ขอบคุณที่มา (ดาวน์โหลดไว้อ่านได้เลย)
http://www.fungdham.com/download/book/article/cha/004.pdf
2...
เบื้องแรกก็รูจากการไดฟงที่เรียกวา สุตมยปญญา การไดฟง การไดยินอันนี้ก็เปนเหตุใหรูเปนเหตุใหเกิดปญญาเชนวา สมมติวาวันนี้เราเพิ่งไดยินวาสีขาว แตกอนนี้เราไมเคยไดยิน ที่นี้เมื่อเรารูวาสีขาวมันเปนเชนนี้เราก็คิดไปอีก สีอื่นจะไมมีหรือ หรือสีขาวจะแปรเปนสีอื่นจะไดหรือไม เปนตนนี่เรียกวา จินตามยปญญา หรือวาเราคิดไป ก็ไปคิดลองดูเอาสีดํามาปนในสีขาว มันก็เกิดเปนสีอื่นขึ้นมาอีก เปนสีเทาอยางนี้เปนตน การที่เราจะไดรูจักสีเทาตอไปนั้น ก็เพราะวาเรา คิด ปญญาเกิดจากการคิด การวิพากษวิจารณเราเลยรูสูงขึ้นไปกวาสีขาว รูสีเทาเพิ่มขึ้นไปอีก ปญญาเกิดจากสิ่งทั้งสองนี้
นี้เปนปญญาที่เปนโลกียวิสัย ซึ่งชาวโลกพากันเรียนอยูทั้งเมืองไทย จะไปเรียนนอกมาก็ตาม มันก็คงอยูในสุตมยปญญา จินตามยปญญาเทานั้น อันนี้เปนโลกียวิสัย พนทุกขไมไดพนทุกขไดยาก หรือพนไมไดเลยทีเดียว เพราะเมื่อรูสีขาว สีเทาแลว ก็ไปยึดมั่น(อุปาทาน) ในสีขาว สีเทาอันนั้น แลวจะปลอยวางไมไดเชนวา เราเกิดอารมณขึ้นมา ไดยินเขาวาเราไมดีเรียกวานินทา อดเสียใจไมไดอดนอยใจไมไดเขาไปยึดมั่นถือมั่น
(อุปาทาน) ในอารมณอันนั้น เปนเหตุใหเกิดทุกขขึ้นมาเพราะ อุปาทาน นี้เรียกวาการรูหรือการเห็นจากการไดฟง มันจะพนทุกขไมไดหรือวาเขาสรรเสริญเรา มันอดดีใจไมไดแลวก็เขาไปยึดมั่นถือมั่นในความดีนั้นอีก ไมไดตามปรารถนาแลวก็ทุกขอีก สุขแลวก็ทุกขทุกขแลวก็สุข ดีแลวก็ชั่ว ชั่วแลวก็ดีเปนตัววัฏฏะหมุนเวียนเปลี่ยนแปรไปไมจบ อันนี้เปนโลกียวิสัย เชนที่ปรากฏอยูในโลกทุกวันนี้เราเคยรูเคยเห็น จะเรียนไปถึงที่สุด
อะไรที่ไหนก็ตาม มันก็ยังทุกขเอาทุกขออกจากตัวไมไดนั่นเปนปญญาโลกียละทุกขไมไดไมพนจากทุกขความร่ํารวยเศรษฐีหรือมหาเศรษฐีที่อยูในโลกนี้มันก็ไมพนจากความทุกขเพราะมันเปนโลกียวิสัย ปญญาทั้งสองประการนี้ทานยกใหโลก ปกครองกันอยูในโลก วุยวายกันอยูในโลก ไมมีทางจบ ถึงแมจะจนมันก็ทุกขถึงแมจะรวยแลวมันก็ยังทุกขอยูอีก ไมพนไปจากทุกข
ปญญาโลกุตตระที่จะเกิดขึ้นมาตอไป เปนความรูของพุทธศาสนา ซึ่งเปนโลกุตตระ พนจากทุกขพนจากวัฏฏสงสาร อันนี้ทานพูดถึงการอบรมจิตใจ (ภาวนา) ไมตองอาศัยการฟง ไมตองอาศัยการคิด ถึงฟงมาแลวก็ดีถึงคิดมาแลวก็ดีเมื่อภาวนาทิ้งมัน ทิ้งการฟงไวทิ้งการคิดเสียเก็บไวในตูแตมาทําจิต (ภาวนา) อยางที่พวกเรามาฝกกันอยูทุกวันนี้หรือเรียกวาทํากรรมฐาน ที่โบราณาจารยทั้งหลายทานแยกประเภทสวนแหงการกระทํา แยกขอประพฤติปฏิบัติเรียกวา สมถกรรมฐาน และวิปสสนากรรมฐาน
สมถวิปสสนาเปนแนวทางที่ใหพวกเราทั้งหลายปฏิบัติใหเปนโลกุตตรจิต ใหพนจากวัฏฏสงสาร เชนวาเรานั่ง ไมตองฟง และไมตองคิด ตัดการฟง ตัดการคิดออกและยกสวนใดสวนหนึ่งขึ้นพิจารณา เชน เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ หรือเรายกอานาปานสติ
คือ หายใจเขานึกวา พุท หายใจออกนึกวา โธ ในเวลาที่เราทํากรรมฐานอยูนั้นในเวลาที่เรากําหนดลมอยูนั้น ทานไมใหสงจิตไปทางอื่น ใหกําหนดรูลมหายใจเขาออกอยางเดียว ออกไปแลวเขามา เขามาแลวก็ออกไป ไมตองอยากรูอะไรมาก ไมตองอยากเห็นอะไรตอไป ใหจิตของเรารูเฉพาะลมที่มันเขาหรือมันออก เรียกวาการกําหนดลม เปน อานาปานสติ
การกําหนดลมนี้บางคนกําหนดไมไดการกําหนดลมเราจะตองเอาสภาวะที่มันเปนอยู
หายใจเขา ยาว หายใจออก สั้น เทาไร อันนั้นไมเปนประมาณ เปนประมาณที่วามันสบาย
อยางไร หายใจแรงหรือมันคอย หรือมันยาว หรือมันสั้น เราจะตองทดลองหายใจดูมัน
ถูกจริตที่ตรงไหน มันสบายอยางไร ลมไมขัดของ จะกําหนดตามลมก็สบายสะดวก
ตัวอยางเชน เราฝกเย็บผาดวยจักร เราก็ควรเอาจักรมาลองเอาเทาเราถีบจักรเขา ถีบจักร
เปลายังไมตองเย็บผา ใหมันชํานาญเสียกอน เมื่อเทาเราชํานาญพอสมควรแลวคอยเอาผา
มาใส เย็บไปพิจารณาไป
การกําหนดลมหายใจนี้ก็เหมือนกัน ก็หายใจเบาๆ เสียกอน ไมตองกําหนดอะไร มันยาว มันสั้น มันหยาบ มันละเอียด มันสบายอยางไร อันนั้นเปนจริตของเรา ความพอดีของมันนั้น ไมยาว ไมสั้น พอดีเรากําหนดเอาอันนั้นเปนประมาณ นี้เรียกวาใหกรรมฐานถูกจริต แลวคอยๆ ปลอยลมออกไป แลวก็สูดลมเขามา เราจะกําหนดวา เมื่อลมเขาตนลมอยูปลายจมูก กลางลมอยูหทัย ปลายลมอยูสะดือ เมื่อเราหายใจออก ตนลมอยูสะดือกลางลมอยูหทัย ปลายลมอยูจมูก ใหเรากําหนดอยางนี้เสียกอน แลวก็สูดลมเขาผานปลายจมูก หทัย สะดือ เมื่อออกตั้งตน สะดือ หทัย ปลายจมูก เปนตน ทําอยูแตอยางนี้แหละ ไมตองสนใจอื่น
เมื่อเวลาเราทํา (สมถ) กรรมฐาน คือกําหนดลมไมตองพิจารณาอะไร เอาสติประคองจิตของเรา ใหรูตามลมเขาออกเทานั้น ไมตองสนใจอยางอื่น ไมตองพิจารณาอยางอื่นลมก็สบายไมขัดของ ลมเขาก็สบาย ลมออกก็สบาย เอาความรูสึกที่เรียกวา สติสติตามลม สวนสัมปชัญญะก็รูอยูวาสติเราตามลม ขณะที่เรากําลังทําอยูนั้น มีสติแลวก็มีลมมีสติตามลม เราจะมองดูในที่อันนั้น เราจะรูลม เห็นลม วามันยาวสั้นประการใด เห็นลมและมี
สติอยูวาเรารูลม แลวก็เห็นจิตของเราตามลม เห็นทั้งลม เห็นทั้งสติเห็นทั้งจิต 3 ประการรวมกัน หายใจเขาก็รวม หายใจออกก็รวม รูสึกอยูอยางนี้มันจะเปนอะไรบางตอไป อยาคิดไป มันจะมีอะไรบางตอไป อยาคิดไป ทําอยางนี้มันจะดีจะเปนอยางไรตอไปไมตองคิด เรียกวากําหนดลมเขาออกสบาย