แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - IT TOYOTA

หน้า: [1]
1
เด็กชายปลาบู่




 เป็นเรื่องที่ถูกส่งต่อและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมายในสังคมออนไลน์ หลังมีข้อความและคลิปคำทำนายเด็กชายปลาบู่ หรือ สุทัศน์ คำสี ถึงภัยพิบัติใหญ่ในไทย ในเว็บไซต์ยูทูป ซึ่งโพสโดย MahasuraSinghanat เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2554

โดยข้อความในคลิประบุว่า เป็นสารคดีตามรอยพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ ผ่านเด็กชายระลึกชาติได้ชื่อปลาบู่ (สุทัศน์ คำสี) โดย เด็กชายปลาบู่ เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด รูปร่างหน้าตาดี ใครเห็นใครก็รัก ตอนอายุได้ประมาณ 3-4 ขวบ เริ่มระลึกชาติได้ มีตาทิพย์ หูทิพย์ สามารถพูดได้หลายภาษาโดยไม่ได้ร่ำเรียนจากตำราหรือครูอาจารย์ที่ไหนเลย

เด็กชายปลาบู่ได้บอกไว้ว่า สมัยพุทธกาลตอนเองชื่อ ” อชิตะภิกษุ ” ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทำนายไว้ว่าจะได้เป็น “พระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรย” ในอนาคต สาเหตุที่มาเกิดเพราะต้องการให้พ่อ(ทองใบ คำสี) เป็น “สื่อ” ให้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องเขื่อนพังจากแรงแผ่นดินไหวและอื่น ๆ ในปีที่ 38 หลังจากตนเองเสียชีวิต (ตรงกับ พ.ศ.2555)

………………………………………………………………………………………………..

ทั้งนี้ยังมีบทความที่ถูกส่งต่อ ถึงคำทำนายเด็กชายปลาบู่ ซึ่งเขียนโดยผู้ที่อ้างว่าเป็น นายทองใบ คำสี (พ่อของเด็กชายปลาบู่) โดยมีข้อความดังนี้

คำทำนายเด็กชายปลาบู่

บ้านเลขที่ 234/2 หมู่ 1 บ้านตามูล
ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว
จังหวัดจันทบุรี 2 2 1 8 0

วันที่ 28 กันยายน 2554
สวัสดีครับ ผู้ที่รักผืนแผ่นดินไทย ทุกท่าน

กระผม ชื่อนายทอง ใบคำสี เกิดวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2481 อายุ 73 ปี เป็นชาวอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี กระผมมีลูกทั้งหมด 5 คน เป็นผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 1 คน บุตรชายของผมคนเดียวชื่อ “ปลาบู่” ซึ่งได้เสียชีวิตมาแล้ว 37 ปี ตอนเขามีอายุได้ 5 ปี 8 เดือน กับอีก 15 วัน

ก่อนตายบุตร ชาย บอกกับผมว่า อีก 15 วันหนูจะตายแล้ว หนูอยากคุยกับพ่อ และให้ผมไปซื้อเทปมาบันทึกเสียงเขา แต่ผมไม่ได้ทำตาม เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะตายจริง ๆ

กระผมได้ฟังหลาย ๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอนที่บุตรชายได้เล่าเมื่อ วันที่ 23-25 มิถุนายน พ.ศ.2517 เป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว เรื่องสำคัญ ๆ ที่เขาเล่าคือ เรื่องอดีตชาติของเขา และบุคคลสำคัญ ๆ เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยและโลกในอนาคต เรื่องราวในอนาคตของประเทศไทย เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 เรื่องดวงอาทิตย์ โลก จักรวาล ธาตุ เหล็กไหล มีความเป็นมาอย่างไร เรื่องขุมทรัพย์ในแผ่นดินที่พระแม่ธรณีเก็บเอาไว้หลาย ๆ แห่ง ฯลฯ

รวม ถึงต้องการให้พ่อเป็น”ทูต” หรือ “สื่อ”ให้มีการเตรียมการป้องกันเขื่อนที่จะพังจากแรงแผ่นดินไหว การวางท่อใหญ่ ๆ เพื่อระบายน้ำจากตัวเขื่อนลงทะเลเพราะน้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และเรื่องการขุดคลองลัดคอคอดลูกน้ำเต้าเพื่อระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ ไหลเร็วขึ้น (ปัจจุบันเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว)

ในเรื่องอดีตชาติของเขา เขาบอกว่า หนูระลึกชาติได้จริง ๆ เป็นปู่ของปู่ทวด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้มั้ย ตาเป็นทิพย์ หูเป็นทิพย์ หมดทั้งตัวเป็นไพฑูรณ์ เมื่อชาติก่อนโน้นหนูเคยเกิดเป็นพระชื่อ “อชิตะ” ตอนพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตได้บอกว่าหนูจะได้เป็น “พระศรีอาริยเมตไตรย” ไง ไม่ต้องมีตำรา ไม่ต้องมีคัมภีร์ก็เทศน์ได้

อยากให้พ่อช่วยเป็นทูตทางวิญญาณบอกให้ท่านทราบ จะได้ป้องกันไว้ก่อนที่เขื่อนจะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว “แผ่นดินแยก เขื่อนแตกขาด” เขื่อนกักเก็บน้ำที่จังหวัดตาก จะพังเสียก่อนจะแก้ไขไม่ได้ โดยการเอาเหล็กรางรถไฟไปหุ้มให้แข็งแรงเป็นเขื่อนเหล็ก จะได้พังไม่มาก จากหนักจะได้เป็นเบา

“หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาย อำเภอสามเงา ตากนครสวรรค์ อโยธยา ปทุมธานี นนทบุรี โรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือคลองเตย เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย”

เขาถามผมว่า ” รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั้ยพ่อ?” ” รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ยพ่อ?” (ปี พ.ศ.2517 ยังไม่มีรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดิน) ใต้กรุงเทพฯ- ธนบุรีไม่มีลูกรัง-หิน มีแต่ทรายทับถมโคลนตมอยู่ลึกๆ คนโบราณก่อสร้างเมืองไม่ต้องตอกเสาเข็ม เอาซุงมาทำแพบก จึงทำได้มั่นคงแข็งแรง

แม่น้ำเจ้าพระยาถูกขุดลอกให้ลึก ๆ เป็นอันตรายมาก ๆ เพราะทรายทับถมตมเลนเหลือบางมาก ๆ ทำให้ตมเลนปูดทะลักขึ้นมาในแม่น้ำเจ้าพระยา ตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างที่มีน้ำหนักมาก ๆ จมดินยังไม่พอ เพราะเสาเข็มยังจมยังไม่ถึงดินดาน รถไฟยังวิ่งสะเทือนเขย่าเม็ดทรายที่หุ้มเสาเข็ม ทำให้เสาเข็มทรุดตัว

หนู อยากให้รัฐบาลทำเขื่อนใต้น้ำ ดักทรายเป็นระยะเพื่อให้แม่น้ำเจ้าพระยาตื้นขึ้นเหมือนเดิม เพราะเมื่อขุดแม่น้ำเจ้าพระยาลึก ๆ ก้นแม่น้ำก็จะมีแต่ตมเลนน้ำหนักของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำจะกดตมเลนในแม่น้ำ ให้ปูดขึ้นมา ทำให้เกิดการทรุดตัวของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำ

ตึกราม บ้านช่อง สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม ทุกข์ยาก ลำบากมาก ๆ การสร้างเขื่อนใหญ่อยู่เหนือพระนคร เป็นอันตราย เพราะแรงแผ่นดินไหวแรงมาก เหมือนเมื่อก่อน ครั้งนาน ๆ โน้น ที่ไดโนเสาร์ตายหมด !!

เขียน ถึงตรงนี้เด็กอายุเพียง 5 ขวบ 8 เดือน 15วัน บ่นว่า เขื่อนที่สร้างเสร็จแล้วยังไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้วางท่อใหญ่ ๆ เพื่อเอาน้ำออกสู่ทะเล ไม่มีท่อปล่อยน้ำออกจากเขื่อน เพราะถ้าระดับน้ำในเขื่อนเต็มขึ้นมา ก็จะมีการปล่อยน้ำออกจากตัวเขื่อน น้ำก็จะท่วมบ้านเรือนที่อยู่ใต้ตัวเขื่อน แต่ถ้ามีการวางท่อใหญ่ ๆ จากตัวเขื่อนลงสู่ทะเลเลย น้ำก็จะระบายลงท่อไปสู่ทะเล ไม่ท่วมบ้านเรือนและแผ่นดินที่อยู่ข้างบน น้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ในระยะยาว

ปลาบู่ถามผมว่าอีก 27 ปี พ.ศ.อะไร ? (2544) จะมีเครื่องบินชนตึก อีก 30 ปี พ.ศ.อะไร ? (2547) จะเกิดคลื่นยักษ์คนจะตายกันมาก อีก 35 ปี พ.ศ.อะไร? (2552) จะเกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง “ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย” (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 –24.00 น.)

กระผม ได้ฟังหลาย ๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอน ตามเรื่องที่ปลาบู่เล่าเป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้กระผมอายุ 73 ปีแล้ว เป็นห่วงประเทศชาติ เชื่อว่าต้องเป็นความจริงตามที่ปลาบู่เล่า เพราะที่ผ่านมาเกิดขึ้นมาหมดแล้ว เหลือแต่ที่ยังไม่ถึง

ปลาบู่บอกว่า พ่อครับที่ดินแปลงนี้ยกให้หนูนะ (ที่สวนศรีมหาโพธิ์ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ได้ปลูกต้นโพธิ์ตามที่ลูกชายขอไว้กว่า 200 ต้น เป็นเวลา 36 ปีแล้ว) และให้ทำถนนให้รอบเหมือนกับสนามหลวง ให้ปลูกต้นโพธิ์ให้ด้วย หากหนูตายไปแล้วพ่อจะรู้เอง.. ให้จำปานของหนูไว้ให้ดี.. หนูจะกลับมาเกิดอีกครั้งเป็นลูกของ…… ตัวโตเท่านี้จะบวชเณร ออกธุดงค์มาช่วยพ่อสร้างวัด “สุทัศน์เทพไพฑูรย์” (สวนศรีมหาโพธิ์) พร้อมกับแม่ใหม่ จะมาทำปาฏิหารย์เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา (ลูกชายบอกว่าต่อไปประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างแก่ประเทศอื่น ๆ ต่างประเทศจะมาพึ่งพาประเทศไทย และพระพุทธศาสนาจะเป็นอันดับหนึ่งของโลก ขณะที่ประเทศอื่น ๆ จะเสียหายเพราะภัยพิบัติและการสู้รบจากสงคราม) จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ในปีที่ 40 หลังจากเสียชีวิต (ตรงกับ พ.ศ. 2557)

ที่ สวนศรีมหาโพธิ์จะเป็นสถานปฏิบัติธรรมของผู้หญิง และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและคนชรา (ในยุคที่เกิดความทุกข์ยากเพราะภัยพิบัติ) บนเขาลับแล(โครงการจัดตั้งฯ วัดป่าร่มโพธิ์ศรีฯ) จะเป็นวัดที่อยู่ของพระภิกษุและสามเณร จะมีพระองค์หนึ่งมีบุญบารมีมาก จะมาช่วยพ่อสร้างวัด จะมีคนมาถวายให้สร้างโน่นสร้างนี่จนสร้างไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งในปัจจุบันผมได้สร้างรอลูกชายตามที่สัญญาไว้ว่าจะมาหาทั้งสองที่ และได้เฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรชายในชาติใหม่มาเป็นเวลา 37 ปีแล้ว

กระผม ขอวิงวอนรัฐบาลและผู้ที่รับผิดชอบช่วยพิจารณาเรื่องการนำรางรถไฟที่ไม่ ใช้แล้วเพราะสับเปลี่ยนเป็นรางใหม่ (ซึ่งปัจจุบันวางกอง ๆ ไว้มากมายตามสถานีรถไฟ) นำไปเสริมตัวเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตาก และเขื่อนเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาท เพื่อให้มีความแข็งแรง เพียงพอที่จะรับแรงแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักในการเขียนจดหมายของกระผมในครั้งนี้ และท่านคงทราบดีว่าในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงในด้านธรณีวิทยาทำให้เกิด แผ่นดินไหวบ่อยครั้ง และสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั่วทั้งโลก การป้องกันเตรียมการไว้ก่อน เมื่อเกิดปัญหาจะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา

ขอแสดงความนับถือ
ทองใบ คำสี

ป.ล. มีพยานหลักฐานทั้ง พยานบุคคล และสถานที่ (อ.สอยดาว จ.จันทบุรี)

2

สายอาจารย์ ทอง ตลาดพลู ได้รับเมตตาจากพระอาจารย์ เต่า วัดชำขวาง เขาหินซ้อน

3
ถือว่าเป็นตำนวนให้คนรุ่นหลัง
เริ่มที่ฝ่ายฆราวาสกันก่อน

อาจารย์เที่ยง น่วมมานา
วัดทอง (วัดสุวรรณาราม) เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ อาจารย์เที่ยงท่านนี้เป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์ที่เรียนวิชาต่างฯมามากมาย ประวัติท่านผมไม่ทราบชัดเจน แต่ลูกศิษย์ของท่านพูดใด้เลยว่าเยอะจริงฯ สมัย 30-40 ปีก่อนไม่มีใครไม่รู้จัก พ่อเที่ยง วัดทองแน่นอนครับ
ศิษย์ที่ใด้รับวิชามาจาก อาจารย์เที่ยง ที่แน่ชัดก้อมี
-หลวงพ่อเผือด นราสโก วัดมะกอก เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร (ละสังขารไปแล้ว) หลวงตาเผือดมีศิษย์เอกรูปหนึ่งคือ พระอาจารย์นคร โฆษการี (หลวงพี่ปุ้ม) วัดศาลาแดง เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร
-อาจารย์ทอง สนธิรอด ตลาดพลู กรุงเทพฯ
-อาจารย์ป่อง น่วมมานา (ลูกชายแท้ฯของ อาจารย์เที่ยง) ชุมชนบ้านบุ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

***ยันต์ของพ่อเที่ยงที่มีชื่อเสียงคนรู้จักคือ หมูทองแดง เป็นวิชาเด่นครับ
 
อาจารย์ถวิล ตลิ่งชัน (ฆราวาส)
เมื่อประมาณ ช่วง 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้ที่ชื่นชอบรอยสักอักขระในเขต กทม และปริมณฑล ฝากตัวเป็นศิษย์กับพ่อถวิลท่านนี้มาก รวมทั้งพระอาจารย์อภิญญา วัดบางพระ ด้วย ที่เป็นศิษย์ในสำนักนี้ (อยากรู้ถามดูใด้ครับว่าจริงหรือปล่าว)
ศิษย์ที่ท่านครอบวิชาให้มีมากหลายคนแต่ที่ทราบแน่ชัดคือ พระอาจารย์หน่อย วัดนก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร อยากทราบเชิญที่วัดนกใด้ครับ


อาจารย์รอด บางกะปิ (พ่อบุญรอด สุขแสงจันทร์)
แน่นอนเช่นกันครับ อาจารย์รอดท่านนี้หากอยู่ในแวดวง สักยันต์ คาถาอาคมแล้วไม่รู้จักคงเป็นไปไม่ใด้

อาจารย์รอดหรือพ่อบุญรอดนี้ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน สมุทรปราการ ผู้สร้างเสืองาแกะอันดับหนึ่งของวงการ  สมัย 30-40 ปีที่แล้วลูกศิษย์พ่อรอดมีเยอะมาก มาถึงทุกวันนี้ก้อยังเห็นไม่น้อย หากท่านไม่ขลังหรือไม่มีดี ผมว่าคงไม่มีคนศรัทธาฝากตัวเป็นศิษย์ขนาดนี้หรอกครับ  สมัยก่อนหรือสมัยนี้หากเห็นยันต์นะที่ลูกกระเดือก รู้ใด้เลยว่า ศิษย์พ่อรอด แนนอนครับ ศิษย์ของพ่อบุญรอดที่รับวิชามาสืบทอดต่อก้อ...

-อาจารย์จำลอง สุขแสงจันทร์ ตอนนี้ท่านเปิดสำนักอยู่ที่ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี (ลูกชายปู่รอดแท้ฯ)

-ส่วนที่สำนักเดิมของพ่อรอดยังมีสักอยู่เหมือนกันคือ ท่านอาจารย์หลำ ครับ (ซอยนวมินทร์ 90 เขตบึงกุ่ม กทม)

**ยันต์ที่เป็นสัญลักษณ์คือ จิ้งจก,เสือสมิง และมียันต์ครูคือนะ ที่ลูกกระเดือก
***อาจารย์ทอง สนธิรอดเคยรับการสักมาจากพ่อรอดด้วยเหมือนกันครับ


อาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง

อาจารย์ฟ้อนพื้นเพท่านเป็นชาวพระนครศรีอยุธยา ถ้าจำไม่ผิดคืออำเภอนครหลวง  ประวัติท่านเท่าที่ทราบท่านเคยใด้มาบวชอยู่วัดสระเกศ (ภูเขาทอง) แต่ท่านออกจะร้อนวิชาซักหน่อย  ภายหลังลาสิกขาออกมาแล้วใด้มาโปรดลูกศิษย์อยู่ที่บ้านพัก แถวฯสะพานเหลือง (เลยหัวลำโพงมานิดนึง)  เมื่อก่อนท่านจะดังมากคือวิชาประสะเลือด คือเอาเลือดจากลิ้นของท่านนั้นนำมาสักอักขระและลงผ้ายันต์ให้ศิษย์ ติดตัวไปรบ สงครามส่วนมากจะรอดกลับมาทั้งนั้น ส่วนวิชาฝังเข็มท่านก้อฝังเช่นกันแต่ฝังด้วยเข็มเย็บผ้าธรรมดา ใช้อำนาจจืตฝังเข้าไปในร่างกายผู้ที่ปราถนาจะรับเข็มจากท่านครับ

ภายหลังที่ท่านถึงแก่กรรมลูกศิษย์ใด้ทำการฌาปนกิจท่านที่ วัดบึงพระอาจารย์ จังหวัดนครนายก
ศิษย์ที่สืบทอดวิชามาจากท่าน บอกตามตรงว่า ผมไม่ทราบ เห็นมีคนเอาชื่อท่านไปอ้างมากมาย ก้อช่างทำกันไปใด้
****แต่อยากรู้จริงฯ ลองกราบนมัสการถาม พระอาจารย์หนุ่ม วัดบางแวก ดูครับ ถ้าท่านเมตตาตอบคุณก้อจะทราบเอง


-อาจารย์ลำเจียก จันคง (อ.เจียก โพธิ์ดำ)
วัดบัวขวัญ ถนนงามวงศ์วาน จังหวัดนนทบุรี  สมัยช่วง 20-30 ปีก่อน ท่านมีศิษย์เป็นในย่าน เมืองนนท และในกรุงเทพก้อมีเยอะ สัญลักษณ์คือรูปโพธิ์ดำ ที่ท้องแขน ปัจุบันอาจารย์เจียกใด้ถึงแก่กรรมไปแล้วครับ


-อาจารย์หนู ทองศิริ (อ.หนู ดำเนิน)
อาจารย์หนู ดำเนินท่านนี้สำนักท่านอยู่แถววัดท่าสุวรรณ  ประวัติคร่าวฯว่าท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อชุ่ม วัดราชคาม  พระผู้ทรงอภิญญารูปหนึ่งของจังหวัดราชบุรี คิดว่าเพื่อนฯพี่น้อง คงเคยเห็นกันบ้างสำหรับรอยสักรูปธงข้างหู   นั่นแหละครับสัญลักษณ์ของครูหนู ดำเนิน  **ตะกรุดของท่านคนราชบุรีเล่นหาไม่ต่างจากของพระเกจิเลยครับ


ส่วนสายบรรพชิต ในอดีตกาลมีพระเกจิที่เป็นอาจารย์สักลงอักขระเลขยันต์อยู่ไม่น้อยครับ ดังจะยกตัวอย่างประมาณนี้

หลวงปู่หน่าย อินทสีโล วัดบ้านแจ้ง  อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

หลวงปู่หน่ายท่านเป็นศิษย์ที่เรียนวิชาโดยตรงมาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท และอีกหลายฯท่านด้วยกัน ยันต์ที่ลูกศิษย์ชอบให้ท่านสักก้อคือ จิ้งจก  ซึ่งขลังมากในเรื่องเสน่ห์ ส่วนเรื่องคงกระพันนั้น เชื่อถือใด้เช่นกัน ภายหลังท่านวางเข็มจึงใด้ครอบวิชาให้ท่านอาจารย์ประเวทย์ คงเอียดเป็นผู้ลงเข็มและท่านจะครอบให้อีกทีหนึ่ง ปัจุบันทราบว่าอาจารย์เวทย์ท่านเลิกสักแล้วแต่ยังมีอาจารย์กบซึ่งเป็นผู้ช่วยอาจารย์เวทย์สักยุคหลังฯ ยังทำการสักอยู่ครับ


หลวงพ่อพรหม ติสสเทโว วัดขนอนเหนือ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อพรหมท่านนี้เป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ พระนครศรีอยุธยา (หลวงพ่อขันท่านเป็นพระอาจารย์ของเสด็จกรมหลวงชุมพรฯอีกรูปหนึ่งด้วย)  ยันต์ที่ท่านสักคือพระบุตร-พระลบ (บุตรชายพระราม) ที่ไหล่ซ้าย-ขวา ว่ากันว่าเหนียวชนิดแมลงวันไม่ใด้กินเลือด และยันต์พระนารายณ์-พระพรหม บัวแก้ว เป็นต้น

**ปัจุบัน ศิษย์ซึ่งเป็นหลานชายแท้ฯของหลวงพ่อพรหม รับวิชาการสักนี้มาคือพระอาจารย์โมกข์ แต่ไม่ใด้สักบ่อยเนื่องจากสังขารไม่อำนวย จะพิจารณาเป็นบุคคลไป



หลวงปู่หรุ่น ใจภารา (หลวงพ่อหรุ่น เก้ายอด)
วัดอัมพวัน  ราชวัตร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
หลวงปู่หรุ่นท่านนี้ประวัติเป็นเสือเก่าออกปล้นแถว ปทุมธานี อยุธยา จนทางการต้องตามปราบแต่ปราบไม่ใด้ซักที สุดท้ายท่านใด้มอบตัวกับทางการ และใด้รับตำแหน่งเป็นกำนัน มียศว่า ขุนวิกลใจภารา  จนเมื่อท่านเริ่มเบื่อทางโลกจึงออกบวชและมาจำพรรษาอยู่ที่วัดอัมพวัน ราชวัตร เป็นพระอาจารย์สักที่มีชื่อเสียง มีศิษย์เอกที่ช่วยสักคือ อาจารย์ภู่ สมัยนั้นนักเลงก๊กเก้ายอดนั้นมีถิ่นพำนักตั้งแต่ สะพานขาว โบ๊เบ๊ ไปถึงเกียกกาย และมีศิย์ที่เป็นทหารม้าอัศวรักษ์มากมาย เนื่องจากลูกชายของหลวงปู่หรุ่นคือ นายเสงี่ยม ใจภารา ก้อเป็นทหารม้าเช่นกัน

พูดถึงหลวงปู่หรุ่นแล้วสมัยก่อนนั้น ในเมืองหลวงมีก๊กนักเลงเยอะมาก เช่นก๊กแก้วไฝ วรจักร (ศิษย์อาจารย์แก้ว ค้ำวิบูลย์ อาจารย์แก้วเป็นศิษย์ของหลวงปู่ทอง วัดราชโยธ่า) ส่วนบางขุนพรหม ก้อเป็นก๊กของศิษย์หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร ศิษย์หลวงปู่ภูท่านจะมีไม้ตะพดทพกกันทุกคนเรียกว่า นิ้วเพชรพระอิศวร ซึ่งเชือันว่า ไม้ตะพดนี้ โคนชี้ตาย ปลายชี้เป็น  หลวงปู่ภูท่านจะบอกศิษย์ว่า อย่าเอาโคนไม้ตีใคร  "มันจะตาย กูจะบาป"

หลวงปู่หนู ฉินนะกาโม วัดทุ่งแหลม อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
ย้อนไปเมื่อ 20-30 ปีก่อน ทหารในค่ายภาณุรังษี และ ชายฉกรรจ์ในแถบราชบุรี - กาญจนบุรี ต่างพากันไปกราบขอรอยสักจากหลวงปู่หนู วิชาที่โดดเด่นสุดของท่านคือ หนุมานเชิญธง ว่ากันว่า เหนียวสุดฯ  สรรพวิชาของหลวงปู่หนูทั้งหมดตกไปอยู่ที่ หลวงพ่อดัด เจ้าอาวาสรูปต่อมา(หลวงพ่อดัดมรณภาพไปแล้ว)  เป็นที่น่าเสียดายว่าไม่มีผู้ใดสืบทอดไว้


หลวงปู่แล ทิตตัพโพ วัดพระทรง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี

แน่นอนครับ ถ้าพูดถึงพระเกจิที่เป็นอาจารย์สักในเมืองไทย ไม่มีใครไม่รู้จักหลวงปู่แล วัดพระทรงแน่นอน หลวงปู่แลท่านนี้ท่านเรียนมาเยอะ ครูบาอาจารย์ท่านมีหลายท่านมาก  ยันต์ของท่านที่ขึ้นชื่อลือชา คือหนุมานองค์ที่ 8 (เต็มกลางหลัง)  ศิษย์ในสายเดียวกับท่านมีหลายรูปเช่น หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม(มรณภาพแล้ว) หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง (ยังทรงสังขารอยู่)

และเป็นที่น่าเสียดายเช่นกันว่าไม่มีใครใด้รับวิชาการสักจากท่านนี้ไว้เลยซักคน


พระครูตุ๋ย วัดอนงคาราม เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

พระครูตุ๋ยท่านนี้มีชื่อเสียงในการสักอยู่ในยุคเดียวกับ อาจารย์เที่ยง วัดทอง หรืออาจจะหลังกว่านั้นเล็กน้อย ประวัติยังไม่ชัดเจนเท่าใหร่นัก  ***ติดไว้ก่อนแล้วกันครับ แต่ลองถามคนฝั่งธนรุ่นเก่าฯดูว่ารู้จัก พ่อตุ๋ย วัดอนงค์ หรือปล่าว คำตอบคงชัดเจนครับ

- หลวงพ่อสุด สิริธโร วัดกาหลง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

หลวงพ่อสุดเจ้าท่านเป็นเจ้าตำหรับยันต์ตะกร้อ และเสือเผ่น ยันต์ตะกร้อของท่านนี้ว่ากันว่า เหนียวชนิด ตีไม่มีแตก  ส่วนเสือเผ่นท่านสักไปให้แค่ 2-3 คนเท่านั้นในประวัติ

ศิษย์ที่สืบทอดวิชาของท่านไปมีพระอาจารย์พยนต์ ศุภกาแก้ว ซึ่งละสังขารไปแล้วเช่นกัน


หลวงปู่จำปา นารโท - หลวงพ่อสมภพ เตชปุญโญ
วัดสาลีโขภิตาราม อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
สายวิชาของวัดสาลีโขนี้ เน้นสักตรงกระหม่อมเป็นสำคัญ ถึงจะสักที่อื่นไล่ลงมา หลวงปู่จำปาท่านนี้ เรียนวิชามาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท   วิชาสำคัญคือเสือ สิงห์ และพญาหงส์ทอง   ข้อห้ามสำคัญของวัดสาลีโขนี้ คือสักจากที่นี่ไปแล้ว  ห้าม ไปสักสำนักอื่นอีกเป็นอันขาด จะทำให้เป็นบ้าใด้

ส่วนท่านหลวงพ่อสมภพนี้เป็นพระอาจารย์ที่เรียนมาจากจากนิมิตของหลวงปู่เผือก อดีตเจ้าอาวาสวัดสาลีโขนี้ เมื่อ สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ใด้รับสรรพวิชามาครบถ้วน ท่านละสังขารไปเมื่อปีที่แล้วแต่ยังมีศิษย์ที่ใด้ครอบวิชาไว้คือ พระอาจารย์ขาว วัดบางพูดนอก อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

สายหลวงปู่ทอง อายะนะ วัดราชโยธา มีนบุรี กรุงเทพมหานคร
หลวงปู่ทองท่านนี้ เป็นพระเถระในยุคเดียวกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆษิตาราม บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร และยังเป็นสหธรรมมิกกับ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท ศิษย์ในท่านหลวงปู่ทอง (ที่เป็นอาจารย์สัก)ท่านนี้มีหลายท่านด้วยกันที่บันทึกไว้แน่ชัดคือ

1อาจารย์แก้ว ค้ำวิบูลย์  ท่านนับว่าเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่ทองเลยทีเดียว และท่านอาจารย์แก้วท่านนี้เป็นผู้สร้างเหรียญหลวงปู่ทอง รุ่นแรกด้วย ( 117 ปี) ศิษยฺของอาจารย์แก้วส่วนใหญ่จะอยู่ย่าน วรจักร เทเวศน์ เป็นส่วนใหญ่

2 อาจารย์แถว  ท่านเป็นคนละแวกวัดราชโยธานี้เอง อาวุโสนับเป็นรองมาจากอาจารย์แก้ว

3 อาจารย์เจ็ก  สามแยกไฟฉาย เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร อาจารย์เจ็กท่านนี้เป็นลูกชาวสวน พระประแดง วัยเยาว์ท่านไม่ใด้ศึกษาตำราเรียน จึงไม่รู้หนังสือ  แต่ด้วยความเป็นคนที่ชอบวิชา คาถาอาคมจึงฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์แก้ว ต่อมาท่านอาจารย์แก้วใด้พาท่านไปฝากให้เรียนกับหลวงปู่ทอง ด้วยความเพียรพยายามบวกกับสติปัญญาความจำของท่านเป็นเลิศ จึงใด้รับการถ่ายทอดวิชามามาก นับเป็นศิษย์ของหลวงปู่ทองท่านสุดท้ายที่ทันในสมัยชีวิตหลวงปู่ทอง

4 หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ วัดม่วง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง (ละสังขารแล้ว) หลวงพ่อเกษมท่านเรียนมาจากศิษย์ของศิษย์หลวงปู่ทองอีกทีหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดคือ อาจารย์สีลา จารแสง หลวงพ่อเกษมท่านนี้สมัยก่อนคนไปรับการสักจากท่านกันมาก สักเสร็จลองฟันให้ดูกันเลยทีเดียว


หลวงพ่อยอด อินทรส วัดดอนหวาย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

หลวงพ่อยอดท่านนี้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 2400 กลางฯ และละสังขารไปก่อน ปี 2500 (จำไม่ใด้จริงฯ) ลายสักของท่านนั้นเป็นวิชามาจากทางพม่า เรียกว่าสักมอม แต่ไม่มีชื่อเสียงไปไกล จะทราบกันแถบจังหวัดมากกว่า ศิษย์เอกของหลวงพ่อยอดคือ หลวงพ่อเท้ โกวิโท วัดดอนหวาย แต่ไม่มีข้อมูลว่าท่านทำการสักต่อจากหลวงพ่อยอด

เครดิต

โดยคุณbeam^^pinklao จากเว็บwww.XXXXXXX.com ขอบคุณครับ

4

พระอาจารย์ พล วัดป่าปริวาสบุฝ้าย

5

ได้รับเมตตาจาก พระอาจารย์ พล วัดป่าปริวาสบุฝ้าย ปราจีนบุรี

หน้า: [1]