ผู้เขียน หัวข้อ: @@-หัวใจพ่อ-น้ำใจแม่-@@  (อ่าน 2483 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
@@-หัวใจพ่อ-น้ำใจแม่-@@
« เมื่อ: 08 มิ.ย. 2554, 09:05:22 »
หัวใจพ่อ-น้ำใจแม่

สมัยหนึ่ง แคว้นอัลลกัปปะเกิดขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ชายผู้หนึ่งชื่อ โกตุหลิก (โก – ตุ – หะ – ลิก) เห็นว่าไม่อาจครองชีพโดยผาสุกในแคว้นนั้นได้ จึงพาภรรยาชื่อกาลีและบุตรน้อยคนหนึ่ง มุ่งหน้าไปเมืองโกสัมพี มีเสบียงอาหารติดมือเพียงเล็กน้อย
เดินทางด้วยเท้าอยู่หลายวัน เสบียงที่ติดตัวหมดลง ระยะทางก็ยังอีกไกล สองสามีภรรยาผลัดเปลี่ยนกันอุ้มลูกน้อยได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส โกตุหลิกผู้สามีจึงขอให้ทิ้งบุตรเสีย อ้างว่า เมื่อเขาทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ย่อมสามารถมีบุตรได้อีก แต่กาลีผู้เป็นภรรยาไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น
ในคราวที่มารดาเป็นผู้อุ้ม เธอจะประคองบุตรอย่างทะนุถนอมเสมือนประคองพวกดอกไม้ ฝ่ายสามีเมื่อถึงคราวอุ้มก็อุ้มไปอย่านั้นเอง พอทราบว่าลูกหลับ จึงออกอุบายให้ภรรยาเดินนำหน้าไปก่อน ตนเองเข้าไปใกล้พุ่มไม้แห่งหนึ่ง แล้วทิ้งลูกไว้ที่พุ่มไม้นั้นแล้วเดินตามภรรยาไป
นางกาลีเหลียวหลังกลับมาไม่เห็นลูกถามทราบความแล้ว นางก็คร่ำครวญขอร้องให้สามีกลับไปนำลูกมา แต่ปรากฎว่าบุตรของเขาสิ้นใจ ในขณะที่เขากำลังอุ้มกลับมานั่นเอง


นายโคบาลผู้อารี

สองสามีภรรยาเดินทางต่อไปจนมาถึงบ้านนายโคบาล วันนั้นที่บ้านนายโคบาลมีงานมงคล และที่เรือนของนายโคบาลนั้น มีพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่งมาฉันอาหารอยู่เป็นประจำ
วันนั้น นายโคบาลได้จัดแจงข้าวปายาสไว้เป็นพิเศษ สำหรับถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าและเพื่องานมงคล ขณะนั้นเขาเห็นสองสามีภรรยาเดินมามีร่างกายซูบผอม อิดโรย ถามดูทราบความแล้วก็เกิดเมตตา จึงเลี้ยงดูด้วยข้าวปายาส (เข้าที่ปรุงด้วยน้ำนมสด) เป็นอันมาก
เนื่องจากอดอาหารมาถึง ๗-๘ วัน นายโกตุหลิกจึงบริโภคมากจนเกิดประมาณ ฝ่ายนายโคบาลเมื่อเลี้ยงดูสองสามีภรรยาเสร็จแล้ว จึงเริ่มบริโภคเองบ้าง โกตุหลิกนั่งดูเห็นเขาเอาข้าวปายาสให้นางสุนัขนอนอยู่ใต้ตั่ง คิดอยู่ในใจว่า “นางสุนัขตัวนี้ มีบุญจริงหนอได้กินอาหารอย่างดีอย่างนี้ทุกวันๆ”
คืนนั้นเอง อาหารจำนวนมากที่นายโกตุหลิกกินเข้าไปไม่อาจจะย่อยได้ เขาถึงแก่ความตายในคืนนั้น และบังเกิดในท้องนางสุนัขนั่นเอง


ที่มา
http://www.watsamma.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=252056
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: @@-หัวใจพ่อ-น้ำใจแม่-@@
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 08 มิ.ย. 2554, 09:06:45 »
บุญญานุภาพ

ฝ่ายภรรยาของเขาทำศพสามีแล้ว ขอทำงานรับจ้างอยู่ในบ้านของนายโคบาล เมื่อได้ข้าวสารเป็นค่าจ้างก็หุงถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วอธิษฐานว่า “ขอบุญกุศลนี้จงสำเร็จแก่ทาสของท่านผู้ล่วงลับคือนายโกตุหลิกด้วยเถิด”
นางคิดว่าควรอยู่บ้านนายโคบาลต่อไป เพราะได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกวัน แม้ไม่มีไทยธรรมถวายก็ยังมีโอกาสได้ขวนขวายในบุญกุศลได้ไหว้ได้ทำจิตให้เลื่อมใส เพียงเท่านี้ ก็คงประสบบุญเป็นอันมาก
ต่อมาอีก ๗ เดือน สุนัขตัวนั้นออกลูกเป็นสุนัขผู้ตัวหนึ่ง นายโคบาลเลี้ยงมันด้วยนมโค ลูกสุนัขโตวันโตคืนอย่างรวดเร็ว เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้ามาฉันที่บ้านนายโคบาลมั่นมักให้ข้าวปายาสแก่มันก้อนหนึ่งเสมอมันจึงรักพระปัจเจกพุทธเจ้ามาก
ส่วนนายโคบาล โดยปกติจะไปหาพระปัจเจกพุทธเจ้าวนละ ๒ ครั้ง ลูกสุนัขตัวนั้นตามไปด้วยเสมอ
วันใด นายโคบาลไม่มีโอกาส เขาก็จะส่งสุนัขตัวนั้นไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยคำพูดสั้นๆ ว่า “จงไปนำพระปัจเจกพุทธเจ้ามา”
สุนัขรีบวิ่งไปยังสำนักของพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อถึงบรรณศาลาก็เห่าขึ้น ๓ ครั้ง เป็นสัญญาว่ามารับพระปัจเจกพุทธเจ้า ขณะที่นำพระปัจเจกพุทธเจ้าไปนั้น จะออกหน้าและเก่าไปพลาง มีบางครั้งที่พระปัจเจกพุทธเจ้าต้องการจะลองใจมัน แกล้งเดินไปทางอื่น สุนัขตัวนี้จะเอาปากงับชายจีวรของท่านแล้วนำท่านไปในทางที่จะไปบ้านของนายโคบาล
ด้วยความสัมพันธ์อันมีอยู่อย่างนี้เป็นเวลานานๆ สุนัขจึงมีความรักในพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก ต่อมาพระปัจเจกพุทธเจ้าบอกลานายโคบาล เพื่อจะไปทำจีวรใหม่ที่ภูเขาคันธมาทน์ เพราะจีวรที่ใช้อยู่เก่ามากแล้ว
สุนัขแสนรู้ฟังพระปัจเจกพุทธเจ้าและนายโคบาลคุยกันอยู่ มันเข้าใจเรื่องราวโดยตลอด เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าลานายโคบาลเหาะไปสู่ภูเขาคันธมาทน์นั้น สุนัขยืนมองอยู่ด้วยความรักและอาลัยยิ่ง พอพระปัจเจกพุทธเจ้าลับสายตา หัวใจมันก็แตกสลายถึงแก่ความตาย
เพราะเป็นสัตว์ที่มีความเห็นตรงไม่คดในข้องอในกระดูก และประกอบด้วยความเลื่อมใสในพระปัจเจกพุทธเจ้า สุนัขตัวนั้นเมื่อตายแล้วจึงไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีเสียงอันก้องกังวาล เพราะอานิสงส์ที่เห่าพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยใจเลื่อมใส ได้นามว่า “โฆสกเทพบุตร” แต่อยู่ในเทวโลกได้ไม่นานก็จุติมาเกิดเป็นมนุษย์อีก


ที่มา
http://www.watsamma.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=252056
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 มิ.ย. 2554, 09:07:22 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: @@-หัวใจพ่อ-น้ำใจแม่-@@
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 08 มิ.ย. 2554, 09:15:11 »
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

โฆสกเทพบุตร เมื่อจุติแล้วมาปฏิสนธิในท้องของหญิงโสเภณีในกรุงโกสัมพี เมื่อหญิงนันทราบว่าลูกของตนเป็นชาย ก็ให้คนรับใช้เอาใส่กระสอบไปทิ้งที่กองขยะ
กาและสุนัขมาห้อมล้อมเด็กแต่เข้าใกล้ไม่ได้ จึงเป็นเสมือนมาช่วยอารักขาคุ้มครอง นี่เป็นเพราะผลบุญที่ทำไว้ในสมัยเป็นสุนัขที่เห่าหอนพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยความรัก แสดงให้เห็นว่า ความดีหรือความชั่วที่บุคคลทำไว้ ไม่เคยสูญ ย่อมหาโอกาสให้ผลตามกาลอันสมควร
ในขณะที่กาและสุนัขยืนห้อมล้อมอยู่นั้น มีบุคคลผู้หนึ่งเดินผ่านมาเข้าไปดู เห็นเด็กจึงเกิดความรักเพียงดังบุตร นึกว่า “เราได้ลูกแล้ว” นำไปเรือนเลี้ยงอยู่ลูกของตน
ในเวลาใกล้เคียงกันนั้น เศรษฐีใหญ่เมืองโกสัมพีไปเฝ้าพระราชา พบกับปุโรหิตในระหว่างทางจึงถามด้วยความคุ้นเคยวา “วันนี้มีเหตุการณ์พิเศษอะไรบ้าง? ปุโรหิตเงยหน้าขึ้นมองทอ้งฟ้าแล้วตอบว่า “เด็กที่เกิดในวันนี้ต่อไปจะเป็นเศรษฐีใหญ่ในเมืองโกสัมพี”
เวลานั้นภรรยาของเศรษฐีใหญ่กำลังมีครรภ์แก่จวนคลอด เศรษฐีรีบไปเฟ้าพระราชาแล้วรีบกลับ เห็นว่าภรรยาของตนยังไม่คลอด จึงมอบเงินจำนวนหนึ่งพันบาทให้หญิงคนใช้ชื่อ กาลี ไปสืบดูว่า เด็กคนใดเกิดวันนี้บ้าง ให้ขอซื้อมา เขาคิดว่า ถ้าเด็กคนนั้นต่างเพศกับบุตรของตนก็จะให้แต่งงานกัน ถ้าเพศเดียวกันก็จะฆ่าเสีย
นางกาลีพบเด็กคนนั้นในเมืองแห่งหนึ่ง จึงขอซื้อมาด้วยเงินหนึ่งพันบาท ต่อมาอีกไม่กี่วันภรรยาของเศรษฐีก็คลอดลูกเป็นชาย เพศเดียวกันกับเด็กที่ซื้อมา

เศรษฐีจึงวางแผนฆ่าเด็กคนนั้นทันที เพราะเกรงเด็กคนนั้นจะแย่งตำแหน่งเศรษฐีไปจากบุตรของตน
ครั้งหนึ่งในคราวที่เด็กยังเยาว์วัยเศรษฐีให้นางกาลีนำไปทิ้งไว้ที่ป่าช้า ด้วยหลังว่าสุนัขหรืออมนุษย์คงทำร้ายเด็กถึงตายแน่ ที่ป่าช้านั้นแม่แพะตัวหนึ่งเที่ยวกินใบไม้ เข้าไปใกล้พุ่มไม้นั้น เห็นเด็กน้อยแล้วมีความเอ็นดูจึงคุกเข่าลงให้เด็กดื่มนม
เมื่อคนเลี้ยงแพะร้องไล่ “เห เห” แม่แพะก็หาเคลื่อนไหวไม่ คนเลี้ยงแพะจึงเดินเข้าไปใกล้ คิดว่าจะตีเสียให้สมดื้อ แต่แล้วเขาต้องวางไม้ เมื่อเห็นภาพอันน่าประทับใจยิ่งนัก คือเห็นแม่แพะกำลังคุกเข่าให้เด็กดื่มนมอยู่ เขามองดูด้วยความชื่นชมพลางเปรยว่า “เจ้าเป็นสัตว์ดิรัจฉานยังรู้จักถนอมชีวิตของผู้อื่น แต่บุคคลผู้ทำให้ชีวิตนั้นเกิดขึ้นแล้ว หารับผิดชอบถนอมชีวิตไม่ ช่างน่าละอายเจ้าเหลือเกิน”
คนเลี้ยงแพะนำเด็กนั้นไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม เศรษฐีทราบเรื่องให้นางกาลีไปซื้อกลับมาอีก
แต่เมื่อสบโอกาสก็ให้นางกาลีนำไปทิ้งอีก คือให้นำไปทิ้งไว้ที่หน้าคอกโคบ้าง ทางเกวียนบ้าง โยนเหวบ้าง แต่เด็กก็รอดชีวิต และเศรษฐีต้องจ่ายเงินซื้อกลับคืนมาเสียทุกครั้ง
เมื่อเศรษฐีพยายามฆ่าอยู่เช่นนี้ เด็กก็เจริญเติบโตตามลำดับปรากฎนามว่า โฆสกะ
และในคราวที่โฆสกเจริญวัยสามารถวิ่งไปมาได้นั่นแหละ เศรษฐีให้โฆสกะถือจดหมายไปหาช่างหม้อผู้เป็นเพื่อนตน ข้อความในจดหมายว่า “เด็กคนนี้เป็นลูกเลว เมื่อมาถึงแล้วจงสับให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วโยนลงไปในเตาเผา เราจะให้ค่าจ้างแก่ท่านหนึ่งพัน เมื่องานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีรางวัลพิเศษอีก”

โฆสกะ อ่านหนังสือไม่ออก นำจดหมายฆ่าตัวเองไป พอดีขณะนั้นบุตรแท้ๆ ของเศรษฐีกำลังเล่นขลุบ (ลูกคลี) อยู่ใกล้ๆ บ้านกับเพื่อนๆ กำลังแพ้มาก เห็นโฆสกะเดินผ่านจึงเรียกให้ช่วยเล่นแก้มือเอาเงินคืน ตนเองรับอาสาจะไปส่งจดหมายพ่อให้เอง
ช่างหม้อไม่เคยเห็นบุตรเศรษฐี เมื่อได้รับจดหมายก็ทำตามคำสั่งสับจนละเอียดแล้วโยนลงเตาเผาตกเย็นโฆสกะกลับเข้าไปในบ้าน เศรษฐีเห็นจึงถาม ทราบเรื่องตกใจมากคร่ำครวญว่า “อย่าฆ่าลูกฉัน อย่าฆ่าลูกข้า” แล้ววิ่งร้องไห้ไปยังบ้านช่างหม้อ แต่สายเสียแล้ว
ช่างหม้อเห็นดังนั้นจึงกล่าวกับเศรษฐีว่า “ท่านเศรษฐีอย่าเอะอะไปงานของท่านเรียบร้อยแล้ว”

เศรษฐีนั้นเศร้าโศกเป็นทุกข์ยิ่งนัก แต่นั้นมาก็ยิ่งเกลียดชังโฆสกะมากขึ้น ในคราวที่โฆสกะเป็นหนุ่มเศรษฐีเขียนจดหมายถึงผู้จัดการผลประโยชน์ในชนบทว่า “เด็กหนุ่มคนนี้เป็นบุตรเลว ขอให้ท่านจับฆ่าแล้วทิ้งเสียในถังส้วม” แล้วมอบจดหมายให้โฆสกะถือไป
ในระหว่างทางโฆสกะได้แวะบ้านของสุมงคลเศรษฐีเพื่อนของพ่อ เพื่อรับเสบียงเดินทาง
สุมงคลเศรษฐีมีธิดาสาวสวยคนหนึ่ง นามว่า สุมนา ขณะที่มารดาของเธอกำลังต้อนรับโฆสกะอยู่นั้น เธอได้ใช้หญิงคนใช้ไปตลาด เมื่อมารดาของเธอเห็นเข้าก็เรียกให้มาปูที่หลับนอนให้โฆสกะ
เมื่อหญิงคนใช้กลับมาช้าลูกสาวเศรษฐีจึงถาม พอทราบว่าโฆสกะมาพักที่บ้าน เพียงเพราะได้ยินคำว่าโฆสกะเท่านั้น ความรักก็แล่นเขาจับใจของนาง ความจริงธิดาเศรษฐีนั้นหาใช่ใครที่ไหนไม่ เธอคือนางกีล ภรรยาของนายโกตุหลิกนั่นเอง (นายโกตุหลิก ก็คือนายโฆสกะนั่นเอง) เมื่อนายโกตุหลิกตายแล้ว นางได้พยายามทำความดีแม้จะยากจน แต่ไม่จนใจ พยายามเอาแรงกายเข้าช่วยเหลือนายโคบาลในเรื่องบุญกุศลอยู่เสมอ เมื่อสิ้นชีพจึงไปบังเกิดในสวรรค์แล้วจุติมาบังเกิดในตระกูลเศรษฐี เพราะกุศลวิบากที่นางได้ทำในสมัยที่เป็นนางกาลี

ธิดาเศรษฐีแปลงสาสน์

เมื่อปลอดคน ธิดาเศรษฐีลงไปชั้นล่าง เห็นโฆสกะนอนหลับอยู่มีจดหมายติดชายพก ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและด้วยความรัก ทำให้เธอดึงจดหมายออกจากชายพกของโฆสกะนำไปอ่านที่ห้องทราบเรื่องโดยตลอด เธอจึงฉีกจดหมายนั้นทิ้งแล้วเขียนจดหมายขึ้นใหม่ความว่า “โฆสกะนี้เป็นบุตรคนโตของเรา เราประสงค์จะให้แต่งงานกับบุตรีของสุมงคลเศรษฐีสหายของเรา เมื่อหลาน(ผู้จัดการผลประโยชน์) ได้รับจดหมายแล้วให้รีบจัดการทำให้ดี แล้วส่งข่าวให้เราทราบ”
เมื่อเขียนจดหมายเสร็จแล้ว ก็ใส่ไว้ที่ชายพกของโฆสกะดังเดิม ผู้จัดการผลประโยชน์ของเศรษฐีได้ทำทุกอย่างตามจดหมายที่เขาได้รับจากมือของโฆสกะ แล้วส่งข่าวไปให้เศรษฐีทราบ
เศรษฐีพอได้ทราบข่าวก็เกิดความโศกเศร้าอย่างใหญ่หลวงรำพันว่า “เราต้องการทำสิ่งใดแก่โฆสกะ สิ่งนั้นหาเป็นไม่ เราไม่ต้องการให้สิ่งใดเกิดขึ้นแก่โฆสกะกลับกลายเป็นสิ่งที่ดีไปสิ้น”
นี่แหละ บุคคลผู้อันบุญกุศลคุ้มครองแล้ว ย่อมไม่ประสบภัยพิบัติ ไม่ว่าใครจะคิดร้ายสักปานใด ส่วนผู้ที่ไม่มีบุญกุศลคุ้มครอง แต่มีเวรานุเวรติดตาม ย่อมประสบอันตรายเอง

ความโศกถึงบุตรที่ตายไป ๑ ความแค้นที่ทำอันตรายใดๆ แก่โฆสกะไม่ได้ ๑ มีผลกระทบกระเทือนต่อร่างกายและจิตใจมาก เศรษฐีนั้นจึงล้มป่วยลง และเมื่อเศรษฐีสิ้นชีวิตพระเจ้าอุเทนราชาแห่งโกสัมพีจึงพระราชทานตำแหน่งเศรษฐีแก่โฆสกะแทนที่บิดา
โฆสกะนั้นยืนบนรถ ทำการเฉลิมฉลองให้เอกเกริกตลอดนครโกสัมพี ฝ่ายนางสุมนาผู้ภรรยายืนมองดูสามีอยู่ที่หน้าต่าง เห็นสามีมาพร้อมด้วยเกียรติยศอันยิ่งใหย่ จึงพูดกับนางกาลี (หญิงคนใช้ที่นำโฆสกะไปทิ้งหลายครั้ง) ว่า “ดูเถิดกาลีโฆสกะได้สมบัติเพราะเราแท้ๆ”
เมื่อนางกาลีสงสัยเรียนถาม นางจึงเล่าให้ฟังตั้งแต่โฆสกะนำจดหมายฆ่าตัวติดชายพกไป....
นางกาลี จึงเล่าเรื่องเบื้องต้นของโฆสกะให้นางสุมนาฟังเหมือนกัน ขณะที่โฆสกะกลับมานั้น สุมนาระลึกอยู่ว่า โฆสกะได้สมบัติก็เพราะตนโดยแท้ จึงหัวเราะขึ้น โฆสกะเห็นภรรยาหัวเราะเหมือนมีเลศนัย จึงถามทราบเรื่องแล้ว แต่ไม่ปลงใจเชื่อ จึงถามนางกาลีดู นางกาลียืนยันและเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้ฟัง โฆสกะจึงเชื่อและได้ความสลดใจปลงสังเวชว่า “กรรมของเราหนักแท้ จึงมีเวรติดตามมา เราพ้นจากความตายเห็นปานนี้คงเพราะบุญช่วยคุ้มครองรักษา เราจะประมาทไม่ได้แล้ว ต้องรีบขวนขวายทำบุญกุศล”
ตั้งแต่นั้นมา โฆสกะได้สละทรัพย์วันละพันเพื่อทำอาหารเครื่องอุปโภคแจกจ่ายแก่คนกำพร้า คนยากจน และคนทุพพลภาพ
เรื่องของโฆสกะที่นำมาเล่านี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่า กรรมมิได้สูญหายไปเมื่อบุคคลตายแล้ว แต่จะติดตามให้ผลอยู่ตลอดเวลา ส่วนชั่วทำให้ตกต่ำลำบาก ส่วนดีช่วยคุ้มครองรักษา ผู้ที่กุศลคุ้มครองแล้ว ย่อมตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้.


....จบครับ....
ที่มา
http://www.watsamma.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=252056
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 มิ.ย. 2554, 09:17:01 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: @@-หัวใจพ่อ-น้ำใจแม่-@@
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 08 มิ.ย. 2554, 11:35:06 »
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม 11; 11;
                                             
ขอขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำบทความธรรมะดีมากๆมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :053: :053:
   
ติดตามอยู่ครับ อ่านแล้วเพลินดีมากๆครับ และ ได้สาระความรู้มากๆครับผม :016: :015:
 
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบคุณครับผม) :054: :054:
   
 

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ

ออฟไลน์ berm

  • สิ่งที่ควรทำคือความดี..สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม..สิ่งที่ควรจำคือ...บุญคุณ
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1008
  • เพศ: ชาย
  • อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: @@-หัวใจพ่อ-น้ำใจแม่-@@
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 09 มิ.ย. 2554, 09:23:04 »
 :016:สาธุ คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ใหม้ :015:
ทุกคนย่อมมีปัญหาของตัวเองเกิดขึ้นตลอดเวลา  อยู่ที่ใครเลือกที่จะเดินหนีปัญหา...หรือเลือกที่จะแก้ไขปัญหา