ผู้เขียน หัวข้อ: กรรมหนัก 4 ประเภท ที่กรรมอื่นจะมาแทรกแซงให้ผลก่อนไม่ได้  (อ่าน 21106 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายธรรมะ

  • ดีชั่วอยู่ที่ตัวทํา สูงต่ำอยู่ที่ทําตัว
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 615
  • เพศ: ชาย
  • เหนื่อย ได้แต่อย่า ท้อ
    • ดูรายละเอียด
กรรมหนัก 4 ประเภท ที่กรรมอื่นจะมาแทรกแซงให้ผลก่อนไม่ได้

มีกรรมอยู่บางประเภท ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหยั่งทราบ ด้วยพระปัญญาตรัสรู้ของพระองค์ เองว่า กรรมบางพวกให้ผลไปตกนรกทันที กรรมบางพวกให้ผลเป็นเศรษฐีภายใน ๗ วัน กรรมบางพวกให้ ผลไปเกิดในสวรรค์ชั้นพรหมทันทีเมื่อตายลง กรรมบางพวกให้ผลทันทีโดยไม่รอเวลาเลย กรรมทั้ง ๔ ประเภทนี้ ล้วนเป็นครุกรรม คือกรรมหนักทั้งสิ้น กรรมเหล่านี้ชื่อว่าเที่ยงต่อการให้ผลตามเวลาที่กล่าวแล้ว หมายความว่าบุคคลใดทำกรรมทั้ง ๔ ชนิดนี้ไปแล้ว เมื่อถึงกำหนดเวลาให้ผล กรรมอื่นจะมาแทรกแซงให้ผลก่อนไม่ได้ กล่าวคือ

๑ คนที่ทำ อนันตริยกรรม ๕ อย่างคือ
1.มาตุฆาต - ฆ่ามารดา
2.ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา
3.อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์
4.โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล
5.สังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์

ผล
- เมื่อตายลง กรรมที่ทำนั้นจะให้ผลนำเกิดใน อเวจีมหานรกทันที ไม่มีกรรมอื่นจะมาแทรกให้ผลก่อนได้ หรือถ้าในชาตินั้นทำอนันตริยกรรมหลายอย่าง อนันตริยกรรมที่หนักที่สุดจะให้ผลนำเกิด
- ในบรรดากรรม ๕ อย่างนั้น สังฆเภทเป็นกรรมหนักที่สุด

ตัวอย่าง
-- พระเทวทัตทำอนันตริยกรรมถึง ๒ อย่าง คือ ทำพระโลหิตพระพุทธเจ้าให้ห้อขึ้นในคราวที่กลิ้งศิลาลงมาจากเขาคิชฌกูฏเพื่อหวังจะปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า แต่ก่อนที่ศิลากลิ้งลงมากระทบชะง่อนหินแตกเสียก่อน สะเก็ดหินกระเด็นมาถูกนิ้วพระบาทห้อพระโลหิต และทำสังฆเภท คือทำลายสงฆ์ให้แตกกันในคราวที่คิดจะ ตั้งตนเป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง ก่อนตายถูกธรณีสูบ ตายแล้วเกิดในอเวจีมหานรกทันที่ ด้วยอำนาจของกรรม คือสังฆเภท
-- พระเจ้าอชาตศัตรูที่รับสั่งให้ทรมานพระเจ้าพิมพิสารพระราชบิดา จนในที่สุดพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ เพราะการทรมานนั้น แม้ในภายหลังพระเจ้าอชาตศัตรูจะทรงสำนึกผิด และได้บำเพ็ญพระราชกุศล ในพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวกอย่างมหาศาลเพียงใด ก็ไม่อาจจะลบล้างกรรมคือปิตุฆาต ซึ่งเป็นอนันตริยกรรมได้ แม้จะไม่ได้ทรงปลงพระชนม์พระราชบิดาเอง แต่ก็ใช้ให้ผู้อื่นทำแทน จัดเป็นปิตุฆาตเช่นเดียวกัน และด้วยปิตุฆาตกรรมนี้ เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ลง จึงต้องเกิดในนรกทันที กุศลมหาศาลที่ทรงกระทำไว้ก็ไม่อาจช่วยได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากุศลมหาศาลที่ทรงกระทำไว้จะไม่ให้ผล เพียงแต่ว่ายังไม่ถึงเวลาจะ
ให้ผลเท่านั้น

นอกจากอนันตริยกรรม นิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม ก็ให้ผลบังเกิดในนรกทันทีเมื่อตายลงเช่นเดียวกัน บุคคลใดมีความยึดมั่นว่า กรรมดีไม่มีผล กรรมชั่วไม่มีผล การกระทำทุกอย่างสักว่ากระทำทั้งสิ้น การกระทำบุญ การกระทำบาปต่อบิดามารดา ไม่มีผล ดังนี้เป็นต้น บุคคลนั้นยึดมั่นในความเห็นผิดอย่างนี้ไม่เปลี่ยนแปลงจนตลอดชีวิต บุคคลนั้นตายลงไปจะต้องเกิดในนรกทันทีด้วยอำนาจของกรรมคือ นิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม นี้แหละ

สรุป
ในส่วนของโทษหนักเบา และลำดับการให้ผลก่อนหลัง ของอนันตริยกรรม เรียงลำดับจากแรงที่สุดลงไป ได้ดังนี้

1. สังฆเภทอนันตริยกรรม
2. โลหิตุปบาทอนันตริยกรรม
3. อรหันตฆาตอนันตริยกรรม
4. มาตุฆาตปิตุฆาตอนันตริยกรรม



๒. บุคคลใดได้ถวายทานในพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์หรือพระอนาคามี ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติมาใหม่ๆ ยังมิได้รับทานจากผู้ได้เลย ด้วยจิตใจที่เลื่อมใส โสมนัสยินดีทั้งเวลาก่อนถวาย กำลังถวาย และถวายแล้ว บุคคลนั้นจะได้เป็นเศรษฐีภายใน ๗ วัน ดังเช่น นายปุณณะและภริยาที่ได้ถวายทานที่เป็นส่วนของตนโดยชอบธรรมแก่ท่านพระสารีบุตรผู้ออกจากนิโรธสมาบัติมาใหม่ๆ



๓. บุคคลใดเจริญสมถภาวนาจนได้ฌานตั้งแต่ปฐมฌานไปจนถึงเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ฌานใดฌานหนึ่ง และฌานนั้นไม่เสื่อม ตายลงจะต้องเกิดในสุคติภูมิเป็นพรหมทันที หรือถ้าได้ฌานครบทุกฌาน ที่เรียกว่าได้สมาบัติ ๘ ฌานที่สูงที่สุด คือ เนวสัญญานาสัญญายตนฌานจะให้ผลนำเกิดในเนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ ฌานที่ต่ำกว่าจัดเป็นอโหสิกรรม คือไม่ให้ผล



๔. บุคคลใดเจริญวิปัสสนาภาวนา คือเจริญมรรคมีองค์ ๘ จนบรรลุอริยมรรค อริยผล เป็นพระอริยบุคคลในขณะที่มรรคจิตเกิดขึ้นแล้วดับลง ผลจิตซึ่งเป็นผลของมรรคจะเกิดติดต่อทันทีโดยไม่มีจิตอื่นมาคั่น เพราะฉะนั้น มรรคจิต จึงชื่อว่า อกาลิโก คือให้ผลทันทีโดยไม่รอกาลเวลาถ้าจะกล่าวโดยบัญญัติโวหาร ก็กล่าวได้ว่า มรรคกรรมนี้จะทำให้ปุถุชนเปลี่ยนเป็นพระโสดาบันบุคคลในทันทีทันใดหลังจากโสดาปัตติมรรคดับลงแล้วและทำให้พระอริยบุคคลเบื้องต่ำเปลี่ยนเป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงตางลำดับ

กล่าวคือ

พระโสดาบันบุคคล เปลี่ยนเป็น พระสกทาคามีบุคคลทันทีที่สกทาคามีมรรคดับลง
พระสกทาคามีบุคคล เปลี่ยนเป็นพระอนาคามีบุคคลทันทีที่อนาคามิมรรคดับลง
พระอนาคามีบุคคล เปลี่ยนเป็น พระอรหันต์ทันทีที่อรหัตตมรรคดับลง


อ้างอิง:
- พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม".
- พระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร). "กรรมทีปนี".
- จาก อ.ประณีต ก้องสมุทร

นายธรรมะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก เว็บบอร์ดพลังจิต
[shake]ศรัทธา ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ ศรัทธา เพื่อ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีความ ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมเกิด ปาฏิหาริย์[/shake]

ออฟไลน์ rche

  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 15
  • เพศ: ชาย
  • ****สัพสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติแห่งกาลเวลา****
    • MSN Messenger - mtts.11-@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด