่าใช้มากครับ   ว่าง ๆ ต้องไปกราบท่านบ้างแล้วครับ    :054: :054: :054:

73
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ

ส่วนตัวผมแขวนพระองค์แรก เป็นพระวัดในหมู่บ้านชนบทครับ เป็นพระผงหลวงพ่อแนม รุ่นกวักเงิน วัดเขาหน่อ อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ครับ

หลวงพ่อแนม  วัดเขาหน่อ  ท่านเก่งครับ ได้ยินว่าท่านชอบปลูกสมุนไพร  :015: :015: :015:

74
เอาเท่าที่จำความได้...เคยแขวนเหรียญหลวงพ่อมาก วัดบ่อทราย จ.สงขลาเมื่อตอนเด็กๆ

ส่วนพระที่เช่ามาแขวนเองชุดแรกนั้น จำได้ขึ้นใจเลย ว่าเป็นตอน ป.4-ป.5
ไปเที่ยววัดช้างให้ครั้งแรกในชีวิต( ประมาณ ปี2530-31 )...และเช่าเหรียญมา 2 เหรียญ
เหรียญแรกเป็นเหรียญเสมาหลวงปู่ทวด รุ่น รศ.200( ปี 2525 ) องค์ละ 10บาท
และเหรียญเม็ดแตงหลวงปู่ทวด ปี2522 องค์ละ 5 บาท ( ราคาจากวัดในสมัยนั้น )
ซึ่งตังค์ 5บาท10บาทสมัยผมเด็กๆมันก็เป็นจำนวนเงินที่มากสำหรับเด็กๆอย่างเราแล้วครับ
เหรียญหลวงปู่ทวดพิมพ์เสมานั้นเอามาแขวนจนสึกไปเลย..ส่วนเหรียญเม็ดแตงนั้นเอามาเก็บ
ปนๆอยู่บนหิ้งพระรวมๆกับเหรียญเม็ดแตงองค์อื่นๆที่พ่อเช่ามาอีกหลายองค์ จนสุดท้ายแยก
ไม่ออกแล้วว่าเหรียญไหนเป็นเหรียญที่ผมเช่า..เหรียญไหนเป็นเหรียญที่พ่อผมเช่า


หลวงพ่อบุญมาก  วัดบ่อทราย  สุดยอดครับพี่เอ  เห็นว่าท่านวาจาสิทธิ์ด้วยครับ  หลวงพ่อคง หลวงพ่อเพชร หลวงพ่อบุญมาก   วัดบ่อทราย  ขลัง  ขลัง  ขลัง   :015: :015: :015:

75
พระเครื่องที่ผมแขวนองค์แรก ๆ เลยครับจำได้ว่ามีประมาณ 3 องค์ แขวนเดี่ยวนะครับสมัยเรียนอนุบาล แต่จำไม่ได้จริง ๆ

1.เหรียญพระนเรศวรมหาราช  เหรียญเผด็จศึก
2.เหรียญภรตมุนี บรมครูพ่อแก่ทางนาฏศิลป   องค์นี้คุณแม่ผมให้แขวนตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะคุณแม่ผมท่านเป็น  ศิษย์เก่า กรมศิลปกร
3.เหรียญหลวงปู่ทวด  วัดศรีมหาโพธิ์ ปี 36   ผมในสมัยเด็ก ๆ  สนิทกับ หลวงตาแดง  วัดศรีมหาโพธิ์ มากครับ รู้จักท่านตั้งแต่จำความได้  และทางบ้านผม  คุณปู่ คุณย่า ก็รู้จักกับหลวงตาแดง วัดศรีมหาโพธิ์ มาไม่ต่ำกว่า 50 ปี จนท่านมรณภาพ ในปี 39 

พระเครื่ององคแรก ๆ ของผมมีประมาณ 3 องค์ครับ แต่จำไม่ได้จริง ๆ ว่าองค์ไหนองค์แรก   :005: :005: :005:

76
  ทุกวันนี้ผมเชื่อว่าพี่-น้องชาวเวปวัดบางพระ หลายท่านแขวนพระเครื่องกันแน่นอนครับ  และในหลาย ๆ ท่านแขวนพระเครื่องมาแล้วหลายสิบองค์ อยากลองให้พี่-น้องชาวเวปวัดบางพระลองนึกทบทวนดูครับว่า  พระเครื่ององค์แรกที่แขวนติดตัวในสมัยเด็ก ๆ หรือในสมัยหนุ่ม ๆ  แขวนพระอะไรกันบ้างแล้วนำมาบอกเล่าเก้าสิบให้สมาชิกท่านอื่น ๆ ฟังกันครับ  คงเป็นการกระชับความสัมพันธ์และสนุกไปอีกแบบ

                                                                                                                 :090: ขอบพระคุณครับ :090:

77
  ขอบพระคุณพระอาจารย์มากครับที่ช่วยมาเตือนสติไม่ให้หลงในค่านิยมที่มนุษย์บางกลุ่มสร้างขึ้นมาเองมากจนเกินไป  ทุกวันนี้ผมก็แขวนพระที่ครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือท่านสร้างขึ้นมา(หลวงดำ วัดตุยง หลวงปู่แดง  วัดศรีมหาโพธิ์  หลวงปู่เขียว  อาจารย์ทิม  อาจารย์นอง)
แต่ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรแพงมากมายในวงการพระ  ของดี ของจริง  ไปอยู่ที่ไหนก็ของดี ของจริง อยู่วันยังค่ำครับ  พระหลักสิบ พระหลักร้อย  พระแจกฟรี  ได้ช่วยชีวิตใครต่อใครมาหลายคนแล้วครับ  คนปัตตานียืนยันได้ขอรับ   :054: :054: :054:

78
  เบี้ยแก้  หลวงปู่ดี วัดเทพากร  สืบสายเบี้ยแก้สายอ่างทองครับ  น่าเล่นเหมือนกัน

79
  พี่ครับจากพระจอมเกล้าพระนครเหนือไปวัดยังไงได้บ้างครับ  ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับ

81
   น่าสนใจมากครับ  ผมเก็บ หลวงปู่แขก  วัดบางบำหรุ ไว้เหมือนกันครับ

82
  สักยันต์องค์เทพ  ครูจะแรงมากครับ  ถ้าชอบ ศิลปะ ดนตรี  ไปกราบพระอาจารย์หนู วัดสุทธาราม ก็ดีครับท่านสายตรงครับ ลูกศิษย์ท่านที่อยู่ในกรมศิลปกรเยอะมากมายครับ

83
  พิมพ์ทรงแปลกสวยดีน่ะครับ

84
  ขอรับท่านอาจารย์  ตอนนี้หนึ่งในพระสงฆ์ที่มีส่วนร่วมในครั้งนั้น  พระเดชพระคุณ หลวงปู่เขียว  วัดห้วยเงาะ  ในสมัยนั้นท่านเป็นพระหนุ่มพรรษาน้อยอยู่ท่านไปช่วยพระอาจารย์ทิมตำเนื้อว่านท่านได้พิธีกรรมส่วนนี้มาเต็ม ๆ มีผู้เฒ่าที่ทันเหตุการณ์ในครั้งนั้นกล่าวว่า  มีส่วนผสมอย่างเดียวที่ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร  นั้นคือผงวิเศษที่พระอาจารย์ทิมเขียนพระเวทย์คาถา  หลวงปู่เขียว  วัดห้วยเงาะ ท่านทำให้ได้ เรื่องเนื้อว่านที่ท่านอาจารย์เล่าให้ฟังเป็นไปตามนั้นครับ  ผมรู้จักกับหลวงพี่วัดศรีมหาโพธิ์ท่านหนึ่งได้ความรู้เนื้อว่านจากท่านมาพอสมควร  ครั้งเมื่อท่านหลวงปู่แดง  วัดศรีมหาโพธิ์ ยังทรงสังขารอยู่ท่านเป็นผู้แกะพิมพ์พระบางส่วนและผสมเนื้อว่านกดพิมพ์พระให้ท่านหลวงปู่แดง เนื้อว่านของหลวงปู่ทวดในการผสมแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน และวัดทางภาคใต้จะไม่ทำเนื้อว่านให้เหมือนเดิมและพิมพ์เดิมเป็นอย่างนี้ทุกวัด แม้แต่พระออกให้บูชาใน พ.ศ.เดียวกัน แต่ต่างพิมพ์กัน วัดทางใต้จะไม่ทำเนื้อว่านให้เหมือนด้วยครับ  ความชื่นในองค์พระผมเคยเจอกับตัวเองพระหลวงปู่ทวด  ได้มาพร้อมกันเนื้อเหมือนกันทุกอย่าง เอาไว้บ้านที่ปัตตานี กับ เอามาไว้ที่คอนโดในกรุงเทพ  นาน ๆ เห็นผมชัดเชนครับ  ที่ปัตตานีจากพระหลวงปู่ทวดเนื้อว่านดำสนิทกลายเป็นพระสีเทา  พระที่นำมากรุงเทพยังดำสนิทเหมือนเดิม  ตอนนี้ผมยังไม่ชำนาญพระเนื้อว่านเท่าไหร่ครับ  อาศัยเป็นคนพื้นที่  เห็นพระหลวงปู่ทวดมาเยอะ   หลายแบบ หลายพิมพ์ แต่ผมไม่เคยตำว่านกับผสมเนื้อว่านเองซักเดี่ยวครับ  เคยคิดจะไปขอเป็นลูกมือหลวงพี่วัดศรีมหาโพธิ์ผสมว่านตำเนื้อพระยังไม่มีเวลาไปซักทีครับ  :005: :005: :005:

ส่วนเรื่องมีความศักดิ์สิทธ์หลวงปู่ทวด บทความที่วัดอาวุธ กทม. บันทึกไว้ยืนยันได้ชัดเจนครับ

"ท่านเจ้าคุณพระมหารัชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ได้จัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อเป็นที่ระลึกในงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต วัดสารนารถธรรมาราม จ.ระยอง ได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกใหญ่ ณ พระอุโบสถวัดสัมพันธวงศ์ และได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศ เช่น หลวงปู่ทิม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี, หลวงปู่ฟั่น อาจาโร, หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม, พระอาจารย์วัน อุตฺตโม เป็นต้น ในคราวนั้นหลวงปู่ทิม วัดช้างให้ ได้นำหลวงปู่ทวดปี พ.ศ.๒๕๐๕ พิมพ์หลังหนังสือเล็ก ว มีจุดพิมพ์นิยม มาด้วย ๑ กล่อง ได้นำเข้าในพิธีพุทธาภิเษก
ด้วย 

          เมื่อจบพิธีคุณแม่บุญเรือน ซึ่งได้ไปร่วมอธิษฐานธรรมในพิธี ได้ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังกล่องที่บรรจุหลวงปู่ทวด แล้วถามกับผู้ดูแลพิธีว่า “ในกล่องนี้บรรจุพระอะไร ทำไมรัศมีดีจริงๆ”  ซึ่งลูกศิษย์ได้ตอบว่า “หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ครับ” เมื่อทราบแล้วคุณแม่บุญเรือน จึงได้ดำริจัดสร้างหลวงปู่ทวดขึ้นจำนวนหนึ่ง"

85
  นมัสการพระอาจารย์ครับ ....  กระผมขอนำคำว่า เรียบง่ายแต่ไม่มักง่าย ไปใช้บ้างน่ะครับ

86
ให้สวดบทกรณียเมตตสูตร  ครับ 

กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ
สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี
สันตุสสะโก จะสุภะโร จะ
อัปปะกิจโจ จะสัลละหุกะวุตติ
สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ

อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
นะจะขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ สัพเพ สัตตา ภุวันตุ สุขิตัตตา
เยเกจิ ปาณะภูตัตถิ
ตะสาวา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
ทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
ทิฏฐา วาเย จะอะทิฏฐา

เยจะ ทูเรวะสันติ อะวิทูเร
ภูตา วา สัมภะเวสี วา
สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ
นาติ มัญเญะกะ กัตถะจิ นังกิญจิ
พยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา นาญญะ มัญญัสสะ ทุขะมิจเฉยยะ

มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
อุทธัง อะโธ จะติริยัญจะ
อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา

สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
เอตัง สะติง อะทิฏเฐยยะ
พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
ทิฏฐิญจะ อะนุปคัมมะ สีละวา
ทัสสะเนนะ สัมปันโน
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง  นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ

ประวัติบทสวดกรณียเมตตสูตร

เรื่องมีว่า สมัยหนึ่งจวนเข้าพรรษา ภิกษุจำนวนหนึ่งกราบทูลลาพระพุทธเจ้า เพื่อไปอยู่จำพรรษาในป่าลึกแห่งหนึ่ง เหล่ารุกขเทวดาคิดว่าพระคุณเจ้าคงพักชั่วคราว ไม่กี่วันก็จะไป จึงพากันลงมาอยู่บนพื้นดินเพื่อถวายความเคารพแก่พระสงฆ์แต่เมื่อรู้ว่าพระคุณเจ้าจะอยู่ที่ป่านี้ตลอดพรรษา จึงปรึกษากันว่าพวกเราเห็นจะต้อง"ไล่" พระท่านไป ไม่เช่นนั้นจะลำบากมากที่จะต้องมาอยู่บนพื้นดินอย่างนี้จึงพร้อมใจกันหลอกหลอนภิกษุที่ไปนั่งกรรมฐานอยู่ใต้ต้นไม้บ้าง ในถ้ำบ้าง จนท่านอยู่ไม่เป็นสุข พระก็กลัวผี ว่าอย่างนั้นเถอะ จึงตกลงกันกลับไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ
พระพุทธองค์ตรัสว่า "พวกเธอมิได้เอาอาวุธติดตัวไปด้วย จึงถูกผีหลอกหลอน" เมื่อกราบทูลถามว่า อาวุธชนิดไหน พระองค์ก็ตรัสว่า อาวุธคือความเมตตา ว่าแล้วก็ทรงสวดกรณียเมตตสูตร ให้ฟัง แล้ว มีพุทธบัญชาให้กลับไปยังป่านั้นอีก และให้สวดทันทีที่เดินเข้าป่า และสวดทุกวันภิกษุเหล่านั้นก็ทำตามพุทธโอวาท บรรดาผีสางคางแดงทั้งหลายได้ยินบทสวด ก็มีจิตใจอ่อนโยน รักใคร่ในพระสงฆ์ ไม่หลอกหลอน ทำให้ท่านสามารถอยู่ในป่าได้อย่างผาสุก พระภิกษุได้สัปปายะ เจิรญธรรมสำเร็จอรหันตผลถ้วนทั่วกัน
เพราะเหตุว่าเนื้อหาของบทสวดเป็นการแผ่เมตตาความรัก ปรารถนาดีแก่เหล่าเทวดาในป่าและแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายซึ่งท่านก็จะมีไมตรีจิตตอบและถวายการอารักขาให้ผาสุกกัน จึงกลายเป็นธรรมเนียมว่าเมื่อผ่านศาลเจ้าเทพารักษ์หรือไม้วนปติ ที่มีชนนับถือพึงให้ภิกษุเจริญสามีจิกรรมเจริญเมตากรียสูตร…บ้างเรียกมนต์ขับผี ปัจจุบันนำไปสวดรวมกับเจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน เรารับฟังเนืองๆแต่ไม่เข้าใจความหมาย บทนี้ใช้ได้ดีทีเดียวเวลาไปนอนป่าหรือที่ไม่คุ้นชินทำให้นอนหลับง่ายและทำให้จิตสงบได้




87
  คราวหน้าถ้าไปกราบท่านอีก ผมจะหาวัตถุมงคลของท่านมาเป็นรางวัลตอบคำถามที่นิยมเล่นกันในเวปวัดบางพระ น่ะครับ  :025: :025: :025: :025: :025: :025:

88
เท่าที่ผมรู้มา ไม่ได้มีการปลุกเสกหลวงปู่ทวด ปี2497 แค่ 3 รูปไม่ใช่เหรอ แล้วหากหลวงปู่แก้วปลุกเสกด้วย แล้วทำไมหลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ที่ท่านบอกว่าเป็นอาจารย์  ทำไมถึงไม่ได้ร่วมปลุกเสกด้วยละ     ผมก็คนสงขลา  ก็ได้ยินมาเหมือนกัน หลวงพ่อแก้ว วัดสะพานไม้แก่น
 ที่ถามไม่ได้ลบหลู่แต่ไม่อยากให้คนจำในสิ่งที่ไม่ได้รับการยืนยันนะ
 ท่าน จขกท.มีจุดมุ่งหมายพิเศษอะไรหรือเปล่าครับ

รบกวนอ่านข้อความที่ผมเขียนอย่างละเอียดด้วยน่ะครับ  (หลวงปู่แดง  วัดศรีมหาโพธิ์ ท่านก็เสก 97 ครับ นอกจากนี้ยังมี หลวงพ่อนุ่ม วัดหน้าถ้ำ   หลวงพ่อเกลื่อม  ปัจจุบันอยู่วัดประดู่หมู่  หลวงพ่อพุธ  วัดห้วยเงาะ หลวงปู่ดำ  วัดตุยง  ฯ  )  ผมไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า หลวงปู่ทวด 97  เสก แค่ 3 รูป พระในสมัยโบราณท่านเสกกันนานครับ  ไม่ได้จัดพิธีใหญ่แค่วันเดียว   ครูบาอาจารย์ท่านจะเสกพิธีเงียบ ๆ เหมือนพระทำวัตรเช้า - เย็น ไม่ได้เชียวหรือ  ครูบาอาจารย์ท่านจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของท่าน

ผมเจ้าของกระทู้  ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายพิเศษอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ต้องการแนะนำครูบาอาจารย์เก่ง ๆ ที่ยังเหลืออยู่ให้ผู้อื่นได้ทราบ  และผมเองก็เคารพ  หลวงปู่แดง  วัดศรีมหาโพธิ์  อย่างสูงที่สุดด้วย วัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้ผมมีเก็บไว้เป็นร้อย ๆ องค์ ถ้าคุณคิดว่าผมตั้งกระทู้เพื่อหาผลประโยชน์อย่างอื่นไม่ใช่แน่  ลำพังแค่ผมทำสวนยางพาราของผมอย่างเดียว เดือน ๆ  นึง ผมก็ได้ทรัพย์หลายหลักแล้วครับ  ผมไม่ใช่พวกกระจอกที่คิดจะมาหาผลประโยชน์ใด ๆ อย่างที่คุณกล่าวหาน่ะครับ  กรุณาทำความเข้าใจ   .......   ไว้ด้วย

89


พระเดชพระคุณ หลวงปู่แแก้ว  วัดสะพานไม้แก่น พื้นเพเดิมเป็นท่านเล่าให้ผมฟังว่าท่านเป็นคน บ้านฉาง อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ท่านเป็นศิษย์ของ พระครูวิรัชโสภณ หรือ หลวงปู่แดง วัดศรีมหาโพธิ์ ครูบาอาจารย์ใหญ่ที่ผมนับถือ ท่านออกธุดงควัตรมาตั้งแต่สมัยเป็นพระหนุ่ม หรือไม่ก็จำพรรษาตามป่าช้าในวัดต่าง ๆ จนเวลาล่วงเลยมาหลายปีร่างกายท่านไม่แข็งแรงเหมือนก่อนท่านจึงตัดสินใจจำพรรษาที่วัดสะพานไม้แก่น  อ.จะนะ  จ.สงขลา  เป็นการถาวร  หลังจากที่ท่านมาจำพรรษาที่วัดสะพานไม้แก่น ได้พัฒนาอารามแห่งนี้จากสำนักสงฆ์เล็ก ๆ  ให้กลายเป็นวัดที่ใหญ่โตสวยงามในเวลาเพียงไม่กี่ปี ท่านเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับพิธีปลุกเสก หลวงปู่ทวด 2497  และท่านก็ได้ร่วมพิธีในครั้งนั้น ท่านเล่าให้ฟังว่า "วันนั้นมีพระปลุกเสกอยู่ 3 รูป อาจารย์ทิม  อาจารย์นอง  และ  ช้าน "  จุดนี้เป็นหลักฐานที่ดีที่สุดว่าหลวงปู่ทวด 97 มีการปลุกเสกกันหลายวาระ  ก่อนวันพิธีใหญ่แน่นอนครับ   ปัจจุบันท่านมีอายุถึง  99  พรรษา  ร่างกายท่านแข็งแรงมาก อารมย์ดี ใบหน้าท่านมีแต่รอยยิ้มตลอดเวลาครับ  ถ้าใครไปกราบท่านและไม่เคยรู้อายุของท่านมาก่อนจะนึกว่าท่านอายุแค่ 80 กว่า ๆ  ใครไปเที่ยวหรือไปธุระในจังหวัดสงขลา  ขอให้ไปกราบท่านสักครั้งครับให้ท่านเป่ากระหม่อมให้ก็เป็นมงคลในชีวิตสุด ๆ แล้วครับ  ไม่ต้องอธิบายมากครับว่าท่านเก่งขนาดไหน   แค่ท่านเป็นหนึ่งในผู้ปลุกเสกหลวงปู่ทวด 2497   ก็สุด  ๆ  แล้วครับ

90
ตัวกระผม...อยู่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา....พ่อเป็นคนนนทบุรี..แม่เป็นคนหาดใหญ่
ทำให้ครอบครัวมีบ้านที่ บางกรวยนนทบุรีแห่งนึง..และที่หาดใหญ่แห่งนึง..จึงเป็นข้อ
ได้เปรียบให้ผมพอจะรู้จักพระทั้งทางแถบภาคกลางและภาคใต้ครับ
เวลาว่างก็ปิดบ้านที่หาดใหญ่..แล้วไปเที่ยวบ้านที่นนฯ..ก็ถือโอกาสไปเที่ยววัดแถบ
ภาคกลาง อย่างวัดพระขาว วัดตะเคียน วัดบางพระ ...เวลาอยู่หาดใหญ่ก็เที่ยววัดภาคใต้อย่าง
วัดช้างให้ วัดทรายขาว วัดในสายเขาอ้อ เป็นต้น

อ่ะคุณพี่เอ  ผมก็ลูกครึ่ง ภาคกลาง - ภาคใต้ เหมือนกันครับ แม่เป็นคนกรุงเทพ  พ่อเป็นคนปัตตานี  ส่วนพระผมนิยม 3 สาย ครับ 1. พระสายใต้   2.พระสายกรรมฐาน (สายพระอาจารย์มั่น)  3. สายเมตตามหานิยม แถวภาคกลาง คร๊าบบบบบ :054: :054: :054:

91
ผมคนร้อยเอ็ดครับผม   
 เป็นยังไงกันบ้างที่ปัตตานี มีเหตุการณ์รุนแรงอะไรบ้างไหม
 พี่ชายผมก็ออกสนามที่นั่น (ร.16พัน3)เดี๋ยวว่างๆจะเอาประสบการณ์
 และเหตุการณ์ความไม่สงบที่นั่นมาเล่าให้ฟัง
 พร้อมทั้งวัตถุมงคลที่ทหารที่นั่นนับถือกันมาก
 และช่วยให้ทหารรอดตายกันมานับต่อนับแล้ว
    เป็นห่วงคนทางนั้นเช่นกันนะครับ
    ขอให้บารมีของหลวงพ่อคุ้มครอง
    ลูกศิษย์ทุกๆท่านนะครับ

นมัสการหลวงพี่ครับ

  พระเครื่องดีไม่ดีมาอยู่ปัตตานีเป็นได้รู้ครับว่าของจริงหรือไม่ พระเครื่องยุคเก่า ๆ ที่ครูบาอาจารย์ในสมัยก่อนสร้างไว้  หรือ  แม้แต่กระทั่งพระเครื่องยุคใหม่ที่พระเกจิอาวุโสสร้างขึ้นมา  กลับก่อปาริหาริย์ช่วยเหลือชีวิตใครหลาย ๆ คนได้จริง

1. หลวงปู่ทวด  วัดช้างให้ 
2.พระเครื่องวัดทรายขาว
3.พระเครื่องวัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี  เป็น พระเครื่องที่สร้างขึ้นโดย หลวงปู่แดง วัดศรีมหาโพธิ์ มีประสบการณ์สูงทุกพิมพ์
4.พระยายเขียด วัดยางแดง   มี 2 รุ่น คือ รุ่น 1 พ.ศ. 2505  รุ่น 2 พ.ศ. 2536  เมื่อก่อนเป็นพระที่ไม่มีใครสนใจ แต่ได้รับการอธิษฐานจิตจากยอดพระเกจิอาจารย์หลายรูป  มีประสบการณ์ดุดันมากมาย เช่น ปืน M16 ยิงหัวไม่เข้า  กลับ  ประสบการณ์ปาระเบิด และวัดยางแดง  โจรใต้จะเข้าไปเผาวัดหลายรอบแล้วครับ  ด้วยอำนาจทิพย์จากพระยายเขียดบังตา  ทำให้โจรใต้ทำการไม่เคยสำเร็จ  ถึงกับประกาศห้ามยุ่งกับวัดยางแดง เลยทีเดียว
5. พระเครื่องวัดห้วยเงาะ  กับ ตะกรุดนิมิตนิสพร  ของ หลวงปู่เขียว  ประสบการณ์ดุมากมาย
6.พระเครื่องวัดตุยง  หลวงพ่อทวดนวล  ปี 07  หลวงปู่ดำ  ประสบการณ์ดุดัน  เหรียญหลวงปู่ดำ ปี 25  M 16  ยิงไม่เข้ามีรอยเพียงโดนก้านธูปจี้ ไม่ใช่นัดเดียว แต่ หลายสิบนัด  เหรียญ หลวงปู่ดำ ปี 22  มีประสบการณ์ด้านบังตา
7. หลวงแดง วัดไร่  พระหนุ่มแต่เก่ง  ตะกรุดลูกปืนของท่านประสบการณ์ดุดัน โดนระเบิดไม่ตาย โดนยิงไม่เข้า แต่ท่านว่า ของท่านห้ามพูดจาด่าพ่อล่อแม่ หรือ กระทั่งครูบาอาจารย์ และ ผู้มีพระคุณ  ไม่งั้น เสื่อมมมมมมม
8.วัดหลักเมืองยะลา ของ พ่อท่านฉิ้น ประการณ์ดุดัน

ยังมีมากครับ 

ของกระผมเล่าไปแล้ว  รอฟังของหลวงพี่ครับผม   :054: :054: :054:

92
  แขวนพระเครื่อง  เครื่องราง  สักยันต์  ที่ปลุกเสกโดยใช้คาถาอาคมจะไม่คุ้มตั้งแต่ ข้อมือ และ ข้อเท้า ลงมา

93
  คนโบราณนิยมใช้  ชานหมากของพ่อ  ชายผ้าถุงของแม่  ครับ

94
 คุณ สมบัติ เมทะนี  ก็นับถือพระอาจารย์แดง วัดป้อมรามัญ ครับ

95
ยะลา ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน ครับ

อ่ะใกล้ ๆ กันเลยครับ 

96
  ถ้าเป็นพระใหม่ ดูความเรียบร้อยของชิ้นงาน กับ คุณภาพของวัสดุ  ก็ช่วยได้บ้างครับ

97
 ผู้เลื่อมใสศรัทธาในองค์พระเดชพระคุณ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ  มีทั่วประเทศเลยน่ะครับ  ตั้งแต่เชียงราย - เบตง   เหนือสุด กับ ใต้สุดสยามเลยน่ะครับ    :003: :003: :003:

98
นะโม 3 จบ
*อิตถีโยตะรุโนชาโต เอหิเมวะสมาคะมะ (3จบ)
*มะอะอุเมตตา จะมหาราชา สัพพเสน่หา ตะมะจิตตัง ปิยังมะมะ สัพพสุขัง จะมหาลาภัง สัพพโกรธัง วินาสสันติ กาโรโหติสัมภะโว (7จบ)
ในโบราณของหลวงปู่กาหลงระบุอุปเท่ห์ไว้อย่างชัดเจนว่า ยันต์ครบสูตรโบราณท่านห่วงมาก เพราะด้านเสน่ห์แรง ดั่งราศีท้าวพระยารูปงาม เป็นสุดยอดของตะกรุดมหาเสน่ห์ขั้นสูงที่มี อำนาจของมหาเสน่ห์ดีนักแล ถ้าจะไปที่ใดๆให้เอาตะกรุดนี้คาดเอวไป หญิงเห็นรักใจแทบขาด ชายเห็นรักแทบขาดใจและเป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย ถ้าจะเข้าหาเจ้านายขุนนางท้าวพระยาท่านย่อมเป็นที่รัก ตะกรุดนี้นอกจากจะมีอำนาจทางเสน่ห์แรงเมตตาสูงอย่างนี้แล้ว ยังดีในทางค้าขายเจ้านายเมตตา ผู้ใหญ่อุปถัมถ์ค้ำชูดีนักแล เมื่อมีอาถรรพณ์แรงมากแต่ก็มีอาถรรพณ์จากการผิดครูมากเช่นดียวกัน
โดยมีข้อห้ามสำคัญ ดังนี้
1. ห้ามผิดศีลข้อ 3 หรือผิดลูกผิดเมียผู้อื่น
2.ห้ามพูดคำหยาบ หรือด่าบุรพการีเป็นอันขาด
3.เมื่อได้ผล สมความปรารถนาแล้วต้องเลี้ยงดูรับผิดชอบให้ถูกต้อง

99
  เคยไปวัดนก จรัญ 13  อ่ะครับ  พระเครื่องหลวงพ่อเปิ่นเยอะมาก   

100
ขอบคุณท่าน   SIC   มากครับที่เป็นห่วงพี่น้องทางนี้
  
    ปัตตานีไม่ค่อยมีวิกฤตทางธรรมชาติรุนแรงเท่าไหรครับผม เพราะรูปร่างของจังหวัดมีแหลมบังลมได้ดีพอสมควร  นักเดินเรือได้ใช้เป็นที่แวะพัก หลบมรสุมซ่อมแซมเรือ  และเป็นที่ค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าของพ่อค้าชาติต่าง ๆ  มาตั้งแต่สมัยลังกาสุระ ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 จนถึงพุทธศตวรรษที่ 21-23  พ่อค้าชาวตะวันตกได้เข้ามาค้าขายตั้งสถานีการค้า  ทำให้อ่าวปัตตานีมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง  อ่าวปัตตานีมีแหลมเป็นแนวแผ่นดินแคบ ๆ ยื่นออกไปในทะเลประมาณ 19 กิโลเมตร ช่วยบังคลื่นลมทำให้เรือเข้ามาจอดพักได้อย่างปลอดภัยทุกฤดูกาล  ชาวอังกฤษที่เดินเรือมาที่ปัตตานี เมื่อปี พ.ศ. 2261  ได้บันทึกไว้ว่า  ปัตตานีมีท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการค้าในย่านทะเลแถบนี้
  ส่วนทางหาดใหญ่ น่าเป็นห่วงมากครับเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ และเป็นที่ลุ่มที่สามารถรับน้ำได้จากทุกทิศทาง  อีกทั้งการวางผังเมืองยัง ....   อีกทั้งหาดใหญ่ยังเป็นเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่างน้ำท่วมแต่ละครั้งเสียหายเป็นหมื่นล้าน ตอนนี้เป็นห่วงเพื่อน ๆ ที่ มอ. มากครับ

ตอนนี้ก็ได้แต่ เอาใจช่วยและหาทางช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยครับ  ปีนี้ ภัยธรรมชาติ   รุนแรงมากจริง ๆ  

101
   อยากทราบครับว่าสมาชิกชาวบางพระ ผู้เลื่อมใสศรัทธาในวัตรปฏิบัติของพระเดชพระคุณ "พระอุดมประชานาถ"  หรือ  พระคุณท่าน หลวงพ่อเปิ่น  วัดบางพระ  ใช้ชีวิตอยู่ในจังหวัดใดของประเทศไทยกันบ้างครับ 

ตัวผมเองเป็นคน  จ.ปัตตานี  ครับ  :005: :005: :005:

102
  โชคดีที่แหวนของผมเหมือนของแท้เลยครับ  เช่ามาจากวัดนก   :005: :005: :005:

103
    ข้อมูลส่วนใหญ่ คัดลอกมาจากหนังสือ พระอาจารย์เขียว  กิตติคุโณ วัดห้วยเงาะ  ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผยแผ่  ประวัติ  คุณงาม  ความดี  ของบูรพาจารย์ ให้ชนส่วนใหญ่ได้ทราบ และ มิให้หายสาบสูญไปตามกาลเวลา
จึงขออณุญาติทางวัดห้วยเงาะ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ขอบคุณรูปภาพจาก  http://www.wathuayngoapattani.com/index.php

104






รุ่น Top ที่สุด วัดห้วยเงาะ



เมตตาลึก


105
วัตถุมงคลวัดห้วยเงาะ








106


ภายหลัง  พ่อท่านสุธีร์  เจ้าอาวาส วัดห้วยเงาะ ในเวลานั้นจึงได้มานิมนต์พ่อท่านเขียวไปอยู่ที่วัดห้วยเงาะ เนื่องด้วยพรรษาท่านมากจะได้ดูแลและไม่ต้องพบกับภาระเหนื่อยหนักอีก พ่อท่านเขียวท่านเป็น พระสงฆ์ที่มัธยัสถ์อดออมและรักสันโดษ ท่านชอบการอ่านหมั่นศึกษาหาความรู้ในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นด้านกฏหมายบ้าน เมือง การเกษตรกรรม โหราศาสตร์ สมุนไพรกลางบ้าน รวมถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในอันที่จะนำไปสงเคราะห์ผู้อื่นได้ พ่อท่านมีเมตตาสูงกับเหล่าศิษย์ และผู้ที่ไปขอให้ท่านเสกเป่าบรรเทาทุกข์ แก้ไขสิ่งที่ขัดข้องในชีวิต ท่านเมตตาเสมอเหมือนกันหมด ไม่ว่ายากดีมีจนมาจากไหนไม่ว่าจะไกลหรือใกล้
    พ่อท่านเขียวเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก  ไม่เคยยกตัวออดดี  และตั้งแต่บวชมาไม่เคยยึดติดในลาภยศ  สรรเสริญ   พ่อท่านเขียวได้เคยเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า   พรรษาแรกที่ท่านบวชท่านได้ถูกขโมยรองเท้าไป  หลังจากนั้นมาท่านจึงเลิกส่วมรองเท้ามาจนถึงทุกวันนี้   
    พ่อท่านเขียว ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากในภาคใต้   ด้วยเหตุนี้ท่านจึงต้องรับกิจนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลทั่วประเทศ  ทั้ง ๆ ที่ท่านก็ชราภาพมากแล้ว
      เหตุนี้เองทำให้ชาวบ้านและญาติโยม  จึงให้ความเคารพศรัทธาพ่อท่านเขียว   กันเกินคณานับในปัจจุบัน

107


ณ  วัดช้างให้  ร่วมกับพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายรูป   ต่อมาพระเครื่องรุ่นนี้ ประชาชนส่วนใหญ่เรียกว่า รุ่น 24  ตามกล่องบรรจุพระที่สร้างขึ้นภายหลัง  พระเครื่องรุ่นนี้ ปัจจุบันเริ่มหายากและมีราคาแพง  ปัจจุบันพ่อท่านเขียว  ได้รับการอาราธนานิมนต์ไปปลุกเสกพระเครื่องทั่วประเทศไทย  โดยเฉพาะปัจจุบัน พ่อท่านเขียว  คือ  พระเถระผู้เฒ่าที่สำคัญในสายหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  ที่ยังทรงสังขารอยู่เพียงไม่กี่รูปในประเทศไทยและแดนใต้  อาทิเช่น  หลวงปู่หวาน วัดสะบ้าย้อย  หลวงพ่อทอง  วัดสำเภาเชย  หลวงพ่อผัน  วัดทรายขาว  หลวงพ่อแสง  วัดศิลาลอย

109




พ่อท่านเขียว  วัดห้วยเงาะ กับอิริยาบทแห่งพระเมตตา

110


พ่อท่านเขียว   กิตติคุโณ  วัดห้วยเงาะ
พ่อท่านเขียว   “พลัง”
  ณ  แดนใต้เกือบใต้สุดสยาม   องค์พระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งอาศัยอยู่อย่างเงียบสงบ  ไม่มีอะไรโจ่งครึ้มเกินไป  มีแต่เฉพาะในแถบถิ่น  ที่ล่วงรู้ในความรอบรู้ทั้งด้านสมุนไพร และ สายพระเวทย์คาถา
  หลวงปู่เขียว  กิตติคุโณ  ในสมณศักดิ์ที่  “พระครูอนุศาสน์กิจจาทร”
  สมัยหนึ่งนั้นในแถบถิ่น  ใครมีอะไรเดือดร้อน  เจ็บไข่ได้ป่วยต่างมุ่งไปที่วัด เพื่อให้ หลวงพ่อ หลวงลุงรักษา   “พ่อท่านเขียว”  จึงได้รับการเรียกเสียงเรียงนามมา  และเริ่มกระหึ่มเมื่อ  “ของดี”  หลายอย่างใช้แล้วมีพลังลึกคุ้มครอง  ทั้งค้าขายร่ำรวยทั้งหน้าที่การงานรุดหน้า
  พ่อท่านเขียว ถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาในจังหวัดยะลา เป็นบุตรคนที่จากจำนวนทั้งหมด 7 คน ดังนี้
1.นาย เชือน  เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
2.นาย แก้ว  เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
3.พ่อท่านเขียว  กิตติคุโณ  ( นามเดิม เขียว  เพ็ชรภักดี )
4.นายชื่น  เพ็ชรภักดี    ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
5.นายแจ๊ก เพ็ชรภักดี    ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
6.นายสมใจ  เพ็ชรภักดี( ถึงแก่กรรมแล้ว )
7.นาง สาว เพ็ชรภักดี
ช่วงชีวิตในวัยเด็กของ พ่อท่านเขียว ท่านก็เหมือนเด็กชาวบ้านในต่างจังหวัดทั่วไป หลังจากเรียนจบ ป.4  บิดาได้ถึงแก่กรรม ท่านจึงต้องออกมาทำงานช่วยครอบครัว เพื่อเลี้ยงแม่และน้องๆ ซึ่งในเวลานั้นท่านก็สู้อดทนรับจ้างทำงานทุกอย่าง จนกระทั่งอายุได้ 20 ปี จึงตัดสินใจบวช ตามประเพณีนิยม ณ.วัดนางโอ (ปัจจุบันคือวัดบุพนิมิตร) อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2492 ณ.พัทธสีมา วัดนางโอ
โดยมี พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอธิการแดง ธมฺมโชโต  วัดนาประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธิการทอง จนฺทโชโต วัดภมรคติวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
พระอธิการดำ ติสสโร เจ้าอาวาส วัดนางโอในขณะนั้น เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์หัตถบาส เป็นพระอาจารย์ ผู้ที่ประสิทธิ์ประศาสน์ วิชาความรู้ ให้พ่อท่านเขียวมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส
หลังจากครองผ้าเหลือง พ่อท่านเขียว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางโอ โดยท่านได้ใช้เวลาว่างทั้งหมด เล่าเรียนการสวดมนต์ต่างๆ และรวมถึงการสวดภาณยักษ์ แบบฉบับของภาคใต้ กระทั่งพรรษา 2 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสุนทรบัญชาราม อ.รามัญ จ.ยะลา ครั้งถึงพรรษาที่ 3 พ่อท่านเขียว ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดนางโออีกครั้ง ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ กับ “ตาเลี่ยม”ฆราวาสที่เชี่ยวชาญ ด้านวิปัสสนา รวมทั้งศึกษาสรรพวิชาต่างๆจากผู้เรืองพระเวทย์วิทยาคมอีกหลายท่าน
นอกจากนี้ พ่อท่านเขียวยังได้ศึกษาในทางธรรม ท่านปฏิบัติเคร่งครัด ศึกษาด้านปริยัติธรรมบาลีไวยากรณ์และนักธรรม รวมถึงการสวดมนต์ สาธยายธรรม ด้วยเหตุนี้เอง พ่อท่านเขียวท่านจึงสามารถ สวดปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ในพรรษาที่ 5   พ่อท่านเขียว สอบได้นักธรรมโทและต่อมา ท่านได้รับตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาส วัดนางโอ จนกระทั่งได้เป็นเจ้าอาวาสในลำดับต่อมา ในระหว่างนี้ท่านเองเป็นสหธรรมมิกกับ “พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ” ด้วยความที่วัดอยู่ใกล้กัน ท่านทั้งสองจึงได้เคยร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรม และร่วมในพิธีกรรมต่างๆด้วยกันเสมอ
     แม้กระทั่งพ่อท่านเขียว  ยังเคยไปช่วยตำว่านยาต่าง ๆ ให้กับพระอาจารย์ทิม  เมื่อครั้งที่สร้างหลวงปู่ทวด  2497   อันโด่งดัง   คณะนั้นพระอาจารย์ทิมไม่ได้สร้างไว้เพื่อเช่า   แต่สร้างไว้เพื่อมอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระอุโบสถ
   เมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2500 พ่อท่านเขียวได้ตรวจสอบธรณีสงฆ์รอบวัดนางโอ พบการรุกล้ำที่วัดของชาวบ้านละแวกวัด ทำให้ชาวบ้านเหล่านั้นไม่พอใจ กระทบกระทั่งกันหลายวาระ ในที่สุดหลวงพ่อเขียว จึงตัดสินใจ ออกจากวัดไปจำพรรษา ที่วัดภมรคติวัน และที่วัดนี้ก็มีปัญหาเดียวกันกับวัดนางโอ ท่านจึงย้ายวัดไปจำพรรษาที่วัดนาประดู่อีกครั้ง
    พ่อท่านเขียว  ท่านเป็นพระที่สงบ สมณะอยู่เรียบง่าย  ใครเคยเข้าไปในกุฏิของท่านจะเข้าใจกันดีครับไม่บรรยายมาก  ทางธรรมท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและบาลีจนแตกฉาน เป็นที่นับถือของประชาชนทั่วไป  ต่อมา เมื่อพ.ศ.  2522  พ่อท่านเขียว  ได้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ 

111


หลวงพ่อศรีแก้ว  (หลวงพ่อในหีบ)  บทตำนานแห่ง วัดห้วยเงาะ

112
สถูปบรรจุอัฐิ
เมื่อฌาปนกิจหลวงพ่อแล้ว  พระอธิการชัย  พร้อมด้วยคณะญาติโยม  ได้ก่อสถูปเพื่อบรรจุอัฐิของหลวงพ่อศรีแก้ว  ก่ออิฐถือปูนทรงย่อแหลมย่อเหลี่ยม  เพื่อทางใต้ของพระอุโบสถเพื่อให้สาธุชน สืบไป   
เล่นซีละแก้บน
ซีละ คือ  ศิลปะการต่อสู้ของมลายู  การแสดงซีละ  จะมีการร่ายรำประกอบดนตรี  เป็นการแสดงมิใช่ต่อสู้จริง ( ถ้านำซีละมาต่อสู้จริงผู้ที่ชำนาญซีละสามารถใช้ซีละต่อกรกับมวยไชยา ได้อย่างเหมาะสมกัน ) หลวงพ่อท่านจะโปรดการรำซีละมาก จึงมีผู้คนมาบนกันมาก
ย้ายที่บรรจุสถูป
 หลวงพ่อพุฒ  เจ้าอาวาสวัดห้วยเงาะ  ในสมัยนั้น  ได้ทำการปฏิสังขรณ์อุโบสถ ตั่งแต่ พ.ศ 2500 – พ.ศ. 2505   อุโบสถหลังใหม่ก็สำเร็จ   จึงได้ย้ายอัฐิหลวงพ่อศรีแก้วไปไว้ใต้ฐานประธานพระอุโบสถ 
ปฐมบทแห่งการสร้างพระเครื่องหลวงพ่อศรีแก้ว
ในคืนของวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 9 ปีมะเมีย พ.ศ. 2521  หลวงพ่อได้ปรากฏในฝันกับชาวบ้านห้วยเงาะผู้หนึ่ง  ชื่อ คุณบุญเรือน   ความว่า  คุณบุญเรือน ได้เดินทางเข้าไปในวัดห้วยเงาะเข้าไปใกล้อุโบสถ  ปรากฏเจอหลวงพ่อเฒ่ารูปหนึ่งลักษณะน่าเลื่อมใส  จนเกิดความปิติยินดีจนบอกไม่ถูก  ดวงตาท่านมีแววแห่งความเมตตาคล้ายจะทักทาย  จึงก้มลงกราบท่านด้วยความ
ศรัทธายิ่ง  พลางจ้องมองท่าน  เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน
หลวงพ่อท่านกล่าวเป็นภาษาพื้นเมืองพร้อมชี้ไปที่สถูปเก่าของท่านว่า
“หมึงแลถีนุ้ย  กูอยู่ตากแดดตากฝนกูกะอยู่ได้  กูเอ็นดูสู  สูไปเตอะ  กูจิรักษา”
ผู้ที่ศรัทธาในหลวงพ่อศรีแก้ว  ต่างพูดกันว่า “หลวงพ่อยังอยู่  ยังรักษาเราอยู่”
วัตถุมงคล หลวงพ่อศรีแก้ว  ในสมัยนั้นมีการสร้างขึ้น 2 รุ่น  และจะกล่าวถึงแค่สองรุ่นด้วย คือ   รุ่นแรก  พ.ศ. 2522  และ รุ่นสอง พ.ศ. 2523
วัตถุมงคล หลวงพ่อศรีแก้ว รุ่นแรก  นับเป็นพระเครื่องรุ่นแรกของทางวัดห้วยเงาะ  เพราะทางวัดห้วยเงาะ ไม่เคยบันทึกเกี่ยวกับการสร้างวัตถุมงคลใด ๆ ไว้เลย  กำหนดฤกษ์ วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2522 พิธีพุทธาภิเษกได้เริ่มขึ้นเมื่อได้ฤกษ์จุดเทียนชัย  เวลา 22.20น. พระคณาจารย์ผู้ทรงศีล9รูปนั่งปรก
พิธีเททองหล่อหลวงพ่อศรีแก้ว (เท่าองค์จริง)
โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส  พระโศภนธรรมคุณ  วัดนาประดู่  เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  โดบเริ่มพิธีเททองวันที่  10  มีนาคม  พ.ศ. 2522  เวลา 9.20 น. พระสงฆ์ 9 รูป เจริญชัยมงคลคาถา  ท่ามกลางประชาชนผู้มาร่วมพิธีเนืองแน่น
ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ
ขณะที่พิธีกรรมพุทธาภิเษกดำเนินไปท่ามกลางพระเกจิอาจารย์นั่งปรก  “แสงเทียนนวหรคุณ ณ แสงเทียนชัย แสงเทียนวิปัสสีที่กำลังปรกติธรรมดาอยู่ภายในปริมณฑณก็พวยพุ่งเป็นลำแสงขึ้นสู่เพดานพระอุโบสถอย่างน่าอัศจรรย์”  ท่ามกลางคณะพุทธบริษัทที่ตกตะลึงและขนลุกซู่ในพิธี
ได้มีพระรูปหนึ่งใช้กล้องวัด  ถ่ายภาพฟิล์มสีไว้ได้
วัตถุมงคลหลวงพ่อศรีแก้ว  รุ่นสอง
สร้างขึ้นเพื่อหาปัจจัยสำหรับสร้าง “วิหารจตุรมุข” เพื่อประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อศรีแก้ว
โดยพุทธาภิเษก วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2523 ตรงกับวัน เสาร์ แรม5ค่ำ เดือน 5

  ของดีบางครั้งอยู่ไกลในป่าเขา  คนที่ศรัทธาจริง ๆ เท่านั้นที่โชคดีมีโอกาสเป็นเจ้าของ  การพระเครื่องของพระคณาจารย์ทางใต้นั้น  น้อยครั้งที่จะสร้างกัน  บางท่านก็ถ่อมตน  เพราะแกรงว่าจะเป็นการไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
   การสร้างพระเครื่องแต่ละครั้ง  จึงต้องพิจารณากันนาน  และเมื่อตกลงใจสร้างด้วยใจอันเป็นกุศลเป็นที่ตั้งไม่ใช่การค้า
   ดังนั้นพระเครื่องที่สร้างออกมาจะเปี่ยมล้น พุทธานุภาพ  ธรรมมานุภาพ   และ สังฆานุภาพ
ผู้ที่มีใช้ไว้ประจำตัวต่างพบเจอในบุญญาอภินิหารด้านต่าง ๆ เสมอมา  ตลอดเวลาที่ผ่านมาทางวัดไม่เคยได้ออกข่าว  จึงทราบกันในวงแคบ ๆ ละแวกจังหวัดใกล้เคียงเท่านั้น   


113
สุดยอดขนาดไหน ที่แน่ ๆ เส้นทางเมื่อ 100กว่า ปี ที่แล้วต้องเต็มไปด้วยป่าไม้รกทึบ ไข้ป่า สัตว์ป่านานาชนิดแน่นอน   พระเวทย์ของพระเกจิอาจารย์ในสมัยก่อนสุดหยั่งจริง ๆ  ยิ่งมีอยู่ในตัวเท่าไหร ยิ่งทำให้พระเกจิท่านนั้น ดูภูมิฐาน  อิ่มเอิบสดใส  คงเป็นไปได้ว่า พระเกจิสมัยก่อนนั้น ทุก ๆ ท่านหยั่งรู้ได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต เป็นแน่แท้
     พระเวทย์อีกวิชาหนึ่งซึ่งประจักษ์แก่สายตาชาวท้องถิ่น คือ วิชาสั่งกระสุน (ธนู) วิชานี้ท่านเอาไว้ใช้ปราบเด็กอันธพาลเกเร  ที่ไม่เชื่อฟัง   ในสมัยต้องมีวิธีการที่ใช้ปราบเด็กเกเรให้เด็ดขาด  วิธี หลวงพ่อศรีแก้วท่านสั่งสอนแบบธรรมดา  คือ  ผู้ที่โดดลูกธนูของท่านก็จะไม่กระทำในสิ่งที่ผิดที่คิดจะกระทำอีก  และทราบด้วยว่ากระสุนนั้นเป็นของใครทุกคนที่โดนจะต้องเข้าไปกราบไหว้ท่านและต้องกลับตัวเป็นคนดีประสอบการณ์เรื่องนี้มีมากมาย
   วิธีใช้ เมื่อท่านจะสั่งกระสุนไปโดนใคร (ลูกธนูดิน) ท่านจะนั่งบริกรรมพระคาถาอยู่ในกุฏิ  คนที่จะกระทำผิดก็จะโดดลูกธนู  พร้อมเสียงร้อง โอ๊ย ทุกคน
วิชาสั่งกระสุนนี้ ชาวบ้านในแถบถิ่นรู้กันดี ว่าถ้าใครโดด คือ หลวงพ่อท่านเตือนแล้ว อย่าได้บังอาจคิดกระทำผิดอยู่  ฉะนั้นในละแวกวัดจึงมีแต่คนคิดดี ทำดี
   หลวงปู่แดง  วัดศรีมหาโพธิ์  จ.ปัตตานี  เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับสายพระเวทย์ว่า “ วิชาไสยศาสตร์และคาถาอาคม เปรียญเหมือนมีดเราจะใช้ทำอะไรก็ได้ ฆ่าคน  ทำร้ายคนหรือนำมาเป็นประโยชน์ป้องกันตัว ช่วยคน ตัดไม้ทำอาหาร มีดมิใช่ว่าใช้ทำร้ายคนอย่างเดียว ประโยชน์ต่าง ๆ ก็มีมากมาย” 
เป็นพระอุปัชฌาย์
หลวงพ่อศรีแก้ว ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์  ในรัชสมัยราชที่ 4  หลวงพ่อได้ให้การบรรพชาและอุปสมบทแก่กุลบุตร  ผู้มีความศรัทธาอย่างกว้างขวางท่านต้องรับภาระหนักมาก  ทุกปีจะต้องเดินทางไกลโดยใช้ช้างเป็นพาหนะ  ช้างของท่านมีอยู่ 2 เชือก ชื่อ  อ้ายหนุน เป็นช้างพราย  และ  บูดาหยัง  เป็นช้างพัง
ทำงานพระศาสนา
หลวงพ่อผู้เปี่ยมด้วยเมตตาแก่ผู้เข้าสนทนาด้วยความปิติในศีลาจารวัตรว่า
“ตลอดชีวิตของกู  ทำนกบินหลาตาย  ตัวเดียว”
หลวงพ่อศรีแก้ว สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ หลังจากวันเพ็ญวิสาขะมาศ ท่านก็จะออกเดินทางจากวัดห้วยเงาะ  โดยมีช้างเป็นพาหนะ  รอนแรมไปตามทาง  เพื่อให้การอุปสมบทแก่ชาวพุทธที่อาศัยอยู่ใน กลันตัน ปะริด ไทรบุรี  ในสมัยนั้น กลันตัน  ปะริด  ไทรบุรี  ยังเป็นเขตแดนไทยอยู่  เพราะ หลวงพ่อศรีแก้ว  มีชีวิตอยู่ พ.ศ. 2357 – พ.ศ. 2447  แต่ไทยเสียดินแดน กลันตัน ปะริด ไทรบุรี ประมาณ พ.ศ 2451  เมื่อเสร็จภารกิจแล้ว  ก็จะเดินทางอ้อมกลับไปทางสงขลา
กว่าจะเดินทางมาถึงวัดห้วยเงาะ เป็นเวลาถึง 8 เดือน จึงให้การอุปสมบทแก่วัดค้างเคียงก่อน  และจะอุปสมบท ที่วัดห้วยเงาะ เป็นครั้งสุดท้าย หลวงพ่อท่านจึงอธิษฐานเข้าพรรษา
มรณภาพ
หลวงพ่อศรีแก้วทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในภาคใต้ของไทยตลอดจน กลันตัน  ปะริด  ไทรบุรี  จนกระทั่งได้ร่วงเลยมาถึงวัยชรา  ท่านได้ถึงกาลมาณภาพ ในวัย 90 พรรษา  พรรษาที่ 69
หลวงพ่อศรีแก้วได้มรภาพลงแล้วชาวพุทธผู้ศรัทธาในองค์หลวงพ่อก็หล่งไหลไปนมัสการกราบไหว้บูชา  บางคนมีเรื่องทุกข์ร้อน  ก็บนหลวงพ่อของความเมตตา หากสิ่งใดเป็นไปเพื่อความสุจริต  ก็จะสมปรารถสิ่งนั้นตามสมควร
    จึงมีคนพูดว่า   “บนพ่อท่านในหีบ”


114
ประวัติวัดห้วยเงาะ
   วัดห้วยเงาะเป็นวัดโบราณ  สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2200   สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี  ได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2319  มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “วัดอรัญวาสิการาม” ตั้งอยู่ หมู่ 4  ต.ทุ่งพลา อ. โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี  มีเจ้าอาวาสถึงปัจจุบัน 7 รูป
เจ้าอาวาสรูปแรก คือ หลวงพ่อจันทร์
เป็นผู้อุปการะและบูรณะวัดห้วยเงาะ เป็นองค์ที่สร้างถาวรวัตถุเพิ่มเติมในบางส่วนของวัด  หลวงพ่อจันทร์ ท่านสร้างทุกสิ่งทุกอย่างจาก “พลังศรัทธา”  หลวงพ่อจันทร์ เล่าสืบต่อกันมาว่าท่านเก่งด้านแพทย์แผนโบราณ และ  ไสยเวทย์มาก
เจ้าอาวาสรูปที่สอง คือ หลวงพ่อศรีแก้ว
ท่านเป็นศิษย์เอกหลวงพ่อจันทร์  รับเอาวิชาอาคมต่าง ๆ ของหลวงพ่อจันทร์มาทั้งหมด
เจ้าอาวาสรูปที่สาม คือ พระอธิการชัย
เจ้าอาวาสรูปที่สี่ คือ พระอธิการพรหมแก้ว
ในสมัยนี้วัดห้วยเงาะได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการจาก “วัดทักษิณสาคร ” มาเป็น “วัดอรัญวาสิการาม”
เจ้าอาวาสรูปที่ห้า คือ พระครูไพศาลถาวรกิจ (พุฒ ฐานิโย) 
ในสมัยของพระครูท่าน ทางวัดช้างให้ได้จัดทำวัตถุมงคล รุ่นแรก เนื้อว่าน ของ สมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  2497  ซึ่ง พระครูท่านเป็นหนึ่งในพระเถระที่เข้าไปนั่งปรกอธิษฐานจิตในพิธีครั้งนั้น  ซึ่งถือได้ว่าเป็นพิธีที่ใหญ่มากทีเดียวในยุคเก่าก่อน และยังมีพระเถระที่เข้าร่วมพิธีอีกหลายรูปที่มิยอมให้เอ่ยถึงนามขององค์ท่าน

 ท่านพระครูไพศาลถาวรกิจ  เป็นพระเกจิที่ชาวบ้านยกย่องท่านในด้านไสยเวทย์ถือว่าท่านเป็นหนึ่งในทำเนียบยุคนั้นเลยทีเดียว
เจ้าอาวาสรูปที่ 6 คือ พระครูพิทักษ์อรัญญาวาส ( พ่อท่านธี )
เจ้าอาวาสรูปที่ 7 คือ พระปลัดอุดม
เจ้าอาวาสรูปที่ 6 และ 7  ท่านเป็นศิษย์ของ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ   
                 
   ประวัติหลวงพ่อศรีแก้ว
 ชาติกำเนิด
  หลวงพ่อศรีแก้ว  ท่านมีภูมิลำเนาอยู่ ณ บ้านโคกม่วง  อ.เทพา จ.สงขลา ท่านเกิดประมาณ พ.ศ. 2357  นามบิดามารดาไม่ปรากฏทราบแต่เพียงว่ามีพี่น้อง 5 คน แต่มีบันทึกไว้เพียง 3 คน คือ ปู่ทวดพรหมทอง ทวดพัดทอง  และหลวงพ่อศรีแก้ว
เยาว์วัย
  ตั่งแต่เยาว์วัยเป็นเป็นเด็กที่อยู่ในโอวาทของบิดามารดา  ขยันขันแข็ง  รักในการทำงาน  ชอบสันโดษอยู่กับธรรมชาติ  เมื่ออายุได้ 16 ปี  เด็กชายศรีแก้ว ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อจันทร์ วัดห้วยเงาะ (วัดทักษิณสาคร) ในสมัยนั้น  เล่าต่อ ๆ กันว่า หลวงพ่อจันทร์ ท่านเดินจากวัดห้วยเงาะ  ไปยังพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช  เพื่อเข้าพิธียิ่งใหญ่ของพระธาตุ ซึ่งในสมัยก่อนนั้น พระเกจิท่านรู้กัน “นิมนต์การทางจิต ”  หลวงพ่อจันทร์ท่านออกเดินทางจากวัดห้วยเงาะ  ในเวลาบ่าย 2 โมงเย็น ถึงในพิธี ณ พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ในเวลาเกือบจะ 4 โมงเย็นของวันเดียวกัน   ระยะทางจากวัดห้วยเงาะถึงพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ประมาณ 370 กม.  นับว่าอัศจรรย์มาก  เรื่องนี้เป็นที่โจษขานกันมากในยุคนั้น   หลวงพ่อจันทร์ท่านยังมีวิชาแปรธาตุสภาพวัตถุให้เป็นสิ่งมีชิวิตได้  วิชานี้ชาวบ้านทั่วไปจะเห็นกันอยู่บ่อย ๆ เมื่อ ชาวบ้านนำของไปถวายแด่องค์ท่านหลวงพ่อจันทร์  เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ ท่านเอ่ยวาจาว่า “นั้นสูเอาลูกไก่มาทำไม”  เมื่อชาวบ้านก้มมองของที่นำมาถวายแก่หลวงพ่อจันทร์  ณ  บัดนั้นได้กลายเป็นลูกไก่ร้องเจี๊ยบ ๆ   เสียแล้ว และเมื่อมองอีกอีกครั้งหนึ่ง  ลูกไก่เจี๊ยบ ๆ ได้กลายเป็นสิ่งของเหมือนเดิมเสียแล้ว  วิชานี้ หลวงพ่อทวดสีพุฒ  วัดกาโผะ  อาจารย์ใหญ่ของ หลวงปู่แดง  วัดศรีมหาโพธิ์  จ. ปัตตานี  เคยใช้หยอกศิษย์ท่านเหมือน  ในสมัยก่อนมีศิษย์ท่านได้นำภัตตาหารไปถวายหลวงพ่อทวดสีพุฒ   ท่านเอ่ยวาจาประมาณว่า “สูเอานกมาทำไมนั้น”  เมื่อศิษย์ท่านมองดูภัตตาหารได้กลายเป็น นกน้อยเสียแล้ว  และในบันดล นกน้อย ก็ กลายเป็นภัตตาหารเหมือนเดิม  นับว่าพระเกจิยุคเก่าก่อน  น่าอัศจรรย์กันทุกองค์ 
บรรพชา
เมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์  นายศรีแก้วจึงได้รับการอุปสมบทในราว พ.ศ. 2378  ณ วัดห้วยเงาะ โดยมี หลวงพ่อจันทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์  พระอาจารย์หลวงปู่หิด  เป็นพระกรรมวาจาจารย์
   พระศรีแก้วเป็นพระที่ใฝ่หาในวิทยาคมและขยันหมั่นเพียร เมื่อเป็นพระภิกษุท่านได้ศึกษาเวทย์จากหลวงพ่อจันทร์  จนบรรลุในจุดที่สามารถจะไปไหนมาไหนได้อย่างอาจารย์เมื่อถึงจุดหนึ่งพระศรีแก้วจึงออกธุดงค์ เพื่อเสาะหาอาจารย์ที่เรืองเวทย์ในสถานที่ต่าง ๆ กัน  โดยไม่จำกัดว่าวิชาเหล่านั้นท่านได้มาจากเพศบรรพชิตหรือฆราวาส  ตามประวัติท่านออกธุดงค์เงียบหายไปเป็นเวลานานมาก  เงียบหายไปกับกาลเวลา
   พระศรีแก้ว กลับมาวัดห้วยเงาะอีกครั้งหนึ่ง  แต่ครานี้ท่านกลับกลายเป็น หลวงพ่อศรีแก้วผู้เข้มขลังด้วยพระเวทย์  เต็มเปี่ยมเมตตาปรานี  เพียบพร้อมด้วยไสยและโหราศาสตร์และวิชาแพทย์แผนโบราณ  แต่น่าเสียดายที่สมุดบันทึกมิได้กล่าวถึงรายนามพระอาจารย์ของท่าน  ที่ท่านออกธุดงค์ไปพบเจอพร้อมทั้งศึกษาไสยเวทย์  มาให้ชนรุ่นหลังได้ทราบ  ทราบแต่เพียงว่าท่านธุดงค์ไปถึง  ถ้ำผ่าปล่องสู่ถ้ำเชียงดาว  ระยะทางจากปัตตานี ถึง เชียงใหม่  ในเวลานั้นจะ

115

 
พระอุปัชฌาย์ศรีแก้ว  พ.ศ. 2357 - พ.ศ. 2447
วัดอรัญวาสิการาม (ห้วยเงาะ) ต.ทุ่งพลา  อ.โคกโพธิ์  จ.ปัตตานี

  "บารมีธรรม"  ไม่ว่าจะไกลแสนไกล  จะใกล้แสนใกล้  บารมีธรรมก็คือบารมีธรรมย่อมไปถึงทุกแห่งหน
     บารมีธรรมเป็นของไม่ยาก  มองกันง่ายเห็นกันง่าย  แต่จะมีให้เห็น  จะมีให้มองหรือไม่นั้น  ไปอีกทำนองหนึ่ง  หากใครเจอะเจอพบเห็น  ถือได้ว่าบุคคลนั้นคนโชคดีคนหนึ่ง ในจำนวนอีกหลาย ๆ คน
      ผู้เห็นบารมีธรรม  จำนวนเท่าที่เห็นจริงนั้น   ส่วนใหญ่เจ้าของบารมีธรรมจะไม่อวดอ้างกลับอยู่นิ่งเฉย  บางสถานที่ถึงกับกับถ่อมองค์อย่างไม่น่าเกลียด  “ของจริงนิ่งเป็นใบ้”  และผู้พบเห็นบารมีธรรมจริง ๆ ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจของเขาเองว่า   “บารมีธรรมจะคงอยู่ในลักษณะอย่างไร”
    หลวงพ่อศรีแก้ว ท่านเปรียบประดุจดั่งช้างเผือก  การเจอะเจอคนหมู่มากย่อมน้อย  และหากใครได้เจอนับได้ว่ามีบุญวาสนาอยู่ในผู้นั้นมากพอสมควร  ไม่จำเป็นที่จะต้องถึงกับเป็นการสำคัญที่จะต้องเข้าไปสักการบูชา  กราบไหว้แนบชิดปลายจีวรกับตัวท่าน  แต่เพียงขนาดเหรียญบูชารูปเหมือนของท่านหากมีอยู่ถือได้ว่า  คนผู้นั้นเป็นผู้มีบุญอยู่ในข้อที่สามารถมีบานธรรมคุ้มครองตนเองอยู่แล้ว
    กล่าวเช่นนี้เนื่องเพราะว่า  วัตถุมงคลอันเป็นสิ่งทดแทนในบารมีธรรมของท่านหลวงพ่อศรีแก้วนั้น  กว่าจะมาเป็นหรือถึงจุดสูงพอจะรับบารมีธรรมเพื่อเป็นตัวแทนท่าน  ทุกอย่างต้องพิถีพิถัน  ถูกต้องตามกาลฤกษ์ตามประสาคนเฒ่าคนแก่บ้านนอกบ้านนา
   เพราะฉะนั้นทุกขั้นตอนการจัดทำจึงต้องประณีตละเอียดลออครบหลักสูตร  พระเกจิที่เข้ามานั่งปรก  นั่งแผ่เมตตาจิตมานั่งแผ่บารมีธรรม  “ไม่ว่าจะเป็นชั้นเทพยวิมานในที่องค์ ท่านแผ่ไปนั้น ถึงไหน ทุก ๆ องค์ย่อมรู้อยู่แก่ในจิตใจขององค์ท่านเองดี ”  ช้างเผือกย่อมอยู่ในป่า  (ลึก)
   วัตถุมงคลของหลวงพ่อศรีแก้ว  นับได้ว่าเป็นสิ่งวิเศษใหญ่หลวงแม้จะไม่เลอเลิศมากนัก  แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง  ทุกขั้นตอนทั้งความมีบารมีธรรมในรูปเหมือนของวัตถุมงคลที่มีอยู่ในองค์ท่าน 

     อีกทั้งได้รับการนั่งปรกปลุกเสกจากพระเกจิผู้เพียบพร้อมในรูปขององค์ท่านอยู่แล้ว   พระเกจิอาจารย์ที่เข้าร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลหลวงพ่อศรีแก้วมีหลายรูปชื่อเสียงขององค์ท่านไม่ขจรขจายเป็นที่รู้จักของคนนอกพื้นที่มากนัก  แต่ท่านเหล่านี้แหละเป็นพระเถระที่เข้าไปนั่งปรกในพิธีหลวงปู่ทวด  2497   วัดช้างให้   อยู่หลายรูป   แต่องค์ท่านเหล่านี้ไม่ยอมเปิดเผยองค์ท่านต่อสาธารณชน  คนนอกพื้นที่จริงไม่ทราบและไม่รู้จักองค์ท่านมากนัก  นี่คือรูลักษณะของความจริงในวัตถุมงคลของหลวงพ่อศรีแก้ว  คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนัก
     เป็นอย่างนั้นจริง ๆ  มีบทพิสูจน์ที่รู้และทราบกันในละแวกท้องถิ่นและชนแดนไกล หรือแม้แต่ชาวต่างชาติและต่างศาสนา  ที่เช่าหาวัตถุมงคลของหลวงพ่อไป  ก็พบพานอภินิหาริย์มากมายด้วยเช่นเดียวกัน  จะกล่าวให้ทราบในภายหลัง
    แม้ระยะทางจะไกลอยู่บ้างสำหรับพุทธชนทั่วแคว้นแดนไทย  ที่จะมาสักการะองค์ท่านด้วยตนเอง  ดังนั้นจึงมีการจัดทำรูปจำลองขององค์ท่านออกมาในรูปลักษณ์วัตถุมงคล  เพื่อให้บารมีธรรมแห่งองค์หลวงพ่อศรีแก้วที่มีอยู่  ถูกบรรจุในวัตถุสิ่งนั้นได้คุ้มครองช่วยเหลือทุกท่านที่อยู่ไกลแสนไกลอย่างไร้กังวล


116
 เพิ่มเรื่องสาราธณกุศลขององค์ท่านที่มีต่อชุมชนด้วยน่ะครับ  เช่น   โรงพยาบาล  โรงเรียน  เป็นต้น  เคยทราบมาว่า หลวงพ่อเปิ่น  วัดบางพระ  สร้างสาธารณกุศลไว้เป็นร้อยล้านบาท

117
น้อมส่งพระคุณท่านสู่แดนนิพพานครับ

118
  เห็นแล้วนึกถึง หลวงพี่ที่รู้จักกัน  ท่านให้พระเม็ดแตง  หลวงปู่ทวด มา  1 ถุง   ท่านพูดยิ้ม ๆ ว่า "ให้เอาไปแจกกิ๊กน่ะ"   :001: :001: :001:

119
   ครั้งหนึ่งมีผู้สร้างพระ นำพระจากโรงงานหลายพิมพ์ มีทั้งสมเด็จ เหรียญ พระผงหลวงพ่อทวดเหยี่ยบน้ำทะเลจืด ไปให้แม่ชีบุญเรือน วัดอาวุธ หนึ่งใน 108 พระอภิญญาแดนสยามปลุกเสก ยังไม่ทันปลุกเสกท่านชี้ไปที่กล่องหนึ่งใน จำนวนหลายกล่องว่า กล่องนี้ไม่ต้องปลุกก็ศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว เล่นเอาคนนำไปให้ท่านเมตตาปลุกเสกงง เพราะไม่ รู้ว่ากล่องนั้นเป็นพระอะไร เพราะเอาไปหลายพิมพ์ พิมพ์ละกล่อง หลังจากท่านปลุกเสกเสร็จ กรรมการได้เปิด กล่องที่ท่านชี้ว่า ไม่ต้องปลุกก็ศักดิ์สิทธิ์ดู เป็นพระพิมพ์หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืดทั้งกล่อง นี้เป็นเรื่องจริง ที่ศิษย์แม่ชีบุญเรือน หรือใครที่เล่นสายนี้ทราบเป็นอย่างดี น้อมนมัสการต่อองค์สมเด็จหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืดอีกครั้ง
   
    "เรื่องนี้แสดงให้ถึงบารมีขององค์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  และอภิญญารู้แจ้งเห็นจริงของแม่ชีบุญเรือน วัดอาวุธ "

120
  สิ่งสำคัญที่พบเห็นได้จากคำพูดของคนในยุคสมัยนี้นั้น คือ คนสมัยนี้ชอบ  "พูดจาด่าพ่อล่อแม่"  ยกตัวอย่างง่าย ๆ  เ..ดแม่   พ่อมึ..
แม่มึ..   ถ้าคน ๆ นั้น  แขวนพระเครื่องอยู่กับตัว  จะกลายเป็นการเปิดประตูทอง พุทธคุณจะหยุดลงทันที  เพราะพระสงฆ์เวลาปลุกเสกพระ ท่านก็เชิญคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ มาเหมือนกัน ฉะนั้นเมื่อไปลบหลู่คุณของท่านเหล่านั้น มันก็เท่ากับเราลบหลู่ครูบาอาจารย์ของเราด้วย
  ยกตัวอย่างง่าย ๆ  จาก พระคาถาคงกระพัน  หลวงพ่อเปิ่น  วัดบางพระ
 พระพุทธังรักษา  พระธัมมังรักษา  พระสังฆังรักษา  พระบิดารักษา  พระมารดารักษา  อิระชาคะตะระสา  นะมะนะอะ  นอกอนะกะ  กอออนออะ  นะอะกะอัง  อะสังวิสุโลปุสะพุภะ  สังวิฑาปุกะยะปะ  อาปา  มะจุปะ ทีมะสังอังชุ  ปาสุอุชา  สะถาวิปิ  ปะสะอุ  ตะมัตตังปะกาเสนโต  สัตตา  อาหะกันหะ  เนหะ  นะโมพุทธายะ  นะมะพะทะ   จะพะกะสะ  มะอะอุ

จะพระคาถาก็ไม่ต้องอธิบายอะไรมากอยู่แล้ว  โดยทั่วไปถ้ามีข่าวประเภทนี้ออกมา  ผมเชื่อเป็นอันดับแรกว่าคนที่คล้องพระ  ทำผิดครูชัว ๆ  ฉนั้นก่อนจะแขวนพระเครื่ององค์ไหน  กรุณาสืบหาข้อห้าม  ที่ครูบาอาจารย์ท่านนั้น  ได้กล่าวไว้ก่อนเสียเถอะ ... :058: :058: :058:

121
ข้อห้ามในการแขวนพระและของขลัง"
สิ่งสำคัญที่ควรศึกษา
โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์

ข่าวคนที่ถูกยิง ถูกแทง ถูกตีจนตาย ทั้งที่มีพระเต็มคอ ตะกรุดเต็มเอว พบเห็นได้ดาษดื่น บ่อยครั้งเป็นเหตุให้คนที่มีศรัทธาในของขลังเริ่มคลอนแคลน ที่ไม่ศรัทธาอยู่แล้วก็หยิบยกมาโจมตีว่า ไม่เห็น “วิเศษ” ดังคำคุย
เป็นเพราะอะไร

จะมีสักกี่คนที่คิดเจาะลึกลงไปถึงเบื้องหลังของสาเหตุว่า ทำไมวัตถุมงคลเหล่านั้นจึงไร้ “ประสิทธิภาพ” คิดแบบตื้นๆก็ต้องว่า ของขลังเหล่านั้นไม่ขลังจริง คิดให้ลึกไปอีกหน่อยก็ต้องว่า ของนั้น “เคยขลัง” แต่ต้องมาเสื่อมเพราะใครคนนั้นเอง คิดแบบลึกสุดใจก็ว่า “กรรม”

“กรรม” แปลว่าการกระทำ ซึ่งมีทังทำดี-ทำชั่ว พูดถึงตรงนี้ก็มีเสียงค้านกัน “ตึม” ว่า แล้ว “ไอ้เสือ” ที่ปล้น ฆ่าชิงทรัพย์ในยุคเก่าก่อนเล่า เหตุใดจึง “หนังดี” ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นก็ทำชั่ว แต่ความขลังก็ยังคงอยู่ ทำไมไม่เสื่อม
ผมตอบทันที เพราะไม่ผิดครู...!!

ใช่ว่าผมจะไม่เชื่อกรรม ไม่เชื่อผลของกรรม แต่กรรมบางอย่างก็ไม่อาจให้ผลได้ในปัจจุบัน ทั้งคนที่เป็นเสือและคนที่เป็นเจ้าทรัพย์ ก็ล้วนแล้วแต่สร้างกรรมมาร่วมกัน เป็นเหตุให้ต้องมาพบกันในลักษณะนั้น เรื่องกรรมมันลึกซื้งซับซ้อนยากจะอธิบาย ต้องคุยกับระดับพระมหาเถระอาจกระจ่างได้บ้าง
แต่เรื่อง “แรงครู” คุยกับผมก็ได้

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา เคยเล่าให้ผมฟังว่า ท่านมีลูกศิษย์ผู้ชายอยู่ 2 คน สมมตินามว่า “ยอด” กับ “ยิ่ง” ทั้งสองเป็นคนใจถึง เข้าทำนอง “ใจนักเลง” (ไม่ใช่อันธพาล) เขา 2 คนนับถึงหลวงพ่อพุธมาก เคยมาขอพระจากท่าน ท่านก็ให้เหรียญ รุ่นดีเซลราง ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นสองในชีวิตท่าน แต่เป็นรุ่นแรก ขณะที่มาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน แก่เขาไปคนละเหรียญ เขาก็แขวนคอทันที

แขวนไม่นาน ยอดก็ประคองยิ่งมาต่อว่าหลวงพ่อเป็นการใหญ่ว่า พระรุ่นเดียวกัน รับพร้อมกัน แต่ทำไมไม่ขลังเลย เจ้ายิ่งโดนยิงทะลุไส้แตก เพราะอะไร หลวงพ่อเงียบไปในทันที ไม่ใช่เงียบในลักษณะ “จน” แต่เป็นการ “ตรวจสอบ” บางอย่างโดยวิธีของท่าน สักพักท่านก็พูดเย็นๆ ขึ้นว่า
“เพราะเพื่อนคุณไปเปิดประตูทอง”

สองคนนั้นงง อะไรคือประตูทอง ท่านเฉลยต่อ “ก็คุณ” ชี้ไปที่คนถูกยิง “ไปด่าแม่เขาเข้านะสิ นั่นละเปิดประตูทอง” สองหนุ่มก็กระจ่างใจในบัดดล จึงขอขมาหลวงพ่อแล้วเล่าถวายว่า
เขาไปดื่มสุราในร้านอาหารแห่งหนึ่ง พบกับคู่อริที่ไม่ชอบหน้ากันเลยเกิดตะลุมบอนขึ้น เขามีกันสองคน แต่พวกนั้นมีเกือบสิบ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ถอย วาดลวดลายจนนักเลงมวยหมู่ตั้งตัวไม่ติด 1 ใน 10 นั่นก็เลยชักปืนขึ้นมาแล้วกระโดดเข้าล็อกคอหนุ่มยอด เอาปืนกดขมับแล้วลั่นไกทันที

เล่าถึงตอนนี้หลวงพ่อทำมือทำไม้ประกอบ พลางว่า “มันยิงดัง..แต๊บ...แต๊บ...แต๊บ...สามนัดแต่ไม่ออก” ข้างหนุ่มยิ่งเห็นคู่อริเอาปืนจ่อหัวเพื่อนก็เข้าใจว่า “ข้างหนุ่มยิ่งเห็นคู่อริเอาปืนจ่อหัวเพื่อนก็เข้าใจว่า “ขู่” ให้กลัวเท่านั้น จึงร้องตะโกนออกไปว่า “...แม่! แน่จริงมึงอย่าใช้ปืนสิวะ” ไอ้คนยิงฉุนกึก ใจกะจะฆ่าอยู่แล้วไม่ใช่แค่ขู่ เลยเบนกระบอกปืนไปที่คนปากเก่งแล้วลั่นไก
“ปัง”

แม่นยังกับจับไปวาง กระสุนทะลุท้องทันที หนุ่มยิ่งถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น คู่อาฆาตเห็นท่าไม่ดี เลยเผ่นตะโพงกันไปหมด ทั้งสองจึงมีเรื่องมาต่อว่าหลวงพ่อด้วยประการฉะนี้

ก็เหรียญรุ่นเดียวกันรับพร้อมกัน อันหนึ่งยิงออก อันหนึ่งไม่ออก ทำไมจะไม่แปลกใจ เดชะบุญว่าหลวงพ่อมี “จิตรู้” ที่แจ่มใส ท่านจึงทราบความเป็นมาเป็นไปของคนทั้งสอง แล้วตอบ “เคลียร์” ให้เข้าใจหาไม่แล้วหลวงพ่อคงถูกให้ร้ายว่าไม่เก่งจริง

ได้โอกาสผมจึงเรียนถามว่า “แสดงว่าพระของหลวงพ่อห้ามคนแขวนด่าพ่อด่าแม่ใช่ไหมครับ” ท่านตอบว่า “ไม่ใช่แต่ของหลวงพ่อดอก ของใครก็ห้ามเหมือนกัน เพราะพระสงฆ์เวลาปลุกเสกพระ ท่านก็เชิญคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ มาเหมือนๆกัน ฉะนั้นเมื่อไปลบหลู่คุณของท่านเหล่านั้น มันก็เท่ากับเราลบหลู่ครูบาอาจารย์ของเราด้วย”
“สรุปว่าพระของหลวงพ่อห้ามอะไรบ้างครับ”

ท่านยิ้มแล้วว่า “พระของหลวงพ่อห้ามคนแขวนลบหลู่บุพการี (คือพ่อแม่) ของตัวเอง และคนอื่น ห้ามลบหลู่ครูบาอาจารย์ของคนอื่น ถ้าทำได้อย่างนี้พระนั้นขลังจริง”

นั่นเป็นข้อห้ามที่ฟังมาจากท่าน
อาจื๊อ (คุณเพียรวิทย์ จารุสถิติ) เคยเล่าให้ผมฟังว่า คนแขวนพระหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ตั้ง 3 องค์ แต่ถูกยิงตาย ประดาศิษย์มาซักไซ้เอากับหลวงปู่ถึงกุฏิ เพราะพระที่แขวนก็แท้ แต่ถูกยิงเข้า หมายความว่าอย่างไร เรื่องนี้มันสั่นประสาท “คนเป็น” ที่ยังแขวนพระท่านเสียจริง จึงต้องถาม
ทำไมเป็นอย่างนั้น?

ท่านเงียบไปอึดใจ ก่อนตอบว่า
“พ่อแม่มัน มันยังไม่เอา จะให้พระเอามันได้อย่างไร”
สืบไป สืบมา ได้ความว่า เขาคนนั้นเป็นคนขี้เหล้า ขี้พนัน เมื่อขอเงินพ่อแม่ไม่ได้ก็ประเคนให้ด้วยแข้ง เข่า ไม่เอาพ่อเอาแม่จริงๆ

นี่ถ้าหลวงปู่ไม่แจ่มแจ้งในเชิง “ฌาน” ต้องจนแต้มอย่างไม่ต้องสงสัย
นั่นเป็นเรื่องที่สองพระเถระต่างวัยต่างยุคสมัยบอกเล่าได้ตรงกัน แสดงถึงข้อห้ามอย่างชัดเจนว่า พ่อ-แม่ เป็นของสูง จะนำมาพูดจาบจ้วงล่วงเกินไม่ได้เลย มิฉะนั้นจะมีผลดังที่เล่ามา
ยังไม่จบเพียงนั้น

เพื่อนผมคนหนึ่งแขวนเหรียญ “พ.ฆ.อ.” เนื้อเงิน เป็นรูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) พระอุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคุณนรฯอยู่ เหรียญนี้ท่านเจ้าคุณนรฯ ได้ทำการอธิษฐานจิตให้ถึง 2 ครั้ง 2 คราว เรียกว่า “ขลัง” พอดู
เมื่อผมพบเขาเรื่องที่คุยก็ไม่พ้นพระ ตอนหนึ่งผมถามว่ามีภรรยามาแล้วตั้ง 2 คน เวลาหลับนอนแบบนั้นถอดพระบ้างไหม เขาตอบอย่างมั่นใจ “ไม่ถอด” ผมตกใจมาก แต่ก็ทำหน้าให้เป็นปกติ ถามต่อว่า แล้วไปเที่ยวสถานบริการที่มีผู้หญิงแบบนั้น ถอดไหม “ไม่เคยถอด” หนำซ้ำเขายังถามคืนว่า “ถอดไปทำไม พระอยู่ที่ใจ”

เออ ! คนเรานี่ก็แปลก ถ้าว่าพระอยู่ที่ใจจริง แล้วจะแขวนพระเครื่องไปทำไมเล่า แล้วพระอะไรหนอที่เข้าไปสิงใจเพื่อนผมแล้วชวนมันไปเที่ยวที่อย่างว่า ชวนมันไปกินเหล้า ถ้าพระชนิดที่มันบอกมีจริง โปรดอย่ามา “อยู่ที่ใจ” ผมเลย
ผมเสียว !

แล้ววันแห่งความพลิกผันในชีวิตของเขาก็มาถึง เมื่อวันหนึ่งเพื่อนเอาปืนมาหยอก แล้วลั่นไกแบบหยอกๆ ลูกปืนก็เลยออกแบบหยอกๆ แต่ผลของมัน “ไม่ใช่หยอก”

เพราะมันทะลุปอดซ้าย แล้วไปหยุดอยู่ที่กระดูกสันหลัง เมื่อแพทย์โรงพยบาลสมิติเวชดึงหัวกระสุนปืนออก น้ำไขสันหลังก็เยิ้มหนืบตามลูกกระสุนออกมาราวกับเยลลี่ ผลของมันก็คือทำให้เพื่อนของผมเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงไปสุดปลายเท้าตลอดชีวิต

สังเวยความดื้อ ด้วยวัยเพียง 24 ปี
เมื่อผมไปเยี่ยม เขารำพึงว่า “เชื่อนายเสียก็ดี” ผมมาคิดดูว่าถ้าเขาต้องมีอายุขัยสัก 70 ปี เขาต้องทรมานอย่างนี้ไปอีกตั้งเท่าไหร่ มันไม่คุ้มเลยกับที่เราเชื่อความเห็นของตนเองชนิดที่ไม่ยอมรับครูบาอาจารย์ เรื่องทำนองนี้ยังมีอีก
รุ่นน้องของผมคนหนึ่งชื่อ “จุ๊” มาขอพระหลวงปู่ทิม อิสริโก จากผม เพราะรู้ว่าผมมีเยอะ ผมก็ให้เหรียญห่วงเชื่อม 8 รอบไป เขาก็รีบนำไปเลี่ยมพลาสติกแขวนคอ วันหนึ่งเกิดอยากเที่ยวที่แบบนั้นประสาหนุ่มน้อย ก็ชวนน้องชายขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่โรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งในตัวเมืองชลบุรี

ด้วยความที่ผมย้ำ “ข้อห้ามสากล” สำหรับพระทุกชนิดว่า

1. ห้ามด่าแม่
2. ห้ามเป็นชู้ลูกเมียเขา
3. ห้ามใส่พระเข้าสถานบริการทางเพศ หรือใส่มีเพศสัมพันธ์เด็ดขาด

ถ้าฝ่าฝืน พระต้องเสื่อมแบบถาวร อย่างไม่ต้องสงสัย หนุ่มจุ๊ก็ได้คิด ก่อนจะเข้าไปเลยถอดพระออกจากคอไปสวมให้น้องชาย นาม “โจ้” ไว้แทน และกำชับว่าให้คอยอยู่นอกรั้วนี้ ห้ามเข้าไปเด็ดขาด พี่จะเข้าไปคุยกับเพื่อนเดี๋ยวออกมา ว่าแล้วก็จ้ำอ้าวเข้าไป ปล่อยให้น้องโจ้คอยอยู่นอกรั้ว

ข้างหนุ่มโจ้รออยู่ครึ่งชั่วโมง พี่ชายก็ไม่ยอมออกมา แดดก็ร้อน เลยคิดว่าขอเข้าไปหลบแดดที่ชายคาบ้านคงไม่เป็นไร คิดแล้วก็ล็อกมอเตอร์ไซค์ พลางเดินมุ่งตรงไปที่ตึก เพียงแค่หนุ่มโจ้เดินผ่านประตูรั้วเหล็กเข้าไปเท่านั้นเขาก็ต้องตกใจชะงักอยู่กับที่
เมื่อได้ยินเสียงวัตถุบางอย่างแตกดัง “เปรี๊ยะ”

เสียงนั้นอยู่ใกล้เหลือเกิน โจ้จึงก้มลงมองหารอบๆเท้า ด้วยเข้าใจว่าคงเหยียบเศษอะไร แต่ก็ไม่พบ ครู่เดียวก็เกิดเอะใจจึงล้วงสร้อยคอออกมาดู ปรากฏว่าพลาสติกที่เลี่ยมเหรียญหลวงปู่ทิมเกิดการ “ระเบิด” ย่อยๆ จนพลาสติกแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เฉพาะตรงด้านหน้าที่เป็นรูปท่านเท่านั้นที่คงสภาพเดิม
น่าอัศจรรย์จริงๆ

โจ้ยืนงงคิดไม่ตกอยู่กับที่เป็นนานสองนาน เมื่อพอจะเข้าใจได้ลางๆ ก็เผ่นพรวดออกมายืนข้างมอเตอร์ไซค์ พอพี่ชายตัวดีเดินตัวลอยกลับมาก็ฉะเสียยกใหญ่ คาดคั้นว่าที่เข้าไปไม่ใช่บ้านเพื่อนใช่ไหม พี่ก็โวยวายว่ารู้ยังไง อย่ามามั่ว โจ้จึงงัดพระออกมาให้ดู
เลยเงียบไปอีกคน

แล้วสารภาพเสียงอ่อย “เออ! นั่น...ซ่อง...” จากนั้นก็ตรงมาหาผม 2 คนนั่นเลยได้ฟังเทศน์เสีย 3 ชั่วโมงรวด ก็ผมเสียดายของผมนี่นา

ผมเก็บเหรียญนั้นไว้ถึง 3 ปี เพื่อเป็นตัวอย่างบอกเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง จนพระหลวงปู่หายากเข้า คุณป๊อบ เจ้าของร้านข้าวมันไก่โอเชี่ยนจึงมาออดอ้อนขอเอาไป ไม่อย่างนั้นผมจะมีรูปเหรียญทั้งพลาสติกเดิมมาให้ชม
เห็นไหมเรื่อง “มาตุคาม” กับพระเข้ากันได้เมื่อไร กรณีหนุ่มจุ๊ถือว่าโชคดีที่หลวงปู่ทิมท่านเมตตา “แสดง” ให้รู้ว่าอาตมาไม่อยู่ด้วยละ แต่กรณีท่านเจ้าคุณนรฯท่านไปแบบเงียบๆ คนแขวนเลยไม่ทันระวังตัว อันตรายจริงๆ

พูดเรื่องนี้มีอีกเยอะ เพื่อนบางคนแขวนเหรียญหลวงปู่แช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต เข้าสถานบริการกลับออกมาเหลือแต่ตลับ เหรียญข้างในหายจ้อย สร้อยก็อยู่กับคอ ตลับก็ไม่ได้เปิด พระไปได้อย่างไร อีกคนใส่ตะกรุดหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เกิดหักโป้งเป็น 2 ท่อน ทันทีที่ใต้ชั้น 2 ของที่อย่างว่า
ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่

เดี๋ยวจะเหมือนเพื่อนผมที่เอาอนาคตมาดับเพราะความดื้อรั้นของตัวเอง ด้วยข้อห้ามสากลทั้งหมดนั้นใช่ว่าผมจะบัญญัติขึ้นมาเองเสียเมื่อไร ผมก็ถามไถ่เอาจากครูบาอาจารย์เสียทั้งนั้นแหละครับ ทุกองค์บอกเหมือนกันเดี๊ยะ ผมก็ไม่กล้าดื้อกับท่านดอก

เพราะยังเสกเองไม่เป็น
ทั้งหลายทั้งปวงที่เล่ามานั้นเป็นเรื่องของข้อห้ามสากล ทีนี้ก็เป็นเรื่องของ “ข้อห้ามเฉพาะ” บ้างละ ข้อห้ามเฉพาะ คือ พระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังประดามีที่ครูบาอาจารย์แต่ละองค์ แต่ละสำนักจะบัญญัติเอาไว้ว่า ห้ามอย่างนั้น อย่างนี้ หากว่าไม่ยอมทำตาม ผลน่ะหรือ...
เสื่อมสนิท

เช่น พระหลวงพ่อมุม อินทปัญโญ วัดปราสาทเยอร์ จ.ศรีสะเกษ มีข้อห้ามเฉพาะ ดังนี้
1. ห้ามลอดไม้ค้ำต้นกล้วย
2. ห้ามใช้มือทั้งสองกอบน้ำในบึง หนอง คลอง ที่ตนลงเล่นมาดื่มกิน
นี่คือข้อห้ามเฉพาะที่จำเป็นต้อง “ถือ” ต่อท้ายข้อห้ามสากล คนชอบซื้อพระเคยฉุกคิดบ้างไหม หรือสนแต่ซื้อขายอย่างเดียว ถ้าเป็นดังนั้น อย่าแปลกใจเลยหากจะมีข่าวคนถูกยิงทะลุทั้งๆที่ใส่พระหลวงพ่อมุม
โทษท่านได้ไหมว่า “ไม่ขลัง”

หรือ แหวนมหาสัตตโลหะของหลวงพ่ออั้น คันธาโร วัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ห้ามแกว่งมือจุ่มนิ้ว ลงในแม่น้ำลำคลอง หรือแหล่งน้ำธรรมชาติทั้งหลาย มิฉะนั้นชักขึ้นมาจะเหลือแต่มือเปล่า
แหวนไปไหน?

ข้อนี้ไม่ทราบ ทราบแต่ว่าไปขอคืนได้ที่กฏิ เพียงแต่ทนฟังท่านดุด่าเสียหน่อยเป็นค่าแหวน นี่ลุงผมเจอมากับตัว หรือตะกรุดมหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ที่มีข้อห้ามว่า “อย่าพกพาต่ำกว่าเอว” เพราะของๆท่านสำเร็จขึ้นด้วยบารมีของพระพุทธเจ้าเอาพระพุทธเจ้าไว้ต่ำได้หรือ!

หรือของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี จ.สุรินทร์ ทุกชนิดมีข้อห้ามที่ว่า ไม่ให้กินเหล้ากินเบียร์อย่างเด็ดขาด กินเมื่อใดเสื่อมเมื่อนั้น
วลี “ไปสุรินทร์ต้องกินสุรา” คงถูกโค่น เพราะหลวงปู่นี่แหละ
แล้วมันน่ากลัวดีไหม ถ้าเก็บพระของหลวงปู่หงส์ตกทอดไป 10 ปี 20 ปี ลูกหลานไม่รู้ข้อห้ามเอาใส่ไปกินเหล้า แล้วเกิดตีกัน ลูกหลานท่านจะเป็นอย่างไร
เหล่านี้คือสิ่งที่ควรศึกษาให้รู้ก่อนแขวน

ยังมีอีกเยอะแยะ มากมายครับ เขียนมากไปก็เกรงจะเป็น “สอนพระสังฆราช” อีก จึงได้แต่วิงวอนผู้เลื่อมใสในพระเครื่องของขลังจงระวังระไว จะแขวนจะคาดสิ่งใดโปรดตรวจสอบที่มาที่ไปก่อนเถิด อย่าตามใจตัวเองจนเก่งเกินครู ไม่อย่างนั้นท่านอาจจะต้องเสียใจในภายหลัง
ขอให้จงรู้แจ้งเห็นจริงทุกท่าน สวัสดีครับ...

122
เปลี่ยนแทบทุกวันเลยครับส่วนใหญ่หมุนเวียนกัน

1.สมเด็จวัดดักคะนน 2466
2.สมเด็จหลวงปู่นาค วัดระฆัง 2495
3.พระยายเขียด 05 (สุดยอดประสบการณ์พระเครื่องtop ten 3 จังหวัดชายแดน)
4.หลวงปู่ทวด วัดดีหลวง 05
5.หลวงปู่ทวด วัดแหลมทราย 2510
6.หลวงปู่ทวด 5 แช๊ะ วัดศรีมหาโพธิ์ 38 (พระดังเมื่อ 10 ปีก่อน พิมพ์เตารีด)
7.หลวงปู่ทวด 5 แช๊ะ วัดศรีมหาโพธิ์ 38 (พิมพ์สี่เหลี่ยม)
8.หลวงปู่ทวด วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี พิมพ์พระรอดเศียรโต ปี36
9.หลวงปู่ทวด วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี พิมพ์พระรอด ปี 37
10.หลวงปู่ทวด วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี พิมพ์กรรมการ ปี 37
11.หลวงปู่ทวด วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี พิมพ์หน้าอาปาเช่ ปี 36
12.หลวงปู่ทวด วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี  พิมพ์หน้าอินเดีย ปี 36
13.หลวงปู่ทวดบุญฤทธิ์ วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี  ปี 18 ( พิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก กดมือ)
14.หลวงปู่ทวดบุญฤทธิ์ วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี  ปี 18 ( พิมพ์เล็ก กดเครื่อง)
15.หลวงพ่อทวดนวล วัดตุยง 07
16.หลวงพ่อทวดหมาน วัดทรายขาว 07
18.หลวงพ่อพัฒ วัดใหม่ 05 (อาจารย์ของหลวงพ่อทอง  วัดสำเภาเชย)
19.ขุนแผน ท่านอุทัย วัดวิหารสูง
20.ชุดวัดทรายขาว ( หลวงปู่ทวดคละรุ่น เหรียญอ.นอง ตะกรุดนารายณ์แปลรูป)
21.ชุดวัดห้วยเงาะ ( หลวงปู่ทวดคละรุ่น พ่อท่านเขียว ตะกรุด ลูกอม ปลัดขิก )
22.ชุดพ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย 2484 - 2494
23.อาจารย์ทิม 08
24.เหรียญ อ.เปรม วัดวิหารสูง หลัง พ่อท่านทองเฒ่า วัดเขาอ้อ
เป็นต้น


ผมชอบแขวนพระดีราคาย่อมเยาว์ครับ และชอบพระเครื่องสายใต้มากที่สุดเพราะผมเป็นชาวใต้  ส่วนใหญ่เปลี่ยนพระทุกครั้งครับสลับไปเรื่อย แขวนวันละ 3 - 5 องค์ เป็นความสุขตัวขอรับ ตอนนี้กำลังพยายามแขวนให้นาน ๆ อยู่ครับ

                                                                                                                                             





123
ผมอยู่หาดใหญ่ครับ....ถ้าจะเริ่มนับต้นทางที่หาดใหญ่..เวลาจะไปก็นั่งรถไฟ
ชั้น3 ไปจากหาดใหญ่ประมาณ 6 โมงเช้าและลงที่สถานีปากคลอง(รถจะถึง
สถานีเวลาประมาณ 9โมงกว่าๆ ) จากนั้นก็นั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างจากสถานี
ไปยังวัดเขาอ้อ..ระยะทางประมาณ 2กิโล..แป็บเดียวก็ถึงครับ
ในละแวกนั้นยังมีวัดในสายเขาอ้อ...เช่น วัดดอนศาลา วัดบ้านสวนอยู่ใกล้กัน และ
ยังมีวัดภูเขาทองอีกวัดนึงห่างจากสถานีรถไฟปากคลองนิดเดียว..เดินไปก็ได้ครับ
ไปกราบหลวงพ่อคล้อย วัดภูเขาทอง..ท่านเป็นเกจิสายเขาอ้ออายุ 80 กว่าปีแล้ว
ส่วนขากลับมาหาดใหญ่เนี่ย..หากจะนั่งรถไฟกลับก็มีรถเที่ยวประมาณ 11โมงกว่า
ส่วนรถเที่ยวบ่ายนี่ผมไม่แน่ใจ....หรือถ้าไม่อยากกลับรถไฟก็นั่งรถประจำทางกลับ
ก็ได้ครับ..แต่น่าจะต่อรถหลายทอดหน่อย...ลองถามชาวบ้านแถวนั้นดู

อ่ะ  วัดภูเขาทอง  อยู่แถวนั้นด้วยหรอครับ  ผมไม่เคยสังเกตุเลย  *0*

124
ส่วนใหญ่ฝีมือมนุษย์สร้างน่ะครับ 

125
อ่ะลืมบอก  ที่วัดเขาอ้อ  มีท่านอาจารย์ไพรัช  ด้วยน่ะครับ กุฏิท่านอยู่ใกล้ ๆ กุฏิเจ้าอาวาส

126
ถ้าสมมุติว่าผมจะไปพัทลุงครับ ไปวัดเขาอ้อ ถ้าไปพักที่เขาปู่ย่า มันไกลจากวัดมากไหม ไปเองครับ
เงินไม่ค่อยเยอะ  ใครอยู่ที่พัทลุง ช่วยแนะนำด้วยนะครับผมมมม       :053: :053: :053:

  ไม่ไกลครับ และชื่อดังของจังหวัดพัทลุง อยู่ติด ๆ กันหมด วัดบ้านสวน  วัดเขาอ้อ  วัดวิหารสูง (ท่านอุทัย)  วัดประดู่เรียง  และถ้าข้ามทะเลน้อยไปฝังเมืองสงขลา (ฝังเกาะยอ) ในแถบนั้นจะมีวัดชื่อดัง  และพระอาจารย์เรืองเวทย์หลายรูป หลายวัด แต่ชื่อเสียงไม่กว้างใกล้เท่าไหร่นัก ช้างเผือกย่อมอยู่ในป่า ถ้าข้ามฝังทะเลน้อยมาลองไปวัดพะโค๊ะ   วัดดีหลวง  วัดต้นเลียบ  ตามรอยสักการะหลวงปู่ทวด ก็ดีครับไม่ไกลกันเท่าไหร่จากวัดเขาอ้อ 
   ถ้าไปวัดเขาอ้อ ตอนนี้ก็จะมี รุ่น 900 ปี เขาอ้อ ให้บูชา มีวัตถุมงคลให้เลือกเยอะครับ  รุ่นเก่า ๆ มี่เคยได้มาก็มี หลวงปู่ทวด ปี 32 ที่วัดยังเหลืออยู่  ส่วนเรื่องข้อห้ามนั้นผมเคยสอบถามกับพี่ที่ดูแลที่เช่าวัตถุมงคลของวัดเขาอ้อครับ คุณไปสอบถามพี่เขาได้คนที่ตัวใหญ่ ๆ ดำ ๆ
ถ้าพ่อท่านห้อง เจ้าอาวาสอยู่ ก็สามารถนำพระที่เราเช่าบูชาไปให้ท่านประสิทธิ์ให้อีกรอบได้ครับ  และที่วัดเขาอ้อ เรื่องยาสมุนไพร ก็มีชื่อเสียงน่ะครับส่วนใหญ่เป็นยาโบราณ อ่ะ  ถ้าไปวัดเขาอ้อแล้ว  กรุณาเลยไปวัดวิหารสูง ด้วยน่ะครับ พระอาจารย์อุทัย  ท่านศิษย์ พ่อท่านปลอด วัดหัวป่า จ.สงขลา  เก่งครับ  ไปเอาตะกรุดยันต์ครูของท่านน่ะ  เยี่ยมยอดเป็นที่สุด  ส่วนใหญ่ท่านจะแจกวัตถุมงคลของท่านให้ผู้ไปกราบท่านอยู่แล้วครับ  สอบถามได้ครับพระอาจารย์สายใต้ตอนล่าง เก่งจริง  ไม่พูดมาก ไม่อวดอ้างวิชา  ปาริหาริย์ล้วน ๆ

127
ผงพรายสมุทร  พ่อท่านเจิม  วัดหอยราก  นครศรีธรรมราช

  โดยปกติพระเครื่องที่ผสมดิน 7 ป่าช้า พระออกไปทางไสยเวทย์เสียมากกว่าคุณพระ  แต่กระนั้นก็แฝงคติธรรมบางส่วนไว้  โดยความหมายของดินเจ็ดป่าช้านั้น คือ  คนเรามีเกิดมา 7 วัน  และคนเราก็ต้องตายใน 7 วันนี้เหมือนกันครับ

129
          วันก่อนผมไปกราบท่าน พระอาจารย์ไพรัช  วัดเขาอ้อ  เห็นท่านสร้างฤาษีนาคราช เหมือนกันครับ
 
    ฤาษีนาคราช ฤาษีผู้มีตะบะเดชะการบำเพ็ญเพียรจนสามารถจำแลงแปลงการเป็นครึ่งคนครึ่งนาคได้  ท่านมีเมตตาจิตสูงชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก และท่านยังเปนผู้มีจิตโอนอ่อนมาทางพระพุทธศาสนา ท่านยังเป็นผู้ที่ปกป้องดูแลคุ้มครองพระพุทธศาสนา
 
คาถาบูชาพระฤาษีนาคราช
ตั้ง นะโม 3 จบ
นะติตัง พญามะ นาคายะ อภินัง นาคา สาธุโนภันเต ยะมะ ยะมะ

ถ้าเป็นองค์เดี่ยวกันก็น่าจะประมาณนี้หล่ะครับ

130
    ต้องพร้อมทุกอย่างครับ ความรู้  เกรด  การแต่งกาย  กิริยามารยาท  สัมมาคารวะ   อ่อมน้อมถ่อมตน  ไหวพริบ    ความมั่นใจในตนเอง    ความฉลาดในคำพูด   เป็นต้น

  ผมเคยใช้สีผึ้งดอกไม้ทอง หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน  กับ  สีผึ้ง หลวงปู่กาหลง  ไปสอบ conversation ก็โอเคครับ
ขอให้โชคดีครับ
   

131
คาถาอาราธนา พระเครื่องและตะกรุดหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

 ตั้งนะโม 3 จบ ระลึกถึง(หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) แล้วภาวนา คาถาหลวงปู่ศุข ว่าดังนี้
 อิติอะระหังสุคะโต เกสโรนามะเต ประสิทธิเม อิหิอะโห นะโมพุทธายะ

    หมั่นสวดภาวนาเป็นประจำ ป้องกันภัยพิบัติต่างๆ เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย พระเครื่องหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นพระเครื่องที่มีพุทธคุณสูงมากเป็นที่ต้องการของใครหลายๆคน  

    ผมอาราธนาพระที่ท่านเสกไว้ติดตัวอยู่ครับ ได้ความเมตตาจากท่านพระครูอุทัยธรรมสาร (อั้น อภิปาโล) มอบให้มา 1 องค์  พุทธคุณสุดยอดจริง ๆ  ไม่ต้องบรรยายมาก

132
น้อมกราบส่งหลวงปู่สู่แดนนิพพานครับ   ช่วงนี้พระเถระดับขันต์มากเหลือเกิน  หลวงปู่พิชัย  วัดเขาหงส์ อายุ 108 ปี ก็เพิ่งมรณะภาพไปไม่นานนี้เองครับ 

133
    วันก่อนผมไปได้ตะกรุดดำเซ็น นางพิมพ์ มา แล้วดันเอาไปวางรวมกับหิ้งพระที่คอนโดของผมอ่ะครับ หิ้งพระที่คอนโดก็มีพระไม่มากเท่าไหร่ครับเอาจากหิ้งพระที่บ้านมานิดหน่อย   มีหลวงปู่ทวด ประมาณ 100 กว่าองค์  และพระของสายกรรมฐาน(สายหลวงปู่มั่น) อีกนิดหน่อย 
  วันก่อนดันลืมเอาไปวางรวมกันได้  ดูจากลักษณะเครื่องรางแล้ว  นางพิมพ์ ดำเซ็น เป็นไสยศาสตร์ไม่น่าจะเหมาะอย่างยิ่งที่จะวางไว้รวมกับพระเครื่องพระบูชาของพระเถระ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และ ครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน
ควรจะขอขมาดีไหมครับ  :003: :003: :003:

                                                                                                                           ขอบคุณครับ

134
 เห็นแวบแรก นึกไปถึง  วัดพังเถี๊ยะ สงขลา 05  กับ  วัดแจ้ง สงขลา 05  พิจารณาแล้วก็ไม่ใช่ทั้งสองวัด  เลยนึกไปถึงวัดควนวอเศษ เพราะวัดควนวิเศษสร้างหลวงปู่ทวดเนื้อว่านที่ถอดพิมพ์มาจากพิมพ์เตารีดวัดช้างให้หลายพิมพ์ มีบางพิมพ์ใกล้เคียงกันบ้าง  แต่ไม่กล้าตัดสินใจ สรุปคือ ไม่รู้เหมือนกันครับว่าวัดไหน    :003: :003: :003:


135
ชอบครับ ที่บ้านเลี้ยงไว้เยอะ

ที่ USA เคยมี The dog ที่หลงทางจากเจ้าของระหว่างการเดินทางไปเยี่ยมญาติ ที่เจ้าของของมันไปด้วย  ด้วยความรักเจ้าของ The dog ตัวนี้ได้ใช้เวลา 1 ปี เศษ  ระยะทางกว่า  4000  กม.  เดินทางกลับมาหาเจ้าของที่บ้าน   นี้แหละคือความจงรักภักดีและซื้อสัตย์รักเจ้าของที่สุด  ของ  น้อง 4 ขา   :003: :003: :003:



 :058: :058: :058:

136
สวยครับ   :058:   

137
  คำถามยากเกินไปไม่สนุกเลยครับ   :074: :074: :074:  เดือนตุลาคม ผมจะไปปัตตานีเดียวจะไปหาวัตถุมงคลมาเล่นเกมส์  คราวนี้จะตั้งคำถามให้ง่ายกว่านี้ครับ แต่ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องต่อกร (ไม่ง่ายจนเกินไป  :005:)  ผมขอปิดกระทู้ และ เฉลยคำถาม

ผมขอเฉลย คำถามของผมนะครับ

ข้อ1. (ภาพ: อาจารย์ทิม ธัมมธโร ขณะกำลังบริกรรมคาถาในพิธีเททองหล่อพระเครื่องหลวงพ่อทวด ปี 2505
โดยมีนายอนันต์ คณานุรักษ์ ยืนอยู่ด้านหลัง, ภาพนี้ถ่ายโดยนายจำเริญ วัฒนายากร)

ข้อ2. วัดพะโคะ อ.สทิงพระ จ.สงขลา

ขัอ3  วัดมุจลินทวาปีวิหาร หรือ วัดตุยง ตั้งอยู่ที่ ๑๐ หมู่ ๑ ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี  ครับ

ข้อ4  ในภาพมีพระเถระ  3 รูปดังนี้ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว  หลวงปู่แดง วัดศรีมหาโพธิ์  หลวงปู่ทอง  วัดป่ากอ  ในภาพ เป็นพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลของวัดศรีมหาโพธิ์ ภาพนี้เป็นภาพประทับใจของศิษย์สายหลวงปู่ทวดครับ  ในภาพพระอาจารย์นอง  วัดทรายขาว สักการะ หลวงปู่แดง  วัดศรีมหาโพธิ์  ก่อนเริ่มพิธีปลุกเสก  สำหรับหลวงปู่แดง ท่านนี้พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ และ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว  นับถือเสมือนครูบาอาจารย์ของท่านทั้งสองครับ  คนโบราณในแถบถิ่นกล่าวกันยามใดที่หลวงปูแดง ไปปลุกเสกพระหลวงปู่ทวด ที่วัดช้างให้ พระอาจารย์ทิม  จะถวายกุฏิของท่านให้หลวงปู่แดงครับ สำหรับพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ยามใดเจอหลวงปู่แดง วัดศรีมหาโพธิ์ สองเข่าแนบพสุธา สองมือกราบบนหน้าตักทำการสักการะเสมอมา  นับว่าหลวงปู่แดงท่านไม่ธรรมดาที่เดี่ยว

ข้อ5 ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว หรือ ศาลเจ้าเล่งจูเกียง
ตั้งอยู่ที่ถนนอาเนาะรู เป็นศาลที่ประดิษฐานรูปแกะสลักของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พระหมอเจ้าแม่ทับทิม ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปีจะมีงานประเพณีแห่เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไปตามถนนสายต่างๆภายในตัวเมืองปัตตานีทำพิธีลุยไฟบริเวณหน้าศาลเจ้าเล่งจูเกียง
ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำตานีบริเวณสะพานเดชานุชิต ในงานนี้มีผู้ที่เคารพศรัทธามาร่วมงานเป็นจำนวนมากทุกปี  เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว  มีพี่ชายชื่อลิ้มโต๊ะเคี่ยม ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การสร้างปืนใหญ่พญาตานี และ  มัสยิดกรือแซะ เมื่อ 400 ปี ที่แล้ว

ข้อ6  ท่าน ๆ นี้ เป็นสหายธรรมรูปหนึ่ง ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  วัดช้างให้  ครับ  ท่านมีนามว่า หลวงปู่ทวดบุญฤทธิ์  สถิตย์ ณ  วัดศรีมหาโพธิ์  ครับ เป็นผู้สร้างวัดบ้านดอน ในอดีตหรือ วัดศรีมหาโพธิ์ ในปัจจุบัน เมื่อประมาณ 400 ปีที่แล้ว กล่าวว่าท่านเป็นพระธุดง  ธุดงมาจากเมืองนครศรีธรรมราช มีนามเดิมว่า หมวกแก้ว ธุดงมาปักกรดใต้มะม่วงหิมพานต์  ณ สถานที่ตั้งวัดศรีมหาโพธิ์ในปัจจุบัน ชาวบ้านในสมัยก่อนเรียกท่านว่า ทวดย่าร่วง หรือ ทวดต้นมะม่วง   ภายหลังเจ้าอาวาสองค์ที่ 6 ของวัดบ้านดอน นามว่า หลวงพ่อเกลื่อม เมืองปัตตานีและเมืองไทรบุรีได้เกิดเหตุการณ์  กบฏกุเด็น   ขึ้นทำให้วัดบ้านดอน  กลายเป็นวัดร้างนับตั้งแต่นั้นมาประมาณ 100 กว่าปี  มาจนถึงสมัยพศ. 2494  พระเดชพระคุณ  พระเทพญาณโมลี  วัดตานีนรสโมสร เจ้าคณะจังหวัดปัตตานีในสมัยนั้นได้ค้นพบว่า มี วัดเก่าแก่โบราณวัดหนึ่งเป็นวัดร้างชื่อ วัดบ้านดอน จึงสั่งการให้ พระครูญาณวิมล (กิมสุย)  เจ้าคณะอำเภอโคกโพธิ์ ในสมัยนั้น สั่งการให้หลวงพ่อแดง เดินทางมาสำรวจ และบรูณะสังขรณ์ขึ้นมาใหม่  กล่าวกันว่าเมื่อครั้งหลวงพ่อแดง (สมัยหนุ่ม ๆ เรียกหลวงพ่อ )  ได้นำชาวบ้านมาช่วยกันถางป่าได้เกิดฝูงต่อแตน ฝูงใหญ่บินมาไล่ชาวบ้าน  และในคืนนั้นเอง หลวงพ่อแดง ได้นิมิตเห็น พระภิกษุชรา มากล่าวตำหนิ ท่านว่า มารบกวนก่อความรำคาญ  จะทำอะไรไม่บอกกล่าวให้รู้กันบ้าง  ในวันรุ่งนี้ หลวงพ่อแดง ได้นำดอกไม้ธูปเทียนไปบูชาขอขมา และบอกกว่าให้ทราบถึงวัตถุประสงค์  หลังจากนั้นในการบรูณะวัดไม่ปรากฏเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นอีกเลย  และ ได้พบ สถูปเก่าแก่โบราณของ หลวงปู่ทวดบุญฤทธิ์  ผู้เป็นตำนานบทหนึ่งของแดนใต้และปฐมเจ้าอาวาส  ภายหลัง หลวงพ่อแดง ได้เปลี่ยนนามวัด จากวัดบ้านดอน เป็น วัดศรีมหาโพธิ์  ตามต้นโพธิ์ต้นใหญ่ที่ให้ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนาภายในวัด

138
  ผมเคยค้น ๆ อัลบัลรูปถ่ายเก่า ๆ ที่บ้านครับ เจอรูปถ่ายท่านครับ ตอนนั้นที่บ้านผมจัดงานทำบุญ ท่านมาทำพิธีพร้อมกับเกจิใต้ อีกหลายรูป เช่น พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้  หลวงปู่แดง  วัดศรีมหาโพธิ์  หลวงปู่หวาน  วัดสะบ้าย้อย (สมัย 2511 - 2512 ไม่มั่นใจ)
หลวงปู่ดำ  ท่านสนิทกับคุณปู่ผมครับ   สมัยท่านกับคุณปู่ผมชอบแต่งบทกวีด้วยกัน

  เหรียญชุดนี้มีประการณ์ทหารโดนโจรใต้ถล่มกับM16  โดนตรงใกล้ ๆ วัดตุยง ครับ   M16 ยิงไม่เข้ามีเพียงรอยเหมือนแดง ๆ โดนก้านธูปจี้เท่านั้นเอง  กระดูกไม่แตก  ไม่หักไม่ร้าว   สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด 

139
  ตั้งโจทย์โหดไปไม่สนุกเลยครับ  :074: :074: :074: ครั้งหน้าจะตั้งโจทย์ให้ง่ายกว่านี้ครับ  คราวนี้พลาดจริง ๆ  คำถามของกระผมเจาะลึกเฉพาะสายเกินไป   ต้องขออภัยอย่างสูงเลยครับ   :054: :054: :054:

141
  เครื่องรางเรื่องความรัก ผมไม่ค่อยสันทัดอ่ะครับ  ถ้าเรื่องโชคลาภที่อยากจะแนะนำก็มีเอาแบบราคาไม่แพงนะครับ  พระปิดตามหาลาภ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ  ผ้ายันต์รับทรัพย์เพิ่มทรัพย์  พ่อท่านเขียว  วัดห้วยเงาะ   ขุนช้างพ่อท่านเขียว  วัดห้วยเงาะ   ราหู  พ่อท่านเขียว  วัดห้วยเงาะ  ล็อคเก็ตรับทรัพย์  พ่อท่านเขียว  วัดห้วยเงาะ  ใช้พระปิดตา หรือ  พระปิดตามหาลาภ ของ พ่อท่านแดง  วัดศรีมหาโพธิ์  โชคลาภรับทรัพย์เป็นเลิศเหมือนกัน
   
  พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ องค์นี้  "ด้านทางบู๊แมลงวันไม่ได้กินเลือด  ด้านเมตตาก็สุดยอดแห่งมหานิยม"     ท่านมี วิชารับทรัพย์เพิ่มทรัพย์ พ่อท่านเขียวท่านนำวิชานี้มาสร้างเป็น ผ้ายันต์รับทรัพย์เพิ่มทรัพย์ การพุทธาภิเษกต้องเข้มขลัง เป็นไปตามตำราทุกประการ เพราะผ้ายันต์ของท่านนั้นสามารถพกไว้ในกระเป๋ากางเกงได้ ไม่ว่าหญิงหรือชายไม่มีเสื่อม ซึ่งมีลูกศิษย์ใกล้ชิดเคยถามท่านในข้อนี้ ท่านว่า ทองอยู่ที่ไหนก็คือทอง มิใช่หิน หรือตะกั่ว

     ท่านเริ่มทำผ้ายันต์รับทรัพย์ ครั้งแรกตอนหลานท่านคนหนึ่ง มีปัญหาเรื่องการทำมาหากิน เงินทองไม่คล่องมือ ท่านเลยนำวิชานี้มาทำผ้ายันต์ครั้งแรก ส่วนหลานท่านแต่แรก อยากจะปิดกิจการ แต่พอได้ผ้ายันต์ไปบูชาทำให้กลับมารุ่งเรืองในเวลาไม่กี่เดือน ในตำราได้บอกไว้ว่า อันวิชารับทรัพย์ เพิ่มทรัพย์ นี้ให้นำดินหัวใจแม่โพสพ มาทำดินสอเขียนยันต์ลบผง นำมาสร้างโพธิ์สัตว์ พกติดตัวไม่รู้จักอดยาก โชคลาภ บริบูรณ์ทรัพย์สินเงินทองเต็มเรือน ประดุจท้องพระคลังหลวง หรือจะนำผ้าบังสุกุล เขียนยันต์ด้วยหมึกดีปลาก็วิเศษนักแล เมื่อเจอแล้วทำเอาเถิด มิอดอยาก มิรู้จน ได้เชื่อแล้ว วิชาเป็นของ หลวงพ่อดำ วัดนางโอ พ่อท่านเขียวท่านเรียนมาก่อนหน้านี้ ท่านทำแต่ผ้ายันต์ได้อย่างเข้มขลัง จนมีผู้คนไปขอท่านมากจนทำไม่ทัน

    แต่ถึงกระนั้น พ่อท่านเขียว ท่านจะสอนญาติโยมที่ไปกราบท่านเสมอให้เลิกใช้คำว่า “ทำมาหากิน” แต่ให้ใช้คำว่า “ทำมาหาไว้” แทน ในทำนองว่าทำมาหาไว้ อย่ากิน อย่าใช้ จนหมด นั่นเอง


                                                                                                ขอบคุณครับ

142
  ผมว่า 5 เสือ แระน่ะครับ  :095: :095: :095:  เสือ 3 ตัวนั้น จัดให้เป็นเสือฝาแฝดครับ    :003: :003: :003: :003:

143
*ไม่ต้องตอบละเอียดหรอกครับ  ขอโดยสังเขปก็พอ  ใบ้เยอะและ     :095: :095: :095:

144
   เหลือเวลาอีกหลายวันครับ   :095: :095: :095:    ลองค้น ประวัติ เกจิเก่า ๆ สายใต้ตอนล่างดูน่ะครับ  หรือ  สถานที่สำคัญ ๆ  ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ 4  จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง   ดูน่ะครับ น่าจะเจอ   ( ไม่ต้องซีเรียสมากน่ะครับ  ภาพ 1 ภาพ 4 ถือเป็นภาพประวัติศาสตร์  ในพิธีปลุกเสกพระเครื่องของแดนใต้ (ตำนาน) โดยเฉพาะภาพ 1  หาชมยาก  ภาพ 4 กับภาพ  6  มี ความสัมพันธ์กัน  )   ภาพ 2 ผมเคยตั้งกระทู้ไว้ครับ  ภาพ 3  คุณพี่ Pepsi  เคยตั้งกระทู้ไว้  ไม่ต้องตอบละหรอกครับ  ขอโดยสังเขปก็พอ  ใบ้เยอะและ    :095: :095: :095:

145
ใบ้เพิ่มให้อีกนิดครับ ภาพ 1 3 4 5  ภาคใต้ตอนล่าง 3 จังหวัดชายแดน  ภาพ 2   จังหวัดนี้มี คำขวัญ  "นกน้ำเพลินตา  สมิหลาเพลินใจ  เมืองใหญ่สองทะเล  เสน่ห์สะพานป๋า  ศูนย์การค้าแดนค้าแดนใต้ "  

146
ข้อ 1 .  อธิบายภาพนี้โดยสังเขป



ข้อ 2 . จากโบราณสถานในภาพ  จงบอกชื่อวัดนี้



ข้อ 3.  วัดนี้คือ วัดใด



ข้อ 4.  ให้บอกชื่อพระเถระทั้ง 3 รูปในภาพ  และอธิบายภาพโดยสังเขป



ข้อ 5.  ศาลเจ้านี้คือที่ใด  อธิบายมาด้วย



ข้อ 6. ภาพนี้คือ  สถูป  ของพระมหาเถระรูปใดในแดนใต้ตอนล่าง  






ยากได้ใจไหมล่ะครับ   ผมจะมาเฉลยในวันศุกร์ที่  1  ตุลาคม  2553   มีเวลาให้คิดอีกนานครับ  ขอสงวนรางวัลไว้สำหรับผู้ตอบถูกต้องที่สุดคนแรก เท่านั้นครับ  ใบให้นิดนึงทุกอย่างอยู่ในภาคใต้   ปล.ถ้าไม่มีใครตอบถูก ผมจะเฉลยบางข้อ  และบางข้อจะใบ้ให้อีกนำไปรวมกับคำถามรอบต่อไป  ซึ่งรางวัล  อาจจะเป็น  เหรียญ อจ.นอง วัดทรายขาว
 
เชิญเล่นเกมส์ได้นะบัดนี้    ขอให้ทุกท่านจงโชคดี   " Salamas  malam "
                                                                                                                ขอบคุณครับ

147
อย่าเพิ่ง ตอบกันน่ะครับ  คำถามยังไม่ได้ตั้งเลย ขอเวลา  10  นาที  ผมใช้กล้องมือถือถ่ายภาพเลยไม่ชัด ต้องขออภัยด้วยครับ

148
  มาเล่นเกมส์กันหน่อยครับ  นี้คือรางวัลของผม







หลวงปู่ทวด  วัดศรีมหาโพธิ์  รุ่น 108 ปี  พ่อท่านแดง  เสก 5 พิธีเข้ม  เนื้อว่านล้วนพิมพ์กดมือแบบโบราณตามฉบับ หลวงปู่ทวด เมืองปัตตานี โดยแท้  เนื้อว่านที่ใช้เป็นเนื้อว่าน ที่ พ่อท่านแดง เสกไว้ ดีทั้งนอก และ ดีทั้งใน  มีพระเถระในสายหลวงปู่ทวด 2 รูป ร่วมเสก คือ 1 พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย  ปัจจุบันท่านอายุประมาณ 93 พรรษา  เกจิเมืองใต้ต่างกราบพระเถระรูปนี้  หลวงพ่อวีระ พระอาจารย์ใหญ่กรรมฐานเเบบสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน กล่าวรับรองว่า "หลวงปู่หวานไม่ใช่พระธรรมดา พระผู้เฒ่าองค์นี้ ขันติบารมีเป็นเลิศ"  หลวงปู่เฉลิม วัดพระญาติ อยุธยา กล่าวว่า " หลวงปู่หวานหนะพระผู้เฒ่าสำคัญนะ" 
2 .  พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ  องค์นี้ก็สุดยอดครับ

ครั้งที่ 1  วันที่ 29 ธ.ค.2551 พิธีพุทธาภิเษก ณ เขารังเกียบ ยอดนางจันทร์ วนอุทยานน้ำตกทรายขาว พ่อท่านพล วัดนาประดู่ จุดเทียนชัย และดับเทียนพุทธาภิเษกชุดใหญ่ปัตตานี พระเกจิอาจารย์ปลุกเสก พ่อท่านนุ่ม วัดมะเดื่อทอง, พ่อท่านเพ็ง วัดทรายขาว, พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ, พ่อท่านเจริญ วัดช้างให้ (วัดบันลือคชาวาส), พ่อท่านเฉียง วัดบ้านดี, พ่อท่านจวน วัดมะกรูด, พ่อท่านจ่าง วัดศรีมหาโพธิ์
 
ครั้งที่ 2 วันที่ 10 ม.ค.2552 ตั้งแต่เวลา 17.09-02.09 น. ณ วัดศรีมหาโพธิ์ เจริญพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และ พระคาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร 108 นิมนต์พระสงห์ที่มีนามเป็นมงคลมาประกอบพิธี เช่น พระเจริญ วัดช้างให้, พระชัย วัดมะปรางมัน, พระเวช วัดมะปรางมัน, พระเดช วัดหลักเมือง, พระศักดิ์ วัดมะเดื่อทอง, พระสิทธิ์ วัดศรีมหาโพธิ์, พระชัย วัดปุหรน

ครั้งที่ 3 วันที่ 31 ม.ค.2552 ณ ถ้ำคอก ถ้ำตลอด อ.สะบ้าย้อย พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จุดเทียนชัย-ดับเทียนชัย พระเกจิอาจารย์ร่วมปลุกเสก พ่อท่านชัย วัดพะโค๊ะ, พ่อท่านจวน วัดยางแดง, พ่อท่านกลาย วัดถ้ำตลอด, พระอุทัย วัดวิหารสูง

ครั้งที่ 4 วันที่ 11 ก.พ.2552 ณ วัดศรีมหาโพธิ์ พระเกจิอาจารย์ 108 รูป เจริญพุทธมนต์พระธัมมจักกัปปวัตนสูตร พระพุทธเจ้าชนะมาร และพระคาถาชินบัญชร 108 จบ พระอธิษฐานจิตนั่งปรก พ่อท่านหวานจุดเทียน พ่อท่านเขียวดับเทียน พ่อท่านพลนั่งปรก พ่อท่านจ่างนั่งปรก

ครั้งที่ 5 วันที่ 14 ก.พ.2552 พิธีพุทธาภิเษก ณ วัดศรีมหาโพธิ์ อธิษฐานจิตนั่งปรกปลุกเสกโดยพระอาจารย์สายปลุกเสกหลวงพ่อทวด และพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จุดเทียนชัย พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม ดับเที่ยนชัย พระเกจิอาจารย์ร่วมปลุกเสก พ่อท่านวิน วัดหลักเมือง จ.ปัตตานี, พ่อท่านชิต วัดมุจลินทวาปีวิหาร, พ่อท่านนุ่ม วัดมะเดื่อทอง, พ่อท่านยวน วัดช้างให้, พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ, พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย, พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม, พระอาจารย์สูต วัดในเตา, พระอาจารย์อุทัย วัดวิหารสูง, พ่อท่านจ่าง วัดศรีมหาโพธิ์


ขอเวลาตั้งคำถามแป๊ปน่ะครับ   ยากมากน่ะครับ   10  คืน   10   คืน แน่นอนครับคราวนี้  :095: :095: :095:

149
  คำตอบ  copy  กันเป็นทอด ๆ เลยครับ       :095: :095: :095: :095:

150

อ่ะขออนุญาติครับ  คำถามข้อ 1 ผม ขออนุญาติเพิ่ม คำว่า วันเสาร์

1.  วันเสาร์ ที่  19 มีนาคม พ.ศ. 2554
2.  บันทึกธรรม...๑๓ ก.ย.๕๒...พิจารณา มหาพิจารณา...
3.  ต้นตำหรับมาจาก  ขงเบ้ง เคยกล่าวว่า  " เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดี่ยว  เดินหมากรุกยังต้องคิด  เดินหมากชีวิต   จะไม่คิดได้ อย่างไร"  เป็นคำคมสมัยสามก๊กของ  ขงเบ้ง เป็นคนกล่าว
4.   พระอาจารย์เมสันต์ วัดทุ่งเว้า จ.มุกดาหาร (หลวงพี่โด่ง) กำลังสักและเป่าคาถาให้ลูกศิยษ์ ณ.กุฎิชายน้ำนครชัยศรี  วัดบางพระ
5.   พระพุทธรูปองค์นี้  มีพระนามว่า  พระบาง  เป็นพระปางห้ามสมุทรศิลปะลาว  องค์นี้เป็นของหลวงปู่เทสก์  เทสรังสี  พระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐ์สถานอยู่ที่  วัดถ้ำขาม  จ.สกลนคร ( รู้สึกจะมีอีก 2 วัด คือ วัดสวนผึ้ง และ วัดหมากหินแป้ง) หลวงปู่เทสก์  เทสรังสี เป็นผู้อนุญาติให้สร้างครับ

151
1.  19 มีนาคม พ.ศ. 2554
2.  บันทึกธรรม...๑๓ ก.ย.๕๒...พิจารณา มหาพิจารณา...
3.  ต้นตำหรับมาจาก  ขงเบ้ง เคยกล่าวว่า  " เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดี่ยว  เดินหมากรุกยังต้องคิด  เดินหมากชีวิต   จะไม่คิดได้ อย่างไร"  เป็นคำคมสมัยสามก๊กของ  ขงเบ้ง เป็นคนกล่าว
4.   พระอาจารย์เมสันต์ วัดทุ่งเว้า จ.มุกดาหาร (หลวงพี่โด่ง) กำลังสักและเป่าคาถาให้ลูกศิยษ์ ณ.กุฎิชายน้ำนครชัยศรี  วัดบางพระ
5.   พระพุทธรูปองค์นี้  มีพระนามว่า  พระบาง  เป็นพระปางห้ามสมุทรศิลปะลาว  องค์นี้เป็นของหลวงปู่เทสก์  เทสรังสี  พระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐ์สถานอยู่ที่  วัดถ้ำขาม  จ.สกลนคร ( รู้สึกจะมีอีก 2 วัด คือ วัดสวนผึ้ง และ วัดหมากหินแป้ง) หลวงปู่เทสก์  เทสรังสี เป็นผู้อนุญาติให้สร้างครับ

152
 หลวงพ่อเชิญ องค์นี้หรือป่าวครับ ที่ว่าได้วิชาดอกทอง จากหลวงพ่อสนั่น วัดเสาธงทอง มาเต็มรูปแบบ ที่เรียกตะกรุดสาริกาดอกทอง

153
  ตุลานี้ กลับบ้านที่ปัตตานี  สงสัยต้องเอา หลวงปู่ทวด  หรือ   อ.นอง   มาเล่นเกมส์ตอบคำถามบ้างแล้ว    :007: :007: :007: :005: :005: :005: :005: :003: :003: :003: :003: :003:

154
เหรียญเจริญพรบนหลวงปู่ทิม  โปรดสังเกตุ  โค๊ต ตัว ท ครับ   ของแท้จะออกลักษณะวงรีตอกลึก (เหรียญ2)  ของปลอมโค๊ตจะกลมตอกตื้น  (เหรียญแรก)

155
ใช่ครับ

หลวงพ่อเงิน องค์แรกแท้ องค์สองเก๊
หลวงปู่ทิม   องค์สองแท้  องค์แรกเก๊

156
  ผมอาจจะตาไม่ถึงก็ได้น่ะครับ หลวงปูทวด ผมว่าไม่ใช้ วัดช้างให้ 08

157
  อยากถามนิดหน่อยครับ   อารธนามีดหมอรวมกับแหนบพระเครื่องในกระเป๋าเสื้อได้ใช่ป่าวครับ   

158
เอาโลชั่นบำรุงผิว ของเด็ก เช่นพวก johnson แบบที่ไม่มี UV บีบใส่ซองพลาสติก (ซองใส่พระ) แล้วนำองค์พระใส่เข้าไป
ทิ้งไว้สัก 1 วัน แล้วนำออกมาล้างน้ำออก ตากให้แห้ง (สนิท) เท่านี้พอครับ

เคยเอา เหรียญ หลวงปู่ทวด  ปี 02  ทำเหมือนกันครับล้างสนิมเขียวออก 

ขอบคุณครับ

159
ขออนุญาติ ท่าน รณธรรม  ธาราพันธ์ นำเรื่องที่ท่านเขียนมาเป็นอุธาหรณ์นะครับ

โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์

ข่าวคนที่ถูกยิง ถูกแทง ถูกตีจนตาย ทั้งที่มีพระเต็มคอ ตะกรุดเต็มเอว พบเห็นได้ดาษดื่น บ่อยครั้งเป็นเหตุให้คนที่มีศรัทธาในของขลังเริ่มคลอนแคลน ที่ไม่ศรัทธาอยู่แล้วก็หยิบยกมาโจมตีว่า ไม่เห็น “วิเศษ” ดังคำคุย
เป็นเพราะอะไร

จะมีสักกี่คนที่คิดเจาะลึกลงไปถึงเบื้องหลังของสาเหตุว่า ทำไมวัตถุมงคลเหล่านั้นจึงไร้ “ประสิทธิภาพ” คิดแบบตื้นๆก็ต้องว่า ของขลังเหล่านั้นไม่ขลังจริง คิดให้ลึกไปอีกหน่อยก็ต้องว่า ของนั้น “เคยขลัง” แต่ต้องมาเสื่อมเพราะใครคนนั้นเอง คิดแบบลึกสุดใจก็ว่า “กรรม”

“กรรม” แปลว่าการกระทำ ซึ่งมีทังทำดี-ทำชั่ว พูดถึงตรงนี้ก็มีเสียงค้านกัน “ตึม” ว่า แล้ว “ไอ้เสือ” ที่ปล้น ฆ่าชิงทรัพย์ในยุคเก่าก่อนเล่า เหตุใดจึง “หนังดี” ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นก็ทำชั่ว แต่ความขลังก็ยังคงอยู่ ทำไมไม่เสื่อม
ผมตอบทันที เพราะไม่ผิดครู...!!

ใช่ว่าผมจะไม่เชื่อกรรม ไม่เชื่อผลของกรรม แต่กรรมบางอย่างก็ไม่อาจให้ผลได้ในปัจจุบัน ทั้งคนที่เป็นเสือและคนที่เป็นเจ้าทรัพย์ ก็ล้วนแล้วแต่สร้างกรรมมาร่วมกัน เป็นเหตุให้ต้องมาพบกันในลักษณะนั้น เรื่องกรรมมันลึกซื้งซับซ้อนยากจะอธิบาย ต้องคุยกับระดับพระมหาเถระอาจกระจ่างได้บ้าง
แต่เรื่อง “แรงครู” คุยกับผมก็ได้

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา เคยเล่าให้ผมฟังว่า ท่านมีลูกศิษย์ผู้ชายอยู่ 2 คน สมมตินามว่า “ยอด” กับ “ยิ่ง” ทั้งสองเป็นคนใจถึง เข้าทำนอง “ใจนักเลง” (ไม่ใช่อันธพาล) เขา 2 คนนับถึงหลวงพ่อพุธมาก เคยมาขอพระจากท่าน ท่านก็ให้เหรียญ รุ่นดีเซลราง ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นสองในชีวิตท่าน แต่เป็นรุ่นแรก ขณะที่มาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน แก่เขาไปคนละเหรียญ เขาก็แขวนคอทันที

แขวนไม่นาน ยอดก็ประคองยิ่งมาต่อว่าหลวงพ่อเป็นการใหญ่ว่า พระรุ่นเดียวกัน รับพร้อมกัน แต่ทำไมไม่ขลังเลย เจ้ายิ่งโดนยิงทะลุไส้แตก เพราะอะไร หลวงพ่อเงียบไปในทันที ไม่ใช่เงียบในลักษณะ “จน” แต่เป็นการ “ตรวจสอบ” บางอย่างโดยวิธีของท่าน สักพักท่านก็พูดเย็นๆ ขึ้นว่า
“เพราะเพื่อนคุณไปเปิดประตูทอง”

สองคนนั้นงง อะไรคือประตูทอง ท่านเฉลยต่อ “ก็คุณ” ชี้ไปที่คนถูกยิง “ไปด่าแม่เขาเข้านะสิ นั่นละเปิดประตูทอง” สองหนุ่มก็กระจ่างใจในบัดดล จึงขอขมาหลวงพ่อแล้วเล่าถวายว่า
เขาไปดื่มสุราในร้านอาหารแห่งหนึ่ง พบกับคู่อริที่ไม่ชอบหน้ากันเลยเกิดตะลุมบอนขึ้น เขามีกันสองคน แต่พวกนั้นมีเกือบสิบ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ถอย วาดลวดลายจนนักเลงมวยหมู่ตั้งตัวไม่ติด 1 ใน 10 นั่นก็เลยชักปืนขึ้นมาแล้วกระโดดเข้าล็อกคอหนุ่มยอด เอาปืนกดขมับแล้วลั่นไกทันที

เล่าถึงตอนนี้หลวงพ่อทำมือทำไม้ประกอบ พลางว่า “มันยิงดัง..แต๊บ...แต๊บ...แต๊บ...สามนัดแต่ไม่ออก” ข้างหนุ่มยิ่งเห็นคู่อริเอาปืนจ่อหัวเพื่อนก็เข้าใจว่า “ข้างหนุ่มยิ่งเห็นคู่อริเอาปืนจ่อหัวเพื่อนก็เข้าใจว่า “ขู่” ให้กลัวเท่านั้น จึงร้องตะโกนออกไปว่า “...แม่! แน่จริงมึงอย่าใช้ปืนสิวะ” ไอ้คนยิงฉุนกึก ใจกะจะฆ่าอยู่แล้วไม่ใช่แค่ขู่ เลยเบนกระบอกปืนไปที่คนปากเก่งแล้วลั่นไก
“ปัง”

แม่นยังกับจับไปวาง กระสุนทะลุท้องทันที หนุ่มยิ่งถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น คู่อาฆาตเห็นท่าไม่ดี เลยเผ่นตะโพงกันไปหมด ทั้งสองจึงมีเรื่องมาต่อว่าหลวงพ่อด้วยประการฉะนี้

ก็เหรียญรุ่นเดียวกันรับพร้อมกัน อันหนึ่งยิงออก อันหนึ่งไม่ออก ทำไมจะไม่แปลกใจ เดชะบุญว่าหลวงพ่อมี “จิตรู้” ที่แจ่มใส ท่านจึงทราบความเป็นมาเป็นไปของคนทั้งสอง แล้วตอบ “เคลียร์” ให้เข้าใจหาไม่แล้วหลวงพ่อคงถูกให้ร้ายว่าไม่เก่งจริง

ได้โอกาสผมจึงเรียนถามว่า “แสดงว่าพระของหลวงพ่อห้ามคนแขวนด่าพ่อด่าแม่ใช่ไหมครับ” ท่านตอบว่า “ไม่ใช่แต่ของหลวงพ่อดอก ของใครก็ห้ามเหมือนกัน เพราะพระสงฆ์เวลาปลุกเสกพระ ท่านก็เชิญคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ มาเหมือนๆกัน ฉะนั้นเมื่อไปลบหลู่คุณของท่านเหล่านั้น มันก็เท่ากับเราลบหลู่ครูบาอาจารย์ของเราด้วย”
“สรุปว่าพระของหลวงพ่อห้ามอะไรบ้างครับ”

ท่านยิ้มแล้วว่า “พระของหลวงพ่อห้ามคนแขวนลบหลู่บุพการี (คือพ่อแม่) ของตัวเอง และคนอื่น ห้ามลบหลู่ครูบาอาจารย์ของคนอื่น ถ้าทำได้อย่างนี้พระนั้นขลังจริง”

นั่นเป็นข้อห้ามที่ฟังมาจากท่าน
อาจื๊อ (คุณเพียรวิทย์ จารุสถิติ) เคยเล่าให้ผมฟังว่า คนแขวนพระหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ตั้ง 3 องค์ แต่ถูกยิงตาย ประดาศิษย์มาซักไซ้เอากับหลวงปู่ถึงกุฏิ เพราะพระที่แขวนก็แท้ แต่ถูกยิงเข้า หมายความว่าอย่างไร เรื่องนี้มันสั่นประสาท “คนเป็น” ที่ยังแขวนพระท่านเสียจริง จึงต้องถาม
ทำไมเป็นอย่างนั้น?

ท่านเงียบไปอึดใจ ก่อนตอบว่า
“พ่อแม่มัน มันยังไม่เอา จะให้พระเอามันได้อย่างไร”
สืบไป สืบมา ได้ความว่า เขาคนนั้นเป็นคนขี้เหล้า ขี้พนัน เมื่อขอเงินพ่อแม่ไม่ได้ก็ประเคนให้ด้วยแข้ง เข่า ไม่เอาพ่อเอาแม่จริงๆ

นี่ถ้าหลวงปู่ไม่แจ่มแจ้งในเชิง “ฌาน” ต้องจนแต้มอย่างไม่ต้องสงสัย
นั่นเป็นเรื่องที่สองพระเถระต่างวัยต่างยุคสมัยบอกเล่าได้ตรงกัน แสดงถึงข้อห้ามอย่างชัดเจนว่า พ่อ-แม่ เป็นของสูง จะนำมาพูดจาบจ้วงล่วงเกินไม่ได้เลย มิฉะนั้นจะมีผลดังที่เล่ามา
ยังไม่จบเพียงนั้น

เพื่อนผมคนหนึ่งแขวนเหรียญ “พ.ฆ.อ.” เนื้อเงิน เป็นรูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) พระอุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคุณนรฯอยู่ เหรียญนี้ท่านเจ้าคุณนรฯ ได้ทำการอธิษฐานจิตให้ถึง 2 ครั้ง 2 คราว เรียกว่า “ขลัง” พอดู
เมื่อผมพบเขาเรื่องที่คุยก็ไม่พ้นพระ ตอนหนึ่งผมถามว่ามีภรรยามาแล้วตั้ง 2 คน เวลาหลับนอนแบบนั้นถอดพระบ้างไหม เขาตอบอย่างมั่นใจ “ไม่ถอด” ผมตกใจมาก แต่ก็ทำหน้าให้เป็นปกติ ถามต่อว่า แล้วไปเที่ยวสถานบริการที่มีผู้หญิงแบบนั้น ถอดไหม “ไม่เคยถอด” หนำซ้ำเขายังถามคืนว่า “ถอดไปทำไม พระอยู่ที่ใจ”

เออ ! คนเรานี่ก็แปลก ถ้าว่าพระอยู่ที่ใจจริง แล้วจะแขวนพระเครื่องไปทำไมเล่า แล้วพระอะไรหนอที่เข้าไปสิงใจเพื่อนผมแล้วชวนมันไปเที่ยวที่อย่างว่า ชวนมันไปกินเหล้า ถ้าพระชนิดที่มันบอกมีจริง โปรดอย่ามา “อยู่ที่ใจ” ผมเลย
ผมเสียว !

แล้ววันแห่งความพลิกผันในชีวิตของเขาก็มาถึง เมื่อวันหนึ่งเพื่อนเอาปืนมาหยอก แล้วลั่นไกแบบหยอกๆ ลูกปืนก็เลยออกแบบหยอกๆ แต่ผลของมัน “ไม่ใช่หยอก”

เพราะมันทะลุปอดซ้าย แล้วไปหยุดอยู่ที่กระดูกสันหลัง เมื่อแพทย์โรงพยบาลสมิติเวชดึงหัวกระสุนปืนออก น้ำไขสันหลังก็เยิ้มหนืบตามลูกกระสุนออกมาราวกับเยลลี่ ผลของมันก็คือทำให้เพื่อนของผมเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงไปสุดปลายเท้าตลอดชีวิต

สังเวยความดื้อ ด้วยวัยเพียง 24 ปี
เมื่อผมไปเยี่ยม เขารำพึงว่า “เชื่อนายเสียก็ดี” ผมมาคิดดูว่าถ้าเขาต้องมีอายุขัยสัก 70 ปี เขาต้องทรมานอย่างนี้ไปอีกตั้งเท่าไหร่ มันไม่คุ้มเลยกับที่เราเชื่อความเห็นของตนเองชนิดที่ไม่ยอมรับครูบาอาจารย์ เรื่องทำนองนี้ยังมีอีก
รุ่นน้องของผมคนหนึ่งชื่อ “จุ๊” มาขอพระหลวงปู่ทิม อิสริโก จากผม เพราะรู้ว่าผมมีเยอะ ผมก็ให้เหรียญห่วงเชื่อม 8 รอบไป เขาก็รีบนำไปเลี่ยมพลาสติกแขวนคอ วันหนึ่งเกิดอยากเที่ยวที่แบบนั้นประสาหนุ่มน้อย ก็ชวนน้องชายขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่โรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งในตัวเมืองชลบุรี
ด้วยความที่ผมย้ำ “ข้อห้ามสากล” สำหรับพระทุกชนิดว่า

1. ห้ามด่าแม่
2. ห้ามเป็นชู้ลูกเมียเขา
3. ห้ามใส่พระเข้าสถานบริการทางเพศ หรือใส่มีเพศสัมพันธ์เด็ดขาด

ถ้าฝ่าฝืน พระต้องเสื่อมแบบถาวร อย่างไม่ต้องสงสัย หนุ่มจุ๊ก็ได้คิด ก่อนจะเข้าไปเลยถอดพระออกจากคอไปสวมให้น้องชาย นาม “โจ้” ไว้แทน และกำชับว่าให้คอยอยู่นอกรั้วนี้ ห้ามเข้าไปเด็ดขาด พี่จะเข้าไปคุยกับเพื่อนเดี๋ยวออกมา ว่าแล้วก็จ้ำอ้าวเข้าไป ปล่อยให้น้องโจ้คอยอยู่นอกรั้ว

ข้างหนุ่มโจ้รออยู่ครึ่งชั่วโมง พี่ชายก็ไม่ยอมออกมา แดดก็ร้อน เลยคิดว่าขอเข้าไปหลบแดดที่ชายคาบ้านคงไม่เป็นไร คิดแล้วก็ล็อกมอเตอร์ไซค์ พลางเดินมุ่งตรงไปที่ตึก เพียงแค่หนุ่มโจ้เดินผ่านประตูรั้วเหล็กเข้าไปเท่านั้นเขาก็ต้องตกใจชะงักอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงวัตถุบางอย่างแตกดัง “เปรี๊ยะ”

เสียงนั้นอยู่ใกล้เหลือเกิน โจ้จึงก้มลงมองหารอบๆเท้า ด้วยเข้าใจว่าคงเหยียบเศษอะไร แต่ก็ไม่พบ ครู่เดียวก็เกิดเอะใจจึงล้วงสร้อยคอออกมาดู ปรากฏว่าพลาสติกที่เลี่ยมเหรียญหลวงปู่ทิมเกิดการ “ระเบิด” ย่อยๆ จนพลาสติกแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เฉพาะตรงด้านหน้าที่เป็นรูปท่านเท่านั้นที่คงสภาพเดิม
น่าอัศจรรย์จริงๆ

โจ้ยืนงงคิดไม่ตกอยู่กับที่เป็นนานสองนาน เมื่อพอจะเข้าใจได้ลางๆ ก็เผ่นพรวดออกมายืนข้างมอเตอร์ไซค์ พอพี่ชายตัวดีเดินตัวลอยกลับมาก็ฉะเสียยกใหญ่ คาดคั้นว่าที่เข้าไปไม่ใช่บ้านเพื่อนใช่ไหม พี่ก็โวยวายว่ารู้ยังไง อย่ามามั่ว โจ้จึงงัดพระออกมาให้ดู
เลยเงียบไปอีกคน

แล้วสารภาพเสียงอ่อย “เออ! นั่น...ซ่อง...” จากนั้นก็ตรงมาหาผม 2 คนนั่นเลยได้ฟังเทศน์เสีย 3 ชั่วโมงรวด ก็ผมเสียดายของผมนี่นา

ผมเก็บเหรียญนั้นไว้ถึง 3 ปี เพื่อเป็นตัวอย่างบอกเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง จนพระหลวงปู่หายากเข้า คุณป๊อบ เจ้าของร้านข้าวมันไก่โอเชี่ยนจึงมาออดอ้อนขอเอาไป ไม่อย่างนั้นผมจะมีรูปเหรียญทั้งพลาสติกเดิมมาให้ชม
เห็นไหมเรื่อง “มาตุคาม” กับพระเข้ากันได้เมื่อไร กรณีหนุ่มจุ๊ถือว่าโชคดีที่หลวงปู่ทิมท่านเมตตา “แสดง” ให้รู้ว่าอาตมาไม่อยู่ด้วยละ แต่กรณีท่านเจ้าคุณนรฯท่านไปแบบเงียบๆ คนแขวนเลยไม่ทันระวังตัว อันตรายจริงๆ

พูดเรื่องนี้มีอีกเยอะ เพื่อนบางคนแขวนเหรียญหลวงปู่แช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต เข้าสถานบริการกลับออกมาเหลือแต่ตลับ เหรียญข้างในหายจ้อย สร้อยก็อยู่กับคอ ตลับก็ไม่ได้เปิด พระไปได้อย่างไร อีกคนใส่ตะกรุดหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เกิดหักโป้งเป็น 2 ท่อน ทันทีที่ใต้ชั้น 2 ของที่อย่างว่า
ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่

เดี๋ยวจะเหมือนเพื่อนผมที่เอาอนาคตมาดับเพราะความดื้อรั้นของตัวเอง ด้วยข้อห้ามสากลทั้งหมดนั้นใช่ว่าผมจะบัญญัติขึ้นมาเองเสียเมื่อไร ผมก็ถามไถ่เอาจากครูบาอาจารย์เสียทั้งนั้นแหละครับ ทุกองค์บอกเหมือนกันเดี๊ยะ ผมก็ไม่กล้าดื้อกับท่านดอก

เพราะยังเสกเองไม่เป็น
ทั้งหลายทั้งปวงที่เล่ามานั้นเป็นเรื่องของข้อห้ามสากล ทีนี้ก็เป็นเรื่องของ “ข้อห้ามเฉพาะ” บ้างละ ข้อห้ามเฉพาะ คือ พระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังประดามีที่ครูบาอาจารย์แต่ละองค์ แต่ละสำนักจะบัญญัติเอาไว้ว่า ห้ามอย่างนั้น อย่างนี้ หากว่าไม่ยอมทำตาม ผลน่ะหรือ...
เสื่อมสนิท

เช่น พระหลวงพ่อมุม อินทปัญโญ วัดปราสาทเยอร์ จ.ศรีสะเกษ มีข้อห้ามเฉพาะ ดังนี้
1. ห้ามลอดไม้ค้ำต้นกล้วย
2. ห้ามใช้มือทั้งสองกอบน้ำในบึง หนอง คลอง ที่ตนลงเล่นมาดื่มกิน
นี่คือข้อห้ามเฉพาะที่จำเป็นต้อง “ถือ” ต่อท้ายข้อห้ามสากล คนชอบซื้อพระเคยฉุกคิดบ้างไหม หรือสนแต่ซื้อขายอย่างเดียว ถ้าเป็นดังนั้น อย่าแปลกใจเลยหากจะมีข่าวคนถูกยิงทะลุทั้งๆที่ใส่พระหลวงพ่อมุม
โทษท่านได้ไหมว่า “ไม่ขลัง”

หรือ แหวนมหาสัตตโลหะของหลวงพ่ออั้น คันธาโร วัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ห้ามแกว่งมือจุ่มนิ้ว ลงในแม่น้ำลำคลอง หรือแหล่งน้ำธรรมชาติทั้งหลาย มิฉะนั้นชักขึ้นมาจะเหลือแต่มือเปล่า
แหวนไปไหน?

ข้อนี้ไม่ทราบ ทราบแต่ว่าไปขอคืนได้ที่กฏิ เพียงแต่ทนฟังท่านดุด่าเสียหน่อยเป็นค่าแหวน นี่ลุงผมเจอมากับตัว หรือตะกรุดมหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ที่มีข้อห้ามว่า “อย่าพกพาต่ำกว่าเอว” เพราะของๆท่านสำเร็จขึ้นด้วยบารมีของพระพุทธเจ้าเอาพระพุทธเจ้าไว้ต่ำได้หรือ!

หรือของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี จ.สุรินทร์ ทุกชนิดมีข้อห้ามที่ว่า ไม่ให้กินเหล้ากินเบียร์อย่างเด็ดขาด กินเมื่อใดเสื่อมเมื่อนั้น
วลี “ไปสุรินทร์ต้องกินสุรา” คงถูกโค่น เพราะหลวงปู่นี่แหละ
แล้วมันน่ากลัวดีไหม ถ้าเก็บพระของหลวงปู่หงส์ตกทอดไป 10 ปี 20 ปี ลูกหลานไม่รู้ข้อห้ามเอาใส่ไปกินเหล้า แล้วเกิดตีกัน ลูกหลานท่านจะเป็นอย่างไร
เหล่านี้คือสิ่งที่ควรศึกษาให้รู้ก่อนแขวน

ยังมีอีกเยอะแยะ มากมายครับ เขียนมากไปก็เกรงจะเป็น “สอนพระสังฆราช” อีก จึงได้แต่วิงวอนผู้เลื่อมใสในพระเครื่องของขลังจงระวังระไว จะแขวนจะคาดสิ่งใดโปรดตรวจสอบที่มาที่ไปก่อนเถิด อย่าตามใจตัวเองจนเก่งเกินครู ไม่อย่างนั้นท่านอาจจะต้องเสียใจในภายหลัง
ขอให้จงรู้แจ้งเห็นจริงทุกท่าน สวัสดีครับ...

 
 

160
คือ สภาพสมบูรณ์ 95 เปอร์เซ็น  แต่คลุกฝุ่นไปหน่อย   :075:

161
  คือ ผมจะทำความสะอาด เหรียญหลวงปู่ทวด  2 เหรียญ  เป็นเหรียญ ปี 04 กับ ปี 11  เนื้ออัลปาก้า  ไม่ทราบว่าควรใช้วิธีไหนในการทำความสะอาดดีครับ 

                                                                                                                   ขอบคุณครับ   :054: :054: :054:

163
มนัสการหลวงพ่อโหน่งครับ

เมื่อ 5 ปีที่แล้วมีคนให้พระมาองค์หนึ่ง  บอกว่าเป็นหลวงพ่อโหน่ง  พิมพ์พระรอด   แต่สงสัยว่าคนที่ให้พระมาจะจำผิด เพราะพระที่ให้มาเป็น  พระรอด หลวงพ่อมุ่ย  วัดดอนไร่  เพิ่งรู้มาเมื่อ 2-3 วันนี้เองครับ หลังจากที่เข้าใจผิดมานาน  :010: :010: :010:

164
การเสกพระ (เเบบพระอริยะ)
เล่าโดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(วีระ ถาวโร)
วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี



เรื่องมีอยู่ว่า ตอนท้ายชีวิตของหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานทำรูปของท่านแล้วมีรูปยันต์เกราะเพชร เมื่อทำแล้วหลายพันผืนสำหรับแจกบรรดาพุทธบริษัทที่มีความต้องการ

หลวงพ่อปานไม่ได้สั่งพิมพ์เอง เป็นนายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ คนนี้เรียนคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้ากับหลวงพ่อปาน ทำจนมีผล ทำคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าจนเป็นฌาน

คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้านี่ ลูกหลานทั้งหลาย ถ้าใครจำได้นะ ถ้าใครจำคาถาได้ ทำให้เป็นสมาธิ ทำให้เป็นฌาน มีผล ๒ อย่าง คือว่าถ้าเป็นฌานแล้วลาภสักการจะเกิดไม่ขาดสาย ขึ้นชื่อว่าความขัดข้องใดๆ ไม่ค่อยจะมี หากว่ามีขึ้นมาก็มีการชดใช้ หมายความว่าหาทัน นี่เป็นประการ ๑

ประการที่ ๒ คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้านี่เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน มีผลยันให้ถึงพรหม หมายความว่าบันดาลให้เกิดเป็นพรหมได้ แต่ถ้าหากใช้ฌานอันนั้นไปเจริญวิปัสสนาญาณก็ไปพระนิพพานได้
ฉะนั้น คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าของหลวงพ่อปาน จึงไม่ใช่เป็นคาถาที่ปรัมปราหรือไร้ผล มีผลในชาติปัจจุบัน แล้วก็มีผลในชาติสัมปรายภพ หากว่าบรรดาลูกหลานทั้งหลาย ทำคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าของหลวงพ่อปานจนเป็นฌานได้ ทุกคนก็จะไม่มีความยากจน เวลาตายก็มีความสุข อยากจะไปนิพพานก็ไปได้ มีผลเสมอกัน เป็นคาถาของชาวบ้านโดยตรง

คราวนี้มาว่ากันถึงเรื่องผ้ายันต์ ในเมื่อนายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายตราใบโพธิ์มาถวายหลวงพ่อปานจำนวนหลายพันผืน เมื่อเขาพิมพ์มาแล้วหลวงพ่อปานก็สั่งหลวงพ่อเล็กให้เอาผ้ายันต์ไปเสก หลวงพ่อเล็กนำมาเสก ๓ เดือน ถือว่าครบไตรมาสพรรษาหนึ่งพอดี

หลวงพ่อเล็กนี่เราทราบกันอยู่ว่าท่านได้สมาบัติ ๘ แต่ว่ายิ่งไปกว่านั้นสำหรับวิปัสสนาญาณนี่จะได้อะไรฉันไม่ทราบ ฉันไม่หลอกสิ่งที่จะรู้กันได้ ถ้าเราได้ถึงไหนเราก็รู้กันว่าคนอื่นเขาได้ถึงเพียงนั้น ที่รู้เลยไปเราไม่รู้ ตอนนั้นฉันก็ยังทรงสมาบัติ ๘ เหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้ฝึกอภิญญาครบถ้วน เลยกลายเป็นพระไม่ใช่อภิญญา นี่ฟังให้ดีนะ

สมาบัติ ๘ ก็อาศัยกสิณกองใดกองหนึ่งเป็นพื้นฐาน ไม่จำเป็นต้องใช้กสิณทั้งหมด ๑๐ อย่าง ใช้กสิณกองใดกองหนึ่งเป็นพื้นฐานยกเอารูปขึ้นมาตั้งแล้วก็เพิกกสิณนั้นเสีย แล้วใช้อรูปฌานขึ้นมาแทน ถ้าทำได้ทั้ง ๔ อย่างก็เรียกว่าทรงอรูปฌาน ๔ อย่าง ได้เป็นฌาน ๘ ไป นี่ฟังกันไว้เท่านี้นะ

หลวงพ่อเล็กได้ฌาน ๘ สมาบัติ ๘ เลยกว่านั้นฉันไม่รู้ เมื่อได้รับผ้ายันต์มาแล้วก็มานั่งเสก เสกด้วยอำนาจของสมาธิ เข้าฌานสมาบัติ ๓ เดือน เวลากลางคืนนา เสกกี่ชั่วโมงไม่ทราบ แต่ว่าไม่ใช่ว่าตลอดวันตลอดคืน อย่านึกว่าตลอดวันตลอดคืน ๓ เดือน ไม่ลูก ไม่กินข้าวไม่กินปลา นี่มันก็เกินคนไป ว่ากันตามแบบปกติ


ฟังเรื่องของพระนะ พอครบ ๓ เดือนวันออกพรรษาหลวงพ่อเล็กเรียกฉันเข้าไป บอกให้แบกผ้ายันต์ ฉันคนเดียวมันแบกไม่ไหว ก็เอาไอ้เพื่อนอีก ๓ คนมาช่วยกันแบกผ้ายันต์มาถวายหลวงพ่อปาน ยังไม่ทันจะถึงเลย ห่างอีกประมาณสัก ๑๐ วาได้กระมัง หลวงพ่อปานเห็นเข้า ท่านโบกมือโบกไม้บอกว่า ไม่เอาๆ ยังไม่เสร็จ ยังไม่เสร็จ ยังใช้ไม่ได้ นี่ท่านร้องไป ก็เป็นอันว่าไม่เอาเข้าไปให้ท่าน เอากลับ

ตอนนี้หลวงพ่อเล็กกลับมาก็นึกในใจว่า นี่เราทำขนาดนี้ยังใช้ไม่ได้ ใครที่ไหนจะยิ่งไปกว่าเรานะ เราเข้าถึงสมาบัติ ๘ นี่ท่านบ่นนะ เราเข้าถึงสมาบัติ ๘ แล้วก็คลายสมาธิลงมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ จนกระทั่งอารมณ์จิตเป็นแก้วทั้งหมด เป็นแก้วประกายพฤกษ์ทั้งหมดแล้วเราจึงเข้าสมาธิใหม่ จัดเป็นโลกุตตรญาณ แล้วเราก็อธิษฐานจิต นี่ยังใช้ไม่ได้ ก็ใครจะเสกยิ่งไปกว่านี้ ท่านบ่นให้ฟัง

ท่านก็บอกว่า เอา ในเมื่อท่านใหญ่บอกว่าใช้ไม่ได้ ฉันก็จะทำให้ใหม่ ตอนนี้ท่านไปทำใหม่ ๗ วัน ท่านทำยังไงบ้างฉันไม่ทราบ เวลาท่านทำไม่ได้เข้าไปยุ่งกับจิตใจของท่าน พอครบ ๗ วัน ท่านมาเรียกพวกฉันไปให้ไปแบกมาให้หลวงพ่อปาน

ตอนนี้เองพอแบกมา หลวงพ่อปานเห็นแต่ไกลก็กวักมือกวักไม้บอก เออๆ เอามาๆๆ อย่างนี้ซิมันถึงจะใช้ได้ ไอ้คนเก่งคนเดียวน่ะมันใช้ไม่ได้ มันต้องให้คนอื่นเขาเก่งกว่า เก่งคนเดียวใช้ไม่ได้ ทำอย่างนี้ใช้ได้ เมื่อเข้าไปถึง หลวงพ่อเล็กก็กราบหลวงพ่อปาน ฉันก็กราบ เพื่อนฉันก็กราบ

ฉัน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)ถามหลวงพ่อเล็กว่า หลวงพ่อขอรับ ตอนก่อนหลวงพ่อเสกยังไงหลวงพ่อปานจึงว่าใช้ไม่ได้
หลวงพ่อเล็กบอกว่า ตอนก่อนฉันเข้าสมาบัติ ๘ แล้วใช้วิปัสสนาญาณเต็มที่ คลายจิตออกมาถึงอุปจารสมาธิ อธิษฐานแล้วก็เข้าสมาบัติ ๘ ใหม่ เท่านี้ ๓ เดือน ไม่ได้ขาดเลยทุกคืน คืนละ ๓ ชั่วโมง ท่านใหญ่บอกว่าใช้ไม่ได้

หลวงพ่อปานท่านก็ออกมาบอก ยังงี้ใช้ไม่ได้ดอกคุณเล็ก คุณเล็กอย่างนี้ใช้ไม่ได้นะ คือว่าถ้าเราทำอะไรถ้าเก่งคนเดียวมันใช้ไม่ได้ ไอ้เราเองน่ะมันไม่ดีพอ ต้องให้คนอื่นเขาดีบ้าง

จึงได้ถามหลวงพ่อเล็กใหม่ว่า หลวงพ่อขอรับ ตอน ๗ วันนี่ หลวงพ่อทำยังไงขอรับ
ท่านบอกว่าในเมื่อฉันใช้สมาบัติ ๘ ท่านใหญ่บอกว่าใช้ไม่ได้ ฉันก็กลับ คราวนี้ฉันไม่เอาละ

ฉันก็ตั้งท่าบวงสรวงชุมนุมเทวดา อาราธนาบารมีพระทั้งหมดตั้งแต่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด พรหมทั้งหมด เทวดาทั้งหมด ครูบาอาจารย์ทั้งหมด ฉันยกยอดเลย ยกยอด ในเมื่ออาราธนาเห็นท่านมากันครบถ้วน

แล้วท่านมาทำกันคืนหนึ่งประเดี๋ยวเดียว สัก ๑๐ นาทีท่านก็กลับ แล้วท่านก็บอกให้เลิก ฉันก็นอน ฉันทำมาแบบนี้ถึง ๖ วัน ถึงวันที่ ๗ ทุกท่านมา แต่ไม่มีใครทำ ท่านบอกว่าไม่มีอะไรจะบรรจุแล้ว คุณจะให้ฉันทำอะไร ฉันก็เลยเลิก ถึงได้ให้พวกเธอแบกมาให้ท่านใหญ่ นี่ท่านเรียกหลวงพ่อปานว่าท่านใหญ่

หลวงพ่อปานฟังแล้วก็หัวเราะก๊าก บอกจริงที่คุณเล็กพูดน่ะ จริงนะอาจารย์เล็ก อาจารย์เล็กท่านเรียกอาจารย์เล็กบ้าง คุณบ้าง ที่อาจารย์เล็กพูดนั่นน่ะจริง พวกเธอจงจำไว้นะ การที่เราจะเสกพระเสกผ้ายันต์อะไรต่ออะไรนี่น่ะ ถ้าเสกด้วยอำนาจกำลังของเราละไม่ช้ามันก็เสื่อม เราน่ะมันดีแค่ไหน การเสกว่าคาถาต่างๆ นี่ก็เป็นการอาราธนาบารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือเทวดา หรือพรหมมาช่วย แต่ว่าคาถาบางอย่างก็จะว่าแต่เฉพาะบางจุด

การเสกพระเสกเจ้า หรือเสกผ้ายันต์ เสกอะไรต่ออะไรพวกนี้ ถ้าเราเอาตัวของเราออกเสีย เราไม่เข้าไปยุ่ง แต่อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด พรหมหรือเทวดาทั้งหมดท่านมาช่วย ท่านทำประเดี๋ยวเดียว ๒-๓ นาทีมันก็เสร็จ ดีกว่าเราทำ ๑,๐๐๐ ปี แล้วเราจะเอาอะไรบ้างก็อาราธนาบอกท่าน บอกว่าขอให้ใช้ได้อย่างนั้นอย่างนี้

แต่อย่าลืมนะ ถ้าใช้ในทางทุจริตหรือกฎของกรรมบังคับ ไม่มีอะไรจะคุ้มครองใครได้ ถ้าหากว่าใครเลวอยู่แล้วก็คอยพยุงๆให้เลวน้อยลงไปนิดหนึ่งได้ ถ้าใครดีขึ้นมาหน่อยก็พยุงให้ดีมากได้ นี่เป็นกฎของอำนาจพุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี และพรหม และเทวดาทั้งหลาย

ท่านพูดแล้วท่านก็ชอบใจ บอกว่าคุณเล็กทำถูก ตอนก่อนฉันรู้ ไปตั้งท่าเข้าสมาบัติอยู่คืนละ ๒-๓ ชั่วโมง ฉันนั่งอยู่ที่กุฏินี่ฉันก็รู้ แต่ที่ฉันไม่บอกไว้ก่อนเพราะจะให้คุณเล็กนี่นะรู้เอง การทำตัวเป็นคนเก่งเองน่ะมันใช้ไม่ได้ มันต้องให้พระท่านเก่งซี พระพุทธท่านเก่ง พระธรรมท่านเก่ง พระสงฆ์ท่านเก่ง พรหมท่านเก่ง เทวดาท่านเก่ง ของที่เราทำ เราจะไปตามคุ้มครองชาวบ้านชาวเมืองได้ยังไงทุกคน ถ้าหากพระก็ดี พรหมก็ดี เทวดาก็ดี ท่านช่วยคุ้มครอง ท่านก็มองเห็นได้ถนัด สงเคราะห์เขาได้โดยสะดวก



165
งามครับ

เหรียญพระแก้วมรกตแต่ละรุ่นมีพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ทั้งนั้นเลยครับ  ไม่ว่าจะ ปี 75  ปี  2500  ปี  2525
ตอนนี้กำลังตามเก็บอยู่ครับ    :025: :025: :025:

166



คาถาบูชาปลัดขิกขุนช้างจ้าวทรัพย์
(พ่อท่านเขียว กิตติคุโณ วัดห้วยเงาะ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี)
ท่องนะโม 3 จบ
โอม พรึงกำลัง จะหังสะวาหะ อุปะสัมปะ สุนะโมโล
จะ นะโมหัดถัง พ่อขุนช้าง ยังกอขอฃอ

ปลัดขิกห้ามไว้ทางขวา
ไว้ข้างหน้าเวลาเข้าหาเจ้านาย
ไว้ข้างซ้ายเวลเข้าหาสตรี
ไว้ข้างหลังป้องกันการกระทำ


ที่มา เว็บพระเครื่องศิริสโตร์

ปล. ขอบพระคุณพี่เคี้ยง ที่เมตตามอบปลัดขิกขุนช้าง พ่อท่านเขียว ให้มาบูชา เมื่อตอนงานไหว้ครูวัดบางพระ 2553 ครับ


  ขอเพิ่มเติมนิดนึงน่ะครับ 

สำหรับ ปลัดขิก (แบบออริจินอล คือ ไม่มีขุนช้าง) ของพ่อท่านเขียว  ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไม้หรือเนื้อโลหะ

 นะโม 3 จบ ระลึกถึงคุณ หลวงพ่ออี๋  หลวงพ่อเหลือ  หลวงพ่อห้อย  พ่อท่านเขียว

โอม พะลึง กำลัง จะหังสวาหะ  อุปะสัมปะสุนะโมโล

ปล. ปลัดขิกของพ่อท่านเขียว ตั้งแต่ผมได้มาไม่ว่า พ่อท่านเขียวเมตตาให้มา  หรือ  บูชามาจากวัด (ราคา 150 เนื้อไม้จารมือทุกดอก)  ยันต์ที่ใช้กำกับตัวปลัดขิก แต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกัน  จะแตกต่างกันเล็กน้อย

167


  ขออนุญาติท่านหอมเชียงด้วยครับ  ลองดูกระทู้นี้นะครับ ท่านหอมเชียงลงเอาไว้นะครับ

  http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=11300.0


                                                                                                                    ขอบคุณครับ


ขอบคุณมากครับ   พอดีตอนนี้ผมกำลังหาเครื่องราง จำพวกเลส หรือ แหวน เนื้อเงินที่สร้างใหม่    เพราะตอนนี้ใช้แหวนพระนอน  ยะลา ปี 2493  เป็นเนื้อเงินลงถม สภาพยัง 90 เปอร์เซ็นอยู่เลยครับ  เป็นอะไรที่คลาสสิคมากมายครับ  ตอนนี้เริ่มเสียดาย  ของเก่าหายาก กลัวลอก  :070: :070: :070:   

168
  หลวงพ่อเปิ่น ท่านเคยสร้างเลสข้อมือหรือป่าวครับ  ถ้าใครมือรบกวนลงให้ดูหน่อยน่ะครับ   ขอบคุณครับ :054: :054: :054: :054:

169
 ยังไงรบกวนถ่ายรูปด้านใต้องค์พระมาด้วยครับ

170
  จากคติความเชื่อชาวฮินดู  เทพเจ้าในศาสนาฮินดูนั้นจะมีพาหนะเฉพาะองค์ต่าง ๆ กันไป เช่น  พระศิวะ ทรงโค หรือ วัว ที่มีนามว่า อุศุภราช หรือ โคนนทิ  พระพรหม  ทรงหงส์ นามว่า สวาหน  พระพิฆเณศวร  ทรงหนู นามว่า มุสิกะ  พระอินทร์ ทรงช้างเอราวัณ เป็นต้น
  จากตำนานของชาวฮินดู
  เรื่องมีอยู่ว่าในการ กวนเกษียรสมุทร ครั้งยิ่งใหญ่ของทวยเทพทั้งปวงนั้น ก็ได้มีสิ่งวิเศษเกิดขึ้นมากมายหลายสิ่งด้วยกัน และ นางโคสุรภี ก็เป็นของของวิเศษอีกสิ่งหนึ่ง ที่ได้จุติขึ้นมาจากการกวนเกษียรสมุทรครั้งนั้น (รวมถึง พระแม่ลักษมี ก็ถือกำเนิดมาจากเหตุการณ์การกวนเกษียรสมุทรครั้งนี้นี่เอง)

พระกัศยปะ นั้นก็มีความต้องการที่จะได้นางโคสุรภีเอาไว้เป็นพาหนะประจำองค์ แต่ทรงติดอยู่เล็กน้อยที่ว่านางโคสุรภีนั้นเป็นโคเพศเมีย หากนำมาเป็นพาหนะประจำองค์นั้น ก็ทรงอยากจะได้โคเพศผู้เสียมากกว่า

ดังนั้น พระกัศยปะจึงได้นิรมิตกายเป็นพ่อโคตัวผู้ แล้วก็ไปผสมพันธุ์สมสู่กับนางโคสุรภี จนกระทั่งแม่โคตั้งครรภ์และ ให้กำเนิดลูกออกมาเป็นโคเพศผู้สีขาวบริสุทธิ์ และมีลักษณะดีตั้งตรงตำราเป็นพิเศษ พระกัศยปะจึงได้ประทานนามให้กับโคเผือกที่เป็นโอรสนั้นว่า นนทิ หรือ นันทิ และได้ถวายให้เป็น พาหนะประจำองค์ คอยติดตามรับใช้พระศิวะมหาเทพสืบต่อมา
     
  แต่ในบางคัมภีร์นั้น ก็กล่าวถึงประวัติการกำเนิดของโคนนทินี้ แตกต่างออกไป ด้วยกล่าวว่าแต่เดิมนั้น โคนนทิราช หรือ โคอุศุภราช นี้ เป็นเทพบุตรองค์หนึ่งบนสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า ซึ่งเทพบุตรองค์นี้ก็มีนามว่า นนทิ มีหน้าที่เป็นเทพที่คอยคุ้มครองดูแลบรรดาสัตว์สี่เท้าทั้งปวง ที่อาศัยอยู่ในป่าใกล้ๆกับ เขาไกรลาส

และ เทพนนทิ ที่เป็นเทพที่ครองสัตว์จัตุบาททั้งปวงนั้น ก็มักจะนิรมิตองค์เองให้กลายเป็น โคเผือก เพื่อให้ พระศิวะ ได้เสด็จประทับไปยังแห่งหนต่างๆ จนเป็นเสมือนพาหนะประจำพระองค์ไปโดยปริยาย

ซึ่งในคัมภีร์โบราณนั้นยังบันทึกไว้ด้วยว่า เทพบุตรนนทิองค์นี้ ไม่ได้เป็นคู่เทพที่จะมาแปลงกายเป็นโค ให้พระศิวะได้เสด็จประทับเป็นพาหนะเท่านั้น แต่พระนนทิ ก็ยังเป็นหัวหน้าแห่งเทพบริวารทั้งหลายทั้งปวง ของเทพพระศิวะอีกด้วย

   บางคัมภีร์กล่าวว่า พระโคนนทิ นอกจากจะเป็นเทพผู้ครองสัตว์จัตตุบาทหรือสัตว์สี่เท้าทั้งมวลแล้ว ยังเป็นเทพที่เป็นนักดนตรีอีกด้วย ยังปรากฏว่าได้เคยร่วมนาฏกรรมรำฟ้อนกับองค์พระศิวะบ่อยๆ โดยรับหน้าที่ตีตะโพนคอยให้จังหวะ ในขณะที่องค์พระศิวะร่ายรำระบำฟ้อน ในวโรกาสสำคัญต่างๆ

พระโคนนทิ ยังมีความสำคัญอีกมากมายที่ทำให้บรรดามวลมนุษย์ที่บวงสรวงบูชาพระศิวะนั้น นิยมบวงสรวงบูชาโคนนทิด้วย โดยยกย่องให้เป็นโคพิเศษ เป็นโคศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบเสมือนกับเป็นสัญลักษณ์แห่งพระศิวะมหาเทพ
   
    ดังนั้นการที่ชาวฮินดูไม่นิยมฆ่าวัวและบริโภคเนื้อวัวก็เป็นเพราะเคารพยกย่องและบูชาโคนนทิ ซึ่งเป็นโคศักดิ์สิทธิ์สำหรับมวลมนุษย์นั่นเอง ตามเทวาลัยหลายๆ แห่งของลัทธิไศวนิกาย (นับถือพระศิวะเป็นใหญ่สูงสุด) ก็จะปรากฏว่ามีการสร้างรูปเคารพของวัวนนทิไว้ให้ชาวบ้านชาวเมืองได้มาสักการะบูชาด้วย  ส่วนพระพิฆเณศวร ถือเป็นเทพองค์สำคัญของฝ่าย ไศวนิกาย

171
 พระเครื่องที่คนนำมาทิ้งไว้บางทีเค้าทิ้งไว้เพราะพระชำรุด แต่บางครั้งเค้าทิ้งเพราะทำสะเคราะห์ไว้น่ะครับ  ระวังด้วยและกันเดี่ยวเจอแจ็คพอตครับ   :054: :054: :054:

172
ไหนครับ  :075: :075: :075: 

173
 เห็นเขี้ยวเสือแล้วนึกถึงคนรู้จักของผมที่ปัตตานีเลยครับ แกเป็นมุสลิมขายพวกคัมภีร์ของศาสนาอิสลาม  ผมเคยไปที่ร้านของอาบังตกใจเลยครับมีทั้งเขี้ยวเสือกลวง เขี้ยวเสือตัน หนังเสือ คตเขากวาง เขากวางคุต (คิดในใจถ้าอาบังโดนจับคงจะโดยคดีมีซากสัตว์ป่าไว้ในครอบครอง หลายรายการเลยหล่ะครับ)   ราคา 5000 กว่า ๆ  คือ อาบังคนนี้แกเป็นพวกเล่นของ(อิสลาม) สอบถามไปมาได้ความมาว่า  ชาวมุสลิมก็มีความเชื่อเรื่องเครื่องรางเหมือนกัน อาบังบอกเวลามีใครบวชให้เอายัดบาตรพระไว้แล้วจะได้ของดี อาบังบอกให้เอาคตเขากวางไปแกบอกว่าของดี  แต่ผมก็ไม่ได้เอามาครับผมไม่ค่อยชอบเครื่องรางเท่าไหร่  :079: :079: :079:  ผมจะชอบพระเครื่องมากกว่าเวลากลับปัตตานี ผมจะหาเก็บแต่หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมากกว่าครับ เริ่มเก็บมา 5 ปี มีประมาณเกือบ ๆ 1000 องค์ กระซิบนิดนึง ชาวมุสลิมบางคนแม้จะอยู่ในความเชื่อของศาสนาอื่นแต่ยังพกพระหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำเลจืดเลยครับ  :058: :058: :058:

174
 แง่ว .....    มาช้าไปตอบไม่ทัน

เสียดายหลวงพ่อโสธรน่ะครับพระสึกไปหน่อย แต่พุทธคุณสุดยอดครับ

175
  เรื่องพุทธคุณของพระเครื่องโดยส่วนตัวผมคิดว่าขึ้นอยู่กับอำนาจจิตของพระเถระผู้อฐิษฐานจิตว่าท่านกำจัดกิเลสได้มากน้อยเพียงไร  เหมือนหลวงปู่แหวน  วัดดอยแม่ปั๋ง  บางครั้งท่านเสกพระไม่เกิน 15 นาที ก็พระเครื่องก็มีพุทธคุณสุด ๆ แล้ว  อำนาจจิตท่านบรรลุถึงญาณพระอรหันต์ท่านจะทำอะไรก็ย่อมได้ หลวงพ่อเกษม  เขมโก ท่านเสกก้านธูป ก้านธูปก็แค่ไม้ไผ่ทาสี คนเอาไปยิงก็ไม่ออก หลวงปู่สี  วัดถ้ำเขาบุนนาค  ท่านแค่เอามือกวนพระในบาตรที่ใส่พระเครื่องอยู่ สามทีพระเครื่องก็สุด ๆ แล้ว   หรือแม้แต่ หลวงปู่ฝั้น  วัดป่าอุดมสมพร  ตอนท่านสร้างวัดป่่าอุดมสมพร ต้องมีการระเบิดหิน ท่านไม่ต้องการให้หินช่วงไหนแตกร้าว ท่านจะเอาปากกาไปเขียนยันต์ไว้ ตรงจุดนั้นระเบิดจะแรงขนาดไหนหินนั้นก็ไม่แตกร้าว หรือ แม้แต่ พระอาจารย์ทิม  วัดช้างให้   ครั้งนั้นท่านนึกสนุกเอาขี้เทียนที่บูชาไว้หน้าหลวงปู่ทวดมาปั้นให้เป็นลูกอมกลม ๆ โดยไม่ได้เสกแต่อย่างใดแจกให้กลับเด็กวัด  เด็กวัดเจ้ากรรมก็นึกสนุกเอามีดมาแทงท้องไม่เข้ามันก็เล่นแทงท้องกันสนุกสนาน จนพระอาจารย์ทิม ทราบความเข้าก็ตกใจรีบเก็บลูกอมเทียนคืนจากเด็กวัด  และอมรมว่ากล่าวกันยาว  นี่คือ บารมีหลวงปู่ทวด  แค่เศษเทียนที่บูชาท่านก็มีพุทธคุณถึงเพียงนี้  มาต่อด้วยเรื่องมวลสารชั้นยอดจากคำพูดของพระมหาเถระ  หลวงปู่ดุลย์  วัดบูรพาราม  หนึ่งในศิษย์กองทัพธรรมของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ หลวงปู่ดุลย์  ท่านนี้หลายท่านคงทราบดีว่าท่านบรรลุถึงญาณแห่งพระอรหันต์หมดจดทั้งกายและใจไร้ซึ้งกิเลสใด ๆ หลังจากท่านมรณภาพลงอัฐิของท่านเปลี่ยนสภาพกลายเป็นพระอรหันตธาตุเฉกเช่นพระอรหันตธาตุของอัครสาวกในยุคพุทธกาล  เรื่องเล่ามีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง   มีชายหนุ่มจากต่างจังหวัดไกลสามสี่คนเข้าไปหาหลวงปู่ ขณะที่ท่านนั่งพักผ่อนอยู่ที่มุขศาลาการเปรียญ ดูอากัปกิริยาของเขาแล้วคงคุ้นเคยกับพระนักเลงองค์ใดองค์หนึ่งมาก่อนแล้ว สังเกตจากการนั่ง การพูด เขานั่งตามสบาย พูดตามถนัด ยิ่งกว่านั้น เขาคงเข้าใจว่าหลวงปู่นี้คงสนใจกับเรื่องเครื่องรางของขลังอย่างดี เขาพูดถึงชื่อเกจิอาจารย์อื่นๆ ว่าให้ของดีของวิเศษแก่ตนหลายอย่าง ในที่สุดก็งัดเอาของมาอวดกันเองต่อหน้าหลวงปู่ คนหนึ่งมีเขี้ยวหมูตัน คนหนึ่งมีเขี้ยวเสือ อีกคนมีนอแรด ต่างคนต่างอวดอ้างว่าของตนดีวิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ มีคนหนึ่งเอ่ยว่า หลวงปู่ฮะ อย่างไหนแน่ดีวิเศษกว่ากันฮะฯ
หลวงปู่ก็อารมณ์รื่นเป็นพิเศษยิ้มๆ แล้วว่า

“ไม่มีดี ไม่มีวิเศษอะไรหรอก เป็นของสัตว์เดียรัจฉานเหมือนกัน”

  เรื่องมวลสารพระไม่ต้องคำนึงมากหรอกครับ เพียงแค่ไปกราบขอบารมีพระเถระจารย์ที่มีความบริสุทธิ์ มีการปฏิบัติตนอย่างแท้จริง  เมตตาให้สักนิดก็เพียงพอแล้ว  ....

177
หลวงพ่อศรีแก้ว วัดห้วยเงาะ  ประสบการณ์ดีครับ

178
สายตรงหลวงพ่อเปิ่น พันธ์แท้เลยน่ะครับเนี๊ยะ
ผมเองก็ชอบสะสมเหมือนกันแต่จะหนักไปทางสายใต้
 :016: :015: :016: :015:

179
"...และผมก้อชี้แจงถึงวิธีการแก้ปัญหาไว้ชัดเจนแล้ว"
รู้อยู่แล้วแล้วจะเอามาถามทำไม ผมล่ะงง :049:

ข้อความความแรกที่ผมถามนั้นผมก็ยังไม่รู้หรอกว่าจะทำยังไงดี  ประมาณว่าคำตอบแรกก็ไม่ตรงคำถามแล้ว ผมก็เลยคิดว่าคงไม่มีใครรู้เป็นแน่แท้ก็เลยคิดและชี้แจงวิธีการแก้ปัญหาจากเหตุข้างต้นขึ้นมาประมาณนั้นแหละครับ  ขอบคุณครับ :025: :025: :025:

180
...โดยปกติสายเขาอ้อจะไม่ถักเชือกไว้เฉย ๆ หรือ เอาไว้ดูเล่นแน่นอน เชือกที่เขาถักไว้ "บางที่ก็ลงกันคัดกันถอนกันเสื่อม"
 :058:คุณก็มีคำตอบของคุณอยู่แล้วนี้ครับ ผมไม่ทราบหรอกว่าเสื่อมหรือไม่เสื่อม แต่หากเป็นของวัดบางพระอาจจะทราบบ้างครับ ผิดถูกขออภัย

ครับผม ... ผมชี้แจงไว้ชัดเจนแล้วว่า ตะกรุดแผ่นจารยันต์มันหลุดออกมา อุปมาดั่งเช่น เบื้ยแก้ที่ปรอทรั่ว ถ้าตะกรุดอยู่เป็นสุขดีนะไม่ตะขิดตะขวงใจหรอกครับ  และผมก้อชี้แจงถึงวิธีการแก้ปัญหาไว้ชัดเจนแล้ว  ขอบคุณครับ   :015: :090: :090: :090: :090: :090: :090: :090: :090: :090: :090: :090: :090: :090:

181
เห็นด้วยครับ  ควรแต่งกายให้ถูกกาลเทศะ

182
ไปแช่น้ำว่านวัดเขาอ้อเลยครับแช่ที่เดียวได้ทุกอย่างได้ทั้งตัว  :016:

183
ราหรือป่าวครับ แผ่นที่ใส่รองภายในบางที่ก็โดนเหงื่อเราจนอับชื้น ผมยังเคยเจอเลยครับเป็นราขึ้นบริเวณแผ่นที่ใส่รอง

184
ไปวัดเขาอ้อ เลยครับเห็นที่วัดมีบูชาตัวละ 199

185
หลวงปู่เจือ เคยบอกว่าในวัดกลางบางแก้วไม่มีพระรูปไหนเคยขอเรียนวิชาเบี้ยกับท่านเลยครับ มีแต่พระภิกษุจากวัดอื่นมาขอเรียน หนึ่งในนั้นมี พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่

186
ถ้าเกิดว่าคุณเห็นอยู่แล้วว่า เขาเอามือท้าวประตูอยู่ คุณรู้ทุกอย่างแล้วคุณยังจะไปลอด อย่างงี้เรียกว่าหลบหลู่ ครูบาอาจารย์ที่ปลุกเสกตะกรุด แต่ถ้าคุณไม่รู้หรือลืมตัวอย่างงี้ไม่เป็นอะไรครับไม่สื่อมครับสบายใจได้ (จงจำไว้ว่าศรัทธาอย่างมีปัญญา)

   ผมไม่ได้ลอดน่ะครับ ที่ผมถามไว้คือตะกรุดที่จารมันเลื่อนออกมาจากเชือกที่ถักหุ้มไว้ ถึงโดยปกติสายเขาอ้อจะไม่ถักเชือกไว้เฉย ๆ หรือ เอาไว้ดูเล่นแน่นอน เชือกที่เขาถักไว้บางที่ก็ลงกันคัดกันถอนกันเสื่อม  ส่วนเรื่องลอดราวมือนั้น  ประโยค 2 ประโยคนี้ "มันแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง"  ลองอ่านอีกที่สิครับ  :077: :077: :077:  เด่วผมไปสอบถามกับ พ่อท่านห้อง หรือไม่ก็ ท่านไพรัตน์  วัดเขาอ้อ  เพื่อคำถามที่แน่นอนดีกว่าครับ   เสียดายครับเพราะเป็นตะกรุดโทนตำรับ อ.ปาน วัดเขาอ้อ (อาจารย์ท่านขุนพันธ์)  หรือไม่นั้นก็ขอให้พ่อท่านห้อง หรือ ท่านไพรัตน์  เชิญตะกรุดเข้าไปก็ดีครับ    :016: :016: :016: :016: :025: :025: :025: :025: :077: :077: :077: :077: :077: :077: :077:

187
  พอดีผมใช้ตะกรุดโทนของวัดเขาอ้อ อยู่ดอกนึ่งอ่ะครับ  เป็นตะกรุดคาดเอวถักเชือกหุ้ม  วันนี้ใส่ไปใส่มาตะกรุดดันเลือนออกมาด้านนอกประมาณครึ่งcm อ่ะครับ  ตอนไปเขาอ้อเคยถามถึงข้อห้าม มี 1 . ข้อ คือ ประตูถ้ามีคนเอามือท้าวประตูไว้ห้ามลอดผ่านเด็ดขาดเขาว่าธรรมจะขาดของจะพร่อง

188
คัดลอกจาก  หนังสือประวัติหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และคุณอภินิหารพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯ วัดช้างให้ ต้นฉบับ พ.ศ. ๒๕๐๔

189
นิยายเรื่องนี้ได้รับความกรุณาจาก ท่านพระครูวิสัยโสภณ (ท่านอาจารย์ทิม ธมฺมธโร)

สมัยที่สมเด็จเจ้าพะโคะ โล่หายไปจากวัดพะโคะ ตำบลชุมพล อำเภอจะทิ้งพระ จังหวัดสงขลา ครั้งนั้นได้มีพระภิกษุชรารูปหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่เมืองรัฐไทรบุรีเวลานี้ พระภิกษุรูปนี้เป็นปราชญ์ทางธรรม และเชี่ยวชาญทางอิทธิอภินิหารเป็นยอดเยี่ยม ชาวเมืองไทรบุรีมีความเคารพเลื่อมใสมาก ซึ่งสมัยนั้นคนมะลายูในเมืองไทรบุรีนับถือศาสนาพุทธ ต่อมาท่านก็ได้เป็นสมภารเจ้าวัดแห่งหนึ่งในเมืองนั้น

มีเรื่องชวนคิดอยู่ว่า พระภิกษุชรารูปนี้ไม่มีประชาชนคนใดจะทราบได้ว่า ท่านชื่ออย่างไร ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครซักถาม จึงพากันขนานนามเรียกกันว่า "ท่านลังกา องค์ท่านดำ" ท่านปกครองวัดด้วนอำนาจธรรมและอภินิหารอย่างยอดเยี่ยม เป็นที่พึ่งทางธรรมปฏิบัติและการเจ็บไข้ได้ทุกข์ของประชาชน ด้วยเมตตาธรรม ประชาชนเพิ่มความเคารพเลื่อมใสท่านตลอดถึงพระยาแก้มดำ เจ้าเมืองไทรบุรีสมัยนั้น และท่านมีความสุขตลอดมา (ท่านลังกาองค์นี้จะเป็นสมเด็จเจ้าพะโคะใช่หรือไม่ ขอให้อ่านต่อไป)

เมื่อข้าพเจ้าผู้เขียนยังหนุ่มๆ หรือประมาณ ๔๕ ปีมาแล้ว ได้อ่านหนังสือตำนานเมืองปัตตานี ซึ่งรวบรวมโดยคุณพระศรีบุรีรัฐ (สิทธิ์ ณ สงขลา) นายอำเภอชั้นลายครามของอำเภอยะรัง เรียบเรียง มีข้อความตอนหนึ่งว่า สมัยนั้นพระยาแก้มดำ เจ้าเมืองไทรบุรี ปรารถนาจะหาที่ชัยภูมิดีสร้างเมืองให้เจ๊ะสิตี น้องสาวครอบครอง เมื่อโหรหาฤกษ์ยามดีได้เวลา ท่านเจ้าเมืองก็เสี่ยงสัตย์อธิษฐานปล่อยช้างตัวสำคัญคู่บ้านคู่เมืองออกเดินป่า หรือเรียกว่าช้างอุปการ เพื่อหาที่ชัยภูมิดีสร้างเมือง ท่านเจ้าเมืองก็ยกพลบริวารเดินตามหลังช้างนั้นไปเป็นเวลาหลายวัน วันหนึ่งช้างได้เดินไปหยุดอยู่ ณ ที่ป่าแห่งหนึ่ง (ที่วัดช้างให้เวลานี้) แล้วเดินวนเวียนร้องขึ้น ๓ ครั้ง พระยาแก้มดำถือเป็นนิมิตที่ดีจะสร้างเมือง ณ ที่ตรงนี้ แต่น้องสาวตรวจดูแล้วไม่ชอบ พี่ชายก็อธิษฐานให้ช้างดำเนินหาที่ใหม่ต่อไป ได้เดินทางรอนแรมอีกหลายวัน เวลาตกเย็นวันหนึ่งก็หยุดพักพลบริวาร ทางน้องสาวถือโอกาสออกจากที่พักเดินเล่น บังเอิญขณะนั้นมีกระจงสีขาวผ่องตัวหนึ่ง วิ่งผ่านหน้านางไป นางอยากจะได้กระจงขาวตัวนั้น จึงชวนพวกพี่เลี้ยงวิ่งไล่ล้อมจับกระจงตัวนั้น ได้วิ่งวกไปเวียนมาบนเนินทรายอันขาวสะอาดริมทะเล (ที่ตำบลกิเซะเวลานี้) ทันใดนั้นกระจงก็ได้อันตรธานหายไป นางเจ๊ะสิตีรู้สึกชอบตรงที่นี้มาก จึงขอให้พี่ชายสร้างเมืองให้

เมื่อพระยาแก้มดำปลูกสร้างเมืองให้น้องสาว และมอบพลบริวารให้ไว้พอสมควรเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ชื่อเมืองนี้ว่า เมืองปะตานี (ปัตตานี) ขณะนั้นพระยาแก้มดำเดินทางกลับมาถึงภูมิประเทศที่ช้างบอกให้ครั้งแรก ก็รู้สึกเสียดายสถานที่ จึงตกลงใจหยุดพักแรมทำการแผ้วถางป่า และปลูกสร้างขึ้นเป็นวัดให้ชื่อว่า วัดช้างให้ มาจนบัดนี้ ต่อมาพระยาแก้มดำ ก็ได้มอบถวายวัดช้างให้แก่ท่านลังกาครอบครองอีกวัดหนึ่ง

ผู้เขียนขอกล่าวนอกเรื่องเพียงเล็กน้อย เพื่อผู้คนที่ยังไม่ทราบว่า สมัยโบราณกาลนานมานั้น คนมลายูนับถือศาสนาพุทธ พระยาแก้มดำคนมลายู จึงได้สร้างวัดช้างให้ขึ้น ผู้เขียนจึงขออ้างหนังสือของพระยารัตนภักดี ซึ่งกล่าวไว้ในหนังสือเรื่อง ปัญหาดินแดนไทยกับมลายู ซึ่งท่านพิมพ์แจกในการกุศล หน้า ๘ บรรทัดที่ ๑๖ ในหนังสือนั้นกล่าวอ้างตามประวัติศาสตร์ไว้ว่า พ.ศ. ๑๓๐๐ กษัตริย์ครองกรุงศรีวิชัยแห่งปาเล็มบัง มีอานุภาพแผ่อาณาเขตเข้ามาถึงแหลมมลายู ปกครองแผ่นดินส่วนหนึ่งถึงอำเภอไชยา ได้นำลัทธิพระพุทธศาสนาเข้ามาสั่งสอนในแหลมมลายู และได้ก่อสร้างปูชนีย์ฯ ทางพระพุทธศาสนาไว้หลายแห่ง ซึ่งยังปรากฏอยู่บัดนี้

ตามประวัติศาสตร์มลายูกล่าวว่า มีผู้พบศิลาจารึกแผ่นหนึ่งที่นครศรีธรรมราช จารึกว่า เมื่อ พ.ศ. ๑๓๑๘ เจ้าเมืองศรีวิชัยได้มาก่อพระเจดีย์องค์หนึ่งที่นครศรีธรรมราช และที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่งเกี่ยวกับโบราณวัตถุ คือพระพุทธไสยาสน์ในถ้ำแห่งภูเขา (วัดหน้าถ้ำ) ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา คาดคะเนว่าได้สร้างไว้ในสมัยพระเจ้ากรุงศรีวิชัย ระหว่าง พ.ศ. ๑๓๑๘ - ๑๔๐๐ ต่อมาก็ได้ปฏิสังขรณ์เพิ่มเติม ซึ่งยังคงปรากฏอยู่จนกระทั่งบัดนี้ องค์พระยาวถึง ๘๑ ฟุต ๑ นิ้ว ขนาดใหญ่วัดโดยรอบองค์พระ ๓๕ ฟุต และตามตำนานของคุณพระศรีบุรีรัฐกล่าวไว้ว่า สมัยหลายร้อยปีมาแล้ว คนมลายูนับถือศาสนาพุทธ แต่ได้มาเปลี่ยนนับถือศาสนาอิสลามเสียภายหลัง ผู้เขียนได้อ้างตำนานของท่านผู้มีเกียรติทั้งสองมายืนยันพอสมควรแล้ว ก็ขอย้อนกลับไปวัดช้างให้อีก

ทำให้ชวนคิดว่า วัดที่ท่านลังกาอยู่ถึงเมืองไทรบุรี ระยะทางที่จะมาวัดช้างให้ก็ไกลมาก ทางเดินก็มีแต่ป่าและภูเขาแสนจะทุรกันดาร ท่านลังกามีวัยชราภาพมากแล้วจะเดินไปเดินมาไหวหรือ แต่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าต่อๆ กันมาว่า ท่านลังกาเดินทางไปมาระหว่างวัดทั้งสองนี้เดินทางเวลาแรมเดือนแบบธุดงค์ ขณะที่ท่านเดินทางนั้นพบที่ใดเหมาะก็พักแรมหาความวิเวก เพื่อทำสมาธิภาวนา ใช้เวลาพักนานๆ เช่นภูเขาถ้ำหลอด ในกิ่งอำเภอสะบ้าย้อย ก็ปรากฏว่ามีสิ่งที่ควรเชื่อถือได้ว่า ท่านเป็นผู้ทำไว้แต่ครั้งเดินทางพักแรม จากนั้นก็ปรากฏอยู่บนเพิงหินบนภูเขาตังเกียบ เทือกภูเขาน้ำตกทรายขาว ทางทิศตะวันออกของลำธารน้ำตก มีพระพุทธรูปแกะด้วยไม้ตำเสาแบบพระยืนสององค์ ชาวบ้านตำบลทรายขาวเรียกพระพุทธรูปนี้ว่า หลวงพ่อตังเกียบเหยียบน้ำทะเลจืด เขาคาดคะเนกันว่าพระพุทธรูปสององค์นี้ท่านลังกาเป็นผู้สร้างสมัยที่เดินทางและอาศัยพักอยู่ หลวงพ่อสององค์นี้เล่าลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก และเป็นที่สักการะบูชาของชาวบ้านในถิ่นนั้นมาถึงบัดนี้ (ผู้เขียนได้ขึ้นไปนมัสการแล้ว)

พระภิกษุชราองค์นี้ ท่านอยู่เมืองไทรบุรี เขาเรียกว่าท่านลังกา เมื่อท่านมาอยู่วัดช้างให้ ชาวบ้านเรียกว่าท่านช้างให้ เป็นเช่นนี้ตลอดมา

ขณะที่ท่านลังกาพำนักอยู่ที่วัดในเมืองไทรบุรี วันหนึ่งอุบาสกอุบาสิกาและลูกศิษย์อยู่พร้อมหน้า ท่านได้พูดขึ้นในกลางชุมนุมนั้นว่า ถ้าท่านมรณภาพเมื่อใดขอให้ช่วยกันจัดการหามศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ด้วย และขณะหามศพพักแรมนั้น ณ ที่ใดน้ำเน่าไหลลงสู่พื้นดิน ที่ตรงนั้นจงเอาเสาไม้แก่นปักหมายไว้ ต่อไปข้างหน้าจะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ อยู่มาไม่นานเท่าไรก็ได้มรณภาพลงด้วยโรคชรา คณะศิษย์ผู้เคารพในตัวท่านก็ได้จัดการตามที่ท่านสั่งโดยพร้อมเพรียงกัน เมื่อทำการฌาปนกิจศพท่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว คณะศิษย์ผู้ไปส่งได้ขอแบ่งเอาอัฐิของท่านแต่ส่วนน้อยนำกลับไปทำสถูปที่วัด ณ เมืองไทรบุรี ไว้เป็นที่เคารพบูชา ตลอดมาจนบัดนี้


190
  พระอุปัชฌาย์ดำ ดิสฺสโร สำนักวัดศิลาลอย อำเภอจะทิ้งพระ เป็นผู้เล่าตามนิยายต่อกันมา โดยท่านพระครูวิริยานุรักษ์ วัดตานีนรสโมสร บันทึก ความดังต่อไปนี้

ในสมัยสมเด็จเจ้าพะโคะ พำนักอยู่วัดพะโคะครั้งนั้น ยังมีสามเณรน้อยรูปหนึ่ง เข้าใจว่าคงอาศัยอยู่วัดใดวัดหนึ่งในท้องที่อำเภอหาดใหญ่เวลานี้ สามเณรรูปนี้ได้บวชมาแต่อายุน้อยๆ ได้ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดมีความขยันหมั่นเพียร ก่อแต่การกุศลในพระพุทธศาสนา และตั้งจิตอธิษฐานจะขอพบพระศรีอริยะอย่างแรงกล้า อยู่มาคืนวันหนึ่งมีคนแก่ถือดอกไม้เดินเข้ามาหา แล้วประเคนดอกไม้ส่งให้แล้วบอกว่า นี่เป็นดอกไม้ทิพย์ไม่รู้จักร่วงโรย พร้อมกับกล่าวว่า พระศรีอริยะโพธิสัตว์นั้น ขณะนี้ได้จุติลงมาเกิดในเมืองมนุษย์เพื่อโปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา สามเณรเจ้าจงถือดอกไม้ทิพย์นี้ออกค้นหาเถิด หากผู้ใดรู้จักกำเนิดของดอกไม้นี้แล้ว ผู้นั้นแหละเป็นองค์พระศรีอริยะที่จุติมา เจ้าจงพยายามเที่ยวค้นหาคงจะพบ เมื่อกล่าวจบแล้วคนแก่นั้นก็อันตรธานหายไปทันที

สามเณรน้อยมีความปิติยินดีเป็นยิ่งนัก วันรุ่งเช้าจึงเข้ากราบลาสมภารเจ้าอาวาส ถือดอกไม้ทิพย์เดินออกจากวัดไป สามเณรเดินทางตรากตรำลำบากไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ก็ไม่มีใครทักถามถึงดอกไม้ทิพย์ที่ตนถืออยู่นั้นเลย แต่สามเณรก็พยายามอดทนต่อความเหนื่อยยาก ต้องตากแดดกรำฝนไปเป็นเวลาช้านาน

วันหนึ่งต่อมา สามเณรน้อยเดินทางเข้าเขตวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ ในเวลาใกล้จะมืดค่ำเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ พระจันทร์เต็มดวงส่องรัศมีจ้าไปทั่วท้องฟ้า และเป็นวันที่พระภิกษุสงฆ์ลงทำสังฆกรรมในโบสถ์ สามเณรถือดอกไม้ทิพย์ เดินเข้าไปยืนอยู่ริมประตูโบสถ์ รอคอยพระสงฆ์ที่จะมาลงอุโบสถ พอถึงเวลา พระภิกษุทั้งหลายก็เดินทะยอยกันเข้าโบสถ์ ผ่านหน้าสามเณรไปจนหมด ไม่มีพระภิกษุองค์ใดทักถามสามเณรเลย

เมื่อพระสงฆ์เข้านั่งที่ในโบสถ์เรียบร้อยแล้ว สามเณรจึงเดินเข้าไปนมัสการถามพระสงฆ์เหล่านั้นว่า วันนี้พระมาลงอุโบสถหมดทุกองค์แล้วหรือ พระภิกษุตอบว่ายังมีสมเด็จอยู่อีกองค์วันนี้ไม่มาลงอุโบสถ สามเณรทราบดังนั้น ก็กราบลาพระสงฆ์เหล่านั้น เดินออกจากโบสถ์มุ่งตรงไปยังกุฏิของสมเด็จเจ้าฯ ทันที ครั้นถึง สามเณรก็คลานเข้าไปใกล้ก้มกราบนมัสการท่านอยู่ตรงหน้าสมเด็จเจ้าฯ ได้ประสพดอกไม้ในมือของสามเณรถืออยู่ จึงถามว่า สามเณร นั่นดอกมณฑาทิพย์ เป็นดอกไม้เมืองสวรรค์ ผู้ใดให้เจ้ามา สามเณรรู้แจ้งใจตามที่นิมิต จึงคลานเข้าไปใกล้ก้มลงกราบที่ฝ่าเท้า แล้วประเคนถวายดอกไม้ทิพย์นั้นแก่สมเด็จฯ ทันที เมื่อสมเด็จเจ้าฯ รับประเคนดอกไม้ทิพย์จากสามเณรน้อยแล้ว ท่านได้สงบอารมณ์อยู่ชั่วครู่ มิได้พูดจาประการใด แล้วลุกขึ้นเรียกสามเณรเดินตรงเข้าในกุฏิปิดประตูลงกลอน และเงียบหายไปในคืนนั้น มิได้ร่องรอยแต่อย่างใดเหลือไว้ให้พิสูจน์ จนเวลาล่วงเลยมาถึงบัดนี้ ประมาณสามร้อยปีแล้ว

การหายตัวไปของสมเด็จเจ้าพะโคะครั้งนั้น ประชาชนเล่าลือกันว่า ท่านได้สำเร็จสู่สวรรค์ไปเสียแล้ว ด้วยอำนาจบุญบารมีอภินิหารท่านแรงกล้า ตามที่กล่าวเล่าลือกันเช่นนั้น เพราะมีเหตุอัศจรรย์ปรากฏขึ้นในคืนนั้นว่า บนอากาศบริเวณวัดพะโคะ ได้มีดวงไฟโตขนาดเท่าดวงไต้ ส่องรัศมีสีต่างๆ เป็นปริมณฑล ดังพระจันทร์ทรงกลดลอยวนเวียนรอบบริเวณวัดพะโคะ ส่องรัศมีสว่างจ้าไปทั่วบริเวณวัด เมื่อดวงไฟดวงนั้นลอยวนเวียนอยู่ครบสามรอบแล้ว ลอยเคลื่อนไปทางทิศอาคเนย์ เงียบหายมาจนกระทั่งบัดนี้

วันรุ่งเช้าประชาชนมาร่วมประชุมกันที่วัด และต่างคนต่างก็เข้าใจว่าสมเด็จเจ้าฯ ท่านสำเร็จสู่สวรรค์ไป จึงได้พากันพนมมือขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกับเปล่งเสียงว่า สมเด็จเจ้าพะโคะโล่ไปเสียแล้วเจ้าข้าเอย

เมื่อสมเด็จเจ้าพะโคะโล่หายไปจากวัดพะโคะครั้งนั้น สมเด็จเจ้าฯ ท่านได้ทิ้งของสำคัญไว้ให้เป็นที่สักการะบูชาของประชาชนตลอดมาคือ


๑. ดวงแก้วที่พระยางูใหญ่ให้ ครั้งเป็นทารกอยู่ในเปล ๑ ดวง และสมภารทุกๆ องค์ของวัดพะโคะได้เก็บรักษาไว้จนถึงบัดนี้ ปรากฏว่าแก้วดวงนี้ไม่มีใครกล้านำออกจากบริเวณวัดพะโคะ เพราะเกรงจะเกิดภัย

๒. ก่อนที่สมเด็จเจ้าฯ จะโล่หายไป ปรากฏว่าท่านได้ขึ้นไปทำสมาธิอยู่บนชะง่อนผาบนภูเขาบาท ได้เอาเท้าซ้ายเหยียบลงบนลาดผาลึกเป็นรอยเท้า เป็นที่สักการะบูชาของประชาชนมาจนกระทั่งบัดนี้ (ท่านพระครูวิสัยโสภณ วัดช้างให้ ได้ไปนมัสการมาแล้ว)

 


191
(ต่อครับ)  กาลนานมาปีหนึ่ง ในพระมหานครศรีอยุทธยาเกิดโรคระบาดขึ้นร้ายแรงเช่นอหิวาตกโรค ประชาราษฎรล้มป่วยเจ็บตายลงเป็นอันมาก ประชาชนพลเมืองเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่งนัก สมัยนั้นหยูกยาก็ไม่มี นิยมใช้รักษาป้องกันด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย พระเจ้าอยู่หัวทรงพระวิตกกังวลมาก เพราะไม่มีวิธีใดจะช่วยรักษาและป้องกันโรคนี้ได้ และทรงระลึกถึงพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ขึ้นได้ จึงตรัสสั่งให้ศรีธนญชัยไปนิมนต์ท่านเข้ามาเฝ้า ทรงปรารภในเรื่องทุกข์ร้อนของพลเมืองที่ได้รับทุกข์ยุคเข็ญด้วยโรคระบาดอยู่ขณะนี้ ท่านจึงทำพิธีปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์แล้วนำไปประพรมให้แก่ประชาชนทั่วพระนคร ปรากฏว่าโรคระบาดได้ทุเลาเหือดหายไปในไม่ช้า ประชาชนได้รับความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา ในหลวงทรงพระปรีดาปราโมทย์เป็นอันมาก ทรงเคารพเลื่อมใสในองค์ท่านอย่างยิ่ง วันหนึ่งได้ทรงตรัสปรารภกับท่านว่า ต่อไปนี้หากพระคุณเจ้ามีความปรารถนาสิ่งอันใด ขอนิมนต์แจ้งให้ทราบความปรารถนานั้นๆ จะทรงพระราชทานถวาย ขอพระคุณเจ้าอย่าได้เกรงพระทัยเลย



การล่วงมานานประมาณว่า พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์มีวัยชราแล้ว วันหนึ่งท่านได้เข้าเฝ้าถวายพระพรทูลลาจะกลับภูมิลำเนาเดิม พระองค์ทรงเกรงใจท่าน ไม่กล้านิมนต์ขอร้องแต่อย่างใด ได้พระราชทานอนุญาตตามความปรารถนาของท่าน

เมื่อพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์กลับภูมิลำเนาเดิมแล้ว ครั้งนั้นปรากฏมีหลักฐานว่าไว้ว่า ท่านเดินกลับทางบกธุดงค์โปรดสัตว์เรื่อยมาเป็นเวลาช้านาน จึงถึงวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ ตามแนวทางที่ท่านเดินและพักแรมที่ใด ต่อมาภายหลังสถานที่ท่านพักแรมนั้นเกิดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนในถิ่นนั้นได้ทำการเคารพบูชามาถึงบัดนี้ คือ ปรากฏว่าขณะที่ท่านพักแรมอยู่ที่บ้านโกฏิในอำเภอปากพนัง เมื่อท่านเดินทางจากไปแล้ว ภายหลังประชาชนยังมีความเคารพเลื่อมใสท่านอยู่มาก จึงได้ชักชวนกันขุดดินพูนขึ้นเป็นเนิน ตรงกับที่ท่านพักแรมไว้เป็นที่ระลึก รอบๆ เนินดินนั้นจึงเป็นคูน้ำล้อมรอบเนิน และสถานที่แห่งนี้ต่อมาก็เกิดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จนถึงบัดนี้

เมื่อท่านเดินทางมาถึงหัวลำภูใหญ่ในอำเภอหัวไทรในเวลานี้ เป็นสถานที่มีหาดทรายขาวสะอาด ต้นลำภูแผ่กิ่งก้านสาขาร่มรื่นเย็นสบาย ท่านจึงพักแรมอาศัยใต้ต้นลำภูนั้น ทำสมาธิวิปัสสนา ประชาชนในถิ่นนั้นได้พร้อมใจกันมากราบไหว้บูชา และฟังท่านแสดงธรรมอันเป็นหลักควรปฏิบัติของพระพุทธศาสนา ต่อมาประชาชนเพิ่มความเลื่อมใสศรัทธาแรงกล้า จึงพร้อมใจกันสร้างศาลาถวายขึ้นหลังหนึ่ง และท่านได้จากสถานที่นี้ไปแล้ว ต่อมาภายหลังไม่นานศาลาหลังนี้เกิดเป็นศาลาศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนชาวบ้านถิ่นนั้นและถิ่นใกล้เคียงจึงชักชวนกันมาทำพิธีสมโภชศาลาศักดิ์สิทธิ์หลังนั้นเป็นการระลึกถึงท่าน ถือเอาวันพฤหัสบดีเป็นวันพิธี ชักชวนกันทำขนมโคมาบวงสรวงสมโภชทุกๆ วันพฤหัสฯ เป็นประจำจนเป็นประเพณีมาจนกระทั่งบัดนี้

เมื่อท่านจากหัวลำภูใหญ่ เดินทางมาถึงบางค้อน ท่านได้หยุดพักแรมพอหายเมื่อยล้า แล้วก็เดินทางต่อไปจนถึงวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ หลังจากที่ท่านจากไปแล้วสถานที่บางค้อนก็เกิดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏมาจนบัดนี้

พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ หรือพระภิกษุปู่กลับถึงวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะครั้งนี้ ประชาชนชื่นชมยินดีแซ่ซ้องสาธุการต้อนรับท่านเป็นการใหญ่ ประชาชนได้พร้อมกันขนานนามท่านขึ้นใหม่เรียกกันว่า "สมเด็จเจ้าพะโคะ" ตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้ ต่อมาวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ อันเป็นชื่อเดิมก็ถูกเรียกย่อๆ เสียใหม่ว่า "วัดพะโคะ" จนบัดนี้

ตามตำนานกล่าวไว้ว่า วัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ นี้ มีพระอรหันต์ ๓ องค์ เป็นผู้สร้างขึ้น คือ

๑. พระนาไรมุ้ย
๒. พระมหาอโนมทัสสี
๓. พระธรรมกาวา

ต่อมาพระมหาอโนมทัสสี ได้เดินทางไปประเทศอินเดีย อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระบรมศาสดากลับมา พระยาธรรมรังคัล เจ้าเมืองจะทิ้งพระในสมัยนั้นมีความเลื่อมใสศรัทธา จัดการก่อสร้างพระเจดีย์องค์ใหญ่สูงถึง ๒๐ วา ขึ้นถวายแล้วทำพิธีสมโภชบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายในเจดีย์องค์นั้น และคงมีปรากฏอยู่จนบัดนี้

 

ขณะที่สมเด็จเจ้าพะโคะ หรือพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ ได้หยุดพักผ่อนนานพอสมควร ท่านได้ตรวจดูเห็นปูชนียสถานและกุฏิวิหารเก่าแก่ได้ชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก ควรจะบูรณะซ่อมแซมเสียใหม่ ดังนั้นท่านจึงได้เดินทางเข้าไปยังกรุงศรีอยุธยา เข้าเฝ้าสมเด็จพระมหาธรรมราชาอีกวาระหนึ่ง (ในตำนานมิได้กล่าวไว้ว่าท่านไปทางบกหรือไปทางน้ำ) เมื่อได้สนทนาถามสุขทุกข์กันแล้ว ท่านก็ทูลถวายพระพรพระองค์ ตามความปรารถนาที่จะบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดให้พระองค์ทรงทราบ ครั้นได้ทรงทราบจุดประสงค์ ก็ทรงศรัทธาเลื่อมใสร่วมอนุโมทนาด้วย จึงตรัสสั่งให้พระเอกาทศรถ พระเจ้าลูกยาเธอ จัดการเบิกเงินในท้องพระคลังหลวงมอบถวาย และจัดหาศิลาแลงบรรทุกเรือสำเภา ๗ ลำ พร้อมด้วยนายช่างหลวงหลายนาย มอบหมายให้ท่านนำกลับไปดำเนินงานตามความปรารถนา ปรากฏว่าท่านได้ทำการบูรณะซ่อมแซมและปลูกสร้าง (วัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ) อยู่หลายปีจึงสำเร็จบริบูรณ์

 

สมเด็จเจ้าพะโคะ เข้าไปเฝ้าพระมหาธรรมราชายังกรุงศรีอยุทธยาครั้งนี้ ปรากฏว่าพระองค์ทรงเลื่อมใสเคารพต่อท่านเป็นยิ่งนัก ได้ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานที่ดินนาถวายแก่ท่านเป็นกัลปนา ขึ้นแก่วัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ จำนวน ๙๐ ฟ้อน พร้อมด้วยประชาราษฎรที่อาศัยอยู่ในเขตที่ดินนั้น มีอาณาเขตติดต่อ โดยถือเอาวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะเป็นศูนย์กลาง ดังนี้

๑. ทางทิศเหนือ ตั้งแต่แหลมชุมพุกเข้ามา
๒. ทางทิศใต้ ตั้งแต่แหลมสนเข้ามา
๓. ทางทิศตะวันออก จดทะเลจีนเข้ามา
๔. ทางทิศตะวันตก จดทะเลสาปเข้ามา


ขณะที่สมเด็จเจ้าพะโคะ กลับจากกรุงศรีอยุทธยา ได้ประจำพรรษาอยู่ ณ วัดพะโคะ ครั้งนี้คาดคะเนว่าท่านมีอายุกาลถึง ๘๐ ปีเศษ อยู่มาวันหนึ่งท่านถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ประจำตัว ไม้เท้านี้มีลักษณะคดไปมาเป็น ๓ คด ชาวบ้านเรียกว่าไม้เท้า ๓ คด ท่านออกจากวัดมุ่งหน้าเดินไปยังชายฝั่งทะเลจีน และขณะที่ท่านเดินเล่นรับอากาศทะเลอยู่นั้น ได้มีเรือโจรสลัดจีนแล่นเรียบชายฝั่งมา พวกโจรสลัดจีนเห็นสมเด็จเดินอยู่ คิดเห็นว่าเป็นคนประหลาดเพราะท่านครองสมณเพศ พวกโจรจึงแวะเรือเข้าขึ้นฝั่งนำเอาท่านลงเรือไป เมื่อเรือโจรจีนออกจากฝั่งไม่นาน เหตุมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น คือเรือลำนั้นจะแล่นต่อไปไม่ได้ ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ พวกโจรจีนได้พยายามแก้ไขจนหมดความสามารถ เรือก็ยังไม่เคลื่อน จึงได้จอดเรือนิ่งอยู่ ณ ที่นั้นเป็นเวลาหลายวันหลายคืน ที่สุดน้ำจืดที่ลำเรียงมาบริโภคในเรือก็ได้หมดสิ้น จึงขาดน้ำจืดดื่มและหุงต้มอาหาร พากันเดือดร้อนกระวนกระวายด้วยการกระหายน้ำเป็นอย่างยิ่ง สมเด็จท่านสังเกตเห็นเหตุการณ์ ความเดือดร้อนของพวกเรือถึงขั้นที่สุดแล้ว ท่านจึงเหยียบกาบเรือให้ตะแคงต่ำลงแล้วยื่นเท้าเหยียบลงบนผิวน้ำทะเล ทั้งนี้ย่อมไม่พ้นความสังเกตของพวกจีนไป เมื่อท่านยกเท้าขึ้นจากพื้นน้ำทะเลแล้ว ก็สั่งให้พวกโจรจีนตักน้ำตรงนั้นมาดื่มชิมดู พวกจีนแม้จะไม่เชื่อก็จำเป็นต้องลอง เพราะไม่มีทางใดจะช่วยตัวเองได้แล้ว แต่ได้ปรากฏว่าน้ำทะเลเค็มจัดที่ตรงนั้นแปรสภาพเป็นน้ำจืด เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก พวกโจรสลัดจีนได้เห็นประจักษ์ในคุณอภินิหารของท่านเช่นนั้น ก็พากันหวาดเกรงภัยที่จะเกิดแก่พวกเขาต่อไป จึงได้พากันกราบไหว้ขอขมาโทษ แล้วนำท่านล่องเรือส่งกลับขึ้นฝั่งต่อไป

เมื่อสมเด็จเจ้าพะโคะขึ้นจากเรือเดินกลับวัด ถึงที่แห่งหนึ่ง ท่านหยุดพักเหนื่อย ได้เอาไม้เท้า ๓ คดพิงไว้กับต้นยางสองต้นอันยืนต้นคู่เคียงกัน ต่อมาต้นยางสองต้นนั้นสูงใหญ่ขึ้น ลำต้นและกิ่งก้านสาขาเปลี่ยนสภาพจากเดิมกลับคดๆ งอๆ แบบเดียวกับรูปไม้เท้าทั้งสองต้น ประชาชนในถิ่นนั้นเรียกว่า ต้นยางไม้เท้า ยังมีปรากฏอยู่ถึงเวลานี้

สมเด็จเจ้าพะโคะ หรือพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ ครองสมณเพศประจำพรรษาอยู่วัดพะโคะ เป็นที่พึ่งของประชาราษฏร์มีความร่มเย็นเป็นสุข ได้ช่วยการเจ็บไข้ได้ทุกข์ บำรุงสุข เทศนาสั่งสอนธรรมของพระพุทธองค์ ประดุจร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงพุทธศาสนิกชนได้ตลอดมา



 


192
เมื่อหลายร้อยปีมาแล้วหัวเมืองทางภาคใต้ของประเทศไทย เล่าลือกันมาว่าทุกๆ สมัย เกิดมีพระภิกษุสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ชั้นสมเด็จมาถึง ๔ องค์ด้วยกันคือ

๑. สมเด็จเจ้าเกาะยอ
๒. สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่
๓. สมเด็จเจ้าจอมทอง
๔. สมเด็จเจ้าพะโคะ

  ตามตำนานกล่าวไว้ว่าสมเด็จเจ้าพะโคะองค์นี้ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชมุณีสามีรามคุณูปมาจารย์ จากสมเด็จพระมหาธรรมราชาสมัยพระองค์ครองกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และกล่าวไว้ว่าสมเด็จเจ้าพะโคะ ชาตะ วันศุกร์ เดือน ๔ ปีมะโรง ตรงกับ พ.ศ. ๒๑๒๕ บิดาชื่อหู มารดาชื่อนางจันทร์ มีอายุมากแล้วจึงคลอดบุตรเป็นชายชื่อเจ้าปู่ และได้คลอดบุตรคนนี้ที่บ้านสวนจันทร์ ตำบลชุมพล เมืองจะทิ้งพระ (อ. จะทิ้งพระ จ. สงขลา เวลานี้)

ตาหู นางจันทร์ เป็นคนยากจน ได้อาศัยอยู่กับคฤหบดีผู้หนึ่งไม่ปรากฏนาม สองสามีภริยาเป็นผู้มั่นอยู่ในศีลธรรม เมื่อนางจันทร์ออกจากการอยู่ไฟ เนื่องในการคลอดบุตรแล้ว วันหนึ่งนางจันทร์อุ้มลูกน้อยพร้อมด้วยสามีออกไปทุ่งนา เพื่อช่วยเก็บเกี่ยวข้าวให้แก่เจ้าของบ้านที่พลอยอาศัย ครั้นถึงทุ่งนาได้เอาผ้าผูกกับต้นเหม้าและต้นหว้าซึ่งขึ้นอยู่ใกล้กัน ทำเป็นเปลให้ลูกนอน แล้วพากันลงนาเก็บเกี่ยวข้าวต่อไป

ขณะสองสามีภริยาเก็บเกี่ยวข้าวอยู่ชั่วครู่ นางจันทร์เป็นห่วงลูก ได้เหลียวมามองที่เปล ปรากฏว่ามีงูบองตัวโตผิดปกติ ได้ขดตัวรวบรัดเปลที่เจ้าปู่นอน สองสามีภริยาตกใจร้องหวีดโวยวายขึ้น เพื่อนชาวนาที่เกี่ยวข้าวอยู่ใกล้เคียงก็รีบพากันวิ่งมาดู แต่ก็ไม่มีใครสามารถช่วยอะไรได้ งูใหญ่ตัวนั้นเห็นคนเข้าใกล้ก็ชูศีรษะสูงขึ้นส่งเสียงขู่คำรามดังอย่างน่ากลัว จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เปลนั้นเลย

ฝ่ายนายหูนางจันทร์ผู้มั่นอยู่ในบุญกุศล ยืนนิ่งพินิจพิจารณาอยู่ ปรากฏว่างูใหญ่ตัวนั้นมิได้ทำอันตรายแก่เด็กบุตรน้อยของตนเลย จึงเกิดความสงสัยว่างูบองใหญ่ตัวนี้น่าจะเกิดจากเทพนิมิตบันดาล คิดดังนั้นแล้วก็พากันหาดอกไม้ และเก็บรวงข้าวเผาเป็นข้าวตอกนำมาบูชา และกราบไหว้งูใหญ่ พร้อมด้วยกล่าวคำสัตย์อธิษฐาน ขอให้ลูกน้อยปลอดภัย ในชั่วครู่นั้นงูใหญ่ก็คลายขนดลำตัวออกจากเปล อันตรธานหายไปทันที

นายหูนางจันทร์และเพื่อนพากันเข้าไปดูทารกที่ในเปล ปรากฏว่าเจ้าปู่ยังนอนหลับเป็นปกติอยู่ แต่มีแก้วดวงหนึ่งวางอยู่ที่คอในที่ลุ่มใต้ลูกกระเดือก แก้วดวงนั้นมีสีแสงรุ่งเรืองเป็นรัศมีหลากสี สองสามีภริยาจึงเก็บรักษาไว้ คหบดีเจ้าของบ้านทราบความ จึงขอแก้วดวงนี้ไว้เป็นกรรมสิทธิ์ ตาหูนางจันทร์ก็จำใจมอบให้คหบดีผู้นั้น เมื่อได้แก้วพระยางูมาไว้เป็นสมบัติของตนแล้วก็รู้สึกพอใจ

ต่อมาไม่นานได้เกิดการวิปริต ให้ความเจ็บไข้ได้ทุกข์แก่คหบดี และครอบครัวขึ้นอย่างรุนแรงผิดปกติจะไม่มีทางแก้ไขได้ จนถึงที่สุด คหบดีเจ้าของบ้านจึงคิดว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นครั้งนี้ คงจะเป็นเพราะยึดเอาดวงแก้วพระยางูนั้นไว้จึงให้โทษ และเกรงเหตุร้ายจะลุกลามยิ่งๆ ขึ้น จึงตัดสินใจคืนแก้วดวงนั้นให้สองสามีภริยากลับคืนไป ต่อมาภายในบ้านและครอบครัวของคฤหบดีผู้นั้นก็ได้อยู่เย็นเป็นสุขตามปกติ ขณะที่นายหูนางจันทร์ได้ครอบครองแก้ววิเศษอยู่นั้น ปรากฏว่าเจ้าของบ้านก็มีความเมตตาสงสาร ไม่ใช้งานหนัก การทำมาหากินเลี้ยงชีพก็จำเริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ อยู่สุขสบายตลอดมา

เมื่อกาลล่วงนานมาจนเจ้าปู่อายุ ๗ ปี บิดามารดาได้นำไปถวายสมภารจวงให้เรียนหนังสือ ณ วัดดีหลวง เด็กชายปู่ศึกษาเล่าเรียนมีความเฉลียวฉลาดยิ่งกว่าเพื่อนคนใดๆ เมื่อเด็กชายปู่มีอายุ ๑๕ ปี สมภารจวงผู้เป็นอาจารย์ได้บวชให้เป็นสามเณร ต่อมาท่านอาจารย์ได้นำไปฝากท่านพระครูสัทธรรมรังษี ให้เรียนหนังสือมูลกัจจายน์ ณ วัดสีหยัง (วัดสีคูยัง อ.ระโนต เวลานี้)

สามเณรปู่เรียนมูลกัจจายน์ อยู่กับท่านพระครูสัทธรรมรังษี ซึ่งคณะสงฆ์ส่งท่านมาจากกรุงศรีอยุทธยา ให้เป็นครูสอนวิชามูลฯ ทางหัวเมืองฝ่ายใต้ในสมัยนั้น มีพระภิกษุสามเณรได้ศึกษาเล่าเรียนกันมา สามเณรปู่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดส่อนิสัยปราชญ์มาแต่กำเนิด ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชามูลฯ อยู่ไม่นานก็สำเร็จ เป็นที่ชื่นชมของพระอาจารย์เป็นอย่างมาก

เมื่อสามเณรปู่เรียนจบวิชามูลฯ แล้ว ได้กราบลาพระอาจารย์ไปเรียนต่อยังสำนักพระครูกาเดิม ณ วัดสีมาเมือง เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อครบอายุบวช พระครูกาเดิมผู้เป็นอาจารย์ จัดการอุปสมบทให้เป็นภิกษุในพุทธศาสนา ทำญัติอุปสมบทให้ ฉายาว่า "สามีราโม" ณ สถานที่คลองแห่งหนึ่ง โดยเอาเรือ ๔ ลำ มาเทียบขนานเข้าเป็นแพทำญัติ ต่อมาคลองแห่งนั้น มีชื่อเรียกกันว่าคลองท่าแพจนบัดนี้

พระภิกษุปู่ เรียนธรรมอยู่สำนักพระครูกาเดิม ๓ ปี ก็เรียนจบชั้นธรรมบทบริบูรณ์ พระภิกษุปู่ได้กราบลาพระครูกาเดิมจากวัดสีมาเมืองกลับภูมิลำเนาเดิม ต่อมาได้ขอจะโดยสารเรือสำเภาของนายอินทร์ ลงเรือที่ท่าเมืองจะทิ้งพระไปกรุงศรีอยุทธยาพระนครหลวง เพื่อศึกษาเล่าเรียนธรรมเพิ่มเติมอีก เรือสำเภาใช้ใบแล่นถึงเมืองนครศรีธรรมราช นายอินทร์เจ้าของเรือได้นิมนต์ขึ้นบก ไปนมัสการพระบรมธาตุตามประเพณีของชาวเรือเดินทางไกล ซึ่งได้ปฏิบัติกันมาแต่กาลก่อนๆ เพื่อขอความสวัสดีต่อการเดินทางทางทะเล แล้วพากันมาลงเรือสำเภาที่คลองท่าแพ เรือสำเภาใช้ใบออกสู่ทะเลหลวงเรียบร้อยตลอดมาเป็นระยะทาง ๓ วัน ๓ คืน

วันหนึ่งท้องทะเลฟ้าวิปริต เกิดพายุฝนตกมืดฟ้ามัวดินคลื่นคนองเป็นบ้าคลั่ง เรือจะแล่นต่อไปไม่ได้ จึงลดใบทอดสมอสู้คลื่นลมอยู่ ๓ วัน ๓ คืน จนพายุร้ายสงบเงียบลงเป็นปกติ แต่เหตุการณ์บนเรือสำเภาเกิดความเดือนร้อนมาก เพราะน้ำจืดที่ลำเลียงมาหมดลง คนเรือไม่มีน้ำจืดดื่มและหุงต้มอาหาร นายอินทร์เจ้าของเรือเป็นเดือดเป็นแค้นในเหตุการณ์ครั้งนั้น หาว่าเป็นเพราะพระภิกษุปู่พลอยอาศัยมาจึงทำให้เกิดเหตุร้าย ซึ่งตนไม่เคยประสบเช่นนี้มาแต่ก่อนเลย

ผู้บันดาลโทษะย่อมไม่รู้จักผิดชอบฉันใด นายเรือคนนี้ก็ฉันนั้น เขาจึงได้ไล่พระภิกษุปู่ลงเรือใช้ให้ลูกเรือนำไปขึ้นฝั่ง หมายจะปล่อยท่านไปตามยะถากรรม ขณะที่พระภิกษุปู่ลงนั่งอยู่ในเรือเล็ก ท่านได้ยื่นเท้าลงเหยียบน้ำทะเลแล้วบอกให้ลูกเรือคนนั้นตักน้ำขึ้นดื่มกินดู ปรากฏว่าน้ำทะเลที่เค็มจัดตรงนั้นแปรสภาพเป็นน้ำที่มีรสจืดสนิท ลูกเรือคนนั้นจึงขึ้นไปบอกบนเรือใหญ่ให้เพื่อนทราบ พวกกะลาสีบนเรือใหญ่ จึงชวนกันตักน้ำทะเลตรงนั้นขึ้นไปดื่มแก้กระหาย พากันอัศจรรย์ในอภินิหารของพระภิกษุหนุ่มองค์นี้ยิ่งนัก

ความทราบถึงนายอินทร์เจ้าของเรือ จึงได้ดื่มน้ำนั้นพิสูจน์ดู ปรากฏว่าน้ำทะเลที่จืดนั้น มีบริเวณอยู่จำกัดเป็นวงกลมประมาณเท่าล้อเกวียน นอกนั้นเป็นน้ำเค็มตามธรรมชาติของน้ำทะเลจึงสั่งให้ลูกเรือตักน้ำในบริเวณนั้น ขึ้นบรรจุภาชนะไว้บนเรือจนเต็ม นายอินทร์และลูกเรือได้ประจักษ์ในอภินิหารของท่านเป็นที่อัศจรรย์เช่นนั้น ก็เกิดความหวาดวิตกภัยพิบัติที่ตนได้กระทำไว้ต่อท่าน จึงได้นิมนต์ให้ท่านขึ้นบนเรือใหญ่ แล้วพากันกราบไหว้ขอขมาโทษตามที่ตนได้กล่าวคำหยาบต่อท่านมาแล้ว และถอนสมอใช้ใบแล่นเรือต่อไปเป็นเวลาหลายวันหลายคืนโดยเรียบร้อย

ขณะเรือสำเภาถึงกรุงศรีอยุทธยา เข้าจอดเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว นายอินทร์ได้นิมนต์ท่าน ให้ท่านเข้าไปในเมืองแต่ท่านไม่ยอมเข้าเมือง ท่านปรารถนาจะอยู่ ณ วัดนอกเมือง เพราะเห็นว่าเป็นที่เงียบสงบดี และได้ไปอาศัยอยู่ ณ วัดราชานุวาส ซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง ขณะนั้นพระมหาธรรมราชาครองกรุงศรีอยุทธยา

ในสมัยนั้น ประเทศลังกาอันมีพระเจ้าวัฏฏะคามินีครองราชเป็นแผ่นดิน มีพระประสงค์จะได้กรุงศรีอยุทธยาไว้ใต้พระบรมเดชานุภาพ แต่พระองค์ไม่มีพระประสงค์จะก่อสงครามให้เกิดรบราฆ่าฟันกันและกัน ให้ประชาชนข้าแผ่นดินเดือดร้อน จึงมีนโยบายอีกอย่างหนึ่งที่สามารถจะเอาชนะประเทศอื่นโดยการท้าพนัน พระองค์จึงตรัสสั่งให้พนักงานพระคลังเบิกจ่ายทองคำในท้องพระคลังหลวง มอบให้แก่นายช่างทองไปจัดการหลอมหล่อเป็นตัวอักษรเท่าใบมะขามจำนวน ๘๔,๐๐๐ เมล็ด แล้วมอบให้แก่พราหมณ์ผู้เฒ่า ๗ คน พร้อมด้วยข้าวของอันมีค่าบรรทุกลงเรือสำเภา ๗ ลำ พร้อมด้วยพระราชสาสน์ให้แก่พราหมณ์ทั้ง ๗ นำลงเรือสำเภาใช้ใบแล่นไปยังกรุงศรีอยุธยา เมื่อเรือสำเภาจอดท่ากรุงศรีอยุทธยาเรียบร้อยแล้ว พราหมณ์ทั้ง ๗ ได้พากันเข้าเฝ้าสมเด็จพระมหาธรรมราชาถวายสาสน์

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงไทยทรงอ่านพระราชสาสน์ความว่า พระเจ้ากรุงลังกาขอท้าพระเจ้ากรุงไทยให้ทรงแปลพระธรรมในเมล็ดทองคำและเรียบเรียงตามลำดับให้เสร็จภายใน ๗ วัน ถ้าแปลและเรียบเรียงได้ทันกำหนด พระเจ้ากรุงลังกาขอถวายข้าวของอันมีค่าทั้ง ๗ ลำเรือสำเภาเป็นบรรณาการแก่พระเจ้ากรุงไทย แต่ถ้าพระเจ้ากรุงไทยแปลเรียงเมล็ดทองคำไม่ได้ตามกำหนด ให้พระเจ้ากรุงไทยจัดการถวายดอกไม้เงินและทองส่งเป็นราชบรรณาการแก่กรุงลังกาทุกๆ ปี ตลอดไป

เมื่อพระองค์ทรงทราบพระราชสาสน์อันมีข้อความดังนั้น จึงทรงจัดสั่งนายศรีธนญชัยสังฆการี เขียนประกาศนิมนต์พระราชาคณะ และพระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงคุณวุฒิทั่วประเทศให้เข้ามาแปลธรรมในพระมหานครทันกำหนด เมื่อได้ประกาศไปแล้ว ๖ วัน ก็ไม่มีใครสามารถแปลเรียบเรียงเมล็ดทองคำนั้นได้ พระองค์ทรงปริวิตกเป็นยิ่งนัก และในคืนวันนั้นพระองค์ทรงสุบินนิมิตว่า มีพระยาช้างเผือกผู้มาจากทิศตะวันตก ขึ้นยืนอยู่บนพระแท่นในพระบรมมหาราชวัง ได้เปล่งเสียงร้องก้องดังได้ยินไปทั่วทั้งสี่ทิศ ทรงตกพระทัยตื่นบรรทมในยามนั้น และทรงพระปริวิตกในพระสุบินนิมิตเกรงว่าประเทศชาติจะเสียอธิปไตย และเสื่อมเสียพระบรมเดชานุภาพ ทรงพระวิตกกังวลไม่เป็นอันจะบรรทมจนรุ่งสาง

เมื่อได้เสด็จออกยังท้องพระโรง สั่งให้โหรหลวงเข้าเฝ้าโดยด่วน และทรงเล่าพระสุบินนิมิตให้โหรหลวงทำนาย เพื่อจะได้ทรงทราบว่าร้ายดีประการใด เมื่อโหรหลวงทั้งคณะได้พิจารณาดูยามในพระสุบินนิมิตนั้นละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว ก็พร้อมกันกราบถวายบังคมทูลว่า ตามพระสุบินนิมิตนี้ จะมีพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งมาจากทิศตะวันตกอาสาเรียงและแปลพระธรรมได้สำเร็จ พระบรมเดชานุภาพของพระองค์จะยั่งยืนแผ่ไพศาลไปทั่วทั้งสี่ทิศ เมื่อพระองค์ทรงทราบแล้วก็คลายพระปริวิตกลงได้บ้าง

ด้วยเดชะบุญบันดาลในเช้าวันนั้น บังเอิญศรีธนญชัยไปพบพระภิกษุปู่ที่วัดราชานุวาส ได้สนทนาปราศัยกันแล้วก็ทราบว่าท่านมาจากเมืองตะลุง (พัทลุงเวลานี้) เพื่อศึกษาธรรม ศรีธนญชัยเล่าเรื่องพระเจ้ากรุงลังกาท้าพนันให้แปลธรรม แล้วถามว่าท่านยังจะช่วยแปลได้หรือ พระภิกษุปู่ตอบว่า ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ศรีธนญชัยจึงนิมนต์ท่านเข้าเฝ้า ณ ที่ประชุมสงฆ์ ขณะที่พระภิกษุปู่ถึงประตูหน้าพระวิหาร ท่านย่างเท้าก้าวขึ้นไปยืนเหยียบบนก้อนหินศิลาแลง ทันทีนั้นศิลาแลงได้หักออกเป็นสองท่อนด้วยอำนาจอภินิหารเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก

เมื่อเข้าไปในพระวิหาร พระมหากษัตริย์ตรัสสั่งพนักงานปูพรมให้ท่านนั่งในที่อันสมควร แต่ก่อนท่านจะเข้านั่งที่แปลพระธรรมนั้น ท่านได้แสดงกิริยาอาการเป็นปัญหาธรรมต่อหน้าพราหมณ์ทั้ง ๗ กล่าวคือ ท่าแรกท่านนอนลงในท่าสีหะไสยาสน์ แล้วลุกขึ้นนั่งทรงกายตรง แล้วกะเถิบไปข้างหน้า ๕ ที แล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปนั่งในที่อันสมควร

พราหมณ์ผู้เฒ่าทั้ง ๗ เห็นท่านแสดงกิริยาเช่นนั้นเป็นการขบขันก็พากันหัวเราะ และพูดว่า นี่หรือพระภิกษุที่จะแปลธรรมของพระบรมศาสดา อะไรจึงแสดงกิริยาอย่างเด็กไร้เดียงสา พราหมณ์พูดดูหมิ่นท่านหลายครั้ง ท่านจึงหัวเราะ แล้วถามพราหมณ์ว่า ประเทศชาติบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน ท่านไม่เคยพบเห็นกิริยาอาการเช่นนี้บ้างหรือ? พราหมณ์เฒ่าฉงนใจก็นิ่งอยู่ต่างนำบาตรใส่เมล็ดทองคำเข้าประเคนท่านทันที

เมื่อพระภิกษุปู่รับประเคนบาตรจากมือพราหมณ์มาแล้ว ท่านก็นั่งสงบจิตอธิษฐานแต่ในใจว่า ขออำนาจคุณบิดามารดาครูบาอาจารย์ และอำนาจผลบุญกุศลที่ได้สร้างมาแต่ปางก่อน และอำนนาจเทพยดาอันรักษาพระนครตลอดถึงเทวดาอารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ครั้งนี้อาตมาจะแปลพระธรรมช่วยกู้บ้านกู้เมือง ขอให้ช่วยดลบันดาลจิตใจให้สว่างแจ้ง ขจัดอุปสรรคที่จะมาขัดขวาง ขอให้แปลพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์สำเร็จสมปรารถนาเถิด ครั้นแล้วท่านคว่ำบาตรเททองเรี่ยราดลงบนพรม และนั่งคุยกับพราหมณ์ตามปกติ

ด้วยอำนาจบารมีอภินิหารของท่าน ที่ได้จุติลงมาโปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา ประกอบกับโชคชะตาของประเทศชาติที่จะไม่เสื่อมเสียอธิปไตย เทพยเจ้าทั้งหลายจึงดลบันดาล เรียบเรียงเมล็ดทองคำตามลำดับตัวอักษรโดยเรียบร้อยในเวลานั้น ชั่วครู่นั้นท่านก็ได้เหลียวกลับมาลงมือเรียบเรียง และแปลอักษรในเมล็ดทองคำจำนวน ๘๔,๐๐๐ เมล็ด เป็นลำดับโดยสะดวกและไม่ติดขัดประการใดเลย นับว่าโชคชะตาของประเทศชาติยังคงรุ่งเรืองสืบไป

ขณะที่พระภิกษุปู่เรียงและแปลอักษรไปได้มากแล้ว ปรากฎว่าเมล็ดทองคำตัวอักษรขาดหายไป ๗ ตัว ตือตัว สํ วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ ท่านจึงทวงถามเอาที่พราหมณ์ พราหมณ์ทั้ง ๗ คนยอมจำนน จึงประเคนเมล็ดทองคำที่ตนซ่อนไว้นั้นให้ท่านแต่โดยดี ปรากฎว่าพระภิกษุปู่แปลพระไตรปิฎกในเมล็ดทองคำสำเร็จบริบูรณ์ เป็นการชนะพราหมณ์ในเวลาเย็นของวันนั้น และทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดนตรีปี่พาทย์ประโคม พร้อมเสียงประชาชนโห่ร้องต้อนรับชัยชนะเสียงดังสนั่นหวั่นไหวทั่วพระนครศรีอยุทธยาป็นการฉลองชัย

สมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงพระโสมนัสยินดีเป็นที่ยิ่ง จึงทรงตรัสสั่งถวายราชสมบัติให้พระภิษุปู่ครอง ๗ วัน แต่ท่านไม่ยอมรับ โดยให้เหตุผลว่าท่านเป็นสมณเพศ ไม่สมควรที่จะครองราชสมบัติ อันผิดกิจของสมณควรประพฤติ พระองค์ก็จนพระทัย แต่พระประสงค์อันแรงกล้าที่จะสนองคุณความดีและความชอบอันใหญ่ยิ่งให้แก่ท่านในครั้งนี้ จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ทรงแต่งตั้งให้พระภิกษุปู่ดำรงสมณศักดิ์ ทรงพระราชทานนามว่า "พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์" ในเวลานั้น

พระภิกษุปู่ หรือพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ ได้ประจำพรรษาอยู่ ณ วัดราชานุวาส ศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่เป็นเวลาหลายปีด้วยความสงบร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา   

194
 

บ่อน้ำที่สมเด็จเจ้าพะโค๊ะ หรือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  ท่านใช้ซักจีวรครับ

197


  เจดีย์พระมหาธาตุแห่งวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโค๊ะอันมีความเกี่ยวเนื่องกับประวัติขององค์สมเด็จพระราชมุณีสามีรามคุรุปรมจารย์ หรือ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

198
  เจดีย์องค์เล็ก ๆ กับพระพุทธรูปองค์งามแต่ชำรุดทำให้นึกถึงพระโพธิสัตว์ปัทมปาละแห่งเมืองไชยาเลยครับ

202
โพสรูปไม่ยอมขึ้นอ่ะครับ  ทำไงดีอ่า

203
ตำนานสมเด็จเจ้าพะโค๊ะ

204
สวยครับ เงินทองเทียบไม่ได้กับ  "พุทธคุณ"

205
เรื่องการพนันเคยได้ยินครับ
ประมาณว่าใครแขวนหลวงปู่ทวดไปเล่นการพนัน มีแต่หมด เพราะท่านไม่ชอบประมาณนี้ครับ

พระทุกองค์หละครับ ถ้าให้ดีควรไม่ทำบาปสร้างกรรมจะดีและขลังที่สุด หลักๆศิล 5 ข้อเลย

เคยได้ยินตามนี้มาเหมือนกันครับ แขวนท่านห้ามเล่นการพนันเด็ดขาด

 ข้อห้ามข้อนี้ดีมากอ่ะครับ  ไม่เหมือนพระสงฆ์บางรูปในยุคปัจจุบัน  ชอบออกวัตถุมงคลด้านโชคลาภจากการพนัน  ใส่แล้วจะมีโชคลาภในจากการพนันในบ่อน ...  ผมคิดว่าขัดหลักพระพุทธศาสนาเต็มเลยครับ

206
    อันนี้ผมเอามาจากเพชรพระอุมา อ่ะครับคนแต่ง คุณพนมเทียน ท่านเป็นคนพื้นเพเดิม อ.สายบุรี จ.ปัตตานี  ส่วนตัวเองผมก็เป็นคน           อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี    ครับ

  ในเรื่องเพชรพระอุมานั้นกล่าวถึงพระเครื่องของวัดนี้ค่อนข้างมาก อาจเป็นเพราะผู้เขียนคือคุณลุงพนมเทียนเป็นคนพื้นเพเดิมกับสถานที่ตั้งของวัดนี้ นั่นคือ จังหวัดปัตตานี ซึ่งในเรื่องนั้นกล่าวถึงพระเครื่องชุดนี้ 2 องค์ ดังนี้
1. องค์แรกเจ้าของก็คือ รพินทร์ ไพรวัลย์ ซึ่งเป็นพระเครื่อง หนึ่งในสามที่มอบให้กับดาริน สำหรับพระเครื่ององค์นี้นั้นดารินได้ตัดสินใจ นำไปคล้องให้กับเจ้าด้วน หลังจากที่มหาฤาษีโกณฑัญญะมาบอกให้ดารินระวังเจ้าด้วนจะถูกมนต์คชสารเข้าครอบงำ และพระองค์นี้ก็ติดอยู่กับคอเจ้าด้วนจนจบเรื่อง
2. องค์สุดท้าย เจ้าของก็คือเชิดวุธ ไกรรณยุทธ นายทหารหนุ่มแห่งกองทัพไทย ซึ่งเชิดวุธได้เล่าให้รพินทร์ฟังว่า ได้มาจากมือ หลวงพ่อทิม(ผู้สร้างพระองค์นี้)ในคราวที่ไปราชการที่ภาคใต้

นอกจากนี้เชิดวุธยังได้เล่าถึงประสบการณ์ปาฎิหารย์ที่ตัวเองเจอมาให้รพินทร์ฟัง ดังนี้
- หลังจากรับพระและขับรถจี๊ปออกจากวัด แล้วเกิดรถคว่ำหลายตลบแต่เจ้าตัวไม่เป็นไร
- ในสงครามเวียดนามขณะเดินลาดตระเวณ เชิดวุธเดินเหยียบกับระเบิด แต่ไม่ระเบิด ส่วนทหารอเมริกันที่เดินตามมาข้างหลังตายเรียบทั้ง4คน
- ในสงครามเวียดนามเหมือนกัน ถูกเวียดกงกดด้วยอาการ์(AK47)ทั้งหลายชุด แต่ไม่เข้ามีแต่รอยกระสุนบนเสื้อ
- ขับเครื่องบินตรวจการณ์ แต่ตอนจะนำเครื่องลงล้อไม่กาง ต้องลงแบบเอาท้องเครื่องบินครูดกับท้องนา แต่เครื่องไม่ระเบิดจึงรอดมาได้อีกครั้ง
และสุดท้ายรพินทร์ก็ได้บอกคาถาอาราธนาพระเครื่องหลวงปู่ทวดให้กับเชิดวุธว่า “ นะโม โพธิสัตโต อาคันติ มายะ อิติ ภควา ...” และบอกข้อห้ามในขณะที่ใช้พระองค์นี้ว่า ห้ามยิงสัตว์อย่างพร่ำเพรื่อ และห้ามเล่นการพนัน พร้อมทั้งบอกว่าที่รู้มาเพราะสมัยเด็กๆเคยบวชเณรอยู่วัดนี้


207
พระเครื่องหลวงปู่่ทวด มีข้อห้าม แค่ 2 ข้อ หรอครับ
1. ห้ามยิงสัตว์พร่ำเพื่อ
2.ห้ามเล่นการพนัน

208
ชอบมากมายเลยครับ

209
ค่ะ จากประสบการณ์ตรงสดๆร้อนๆเมื่อวานนี้เองเหรียญหลวงปู่ทวดเหมือนกัน
 :054: :054: :054:
ต้องกราบขอบพระคุณท่านพระอาจารย์รวี สัจจะที่ช่วยอธิบายให้เข้าใจ
 :054: :054:


คงจะคล้าย ๆ กันอ่าครับ  ผมเป็นคนปัตตานีอ่ะครับ  สะสมแต่หลวงปู่ทวด ส่วนใหญ่ได้ฟรีอ่ะคับ คุณย่าผมเมื่อก่อนสนิทกับพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว   :005: :005: :005:

210
พระอาจารย์ท่านเคยลงกรณีอย่างนี้ไว้ในเว็บบางพระนี้บางแล้วครับ เลยก๊อบมาให้อ่าน (กราบขออนุญาตพระอาจารย์ รวี สัจจะ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ ) :054: น่าจะคล้ายกันครับ
กรณีนี้อาจเกิดขึ้นได้จาก....
๑.เหรียญหลวงปู่ทวดนั้น ผ่านการอธิษฐานจิตโดยเกจิอาจารย์ที่ท่านได้กสินไฟ
๒.ตัวผู้จับเหรียญหลวงปู่ทวดนั้น มีสมาธิพื้นฐานอยู่บ้่าง จึงสัมผัสพลังงานได้
๓.ผู้จับเหรียญหลวงปู่ทวดนั้น มีความสนใจในเหรียญสูง จิตเลยมุ่งตรงไปที่เหรียญ
   จึงมีพลังงานสะท้อนกลับมา
๔.ผู้จับเหรียญอาจจะไม่มั่นใจและศรัทธาไม่เต็มที่ในเหรียญหลวงปู่ที่จับ เทวดาที่รักษาจึงแสดงอภินิหารให้เห็น
   เพื่อให้ผู้จับนั้นเกิดศรัทธาเพิ่มขึ้น

อย่างนี้นี่เอง  :054: :054: :054:
ผมเพิ่งบูชาพระปิดตายันต์ยุ่ง ปี36 ลพ.เปิ่น มาจากศูนย์พระเครื่อง ...ตามรูปที่ผมแนบมา (รูปเดิมจากในเว็ป แต่ตอนนี้พระเป็นของผมแล้ว  :069:)
ตอนจับก็รู้สึกว่านิ้วมือ (นิ้วชี้ แล้ว นิ้งโป้ง) ที่จับพระ มันตึ๊บๆ ไม่ถึงกับช๊อต
ก็ยังมองมือตัวเองอยู่เลยว่า เป็นอะไร ขาดวิตามินรึไง ถึงได้มีอาการคล้ายโรคเหน็บชา (ที่นิ้ว) :095:





อย่างนั้นแหละครับแต่ของผมเหมือนโดยไฟช็อตนิ้วมันชา ๆ

211
  เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ไปเช่าพระขุนแผนยอดขุนพล หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ  ( ด้านหลังเป็นรูปเสือ )  พร้อมกับ พระขุนแผนยอดขุนพล หลวงพ่ออุ้น  วัดตาลกง มาจากวัดนก ซอย จรัญ 13   ตอนขากลับอ่ะครับ ผมนั่งแท็กซี่จากวัดนก  มา  พระราม 7  ผมก็เอาพระเครื่องที่ไปเช่าขึ้นมาชมจากกระเป๋าเสื้อ แต่ตอนหยิบพระขุนแผนหลวงพ่อเปิ่น ขึ้นมาวินาทีนั้นผมเหมือนกับโดนกระแสไฟฟ้าช็อตตรงบริเวณมือนิ้วมือชาไปเกือบ ๆ นาที เหมือนกัน  เรื่องประมาณนี้ผมเจอมาก่อนเหมือนกัน ตอนผมไปรับเหรียญหลวงปู่ทวดเลื่อนสมณศักดิ์  รุ่นได้เลื่อน ได้เป็น ของพ่อท่านจ่าง วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี  ( ตอนนี้วัดช้างให้นิมนต์ท่านไปปลุกเสกตลอดครับ)  ท่านใจถึงนะครับสร้างเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ ขึ้นมาแจกอย่างเด่ว ประมาณ 25000 เหรียญ ( เหรียญที่แจกเป็น เนื้อทองแดงรมดำ 10000 เหรียญ  กับ  เนื้อทองเหลือง (กรรมการ) 15000 เหรียญ )  และที่ออกให้บูชาตอนนั้น จะมีเนื้ออัลปากา กับ กะไหล่ทอง องค์ละ 59 บาท เนื้อนวะ 300 บาท เนื้อเงิน 500 บาท พุทธคุณนับว่าสุดยอดมีประสบการณ์ช่วยชีวิตชาวสามจังหวัดชายแดนใต้ หลายครั้งทีเด่ว  โดยเฉพาะเหตุระเบิดที่นราธิวาส ทหารอยู่ใกล้กับระเบิดแค่ 1 ม. แรงระเบิดอัดลอยไปนับสิบๆ เมตร รอดตายปฏิหาริย์ ในคอมีเหรียญรุ่นนี้เหรียญเด่ว  เข้าเรื่องดีกว่าครับตอนนั้นผมไปรับแจกในงานของท่าน  เป็นที่รู้กันในเฉพาะพท.ว่า ใครก้อตามที่ได้รับของจากท่าน ท่านจะต้องประสิทธิ์อัญเชิญบารมี ของ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด หลวงปู่ทวดศรีพุฒ หลวงปู่ทวดบุญฤทธิ์ หลวงปู่แดง (วัดศรีมหาโพธิ์) .... เป็นต้น  ให้กับทุกคนที่  และตอนที่ผมรับกำลังจะรับเหรียญจากมือท่าน ก็เกิดเหตุคล้ายโดนกระแสอะไรพลังงานสักอย่างร้อน ๆ  วิ่งจากมือท่านมาชนมือผม ผมก็ตกใจชักมือกลับ คุณแม่ผมที่นั้งข้าง ๆ ก็เกิดอาการ งง "มันเป็นอะไรของมัน " (ตอนนั้นอยู่ ม.4 หาดใหญ่วิทยาลัย)    ผมก็ยัง งง ๆ อยู่ถึงทุกวันนี้  ผมเองศึกษาในสายของวิศวกรรมโยธา  ผมก็ถือเป็นคนที่เชื่ออะไรยากเหมือนกัน   สรุปคือ เรื่องที่เกิดขึ้นมานี้ มันเกิดจากอะไรอ่ะครับ  :075: :075: :075:  สงสัยมานานแล้ว 

212
 จะแขวนสร้อย 2 เส้น
 
เส้นที่ 1 แขวนพระคณาจารย์แบบทั้วไป ( สายหลวงปู่ทวด กับ เขาอ้อ )
เส้นที่ 2 เป็นตะกรุด 9 นางนอน ครูบาเลิศ

ผมคิดว่าน่าจะได้น่ะครับก็เหมือนแขวนนางพิมพ์แยกเส้นกับแขวนพระ
อยากฟังความเห็นของสมาชิกท่านอื่นด้วยครับ  ขอบคุณครับ  :054: :054: :054:

213
:090: ถ้าผมใส่สร้อยทองลงเล่นน้ำ แล้วขึ้นมาทองจะเป็นตะกั่วไหมหนอ

ถ้าคุณทำ Au ให้กลาย Pb  โดยวิธีแช่น้ำทะเลได้  รับรองคุณโด่งดังไปทั่วโลกแน่ ๆ  เพราะคุณเป็นมนุษย์คนแรกที่ทำเช่นนั้นได้  :032: :032: :032: :002: :002: :002:

214
ปกติก็ใส่ได้นะครับ แต่ไม่ค่อยมีใครใส่ลงกัน
เพราะ มันเกะกะถ้าว่ายน้ำ แถมอาจจะพันคอได้ แต่ถ้าเล่นน้ำ หรือแช่น้ำ ว่ากันไป
แล้วอาจจะน้ำเข้าได้อีก หลายตลับมีรอย
แล้วอาจจะหลุดหาย อย่างที่คนอื่นๆ บอกมา

วันนี้จัดไปแล้วครับ พระลอยมาเข้าปากตอนว่ายท่าฟรีสไตร์ สำลักน้ำ น้ำหูน้ำตาไหล   :005: :005: :005:

215
อยากมีพระเก่าๆแบบคนอื่นบ้างจังครับ  15;





ชุดนี้สวยงามมากเลยครับ

218
ตามหัวข้อเลยน่ะครับ แขวนพระลงสระว่ายน้ำได้รึป่าวครับ

219
ไม่น่าจะเกี่ยวกันครับ

220
 พอดีผมได้มาอ่าครับแต่ไม่รู้คาถาและวิธีใช้  ถ้าสมาชิกท่านใดมีคาถาและวิธีใช้ ปลัดขิกหลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน จ.นนทบุรี ก็ขอความกรุณาหน่อยน่ะครับ  :054: :054: :054: ขอบคุณครับ

221
ผมคิดว่าองค์กลางควรจะเป็นพิมพ์พระพุทธเจ้าแล้วหลังจากนั้นก็เป็นพระอริยะสงฆ์หรือพระพิมพ์อื่น ๆ ตามขนาดครับ

222
งามวิวัฒน์รัตนโกสินทร์ งามแดนดินถิ่นเมืองทอง

งามศิลป งามศาสตร์ผองงามผ่องถ้วน ล้วนประเพณี

งามชาติ งามศาสนา งามมหากษัตริย์ศรี

งามประชา ค่าคุณทวี งามความดีนิรันดร์

223
เห็นด้วยครับ ไปพบแพทย์ เถอะครับ

224
พระสีสะแลงแงง คงแขวนคอไม่เหมาะมังครับ  :001:

ไม่ได้จะแขวนคออ่ะคับ จะพกแยกไว้ในกระเป๋ากางเกง

225
อย่าไปแสวงหาเลยครับ
พวกเขี้ยวเสือ เสือโคร่งทั่วโลกเหลืออยู่แค่ 3200 ตัว
ในประเทศไทยเหลือแค่ 300 กว่าตัวเท่านั้นเอง
ปล่อยให้เขาอาศัยอยู่ในป่าอย่างสบายเถอะครับ
ให้เสืออยู่คู่โลกของเรา นาน ๆ ครับ

ผมขอนำเสนอธรรมจากพระอรหันต์ท่านหนึ่งนะครับ
หลวงปู่ดุลย์ วัดบรูพาราม (พระอรหันต์มรณภาพแล้วอัฐิกลายเป็นพระธาตู)
มีชายหนุ่มจากต่างจังหวัดไกลสามสี่คนเข้าไปหาหลวงปู่ ขณะที่ท่านนั่งพักผ่อนอยู่ที่มุขศาลาการเปรียญ ดูอากัปกิริยาของเขาแล้วคงคุ้นเคยกับพระนักเลงองค์ใดองค์หนึ่งมาก่อนแล้ว สังเกตจากการนั่ง การพูด เขานั่งตามสบาย พูดตามถนัด ยิ่งกว่านั้น เขาคงเข้าใจว่าหลวงปู่นี้คงสนใจกับเรื่องเครื่องรางของขลังอย่างดี เขาพูดถึงชื่อเกิจิอาจารย์อื่นๆ ว่าให้ของดีของวิเศษแก่ตนหลายอย่าง ในที่สุดก็งัดเอาของมาอวดกันเองต่อหน้าหลวงปู่ คนหนึ่งมีเขี้ยวหมูตัน คนหนึ่งมีเขี้ยวเสือ อีกคนมีนอแรด ต่างคนต่างอวดอ้างว่าของตนดีวิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ มีคนหนึ่งเอ่ยว่า หลวงปู่ฮะ อย่างไหนแน่ดีวิเศษกว่ากันฮะฯ
หลวงปู่ก็อารมณ์รื่นเป็นพิเศษยิ้มๆ แล้วว่า
“ไม่มีดี ไม่มีวิเศษอะไรหรอก เป็นของสัตว์เดียรัจฉานเหมือนกัน”

เป็นคำพูดของพระอรหันต์ผู้บรรลุธรรมของพระศาสนาจริง ๆ น่ะครับ ฝากลองเอาไปคิดดู ......

226
ว้าย ! ผู้ชายแก้ผ้า (ล้อเล่น ๆ ครับ)  :005: :005: :005: :006: :006: :006:

227
พระพิราพ  ครูแรงมากลองศึกษาให้ดีก่อนครับ

ปล.ถ้าเป็นครอบครูของพระอาจารย์ศิริพงศ์  วัดสุทธาราม ผมเห็นท่านครอบให้ 3 เศียร ครับ มีเศียร พระพิราพ พระพิฆเณศ พระภรตมุนี (พ่อแก่)
แต่ของพระอาจารย์ศิริพงศ์ จะเป็นการครอบครูสายครูนาฏศิลป์ครับ

228
ผมคาดตะกรุดหลวงแดง วัดไร่ และ ตะกรุด หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก และ ปลัดขิก พ่อท่านเขียว ผมก้อใช้เชือกครับมัดเงื่อนพิรอด ต้องขอบคุณวิชาลูกเสือป.5 มากเลยครับ

229
พุทธังอารธนานัง ธัมมังอารนานัง สังฆัวอารธนานัง
พุทธังประสิทธิเม  ธัมมังประสิทธิเม  สังฆังประสิทธิเม

นะโม 3 จบ
คาถา บูชาหลวงปู่ทวด วัดช้างให้
นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภควา (3จบ)
คาถาบูชาหลวงปู่แดง วัดศรีมหาโพธิ์
นะโมสุนทโร เมตตามหาลาโภ ภวันตุเม (3จบ)

 อารธณาขอบารมี  .......

อารธนา พระเครื่องพ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย และ สายเขาอ้อ ( ผมเป็นคนใต้ครับเลยหนักไปทางสายหลวงปู่ทวด และ สายเขาอ้อ)

พุทธังอารธานัง  ธัมมังอารธนานัง  สังฆังอารธนานัง
พุทธังแคล้วคลาด  ธัมมังแคล้วคลาด  สังฆังแคล้วคลาด
พระพุทธเจ้าย่างบาท อิติปิโสภควา



230
 ผมเองใส่วัตถุมงคลที่เป็นพวกดินป่าช้าหรือพวกสายพรายไม่ได้เลยครับ  ผมเคยลองมาหลายอย่างแล้ว  กล่าวคือถ้าผมใส่วัตถุมงคลที่เป็นสายพรายแล้วมันจะมีอาการแปลก ๆ คือ ผมจะมีอาการเวียนหัว  ใจสั่น  พะอืดพะอมแบบแปลก  แล้วมักจะร้อนบริเวณหน้าผาก  เหงื่อแตก (ขนาดอยู่ในห้องแอร์)  ต้องรีบถอดออกแล้วก็เป็นทุกครั้งเลยครับ  แต่ผมจะถูกกับพระเครื่องและวัตถุมงคลครูบาอาจารย์สายหลวงปู่ทวด สายเขาอ้อ และสายพระป่า เป็นอย่างมากครับแบบว่าใส่แล้วดีทุกเรื่องเลยครับ  ประสบการณ์การแบบจัง ๆ  ไม่เคยเจอครับ   เคยเจอแต่แบบนิรันดร์อันตรายโดยไม่เจ็บครับ

231
 ผมขอสอบถามเรื่องการจัดชุดการแขวนพระเครื่องหน่อยน่ะคับ คือ ตอนนี้ผมได้แขวนพระเครื่องอยู่ชุดหนึ่งประกอบด้วย

1.พระยอดขุนพล พ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย ปี 2494
2.หลวงปู่ทวด วัดดีหลวง  ปี 2505
3.หลวงปู่ทวดบุญฤทธิ์  วัดศรีมหาโพธิ์  ปี 2518
4.หลวงปู่ทวดนวล วัดตุยง ปี 2506
5.หลวงปู่ดำ วัดตุยง ปี 2519
6.หลวงปู่ทวดหมาน วัดทรายขาว ปี 2507
7.เหรียญหลวงปู่แดง  วัดศรีมหาโพธิ์ ปี 2538
8.ตะกรุดดอกไม้ทอง หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน
9.ตะกรุดนิมิตนิมสพรหลวงปู่ทวด 50 พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ

   คือจากชุดวัตถุมงคลที่ผมอารธนาอยู่เป็นประจำอ่ะครับ ถ้าผมจะเพิ่มขุนแผนผงมหาภูติลิ้นทอง หลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม กับ ตะกรุด 9 นางนอน ครูบาเลิศ และ พระสีสะแรงแงง
เข้าไปอีกจะได้หรือป่าวครับรบกวนสอบถามเพื่อน ๆ สมาชิกครับผม

232
ผ้ายันต์รับทรัพย์ หลวงปู่เขียว วัดห้วยเงาะ

หน้ากากพรานบุญ หลวงปู่เขียว วัดห้วยเงาะ

แมลงปอรับทรัพย์ หลวงปู่ทอง วัดสำเภาเชย

ปลัดขิก พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ

234
 ตอนขุนพันธ์ไปปราบเสืออะแวสะดอ ตาและ ขุนโจรผู้เรืองเวย์และโหดเหี้ยมที่สุดที่ท้องถิ่นภาคใต้ตอนล่างสมัยนั้น ท่านขุนพันธ์ต้องการถอนของขุนโจรอะแวสะดอ ตาและ ได้เอาเท้าของมารดาท่านมาลูบหัวของท่านเอง  และตอนขุนโจรอะแวสะดอ ตาและ เจอกับท่านขุนพันธ์ถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรงเลยหล่ะครับ ฝากเอาไว้ให้คิดกัน ^^

235
ของที่แรงที่สุดในด้านมหาเสน่ห์

1.หลวงพ่อเงิน
2.หลวงพ่องาน
3.หลวงพ่อจริงใจ

ผมคิดว่า ... ในความเป็นจริง การที่ผู้หญิงจะเลือกใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิตเค้าคงต้องดูหลายด้านอ่ะครับ การงานมั่นคงรึป่าว มีเกียรติ มีหน้ามีตาในสังคม การงานเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ในสังคม มีความรับผิดชอบหรือป่าว มีความใส่ใจในครอบครับรักครอบครัวมากน้อยแค่ไหน
และรักเขาจริงหรือป่าว ครอบครัวฝ่ายหญิงชอบเราหรือป่าว ในความคิดผมการจะพ่อแม่จะยกลูกสาวของตัวเองให้ใครสักคนผู้ที่เป็นพ่อแม่ย่อมต้องพยายามมองคนที่คิดว่าดีที่สุดให้ลูกสาว ผู้ที่ท่านคิดว่าจะดูแลลูกสาวผู้เปรียบดั่งแก้วตาดวงใจของท่านแทนท่านได้และต้องดีที่สุด  อาจจะมีองค์ประกอบโดยรวมหลายอย่าง หน้าที่การงาน ฐานะทางสังคม ฐานะทางครอบครัว ความรับผิดชอบ หรือ รักลูกสาวท่านจริงอ่ะป่าว

ด้านการงานนี้ผมเองก็คิดว่าจะเอาไปเป็นจุดขายว่าที่พ่อตาแม่ยายอยู่เหมือนกันอ่ะครับเนี๊ยะ  รออีกแป๊ปให้ผมเป็นวิศวกรมืออาชีพก่อน (ทุ่มสุดตัวเลยครับ   :005: :005: :005:)  ว่าที่พ่อตาแม่ยายจ๋า รอหนูก่อนน่ะครับ  :005: :005: :005:

236
ใครพอมีคาถาตะกรุดนิมิตนิสพร หลวงปู่ทวด 50 ของ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ บ้างขอรับรบกวนขอหน่อยครับพอดีใบฝอยของทางวัดหมดครับใครมีช่วยลงให้ผมด้วยน่ะครับ
  :054: :054: :054:
  

  วันนี้ผมได้เดินทางไปวัดห้วยเงาะ ครับ แวะไปกราบ พ่อท่านเขียว และบูชาวัตถุมงคลของทางวัดมาครับได้บูชาวัตถุมงคลรุ่นเก่า ๆ ของท่านมาหลายรายการ ราคาไม่แพงครับเริ่มต้นที่องค์ละ 50 บาท เท่านั้นเอง ที่น่าสนใจคือหลวงปู่ทวดรุ่นเก่า ๆ ของพ่อท่านเขียว
ในสมัยทีพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ได้พระเครื่องหลวงปู่ทวด 2497 พ่อท่านเขียว ได้ไปช่วยพระอาจารย์ทิม ในครั้งนั้นด้วย ในแถบถิ่นกล่าวกันว่า มีมวลสารเพียง 1 ชนิด ทีพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้  ได้ผสมลงไปในหลวงปู่ทวด 2497 ที่ไม่มีใครเคยรู้ว่าคืออะไร  นั้นคือผงที่พระอาจารย์ทิม เขียนเลขยันต์ในแผ่นกระดานชนวนแล้วลบผงออกเป็นผงมงคล  แต่พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ท่านทำได้
ตอนนี้พ่อท่านเขียว ท่านชราภาพลงไปมากเลยครับ ปกติหลังจากผมปิดเทอมแล้วกลับบ้านที่ใต้แล้ว ผมจะไปกราบท่านทุกปี ปีละ 2-3 ครั้ง ปีที่แล้วท่านยังแข็งแรงมากกว่านี้อยู่เลยครับ




238
คือผมมีข้อสงสัยในวิธีใช้อ่ะครับ

ตอนท่องคาถา "เมตตาคุณัง อรหังเมตตา" ในใบฝอยเขียนว่าให้เอาด้านที่มีห่วงลง

คือให้เอาด้านที่มีห่วงที่ใช้ใส่กับสร้อยลงด้านล่างแล้วเอาด้านที่ไม่มีห่วงขึ้นด้านบนหรอครับ

ขอบคุณครับ  :054: :054: :054:

239
ท่านผู้ใดมีคาถาและวิธีใช้ ตะกรุดเทพรัญจวน หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ บ้างครับ

ถ้าใครมีผมขอหน่อยน่ะครับ ขอบคุณมากครับ  :054: :054: :054:

240
คุณphattharaphong ครับ วัดหัวควาย อยู่ ต.คูเต่า อ.หาดใหญ่ครับ...ไปทางถนนที่ไปแหลมโพธิ์ผ่าน อบต.คูเต่าไปเรื่อยๆข้ามคลองไปอีกนิดนึงจะเจอป้ายบอกทางเข้าวัดเป็นป้ายปูนทางซ้ายมือครับ..แต่น่าเสียดายว่าหลวงพ่อดำท่านเพิ่งมรณภาพเมื่อเดือนกุมภาที่ผ่านมานี้เองครับ..อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายังมีวัตถุมงคลของท่านอยู่ที่วัดแน่นอน..ลองไปกราบศพท่านดู(รอพระราชทานเพลิงอยู่)และถามหาวัตถุมงคลจากหลวงพ่อหลวงพี่ในวัดเชื่อวัดต้องได้อย่างแน่นอนครับ..สมัยผมไปเอาไม่มีการตั้งราคาครับ..ทำบุญตามศรัทธา..แต่หลังจากท่านมรณภาพแล้วไม่ทราบทางวัดจะจัดระเบียบกันอย่างไรครับ...อ้อผมก็ศิษย์เก่าญ.ว.ครับ

 ขอบคุณ คุณพี่A_hatyai มากน่ะครับสำหรับข้อมูลดี ๆ ตอนนี้พระเกจิอาจารย์ที่ผมเข้าหาท่านอยู่ ที่ไปกราบท่านเป็นประจำก็มี
 
1.พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี
2.พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย จ.สงขลา
3.พ่อท่านห้อง วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง
4.พ่อท่านจ่าง วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี
5.พระอาจารย์อุทัย วัดวิหารสูง จ.พัทลุง
6.พระอาจารย์แดง วัดไร่ จ.ปัตตานี

  สำหรับ พ่อท่านเขียว พระเครื่องรุ่นเก่า ๆ ของท่านที่วัดห้วยเงาะ ยังเหลืออยู่ครับราคาถูกและทางวัดห้วยเงาะสร้างเองแล้วทำดีด้วยครับ
ครบครันด้วยพระเกจิสายหลวงปู่ทวด มวลสารดีพิธีดี แต่ถ้าไปกราบ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ อย่าถวายปัจจัยท่านน่ะครับเดี่ยวจะโดนท่านจะดุเอาครับ   :005: :005: :005:

  ผม ญว. รุ่น 59 ครับ ตอนนี้กำลังเรียน ป.ตรี อยู่เลยครับ  :054: :054: :054:


242
 สงสัย...เรื่องข้อห้ามพระเครื่องของพระอาจารย์แต่ละสำนักครับ เช่น

พระเครื่องของพ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย จ.สงขลา เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่ครับว่าพ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย ท่านเก่งกาจเพียงไรโดยเฉพาะในสมัยสงครามอินโดจีนและสงครามโลกครั้งที่ 2 วัตถุมงคลของพ่อท่านเส้ง ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ในด้านแคล้วคลาด มหาอุต คงกระพันชาตรี เพียงไรประสบการณ์จากสงครามต่าง ๆ เป็น เครื่องยืนยันได้ โดยเฉพาะในสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินรบได้มาทิ้งระเบิดในเมืองสงขลาแต่ไม่มีระเบิดลูกใดเลยที่จะทำอันตรายวัดแหลมทรายได้ .....ถ้าตกในบริเวณวัดและรอบ ๆ วัด    "ด้านทุกลูก"    ในสมัยสงครามอินโดจีนและสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น พ่อท่านเส้งได้สร้างพระเครื่องขึ้นเพื่อนแจกจ่ายทหารหาญติดตัวออกรบ ในการใช้พระเครื่องของท่านนั้นให้ภาวนา
"พุทธังอารธนานัง ธรรมังอารธนานัง สังฆังอารธนานัง พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด พระพุทธเจ้าย่างบาท อิติปิโสภควา” แล้วเอาพระแขวนคอ หรืออม เดินภาวนา นอนภาวนา เข้าศึกสงคราม ท่านภาวนาพระคาถานั้นไปต้องกลัว

แต่ท่านจะมีข้อห้ามเด็ดขาดอยู่ 3 ข้อ

1.ห้ามสังวาลย์กับมาตุคาม
2.ห้ามด่าแม่ผู้ใดเด็ดขาด
3.ห้ามนำพระผูกคอสัตว์หรือต้นไม้และทดลอง

ที่ผมสงสัยคือ ถ้าเรากระทำในสิ่งที่ส่วนใหญ่เขาไม่ทำกันในการแขวนพระเครื่องเช่น รอดใต้ราวผ้า เป็นต้น แต่ไม่ได้มีระบุในข้อห้ามของสำนักนั้น พระเครื่องจะยังคงขลังอยู่หรือเปล่าครับ

                                                                                 ขอบคุณครับ  :054: :054: :054:

243
  หวัดดีครับคุณ A_hatyai

ผมก็เป็นคนใต้เหมือนกันครับเป็นศิษย์เก่าญว. ท่าน A_hatyai พอจะลงรายละเอียด  หลวงปู่ดำ วัดหัวควาย ให้หน่อยได้เปล่าครับ
แล้ว วัดหัวควายอยู่ส่วนไหนของหาดใหญ่อ่ะครับ ว่าง ๆ ผมจะแวะไปกราบท่านบ้าง

244
 ครับผม(ตอบกระทู้แบบนี้ใช่ป่าวครับ...น่ะจะถูกน่ะ)

 ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่นับถือในองค์หลวงปู่หวาน วัดสะบ้าย้อย จ.สงขลา  อาจจะเนื่องจากผมเป็นคนใต้ จึงนับถือในองค์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และเกจิอาจารย์ในสายนี้
หลวงปู่หวาน วัดสะบ้าย้อย ปัจจุบันท่านมีอายุ 94 พรรษา แล้วครับ  ท่านเป็นพระเถระสำคัญในสายหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  สืบสายพระเวทย์มาจากองค์หลวงปู่ทวดสีพุฒ วัดกาโผ๊ะ
หลวงปู่ทวดสีพุฒ องค์ท่านเป็นพระเถระจารย์ในภาคใต้ในยุคก่อนสงครามอินโดจีน ในแถบถิ่นทางใต้แล้วในยุคนั้นนับจากพ่อท่านทองเฒ่า วัดเขาอ้อ แล้วองค์หลวงปู่ทวดสีพุฒ ไม่เป็นสองรองใคร
หลวงปู่หวาน องค์นี้ในสภาวะภิกษุหนุ่มท่านได้เดินทางมาศึกษาที่กรรมฐานที่วัดพระมหาธาตุ(วังหน้า) กรุงเทพ  ในตอนนั้นท่านรู้จักกับ เจ้าคุณโชดก วัดมหาธาตุ โดยต่างคนต่างผลัดกับกราบซึ่งกันและกัน 

245
ผมอยากจะเรียนท่านผู้รู้ถามว่า

1.นางพิมพ์ หลวงปู่อั๊บ ท่านเป็นใครครับ
2.ตอนนี้ผมแขวน หลวงปู่ทวด  หลวงปู่มั่น  หลวงปู่แหวน ถ้าจะบูชาแม่พิมพ์ด้วยต้องทำยังไงครับ ห
  ห้อยแยกเส้น หรือ ห้อยเอว

ขอบคุณครับ

246
ขอโทดคับ ทดลองตั้งกระทู้

หน้า: [1]