กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจครับ กระแสเปลี่ยนชื่อยังมีให้เห็นบ่อยๆ คงเพราะหาชื่อที่ถูกหลักเกณฑ์นั้นเอง
คงจะเป็นอย่างนั้นครับท่านอชิตะ เพราะมาขอชื่อใหม่กันบ่อยมาก ซึ่งการให้ชื่อใหม่นั้น เราก็ต้องดูนิสัย และความเชื่อ
ความศรัทธาของเขาเป็นเกณฑ์ด้วย อย่างเช่นคนเกิดวันพฤหัสบดี มีความเชื่อความศรัทธาในเรื่องเทพเจ้า เราก็ตั้งชื่อให้เขาใหม่
เป็น "ศิวพร"ซึ่งแปลว่าผู้ได้รับพรจากพระศิวะ หรือถ้าเป็นผู้หญิงที่เกิดวันพฤหัสบดี มีความศรัทธาเรื่องศาสนา เราก็ตั้งชื่อใหม่ให้เขา
ว่า"ปัญจพร หรือ เบญจพร" ซึ่งแปลว่าผู้ได้รับพรทั้ง 5 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาน ซึ่งการตั้งชื่อให้นั้นเราต้องจดบันทึก
ไว้เสมอ เพื่อมิให้เกิดซ้ำกัน โดยแยกเรียงกันเป็นหมวดอักษร
หรือการตั้งชื่อห้างร้านบริษัท เราก็ควรพิจารณาถึงประเภทของงานที่เขาทำ สถานที่ตั้ง ความชอบความศรัทธาของเขา หุ้นส่วนแต่ละคน
ต้องเลือกอักษรที่เป็นมงคลให้แก่เขา เช่นร้านขายอาหาร เราก้ให้ชื่อร้านว่า" หรอย ลำ แซบ" หรือเป็นหมู่บ้านจัดสรรค์เราก็ให้ชื่อที่ฟังแล้ว
เป็นมงคลของผู้อยู่อาศัยเช่น "บริษัทศุขฤกษ์ หมู่บ้านศุขบุรี " หรือเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการเงินเราก็ให้ชื่อว่า"เพิ่มพูลธนทรัพย์"
หรือถ้าเป็นห้างหุ้นส่วนที่ร่วมกันลงทุน เราก็ให้ชื่อที่เป็นมงคลแก่เขาเช่น"ร่วมกิจพลาผล"
ซึ่งประโยชน์ที่ได้ของฝ่ายที่ตั้งชื่อให้ก็คือได้ทบทวนเรื่องภาษาและวิชาทักษาปกรณ์ ได้รู้และเข้าใจในคำศัพท์ต่างเพราะต้องค้นคว้า
และศึกษาที่มาและคำแปลของแต่ละชื่อ และฝ่ายของผู้ที่มาขอให้ตั้งชื่อให้นั้นก็ได้รับขวัญและกำลังใจ เกิดความสุขความสบายใจ
มีความมั่นใจในตนเองยิ่งขึ้นและเป็นโอกาศที่เราจะสอดแทรกหลักธรรมให้แก่เขาไปในตัว ในการทำงานในการดำเนินชีวิต ที่จะนำไปสู่
ความสุข ความสำเร็จ