ขอแสดงความคิดเห็นด้วยคนนะครับ
ผมก็เป็นคนที่สักมาเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ในความคิดผมไม่น่าจะผิด หรือกลัวของจะเสื่อมนะครับ มนุษย์เราต้องมีการสืบพันธุ์ต้องมีกิจกรรมเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว แต่ที่พวกพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆกล่าวมาทั้งหมดก็ถูกทั้งหมดครับ แต่เราลองยกตัวอย่าง ถ้าพี่ๆท่านใดเคยผ่านการบวชพระมาแล้วในพระพุทธศาสนาเค้าก็ยังมีกฏและขอยกเว้นอยู่ใช้มั้ยครับคือทุกๆวัน กิจของสงค์จะ อาบัต หรือ ไม่อาบัต โดยเจตนา หรือ ไม่เจตนา ก็ยังสามารถอนุโลมได้ หรือภาษาพระเรียกว่า ปรงอาบัต(เป็นการเปรียบเทียบถ้าไม่สมควรก็ช่วยตักเตือนด้วยนะครับ)
ฉะนั้นเรื่องที่ว่าขึ้นได้-ขึ้นไม่ได้ เสื่อม หรือไม่เสื่อมก็น่าจะมีการยกเว้นเช่นกันครับ ผู้ที่รักษากฏของครูอาจารย์อย่างเคร่งครัดก็ทำดีอยู่แล้วครับ ส่วนที่เผลอ หรือ ไม่ได้เจตนาหรือผู้ที่มีการครอบครูมาแล้วนั้นก็ยังสามารถกลับไปให้ครูหรืออาจารย์ของท่าน ท่าน ครอบใหม่ก็ได้ครับอยู่ที่ว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นผิดคำสอนข้อห้ามของครู อาจารย์ท่านหรือเปล่า(ถ้ามีขอความที่ไม่เหมาะสมก็ขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
-อาย ครู บ่ รู้วิชา-
-อาย ภรรยา บ่ มีบุตร-
การปลงอาบัติของพระ ...จิงๆแล้ว คือการประกาศตนว่าได้กระทำความผิดมาแล้ว แล้วก็จะไม่ทำผิดอีก
ไม่ใช่ทำแล้ว ทำอีก ก็ไปปลงอีกนะครับ การปลงอาบัติไม่ใช่การล้างบาป (มันไม่หลุด) นะครับอย่าเข้าใจผิด
ในความหมายของพี่พูดมา....ความหมายเหมือนการ
(หลีกเลี่ยงบาลี)นะครับ ........ คงเข้าใจนะครับ และชี้ให้ถูกต้อง
(เรื่องนี้สมัยพุทธกาล หากมีผู้อาบัติ ต้องประกาศให้ผู้อื่นรู้ เพื่อให้เกิดความอับอายและไม่ทำอีก)
ถ้าไม่งั้น ..หากผู้ทำผิดแล้ว ก็จะทำผิดอยู่เช่นนั้น ไปปลงก็คงหลุดหมด ...มานไม่หลุดนะครับ
ไม่งั้นจะเป็นการเข้าใจผิดกัน ครับ อย่าเข้าใจผิด เกี่ยวกับพระธรรมวินัย ครับ .....
หากตอนนี้เราเป็นฆาวาสแล้ว ควรถือศิล 5 ครับ ถ้า 8 ได้ยิ่งดี ครับ .....
เราควรช่วยกันดูแลพุทธศาสนา ไปในทางที่ถูกต้องนะครับ ช่วยๆกันหน่อย
ปัจจุบัน มีผู้คิดแบบนี้หละครับ ผิดแล้วไม่เป็นไร เดี๋ยวไปปลงอาบัติก็หลุด ก็ทำผิดซ้ำซากอยู่แบบนี้
ซึ่งศิลบางข้อ ทางพระโทษเบา ....ทางโลกโทษหนัก ก็ถือต้องให้สึกครับ .........
ทางที่ดี อะไรไม่ดีก็อย่าไปทำเลย หากผิดไปก็เริ่มใหม่และพยายามไม่ทำอีก............จะดีที่สุดครับ
ผมอยากให้ทุกคนหันมาช่วยกันดูแล นะครับ อะไรไม่ดีเห็นแล้วก็ต้องช่วยกัน ครับ (ขอบคุณครับ)