ผู้เขียน หัวข้อ: พระอาจารย์ ของโจรตี๋ใหญ่  (อ่าน 77958 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ โยคี

  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 1361
  • เพศ: ชาย
  • เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
    • ดูรายละเอียด
พระอาจารย์ ของโจรตี๋ใหญ่
« เมื่อ: 27 ก.ย. 2550, 11:37:09 »
หลวงพ่อมาลัย เป็นอาจารย์ของโจรตี๋ใหญ่ ที่ตี๋ใหญ่ให้ความเคารพนับถือ อีกรูปหนึ่ง รองลงมาจากหลวงพ่อสุด วัดกาหลง
เป็นผู้เปี่ยมด้วยอาคม สายรามัญ

                                   

• ประวัติพระครูอุทัยธรรมสาคร (หลวงพ่อมาลัย) •  จาก http://www.watbangyapraek.org/luangphor_bio.html

• ชาติกาล
ข้าพเจ้าเป็นคนกรุงเทพมหานคร เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 8 กันยายน 2483 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 10 ณ บ้านเลขที่ 63 หมู่ 8 ตำบลแสมดำ อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดกรุงเทพมหานคร คุณย่าตั้งชื่อว่า ไอ้หมา มีนามสกุลว่า แตงอ่อน บิดาชื่อ นายบุญธรรม แตงอ่อน มารดาชื่อ นางกิม แตงอ่อน มีพี่น้องด้วยกันทั้งสิ้น 6 คน รวมข้าพเจ้าด้วย เป็นผู้หญิง 5 คน และผู้ชายมีคนเดียวคือข้าพเจ้า ดังนี้
1. พี่บุนนาค แตงอ่อน
2. พี่ทับทิบ แตงอ่อน
3. พี่สุดใจ แตงอ่อน
4. นายมาลัย แตงอ่อน
5. นางทองอยู่ แตงอ่อน
6. นางสมรักษ์ แตงอ่อน
• ชีวิตวัยเยาว์

ตอนเป็นเด็กอายุประมาณ 10 ขวบ คุณแม่พาไปอยู่ที่บ้านคุณน้าทุเรียน คุณน้าแป้นและคุณเนย (มีศักดิ์เป็นน้องของคุณแม่) ที่โกรกกรากในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณแม่ โดยนั่งเรือจากมหาชัยมาขึ้นหน้าวัดโกรกกรากนอก ข้าพเจ้ามาเที่ยวที่นี่อยู่บ่อยๆอยู่บ้านบางกระดี่บ้างมาอยู่สมุทรสาครบ้าง จนกลายเป็นคน 2 จังหวัด

คุณย่าของข้าพเจ้าท่านชอบดูลิเก ถ้าท่านรู้ว่างานไหนมีลิเก ท่านมักจะชวนหลานๆไปดูลิเกด้วย บางครั้งก็เดินไป บางคร้งก็ไปทางเรือ ขอให้รู้ว่ามีลิเกเท่านั้น คืนนั้นคุณย่าพาหลานไปดูลิเกงานบวชที่บ้านขอม คณะบุญเชิญ ท่วมศิริ ข้าพเจ้านั่งดูลิเกอยู่ใกล้ย่า ลิเกแสดงตลกย่าหัวเราะ พอนางเอกลิเกแสดงบทโศก ย่าก้อเอาผ้าสไบเช็ดน้ำตา ข้าพเจ้าก็หัวเราะ ย่าทุบข้าพเจ้าดังอั๊กหลบแทบไม่ทัน

เมื่อวัยหนุ่มอายุ 17 ปี ข้าพเจ้าชอบร้องเพลงเป่าออแหละกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน ไปเที่ยวตามงานวัดใกล้ๆบ้านเช่นวัดแสมดำ, วัดบางกระดี่, วัดลูกวัว ในปีนั้นข้าพเจ้าประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ชื่อเพลง ลั่นทม ซึ่ง โฆษิต นพคุณ ขับร้องไว้ ข้าพเจ้าได้รางวัลมา 1 กล่อง ข้างในกล่องมีอะไรกล่องใหญ่ด้วย พอเปิดกล่องออกมาดู พบว่ามีผ้าห่มผืนใหญ่ 1 ผืน ข้าพเจ้าดีใจมาก และคืนต่อมาคือคืนที่สอง ข้าพเจ้านัดกับเพื่อนๆเอาไว้ว่าพรุ่งนี้ไปอีกสักคืน เมื่อถึงกำหนดข้าพเจ้านำเสื้อกางเกงหย่อนลงไปใต้ถุนบ้าน เพื่อไม่ให้พ่อ-แม่-พี่-น้อง รู้ว่าจะไปเที่ยวงานประจำปีวัดแสมดำ ช่างเคราะห์ร้ายจริงๆโยมพ่อของข้าพเจ้าทานเหล้าเมามาตั้งแต่ 6 โมงเย็น นอนขวางประตูทางออกเหมือนกับจะรู้ว่าข้าพเจ้าจะหนีไปเที่ยวงานวัดแสมดำ เพื่อนที่นัดกันเอาไว้ว่า 1 ทุ่มจะลงเรือจ้างหน้าบ้านมาเคาะอยู่ใต้ถุนบ้านใกล้ๆกับโยมพ่อของข้าพเจ้าที่นอนเมาขวางประตูทางออกอยู่ ข้าพเจ้าเหงื่อไหลออกมายังกับคนเพิ่งอาบน้ำ พอได้ยินโยมพ่อพูดขึ้นมาว่า คืนนี้คนแสมดำกับคนเกาะโพนัดว่าจะตีกันในงาน พวกมึงอย่ามาชวนลูกกูไปเลย พวกมึงไปกันเถอะ ข้าพเจ้าหัวใจแทบหยุดเต้นเพราะไม่ได้ไปเที่ยวงาน ซ้อมร้องเพลงไว้อย่างดีน่าเสียดายจัง

• เมื่อถูกเกณฑ์ทหาร

ข้าเจ้าถูกหมายเรียกเกณฑ์ทหารเมื่ออายุ 21 ปี ที่วัดบางขุนเทียน ข้าพเจ้าจับได้ใบแดง มีน้องสาวคือคุณทองอยู่ ติดตามข้าพเจ้าไปด้วย โยมพ่อ-โยมแม่ไม่ได้มาด้วย พอจับได้ใบแดงน้องสาวข้าพเจ้าร้องไห้ ข้าพเจ้าพูดว่า "ร้องไห้ทำไม จะบ้าหรือไงไม่อายชาวบ้านหรือ" ข้าพเจ้าทุบหัวน้องสาวไปหนึ่งครั้งแล้วก็นำเสื้อผ้ามาใส่เหมือนเดิม กลับมาถึงยังไม่ทันขึ้นบ้านเลย พอลงจากรถไฟสาย มหาชัย-แม่กลอง ข่าวมาเร็วมาก ได้ยินเสียงแว่วมาว่า "กูบอกมึงแล้วว่าให้จุดธูปเทียนบอกผีบ้านผีเรือน มึงไม่เชื่อกู ให้มึงกลับมาก่อน กูจะล่อมึง" ข้าพเจ้างงไปหมดโดนทั้งขึ้นทั้งร่อง ข้าพเจ้าไม่กลับไปบ้านเพราะพ่อ-แม่ เตรียมไม้ตะพดเอาไว้ มีคนส่งข่าวมาว่าอย่าเพิ่งเข้าบ้านน้ำกำลังเชี่ยว คืนนั้นข้าพเจ้าหนีไปนอนบ้านเพื่อน ที่บ้านตามหาข้าพเจ้าทั้งคืน มีคนไปบอกโยมพ่อ-โยมแม่ ว่าข้าพเจ้านอนอยู่บ้านคุณสำรวย เท่านั้นเอง โยมพ่อ-โยมแม่ ย่องไปจับข้าพเจ้าออกมา โดนตีหลายที ย่าผู้หวังดีเคยพาข้าพเจ้าไปดูลิเกพูดออกมาว่า "พวกมึงตีมันทำไมกัน ลูกพวกมึงแต่มันเป็นหลานกู" บรรยากาศเงียบ ข้าพเจ้าโดนไม้ตับจากตีเป็นแนวไปหมดตั้งแต่หลังจนถึงเท้า แนวระบมไปทั้งตัว คืนนั้นนอนหงายไม่ได้ต้องนอนตะแคง เจ็บหลัง ย่าฝนไพลสดด้วยฝาละมีทาหลังข้าพเจ้า ถามข้าพเจ้าว่าแสบไหมหลาน

• การศึกษาเล่าเรียน

ข้าพเจ้าเข้าเรียนตั้งแต่ป.เตรียม จนถึงป.4 จัดว่าเป้นคนเรียนหนังสือไม่เก่ง ซึ่งในสมัยนั้นไปโรงเรียนบ้างขาดเรียนบ้างเนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน ประกอบอาชีพ ทำนา ตัดจาก ตัดฟืน รับจ้าง ข้าพเจ้าเป็นโรคหลายอย่าง ทั้งโรคผิวหนัง โรคไทฟอยด์ ผอมไม่ค่อยมีแรง แต่โชคดีที่ข้าพเจ้ามีโอกาสเป็นลูกศิษย์วัดรับใช้พระสงฆ์ สามเณร อยู่หลายปีจนเรียนภาษารามัญแตกฉานพอสมควร

• ทำบาปไม่ขึ้น

วันหน่งข้าพเจ้ารู้สึกตัวว่าข้าพเจ้าทำบาปไม่ขึ้น เรื่องมีอยู่ว่า ข้าพเจ้าไปสุ่มปลาด้วยกันกับเพื่อนหลายคน แต่น่าประหลาดใจที่ข้าพเจ้าจับปลาได้ไม่กี่ตัว แต่เพื่อนที่ไปด้วยกันได้มาเต็มตะข้อง จึงทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกท้อใจว่าดีเหมือนกันที่ตัวเองทำบาปไม่ขึ้น เพราะว่าถ้าทำบาปขึ้น ข้าพเจ้าคงจะไม่ได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ คงเป็นตาแก่วกๆเงิ่นๆอยู่กลางทุ่งนาแน่ๆ

• ความจำที่ไม่มีวันลืม

วันนั้นเป็นวันลงแขกเกี่ยวข้าว ข้าพเจ้าไปเกี่ยวข้าวกลับมาเห็นคนเขาเชือดคอไก่เพื่อเลี้ยงคนที่มาร่วมงานในวันรุ่งขึ้น คืนนั้นข้าพเจ้านอนไม่หลับตลอดทั้งคืน บวกกับเสียงดังของพ่อที่นั่งทานเหล้ากับพวกในโรงนาจนเกือบตีหนึ่ง ข้าพเจ้าบอกกับท่านว่าพ่อดึกแล้วนอนกันบ้างเถิดพรรุ่งนี้ค่อยทานกันใหม่ก็ได้ เท่านั้นเองพ่อโกรธและนำไฟฉาย 2 ท่อน ปรี่เข้ามาตีศีรษะของข้าพเจ้าจนเซเห็นดาวระยิบระยับเต็มไปหมด จนกระทั่งข้าพเจ้าได้สติ จึงฉวยไม้คมแฝกวิ่งไปหาพวกเพื่อนๆพ่อที่มาทานเหล้ากับพ่อในคืนนั้น แต่ว่าไหวตัวทันและกลับไปเสียก่อน ในคืนนั้นข้าพเจ้านอนไม่หลับเพราะได้ยินว่า "อย่าให้กูเจออีกทีนะ" เช้าวันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าไปลงแขกเกี่ยวข้าว พอตกเย็นข้าพเจ้าเดินเลาะริมคลองมาเรื่อยและเห็นเพื่อนพ่อ 2 คน นั่งทานเหล้าอยู่ ข้าพเจ้าเดินไปหาพร้อมกับเคียวที่พันด้ายดิบเอาไว้อย่างดี ข้าพเจ้าถามทั้งสองคนนั้นว่าเมื่อคืนใครบอกว่า "อย่าให้กูพบ กูมาแล้วไง" แต่ทั้งสองคนไม่มีใครตอบหรือแสดงอาการอย่างไรออกมา ข้าพเจ้าจึงพูดทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง "ถ้าคิดฆ่ากู ต้องฆ่าให้ตาย ถ้าฆ่ากูไม่ตาย มึงสั่งลูกเมียมึงได้เลย กูต้องฆ่ามึงถึงมุ้งเลย มึงจำเอาไว้"

• มางานบวชหมู่บ้านกำพร้า

วันหนึ่ง แม่ได้นำข้าพเจ้ากับน้องอีกสองคนนั่งเรือโดยสารจากมหาลัย วิ่งเข้ามาในคลองบางหญ้าแพรก สมัยนั้นคลองบางหญ้าแพรกแคบและคดเคี้ยวมาก ไม่กว้างเหมือนในสมัยนี้ ถ้าลงน้ำจะเชี่ยวมาก พอถึงสะพานข้ามคลองบางหญ้าแพรก มีแม่ค้าซื้อผักมาขายทุกวัน แต่วันนั้นแดดร้อนน้ำเชี่ยวแรง ข้าพเจ้ามองไปที่หัวเรือลำหนึ่งเห็นผู้หญิงสองคนเถีนงและตบกันจนตกน้ำไปทั้งคู่ ข้าพเจ้าจึงถามแม่ว่าที่นี่คือที่ไหน แม่บอกข้าพเจ้าว่าหมู่บ้านบางหญ้าแพรก ข้าพเจ้าเลยพูดออกไปว่า "คนที่นี่ดุจัง ให้ผมมาอยู่มีเงินเดือนด้วยผมก็ไม่เอาเพราะเป็นหมู่บ้านคนดุ" แม่เลยพูดออกมาว่า "เอ็งจำเอาไว้ด้วยว่าเอ็งจะไม่มาอย่ที่นี่" ทำให้ข้าพเจ้าลืมคำนี้ไม่ลงและฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ว่าข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

• ข้าพเจ้าบวชเมื่อวันที่

ข้าพเจ้าบวชเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2509 เวลา 13.00น. ณ วัดบางกระดี่ ตำบลแสมดำ อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดกรุงเทพมหานคร เมื่ออายุ 25 ปี พระเทพณานมุนี วัดราชโอรสาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ อาจารย์สง่า การวิโก วัดบางกระดี่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สงวน อาสโภ วัดกำพร้าเป็นพระอนุสาวนาจารย์

• อุปสมบท

ข้าพเจ้าตั้งใจเอาไว้ว่าจะบวชพรรษาเดียวแล้วจะสึกเพราะฐานะทางบ้านยากจนและไม่มีใครช่วยพ่อ-แม่ ส่วนพี่ๆก็มีเหย้ามีเรือนกันไปหมดแล้ว เหลือน้องๆอีก 2 คน

• มาเที่ยววัดบางหญ้าแพรก

ครั้งขณะที่ข้าพเจ้าบวชเป็นพระ พรรษาแรกข้าพเจ้าก็สวดพระปาฏิโมกข์ภาษารามัญได้ชัดเจน จนเพื่อนๆพระด้วยกันขอคำแนะนำข้าพเจ้าหลายรูป แต่ก็ล้มเหลว วันหนึ่งมีคุณสุนทร เขาแกร่ง บ้านเดิมเขาอยู่บางกระดี่ ท่านบวชอยู่ที่วัดบางหญ้าแพรกและท่านชวนข้าพเจ้ามาเที่ยวที่วัดบางหญ้าแพรกด้วยกันกับเพื่อนพระด้วยกัน ในขณะนั้น พระครูสาคร อรรถโกวิท เป็นเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรกอยู่ อายุท่านประมาณเกือบ 70 ปี วันรุ่งขึ้นพระสุนทรท่านลาสิขาบทข้าพเจ้าเห็นกางเกง เสื้อสวยๆก็อยากสึกกับเขาบ้าง ท่านอาจารย์มหาจำนงค์คล้ายกับจะรู้ใจของข้าพเจ้าว่าอยากสึก จึงออกอุบายชวนให้ข้าพเจ้าอยู่สวดปาฏิโมกข์ด้วย ขณะนั้นข้าพเจ้าก็แบ่งรับแบ่งสู้ไม่รับปากทีเดียว จนทนการขอร้องไม่ได้ก็เลยรับปากว่าจะอยู่ช่วย ในปีแรกก็สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก โดยไม่เคยตกชั้นเลย

...คิดถึงวัด คิดถึงบ้าน...

• วันที่กลับวัดบางกระดี่

ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะเข้าพรรษาที่ 5 ข้าพเจ้าอยากลาสิขาบท โดยตัดเสื้อ กางเกง เอาไว้ 2 ชุดกว่า 3 ปี ไปถึงบ้านเวลาประมาณ 19.00น. ตั้งใจจะแจ้งให้พ่อ-แม่ได้ทราบ พอนั่งเสร็จเรียบร้อยญาติโยมมารออยู่ในบ้านประมาณ 6-7 คน เป็นเพื่อนของคนมอญซึ่งอยู่หมู่บ้านเดียวกัน อาราธนาศีล 5 ครั้นเสร็จแล้วพ่อก็เริ่มพูดก่อน เสร็จแล้วแม่ก็เริ่มพูดบ้าง พี่บ้างโยมที่ร่วมฟังบ้าง คืนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้พูดเรื่องลาสิขาบทแม้แต่คำเดียวเป็นฝ่ายนั่งฟังพ่อ-แม่ พี่ๆญาติที่มาร่วมคืนนั้นพูดจนกลับประมาณ 21.00น. พอรุ่งเช้าก็มีโยมแหยบ โยมที่ให้ความช่วยเหลือข้าพเจ้ามาเล่าให้ฟังว่าอาจารย์ท่านพระมหาจำนงค์เขาจะปรึกษาเรื่องสำคัญ เมื่อจะสึกก็ไม่ว่าแต่ขอให้ไปพบท่านด้วย ขอร้องเถอะ ข้าพเจ้าได้ฟังคำขอร้องจากโยมที่มีบุญคุณเช่นนั้นก็คล้อยตามลงเรืออวนดุลมาด้วยกัน

• คำสั่งเสียของคุณพ่อ

หลังจากที่ข้าพเจ้าตามโยมแหยบมาที่วัดแล้ว ท่านอาจารย์ก็เรียกข้าพเจ้าไปพบ ซึ่งในปีนั้นสุขภาพท่านไม่ค่อยดี หมอที่โรงพยาบาลมหาชัยลงความเห็นว่าเป็นไทรอยด์ เสียงไม่ดี เสียงขัดทั้งปี ท่านอาจารย์บอกกับผมว่า คุณสึกออกไปโรคไทรอยด์คุณหายหรือเปล่า ผมคิดขึ้นได้ว่าคงไม่หาย และในปีนั้นพ่อกับโยมเกิดเขามาพบกันและถูกคอกันมาค้างอยู่หลายคืน และก่อนที่พ่อจะกลับพ่อสั่งโยมเกิดไว้ประโยคหนึ่งว่า "ช่วยดูแลพระลูกชายผมด้วย ผมคงไม่ได้มาเพราะสุขภาพไม่ค่อยดี" หลังจากที่พ่อลงเรือโดยสารกลับไปข้าพเจ้าก็ขึ้นหอฉันในวัด และนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวจนเกือบพลบค่ำ สมัยนั้นไฟฟ้าไม่มีข้าพเจ้ารู้สึกหงอยเหงาว้าเหว่ซึมเศร้าเหมือนคนไร้สติ เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าจะต้องเกิดอะไรสักอย่าง จึงมีความรู้สึกออกมาอย่างนั้น คิดถึงพ่อคิดถึงแม่-พี่-น้อง ที่เคยอยู่ด้วยกันมาต้องมาอยู่ห่างกัน และในปีนั้นเองพ่อป่วยหนักมากด้วยโรคตับแข็งเพราะทานเหล้ามากจนเสียชีวิตลงเมื่อต้นปี และโยมแม่ก็เสียชีวิตลงในปลายปีเดียวกัน ทำให้ข้าพเจ้าคิดหาทางออก ไม่ได้ทำศพพ่อแม่ โดยเก็บท่านไว้ทั้งสองคน ทำตามบุญตามประเพณีของคนมอญ หลังจากที่ผมกลับมาจากวัดบางกระดี่ ท่านอาจารยืคง พูดกับข้าพเจ้าเหมือนรู้ใจว่า "คุณมาลัย คุณมีอะไรให้ผมช่วยเหลือ บอกมาอย่าเกรงใจ คุณเสียพ่อแม่ของคุณปีเดียวกันถึงสองคน ผมขอแสดงความเสียใจกับคุณด้วย" น้ำตาผมไหลพรากออกมาต่อหน้าท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ก็ทำตาแดงคล้ายกับข้าพเจ้าเหมือนกัน เสร็จแล้วข้าพเจ้าก็ขึ้นพักบนหอฉัน นอนนึกถึงคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายของคุณพ่อ จนพล่อยหลับไป

• จำพรรษาที่วัดบางหญ้าแพรก

สมัยนั้นมีพระจำพรรษาไม่มาก ไม่เกิน 9 รูปทั้งวัด ข้าพเจ้าขึ้นแสดงพระปาฏิโมกข์ มีโยมฝั่งมอญ โยมเป๊อะ โยมแหยบที่มาคอยสังเกตการณ์และเอาใจใส่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่เคยลืมพระคุณท่านเหล่านี้เลย

• อาจารย์พระมหาจำนงค์ลาสิขาบท

มีปัญหาเกิดขึ้นภายในวัด พระอาจารย์ท่านลาสิขาบทจากเจ้าอาวาสโดยเข้าอุโบสถหลังเก่าและกล่าวคำลาต่อหน้าพระประธาน ข้าพเจ้าได้ถือถุงเสื้อผ้าของท่านและนั่งรอที่หน้าอุโบสถ ข้าพเจ้ามีความสลดใจมากที่ท่านทำลายตัวเองซึ่งเกิดความน้อยใจและไม่ยุติธรรม

 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2517 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล พระเทพสาครมุนี (หลวงพ่อแก้ว) วัดสุทธิวาตวราราม (ช่องลม) มอบตราตั้งเจ้าอาวาสแก่ข้าพเจ้าโดยให้ดูแลพระภิกษุ สามเณร ภายในอาวาสให้เรียบร้อย นี่ถ้าหากข้าพเจ้าไม่เชื่อฟังคำครูอาจารย์ เป็นไปตามเพื่อนศิษย์ด้วยกันแล้วบัดนี้คงจะเป้นตาแก่อยู่บางกระดี่หรือมิฉะนั้นคงเป็นตาแก่เฝ้าบ้านมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองอย่างแน่นอน บางครั้งเมื่อข้าพเจ้าหวนรำลึกถึงชีวิตตอนนั้นยังสงสัยอยุ่ว่าเพราะอะไรเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าซังกะตายมาอยู่ทุกวันนี้

• ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่าฉลอม

ซึ่งสมัยนั้นพระครูโกมุทธรรมธาดา (พระมหาสมัย) วัดป้อมวิเชียรโชติการามเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองได้พิจารณาว่าในตำบลท่าฉลอม วัดใดที่มีเจ้าอาวาสที่ดำรงตำแหน่งก่อน ซึ่งข้าพเจ้าเป็นเจ้าอาวาสวัดอื่นๆจึงได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลมาจนถึงทุกวันดวงชะตาดีก็มีผู้มอบให้

ข้าพเจ้าเป็นพระฐานานุกรมมา 2 ครั้ง เป็นพระครูวินัยธร เป็นพระครูปลัดพรหมจริยวัฒน์ของหลวงพ่อพระวิสุทธิวงษาจารย์ เจ้าคณะภาค 14 วัดเทพธิดาราม กรุงเทพฯ และมอบให้ท่านกำนันวิเชียร อากาศ ทำงานพระพุทธศาสนา

• อุบัติเหตุครั้งสำคัญในชีวิต

เมื่อข้าพเจ้าเป็นเจ้าอาวาสใหม่ๆ ครั้งหนึ่ง มีกิจนิมนต์ที่จ.อยุธยา คนขับรถขับรถเร็วมากพุ่งลงไปในครองชลประทาน ซึ่งลึกพอสมควร รถค่อยๆจมลงไป ข้าพเจ้าติดอยู่ในรถคันนั้นด้วยและเปิดประตูออกมาไม่ได้เพราะน้ำข้างนอกมากกว่าข้างในรถ แต่คงยังไม่ถึงคราวจมน้ำตาย บังเอิญรถไปค้างอยู่บนตอไม้ที่มีใครไปแช่น้ำเอาไว้ คนขับทุกกระจกออกมาจึงรอดตายมาได้

ครั้งที่ 2 มีผู้ไม่หวังดีนำดินระเบิดใส่แป๊บยาวประมาณ 60 ซ.ม. 2 กระบอกจ่อไว้ตรงศีรษะของข้าพเจ้าห่างไปประมาณ 1 เมตร โดยใช้ธูปเป็นชนวน แป๊บจะระเบิดเวลาประมาณ 24.00 น. แรงระเบิดทำให้ฝากุฏิแบบโบราณพังลงมาทั้งแถบ ข้าพเจ้านอนเฉย...

• คำเตือนของเทพยดา

อีกประการหนึ่งของการจัดตั้งมูลนิธิครั้งนี้ ก็ด้วยมานึกถึงคำตัดเตือนของเทพยดาตนหนึ่ง ที่ได้มากราบทูลพระพุทธเจ้า ในเรื่องการทำทรัพย์สมบัติของตนที่มีอยู่ให้เกิดความยั่งยืนว่า "ในขณะนั้นที่ไฟไหม้บ้านเรือน ทรัพย์สมบัติที่เจ้าของเรือนหอบออกมาไว้ด้านนอกเท่านั้น จึงจะมีประโยชน์ ส่วนทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ในเรือนที่ถูกไฟไหม้หามีประโยชน์ไม่เพราะย่อมย่อยยับไปกับกองไฟ เพราะเหตุนี้ ผู้มีปัญญาพิจารณาเห็นสังขารนี้ ที่ถูกไฟราคะ โทสะ โมหะ เผาไหม้อยู่ ถูกไฟคือ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เผาไหม้อยู่ เป็นเสมือนเรือนที่ถูกไฟไหม้ จึงรีบขนทรัพย์สมบัติออกไว้นอกเรือนด้วยการแปรทรัพย์ภายนอกให้เป็นทรัพย์ภายในที่ไฟไหม้ไม่ได้ เขาย่อมใช้สอยทรัพย์ภายในนั้นทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า"
 
 
อิติ สุคคะโต อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ  ฐิตคุโณ อาจาริโย จะมหาเถโร
มหาลาโภ สัพพะสุขขัง จะมหาลาภัง สัพพะโภคัง สัพพะธะนัง ภะวันตุเม

ออฟไลน์ พาหุง

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 339
  • เพศ: ชาย
  • ศรัทธา วัดบางพระ
    • MSN Messenger - athiphong90@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: พระอาจารย์ ของโจรตี๋ใหญ่
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 27 ก.ย. 2550, 08:09:48 »
ขอบคุณที่นำมาให้อ่าน น่ะพี่ๆ..... :054: :054:
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ� สูงต่ำอยู่ทำตัว

ออฟไลน์ MARILYN MANSON

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 62
  • เพศ: ชาย
  • คงกระพันหรือจะสู้คุณงามความดี
    • MSN Messenger - gupet_bj93@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: พระอาจารย์ ของโจรตี๋ใหญ่
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 09 ต.ค. 2550, 11:59:16 »
ที่ตี๋ใหญ่รอดชีวิตมาหลายครั้งก็เพราะตระกุดข้อมือที่หลวงพ่อมาลัยให้ตี๋ใหญ่ ตระกุดรุ่นนี้ชือตระกุดตี๋ใหญ่ครับ ผมอ่านมาจากหนังสือพระ
คนเราจะดีจะชั่วไม่ได้อยู่ที่การสักยันต์หรือใส่พระแต่ขึ้นอยู่กับจิตสันดานของคนนั่นๆ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

ออฟไลน์ ~KittY~

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 152
  • เพศ: ชาย
  • ชมรมคนรักพ่อแก่
    • MSN Messenger - superkidman@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: พระอาจารย์ ของโจรตี๋ใหญ่
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 14 พ.ย. 2550, 10:51:47 »
สาธุ
ที่ไหนมีรัก ที่นั้นมีทุกข์ จัยขื่นขม ชัวนิรันณ์

http://www.acccomp.ath.cx/meu/
                 ชมรมคนรักพ่อแก่

ออฟไลน์ dayinwza120

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 89
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: พระอาจารย์ ของโจรตี๋ใหญ่
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 29 เม.ย. 2551, 10:19:08 »
พี่ตี้ใหญ่เป็นโจรจริงหรอพี่
บอกผมหน่อย
ไม่มีสิ่งใดเหนื่อกว่าใจของเรา
เวรย่อมระงับได้ด้วยกำลังแห่งความอดทน
จะดีจะชั่ว อยู่ที่ ตัวทำ
จะสูงหรือต่ำ อยู่ที่ ทำตัว

ออฟไลน์ เด็กยะลาใจดี

  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 36
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: พระอาจารย์ ของโจรตี๋ใหญ่
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 29 เม.ย. 2551, 10:36:38 »
ขอบคุญ

ที่มีของดีดี

มาให้อ่านคับ :-*