ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีดูเจ้ากรรมนายเวร  (อ่าน 75753 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ NONGEAR44

  • นวมะ
  • ****
  • กระทู้: 669
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - en2005f@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
วิธีดูเจ้ากรรมนายเวร
« เมื่อ: 24 ต.ค. 2553, 09:41:28 »
                                                                วิธีดูเจ้ากรรมนายเวร

เจ้ากรรมนายเวรนั้นเกิดขึ้นจากแรงอาฆาตหากเราเคยทำอะไรที่เบียดเบียน? สร้างความไม่พอใจแก่อะไรก็ตาม ทั้งที่เป็นคน สัตว์ หรือวิญญาณ แล้วเขาเหล่านั้นได้ตั้งจิตว่าถ้าเจอเราจะต้องทำคืนตรงนี้ก็เกิดกรรมได้แล้วครับ บางคนถามว่าถ้าเราทำไปโดยไม่เจตนาเกิดผลกรรมตามมาไหม ตรงนี้อย่าเอาเราเป็นคนตัดสินครับ เอาคู่กรณีเราเป็นคนตัดสินว่าการกระทำของเราก่อให้เกิดความอาฆาตที่มีต่อเราหรือไม่

เจ้ากรรมนายเวรของเรามีอยู่ 2 แบบทั้งที่มีชีวิตและเป็นจิตวิญญาณ เจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิตอาจเป็นคนในครอบครัว สามี ภรรยา ลูก หลาน เพื่อนร่วมงาน หรืออื่น ๆ เราจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิต หลักการดูง่าย ๆ ใครก็ตามที่คอยสร้างความเดือดร้อนให้เรา เบียดเบียนเรา อาจจะใช่หนึ่งในเจ้ากรรมนายเวรเราก็เป็นได้

ส่วนเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นวิญญาณอาจจะยากในการดูต้องทำจิตให้นิ่งคุณถึงจะรู้ได้ด้วยตัวเองครับ โดยการทำสมาธิเป็นการรวมจิต ยิ่งคุณนิ่งมากเท่าไหร่จิตคุณยิ่งรวมได้มากเท่านั้น เมื่อคุณรวมจิตได้ คุณก็จะแยกสิ่งที่มันอยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดได้ คือจิตกับร่างกายคนเราที่มันผสมกันอยู่ แยกจิตออกมาได้คุณก็สามารถอยู่ที่สภาพเดียวกันกับเจ้ากรรมนายเวรได้แล้ว สภาวะของคนต่างกับวิญญาณตรงที่คนมี 2 ส่วนคือจิตกับร่างกาย แต่วิญญาณมีแต่จิตไม่มีร่างกาย
เมื่อเราทำสมาธิได้สามารถรวมจิตได้แล้วเราก็จะสื่อถึงเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นวิญญาณได้ บางคนที่เริ่มทำสมาธิอาจนิ่งน้อยก็รวมจิตได้น้อยสื่อไปเขารับรู้แต่เราสัมผัสไม่ได้ทั้งที่อยู่สภาพเดียวกันคือจิตเหมือนกันแต่ขนาดไม่เท่ากัน แต่ถ้าหากได้ฝึกสมาธิมานานแล้วรวมจิตได้มากก็สามารถสัมผัสได้ซึ่งบางคนสามารถเห็นการกระทำที่ตนทำไว้ในอดีตได้จากการที่เจ้ากรรมนายเวรมาแสดงให้เราเห็นก็มี ซึ่งเมื่อเราสัมผัสได้ก็พยายามสื่อถึงเขาบอกเขาว่าเราได้รับผลกรรมแล้วขอให้เขามาอโหสิกรรมให้แก่เรา

ในกรณีที่เจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิตเหมือนเราการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทำได้ง่ายๆ โดยการที่เราเอ่ยปากขออโหสิกรรมสิ่งที่เราเคยทำผิดมาไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน แต่ต้องออกมาจากใจจริงของเราไม่ใช่แกล้งพูด และเมื่อคู่กรณีของเราได้ฟังถ้าเขาเอ่ยปากอโหสิให้ หรือให้อภัยแก่เราจากใจจริงเช่นกัน กรรมที่ไม่ดีก็สามารถยุติได้ ปัญหาที่มีมาก็คลี่คลายได้เพราะต่างฝ่ายต่างยุติ แล้วในอนาคตจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะเลือกทำกรรมดีหรือกรรมไม่ดี แต่หากเราไปพูดขออโหสิกรรมแล้วคู่กรณีเราไม่พอใจก็ต้องใช้วิธีกล่าวชื่อของคนนั้นลงไปในใบแก้กรรม ซึ่งเป็นการใช้จิตของเราสื่อถึงจิตลึก ๆ ของคนผู้นั้น จากที่เขามีพฤติกรรมไม่ดีต่อเรา เบียดเบียนเราก็จะเปลี่ยนการกระทำเหล่านั้นไปในทางที่ดีการทำสมาธิแก้กรรมไม่ได้เป็นการลบล้างกรรม แต่เป็นการขอโทษ เราไม่เริ่มขอโทษก่อนก็คงไม่มีใครมายกโทษให้เราแน่นอน เราอย่านึกว่าเราไม่ผิด ทุกอย่างล้วนมีเหตุมีผลในตัวของมันเองครับ ทำมากน้อยแค่ไหนถึงจะเกิดผลอยู่ที่การปฏิบัติของเราเองและอยู่ที่เจ้ากรรมนายเวรว่าพอใจรึยัง การแก้กรรมของผม

ไม่ใช่การแผ่เมตตาแต่เป็นการกล่าวขอโทษ การที่เราประสบปัญหา ผมเปรียบเหมือนตัวเราเป็นแก้วน้ำนะครับเจ้ากรรมนายเวรเล่นงานเราตามแรงอาฆาต เปรียบเหมือนทุบแก้วเราแตกไปแล้ว บางคนอาจเจอทุบจนละเอียด บางคนแตกเป็นชิ้นใหญ่ ขึ้นอยู่กับว่าเราทำให้เขาอาฆาตมากน้อยแค่ไหน

การที่เราตั้งจิตสื่อถึงเจ้ากรรมนายเวรนั้นเพื่อให้เขากลับมาหาเราและเราก็บอกว่าเราสำนึกแล้ว ซึ่งขอให้เขานำสิ่งที่เกิดขึ้นกลับไป ก็เหมือนให้เขามาต่อแก้วคืนให้เป็นทรงเดิม ซึ่งจะต่อได้รึเปล่าขึ้นอยู่กับบุญที่เคยทำมาด้วย และสิ่งที่เราประสบอยู่เหมือนแก้วว่าแตกละเอียดไปแล้วแค่ไหน การขออโหสิกรรมควรทำควบคู่ไปกับการทำบุญ บางคนทำแต่บุญตรงนี้คุณได้บุญแต่ว่ากรรมคุณก็มี การที่คนเรามีเจ้ากรรมนายเวรเปรียบเหมือนเราติดหนี้ เรามีเจ้าหนี้ หากเราทำบุญอย่างเดียวก็เหมือนกับเร่งหาเงินแต่ไม่เคยนึกถึงเลยว่ายังติดหนี้ใครไว้บ้าง

ดังนั้นการอโหสิกรรมคือการเจรจากับเจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้จะปล่อยเรารึเปล่า อยู่ที่การตัดสินใจของเจ้าหนี้ครับ

การทำสมาธิสื่อถึงเจ้ากรรมนายเวรสำหรับผู้ที่เริ่มปฏิบัติควรทำช่วงที่จิตและร่างกายสมบูรณ์ ซึ่งช่วงที่ว่านั้นส่วนมากเป็นช่วงเช้าหรืออยู่ในช่วงกลางวัน ช่วงกลางคืนจิตคนเราอาจจะอ่อนตามร่างกายที่ทำงานมาทั้งวันเพราะคนเราจิตกับร่างกายสัมพันธ์กันเมื่อร่างกายอ่อนเพลียจิตก็อาจจะอ่อนตามกัน ไม่ใช่ว่ากลางคืนวิญญาณจะมีพลังมากกว่าเรา วิญญาณมีพลังได้ทุกเวลาครับ เดี๋ยวจะพากันกลัวเหมือนหนังผีไปอีกแต่อยู่ที่จิตเรามากกว่าว่าสมบูรณ์รึเปล่า ในขณะที่เราสื่อจิตไปหาเจ้ากรรมนายเวรของเราอาจจะมีพวกวิญญาณอื่นเห็นเราทำสมาธิก็ก็คิดว่ามาขอส่วนบุญได้ซึ่ง ผลบุญที่เราจะให้ได้นั้นให้ได้จากการทำทานทุกชนิด แต่ผลบุญที่เกิดจากสมาธิใครทำคนนั้นได้เอง ส่วนการแผ่เมตตาเมื่อเราตั้งจิตถึงเจ้ากรรมนายเวรเขาก็ได้รับความรู้สึกดีจากเรา แต่ไม่ได้เป็นการให้บุญ บารมีจากการปฏิบัติของเรา เราต้องสื่อถึงเขาให้เขาปฏิบัติด้วยตัวเองจะเป็นการดีต่อจิตของเขาเอง

แต่สำหรับผู้ที่ปฏิบัติสมาธิมาพอสมควรแล้วคุณจะทำเวลาไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับจิตของคุณว่าสมบูรณ์พร้อมหรือเปล่า ซึ่งวิธีการขออโหสิกรรมในใบแก้กรรมของผมนั้น สามารถทำต่อจากการที่คุณไหว้พระ สวดมนต์ แผ่เมตตา หรือว่าคุณจะทำเดี่ยว ๆ เลยก็ได้ จะทำสถานที่ใดก็ได้ ในห้องพระ ห้องทำงาน แล้วแต่คุณแต่ควรเลือกสถานที่ซึ่งสงบและสะดวกในการทำสมาธิ แต่ที่สำคัญขอให้จิตคุณสงบก่อนที่จะทำเพื่อให้การขออโหสิกรรมนั้นเกิดผล


วิธีดูเจ้ากรรมนายเวร | ซุปเปอร์ริชชี่

  ขอบคุณที่มา เว็บบอร์ด พลังจิต