แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - นรก

หน้า: [1]
1
อยากทราบรายละเอียด ทั้ง 3 องค์ ว่า รุ่นไหน ปีอะไร แท้ทั้ง 3 องค์ รึป่าวครับ

2
องค์ที่ 3.ด้านหน้า

องค์ที่ 3.ด้านหลัง

3
องค์ที่ 2.ด้านหน้า

องค์ที่ 2.ด้านหลัง

4
องค์ที่ 1.ด้านหน้า

องค์ที่ 1.ด้านหลัง







5
อยากทราบว่าเป็น รุ่นไหน ปีอะไร ครับ แท้หรือป่าวครับ :058:
ขอบคุณมากครับ :054:

องค์ที่ 1. ด้านหน้า
D:\40-109\รูป12ล้าน\DSCF0184.JPG

องค์ที่ 1.ด้านหลัง
D:\40-109\รูป12ล้าน\DSCF0183.JPG

องค์ที่ 2.ด้านหน้า
D:\40-109\รูป12ล้าน\DSCF0191.JPG

องค์ที่ 2.ด้านหลัง
D:\40-109\รูป12ล้าน\DSCF0191.JPG

องค์ที่ 3.ด้านหน้า
D:\40-109\รูป12ล้าน\DSCF0185.JPG

องค์ที่ 3.ด้านหลัง
D:\40-109\รูป12ล้าน\DSCF0187.JPG

6
ใครทราบประวัติพระองค์นี้ ช่วยบอกผมด้วยนะครับ :086:

7



ภาพบนเสือลืมตานะครับถ่ายกล้องโทรศัพท์มือถือเลยไม่ชัด ด้านล่างเขียนว่า หลวงพ่อเปิ่น

ภาพล่าง ด้านล่างเขียนว่า    ไตรมาศ40
                               วัดบางพระ นครปฐม
 :054:

8
เป็นของ หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลย

ท่านกล่าวไว้ว่า...อย่ากินของร้อน (ราคะ โทสะ โมหะ)
                  ...อย่านอนบนไฟ (โลภ โกรธ หลง)
                  ...ให้ไปอย่างแร้ง (ไม่ยึดติด ไม่สะสม)
                  ...แสวงหาบริสุทธิ์ (ของที่ชอบธรรม)
กิเลสตัณหาทั้งหลาย ล้วนเป็นของร้อน เป็นไฟเผาไหม้อยู่ภายในจิตในใจของเราเสมอมา ใจเรารุ่มร้อนกระวนกระวายเพราะกิเลสตัณหา
ความอยากมีอยากได้ ความพอใจและไม่พอใจในสิ่งที่มี การยึดถือในตนเองจนมากเกินไป ความรัก ความใคร่ ความลุ่มหลง เสน่หา
ล้วนแล้วแต่พาให้ใจเรารุ่มร้อน เหมือนมีไฟมาสุมอยู่ในใจเรา
พยายามเตือนตน เตือนจิต ปรับความคิด ยกเอาการประพฤติปฏิบัติของหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ท่านทั้งหลายมาเป็นแบบอย่าง
ปรับให้เข้ากับตัวเราเพื่อความเหมาะสมในการประพฤติปฏิบัติธรรม แบบอย่างที่ดีมีอยู่มากมายที่จะให้เราได้ศึกษาและเรียนรู้ดูเป็นตัวอย่าง
การประพฤติปฏิบัติตนของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นพระภิกษุตามแนวทางปฏิปทาของครูบาอาจารย์ก็คือ...มีน้อยใช้น้อย มีมากเอาไว้สงเคราะห์
ผู้ที่ไม่มี อยู่ไปตามมีตามได้ พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ไม่ร้องขอใคร ยินดีกับความเพียรเพื่อหวังความพ้นทุกข์....
 ...เคารพศรัทธาในคำครู ที่สอนให้รู้ถึงความพอดีและความเพียงพอ...

(เหมือนกันครับ)
 :080:

9
ใครมีช่วยรบกวนทีครับ ผมอยากรู้

10
อยากทราบว่า "ลูกประคำ" ที่ขาดแล้วจะมาใส่ได้อีกรึเปล่าครับ พุทธคุณจะเหมือนเดิมรึป่าวครับ  :054:

11


พระพิฆเนศ เป็นเทพเจ้าองค์สำคัญของอินเดีย สืบทอดมายังไทยมาอย่างยาวนาน จนปฏิเสธไม่ได้ว่า แทบจะไม่มีคนไทยคนไหนที่ไม่รู้จัก พระพิฆเณศ เลยก็ย่อมจะว่าได้

 ในประเทศไทย มีการพบเห็นรูปเคารพขององค์พระพิฆเณศมาช้านาน ทั้งของเก่า และของใหม่ โดยเฉพาะในวงการพระเครื่องนั้น รูปเคารพของท่านถือได้ว่า เป็นหนึ่งในความนิยมของนักสะสม เทวรูป พระบูชา เพราะว่ารูปเคารพของพระพิฆเณศที่พบในบ้านเรา มีมากหลายสมัย

 ก่อนที่จะกล่าวถึงว่า เราพบแบบไหนกันบ้าง เรามารู้จักองค์ท่านกันก่อน




พระคเณศ หรือ พระพิฆเณศ เป็นเทพเจ้าแห่งปัญญาองค์ความรู้ และช่วยปัดเป่าเรื่องราวที่ขัดข้องทั้งปวง ท่านทรงเป็นพระโอรสของพระอิศวร กับพระนางอุมา โดยตำนานกล่าวว่า พระพิฆเณศเกิดจากเหงื่อไคลของพระนางอุมา

 ลักษณะของพระพิฆเณศ มีรูปกายแบบมนุษย์อ้วนเตี้ย ท้องพลุ้ย มีเศียรเป็นช้าง นุ่งห่มสีแดง ในพระหัตถ์ (มือ) นิยมถือสิ่งของต่างๆ เช่น บ่วงบาศ, งาข้างที่หัก, ชาม, ขนมต้ม, หม้อน้ำอ้อย, ขนมโมทกะ, ดอกบัว ฯลฯ? ?ซึ่งแต่ละพระหัตถ์ทรงถือสิ่งของเพียง ๑ อย่าง บางรูปเคารพจึงสร้างพระพิฆเณศเป็น ๒ กรบ้าง ๔ กรบ้าง ๘ กรบ้าง ทรงมีมูสิกะ (หนู) เป็นพาหนะ

ในเรื่องที่ พระพิฆเณศมีเศียรเป็นช้าง นั้น มีหลายตำนาน แต่ที่กล่าวถึงมากที่สุด มี ๒ ตำนาน คือ




ครั้งหนึ่ง พระอิศวร ทรงบรรทมอยู่ เมื่อถึงเวลาที่จะทำการเกศากันต์พระคเณศ พระอินทร์ จึงปลุกโดยทรงเป่ามหาสังข์เป็นบทสรรเสริญ ทรงตื่นจากบรรทม จึงทรงถามว่า โลกมีเหตุประการใด พระอินทร์ทูลว่า เชิญเสด็จไปเจริญพระเกศาพระพิฆเณศ จึงได้พลั้งพระโอษฐ์ไปว่า "ลูกหัวหาย จะนอนหลับให้สบายก็ไม่ได้" แล้วทรงเสด็จมา

 เมื่อสิ้นประโยค เศียรของพระพิฆเนศก็ขาดออกจากพระวรกาย จึงต้องรับสั่งให้พระวิศวกรรม (วิษณุกรรม) ไปหาศีรษะในโลกมนุษย์ โดยตัดเอาศีรษะมนุษย์ที่ตายเฉพาะในวันนั้น พระวิศวกรรมหาทั่วทั้งโลกก็ไม่ได้

 เมื่อตอนเสด็จกลับ เห็น ช้าง ตัวหนึ่งนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก พระวิศวกรรมเลยตัดเอาหัวช้างนั้นไปถวายพระอิศวร จึงต่อเศียรนั้นเข้ากับองค์พระพิฆเนศ? ทำให้พระพิฆเนศมีเศียรเป็นหัวช้าง และด้วยคตินี้ จึงเกิดความเชื่อที่ว่า การนอนเอาศีรษะไปทางทิศตะวันตก เป็นเสนียดอัปมงคล

 ส่วนอีกตำนานกล่าวไว้ว่า พระนางอุมา มเหสีของพระอิศวร ทรงเห็นว่า คนใกล้ชิดพระนางทรงมีแต่เป็นบริวารของพระอิศวรทั้งสิ้น จนคราวหนึ่ง เมื่อนางทรงสรงน้ำ จึงนำเอาเหงื่อไคลของพระนางมาสร้างเป็นบุรุษรูปงาม

 ลำดับนั้นจึงทรงให้เฝ้าหน้าทวาร ห้ามมิให้ใครเข้ามาโดยมิได้รับอนุญาต วันหนึ่งพระอิศวรทรงเสด็จมา ขณะพระนางอยู่ในห้องสรงน้ำพอดี บุรุษรูปงามนั้นจึงขวางหน้าทวาร

 พระอิศวรจึงพิโรธ ทรงให้เทวภูต และคณะของพระองค์สังหารทวารบาลผู้นั้น แต่ไม่มีใครเอาชนะได้เลย จึงต้องอัญเชิญพระวิษณุมาช่วย จนสามารถตัดเศียรของนายทวารผู้นั้นได้

 ทราบถึงพระนางอุมา จึงทรงพิโรธเข้าทำการรบพุ่งกับฝ่ายเทวะจนร้อนระอุไปทั่ว ในที่สุดพระฤษีนารัท ต้องมาอ้อนวอนให้พระนางอุมาเยือกเย็นลง พระอิศวรจึงมีเทวบัญชาให้นำศีรษะของสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกที่พบทางทิศเหนือ ซึ่งได้เป็นช้าง มาต่อเข้ากับพระศอของบุตรพระนางอุมา

 หลังจากนั้น พระองค์ทรงประสาทพรให้พระพิฆเนศ มีอำนาจเหนือภูตเทวดาทั้งหลาย จนพระพิฆเนศมีหลายพระนาม เช่น คชานนะ เอกทันตะ คณปติ ฯลฯ

?

 จากตำนานอันมหัศจรรย์ และความศักดิ์สิทธิ์ของพระพิฆเนศวร จึงให้เกิดรูปเคารพของท่านมาช้านาน ตั้งแต่ในแบบของอินเดียยุคต้น อายุหลายพันปี แต่ที่มาพบมากในบ้านเรา มักเป็นยุคของขอมบายน มักจะทำด้วยสัมฤทธิ์ มีสนิมเป็นสีเขียว หรือที่เรียกว่า สัมฤทธิ์สนิมหยก หรือที่เราเรียกกันในวงการพระว่า "สมัยลพบุรี"

 สมัยลพบุรีนั้นได้รับอิทธิพลช่างขอม จากกัมพูชา มีพบมากในท้องถิ่น ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของไทย แต่มากสุดเป็นภาคกลาง ในจ.ลพบุรี, สุพรรณบุรี ซึ่งคาดว่า ลพบุรีน่าจะเป็นราชธานีของอุปราชจากเมืองเขมร

 พระพิฆเณศ ที่สร้างในยุคนี้ มีทั้งแบบทรงเครื่อง ตามแบบฉบับศิลปะของลพบุรี และไม่ทรงเครื่อง วงการพระเราเรียกว่า "ตัวเกลี้ยง" แต่ไม่ว่าแบบไหน เรามักพบว่า สร้างจากเนื้อสัมฤทธิ์ สนิมหยก ทั้งสิ้น

 พระพิฆเนศสมัยลพบุรีนี้ ยังส่งผลให้ศิลปกรรมพระพิฆเนศในยุคของสุโขทัย และอยุธยา ได้รับอิทธิพลของการทรงเครื่องต่อเนื่องมาอีกด้วย

 ส่วนวัตถุมงคลขนาดห้อยคอได้ ที่พบเห็น และนิยมในวงการพระเครื่อง ได้แก่ พระบูชาพระพิฆเนศ ขนาดหน้าตักเล็กๆ ขนาด ๑-๒ นิ้ว ทั้งแบบลอยองค์ และแบบครึ่งซีก พบมากในสมัยลพบุรี และอยุธยา

 - พระรูปลอยองค์ พระพิฆเนศ หลังดอกจัน เนื้อโลหะ ของ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพระเครื่องที่ขุดพบที่เมืองนครศรีธรรมราช และบริเวณใกล้เคียง

 - พระรูปลอยองค์พระพิฆเนศ ของเจ้าคุณศรีฯ (สนธ์ ยติธโร) วัดสุทัศนฯ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๕ เนื้อสัมฤทธิ์ออกสีเหลือง มีทั้งแบบ ๔ กร และแบบ ๒ กร

 และที่เป็นที่น่าสนใจในขณะนี้อีก ๒ รุ่น คือ ๑.ของบริษัท เวิร์คพอยท์ คุณปัญญา นิรันดร์กุล เป็นเหรียญ และรูปหล่อยืนแบบลอยองค์? ๒.พระพิฆเนศ ที่กำลังจัดสร้างโดย บริษัทเอเชียเทเลวิชั่น แอนด์มีเดียจำกัด ของ คุณยุวดี บุญครอง ซึ่งมีทั้งขนาดบูชา ขนาดเล็กห้อยคอ และพระผง ทั้ง ๒ รุ่นนี้กำลังเป็นที่สนใจของวงการพระเครื่องในเวลานี้เป็นอย่างมาก

 สุดท้าย ขอนำเสนอบทสวดขอพรจาก พระพิฆเนศให้กับท่านผู้อ่านทุกๆ ท่าน ดังนี้ 


"โอม คะชาชะมัน ภูตะคะณาธิเสวิตัม กะปิตะถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม โสกะวินาศะการัมกัม นะมามิ วิฆเนศวะระปาทะปัมกะชัม"

13
ก็ไม่ได้ห้ามนิครับเพียงเป็นคำสอนคำแนะนำ 

15

พระครูปิยนนทคุณ หรือ หลวงปู่แย้ม ปิยวณฺโณ เจ้าอาวาสวัดตะเคียน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เจ้าตำรับ "ตะกรุดคลองตะเคียน" ได้รับการถ่ายทอดพุทธาคมจาก หลวงพ่อฉายวัดทุ่งสองห้อง สอนเรื่องยันต์และคาถาอาคม จนมีความรู้ความเชี่ยวชาญมาก โดยเฉพาะเรื่องของคนที่ถูกคุณไสย ถูกผีเข้า ไปหาท่านจะหายเป็นปลิดทิ้ง จนเป็นเรื่องเล่าขานที่แฝงไว้ด้วยความมหัศจรรย์ยิ่ง


"แย้ม ปราณี" เป็นชื่อและสกุลเดิมของหลวงพ่อแย้ม เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๕๙ ที่ ต.เจ็ดริ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร บิดาชื่อ เพิ่ม มารดาชื่อ เจิม

อายุครบ๒๐ ปี อุปสมบทตามประเพณี และเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้มารดาที่ล่วงลับไปแล้ว ที่วัดหลักสองบำรุงราษฎร์ มี พระครูคณาสุนทรนุรักษ์เจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้วเป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการเหลือ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ชื่นเป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาว่า "ปิยวณฺโณ"




พรรษาที่๒  หลวงพ่ออาพาธหนัก ต้องกลับไปรักษาตัวที่บ้านด้วยยาต้มแผนโบราณ หายดีแล้วจึงกลับไปอยู่วัดตามเดิม ต่อมาท่านจึงได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณจนแตกฉาน รักษาชาวบ้านจนมีชื่อเสียงโด่งดัง 

ประมาณพรรษาที่๑๐ หลังจากเรียนคาถามาจากหลวงพ่อสาย วัดหนองสองห้อง จ.สมุทรสาคร ท่านบอกว่าใช้เวลาเรียนไม่นาน  เนื่องจากวิชาที่เรียนมีมากจึงเลือกเรียนเพียงบางอย่างเท่านั้น  ถ้าเรียนทุกอย่างคงไม่ไหว เพราะวิชามันเยอะแยะ  ท่านจึงเลือกเรียนวิชาทำตะกรุด เพราะเอาไว้ป้องกัน และรักษาตัว จากภัยอันตราย วัดตะเคียนเมื่อสมัยก่อนเป็นป่าสวนส้มเขียวหวานเกือบทั้งหมด ถนนหนทางไม่สะดวกสบายเหมือนสมัยนี้

อักขระที่หลวงพ่อใช้ลงจารใน "ตะกรุดคลองตะเคียน" คือคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ หรือเรียกว่า "แม่ธาตุใหญ่" ซึ่งมีพุทธคุณเหนือยันต์ทั้งปวง รวมทั้งความเชื่อสืบต่อกันว่า ผู้ใดที่ท่องหรือบริกรรมพระคาถาบทนี้ด้วยจิตอันสงบและมั่นคงแล้ว จะมีพุทธคุณคุ้มครองครอบจักรวาล 

หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มีพุทธคุณครบทุกด้าน เช่นเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย

การดำน้ำเพื่อจารตะกรุดหลวงพ่อบอกว่ายันต์ที่จารมีตัวเดียว คือ "ยันต์มหาเบา" เป็นตำราจากหลวงพ่อสาย วัดหนองสองห้อง กับ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า 

นอกจากนี้ยังมีคาถาที่เรียนมาจากอาจารย์ท่านอื่นๆอีกหลายท่าน ก็เรียนต่อๆ กันมา แล้วเอามาชนกัน บางทีก็ทำให้คาถาแตกต่างจากเดิมไปบ้างเล็กน้อย

พุทธคุณของยันต์มหาเบานั้นมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ทหารที่ออกทัพจับศึก รวมทั้งเสือร้ายที่ออกปล้นชาวบ้าน เมื่อถึงคราวเกิดเหตุจวนตัว จะใช้หัวแม่เท้าจิกลงบนพระแม่ธรณี (พื้นดิน) แล้วเขียนเป็นวงกลม เป็นยันต์มหาสูญ 

ระว่างที่เขียนก็บริกรรมคาถามหาอุด (อุดธังอัดโท หรือ โทอุดธังอัด) แล้วตามด้วยคาถาหัวใจพระแม่ธรณี (เม กะ มุ อุ) หากมีจิตที่เข้มแข็งและสงบนิ่ง เท่านี้ก็สามารถแคล้วคลาดจากอาวุธของศรัตรูได้

ยังมียันต์อีกตัวหนึ่งที่เขียนในลักษณะเดียวกับยันต์มหาเบา คือ ยันต์นอโมทั้งนี้ยันต์มหาเบาจะนิยมเขียนกันในหมู่พระเกจิอาจารย์ทางภาคกลางส่วนยันต์นอโมจะนิยมเขียนกันในหมู่พระเกจิอาจารย์ทางภาคใต้ ยันต์ทั้ง ๒ ตัวนี้มีพุทธคุณเด่นด้านมหาอุด แต่เขียนต่างกันคือ ยันต์มหาเบายันต์ที่เขียนไว้ในวงกลมคือ อัง ส่วนยันต์นอโม คือ นะ โดยมีการเขียนลากหางเป็นวงกลมปิด ส่วนจะกี่ชั้นนั้นไม่มีข้อกำหนดตายตัว

อุปเท่ห์การใช้ "ตะกรุด" หลวงพ่อแย้ม นอกจากข้อห้ามเรื่องด่าพ่อด่าแม่แล้ว สมัยก่อนยังห้ามรอดราวตากผ้า แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยถือกันแล้ว เพราะบ้านยังมีการปลูกกันเป็นหลายๆ ชั้น อันนี้ก็ยกเว้นไปได้ สิ่งสำคัญอย่าทำความชั่ว และอย่าไปด่าพ่อด่าแม่เขา ไม่เช่นนั้นความขลังของ "ตะกรุด"  จะเสื่อมทันที และไม่คุ้มครอง

เมื่อพ.ศ.๒๔๘๙ โยมลุงนิมนต์ท่านไปเป็นพระคู่สวดบวชลูกชายที่วัดตะเคียนซึ่งมีพระอยู่รูปเดียว พอบวชได้ ๗ วัน พระรูปนั้นก็มรณภาพ ท่านจึงต้องมาอยู่วัดตะเคียนแทน จนถึงทุกวันนี้

เนื่องจากหลวงปู่อายุมากสุขภาพไม่ค่อยดีนัก ทางวัดจึงเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาเข้ากราบไหว้ได้วันละ ๑ รอบเท่านั้น คือ เวลา ๑๖.๐๐-๑๘.๐๐ น. ส่วนวันพระงดให้เข้ากราบไหว้ ในขณะที่บางวันท่านได้รับกิจนิมนต์ปลุกเสกวัตถุมงคลนอกวัด เพื่อความสะดวกติดต่อสอบถามได้ที่ วัดตะเคียนถนนนครอินทร์(พระราม ๕) ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี  โทร.๐-๒๕๙๕-๑๘๕๑, ๐๘-๑๙๒๑-๐๙๔๖

16
ตระกรุหลวงพ่อจำลอง ของจริงกับของปลอม ทำเหมือนกันเลยครับดูยาก!!!! :058:

17
ผู้หญิงก็บูชาตระกรุดดำได้แต่หลวงพ่อท่านจะถามว่า จะเอาไปทำไม ถ้าไม่มีเหตุผลท่านก็จะให้สีแดงไป
ส่วนตระกรุดหนังกลองผมเคยถามคนใกล้ชิดมา เค้าบอกว่าไม่ใช่ของหลวงพ่อจำลอง และก็ไม่รู้ไปเอาหนังกลองมาจากไหน เพราะที่วัดก็ไม่ค่อยจะมีแต่ถ้าเช่าก็เอาไปให้หลวงพ่อปลุกเสกอีกที ส่วนร้านค้าข้างหน้าเล็กๆ หลวงพ่อจำลองท่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนการบูชาครูหวงพ่อท่านจะถามจะมีใครบูชาครูไหม ถ้าตองการหลวงพ่อท่านก็จะทำให้  :054:

18
ตระกรุดดำรู้สึกว่าไม่มีแล้วนะครับ

19
หมอดูคู่หมอเดา
สงสัยจะ สงหวังในสิ่งที่พี่กุ้งนึกเอาไว้!!!!?:004:

20
ผมว่าน่าจะเอามายิงกันใกล้ๆเลยนะครับ  ไม่น่าไปยิงไกลๆ :067:

21
ขอบคุณครับสำหรับคำตอบ :095:

23
คนมีของหรือคนเล่นของห้ามกินเนื้อหรอครับ? จริงไม่จริงช่วยบอกผมทีฮ่ะ? :025:

24
อยากมีเก็บไว้ซักองค์จังเลยครับ :095:

25
  :016: เยี่ยมครับ
แต่ผมว่าน่าจะไปโพสที่กระทู้ เกจิอาจารย์ นะครับ

26
ยินดีด้วยครับ - - นึกว่าพี่กุ๊งกิ๊ง :086:

27
แดงเก ดำดื้อ

31
นายปวิช วรัญญสาธิต กรรมการและเลขานุการมูลนิธิศรีรัตนโกสินทร์ฯ วัดสุทธาราม สำเหร่ กรุงเทพฯ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่มูลนิธิศรีรัตนโกสินทร์ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ครบรอบ 25 ปี ในวันที่ 14 ก.ค.2550 คณะกรรมการมูลนิธิฯ นำโดย พระครูไพศาลประชาทร เจ้าอาวาสวัดสุทธาราม ได้ขอรับพระราชทานจัดสร้างพระบรมฉายาลักษณ์ล็อกเกต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นมงคลที่ระลึกในโอกาสดังกล่าว บัดนี้การจัดสร้างเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังได้สร้างมงคลสักการะเหรียญพระพุทธรูปหลวงพ่อฉิม ด้านหลังอัญเชิญตราสัญลักษณ์ 80 พรรษา 60 ปีครองราชย์ประดิษฐานไว้ สำหรับการจัดสร้างพระบรมฉายาลักษณ์ล็อกเกต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองพระองค์ทรงสูทสากล ซึ่งได้รับพระบรมราชานุญาตเรียบร้อยแล้ว ด้านหลังบรรจุผงมวลสารมหามงคลที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานให้ ทั้งยังมีพระยอดธงบรรจุตรงกลางด้านหลัง เพื่อเป็นที่ระลึกให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าสร้างความดีถวายองค์ในหลวง

ทั้งนี้มูลนิธิฯได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ล็อกเกต และมงคลสักการะที่จัดสร้างในครั้งนี้ไปประกอบพิธีชัยมังคลาภิเษก ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งหลายวาระประกอบด้วย ครั้งที่ 1 พิธีจัดขึ้น ณ มณฑลพิธีวัดพระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน ครั้งที่ 2 วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ ครั้งที่ 3 วัดพระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร ครั้งที่ 4 วัดพระธาตุพนม จ.นครพนม ครั้งที่ 5 วัดพลับ จ.จันทบุรี ครั้งที่ 6 วัดพระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ครั้งที่ 7 ได้รับพระบรมราชานุญาตประกอบพิธี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง จัดขึ้นในวันที่ 7 มิ.ย.2550 โดยมี พลเรือโท หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัฒน์ เป็นประธาน นอกจากนี้วันที่ 8 มิ.ย.จะประกอบพิธีสมโภชชยมังคลาภิเษก ณ มรฑลพิธีวัดสุทธาราม โดยวัตถุมงคลรุ่นนี้ได้เฉลิมพระนามว่ารุ่น "มหาเศรษฐี 4 ทิศ ทั้งนี้วัตถุมงคลทั้งหมดที่จัดสร้างขึ้นไม่มีการเปิดสั่งจอง กำหนดเปิดให้บูชาที่วัดสุทธาราม สำเหร่ ซอยตากสิน 19 กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.2550 เป็นต้นไป
? :054: :054: :054:

32
พระนาคปรก เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะนั่งสมาธิ และมีพญานาคแผ่หัวเป็นพังพานขึ้นจากไหล่ไปปรกพระเศียรของพระพุทธรูป แต่เดิมทำเป็นรูปพญานาคเป็นมนุษย์ มีรูปงู ๗ หัว เป็นพังพานขึ้นจากไหล่ไปปรกพระเศียร ในกิริยาที่พญานาคทำท่านมัสการพระพุทธเจ้า

ต่อมาภายหลังทำพญานาคเป็นรูปงูขดตัวเป็นฐานตั้งพระพุทธรูปนั่งสมาธิบนตัวพญานาค และมีพังพานและหัวของพญานาค ๗ เศียรปกอยู่

ในพุทธประวัติ เขียนไว้ว่า หลังจากที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ พระองค์ท่านแปรที่ประทับเพื่อเสวยวิมุติสุขยังสถานที่ต่างๆ ในอาณาบริเวณที่ไม่ห่างจากต้นพระศรีมหาโพธิ์นัก โดยประทับแต่ละที่สัปดาห์ละ ๗ วัน และในสัปดาห์ที่ ๓ ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงประทับ ณ ใต้ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาประทับอยู่ที่นี่ ได้บังเกิดมีฝนและลมหนาวตกพรำตลอด ๗ วันไม่ขาดสาย ?

ผู้รจนาปฐมสมโพธิแต่งเล่าเรื่องไว้ว่า พญานาคชื่อ "มุจลินท์" ขึ้นจากสระน้ำที่อยู่ในบริเวณแห่งเดียวกันนี้ เข้าไปวงขนด ๗ รอบ แล้วแผ่พังพานปกพระพุทธเจ้า เพื่อป้องกันลมฝนมิให้พัดและสาดกระเซ็นมาต้องพระวรกาย ครั้นฝนหาย ฟ้าสาง พญานาคจึงคลายขนดออก แล้วจำแลงเป็นเพศมาณพยืนเฝ้าพระพุทธเจ้าทางเบื้องพระพักตร์

พระนาคปรก ที่ปรากฏในสยามประเทศสามารถจำแนกได้ดังนี้ ๑. พระพุทธรูปปางนาคปรกศิลา นิยมสร้างในสมัยทวารวดี, ลพบุรี ฯลฯ ๒. พระพุทธรูปปางนาคปรก ปูนปั้น นิยมสร้างในสมัยสุโขทัย และเป็นศิลปะล้านช้าง ฯลฯ ๓. พระพุทธรูปปางนาคปรก เนื้อโลหะ นิยมสร้างในสมัยศรีวิชัย ลพบุรี และรัตนโกสินทร์

พระพุทธรูปปางนาคปรก องค์สำคัญในสยามประเทศ พอประมวลสรุปได้ดังนี้ ?

๑.พระพุทธชินสีห์มุนีนาถ อุรคอาสนบัลลังก์ อุทธังทิศภาคนาคปรก ดิลกภพบพิตร พระพุทธปฏิมากรประธานในพระวิหารทิศตะวันตกมุขหน้า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ ๒.พระพุทธอังครีรสมุนีนารถ อุรคอาสนอำไพ วัดเศวตฉัตรวรวิหาร กรุงเทพฯ ๓.พระนาคปรกศิลา ในพระพุทธเจดีย์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพฯ (จำนวน ๔ องค์) ๔.หลวงพ่อนาค พระนาคปรกศิลา วัดราชาธิวาส (สมอราย) กรุงเทพฯ

๕.หลวงพ่อศิลา พระนาคปรกศิลาสีเทา วัดทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ๖.หลวงพ่อนาค พระนาคปรกศิลา วัดโพธิ์ศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ๗.หลวงพ่อนาค พระนาคปรก วัดโพธิ์ชัยศรี ต.หนองแวง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ๘.พระลอย พระพุทธรูปนาคปรกศิลา วัดพระลอย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ๙.พระนาคปรกศิลา วัดบางขันแตก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม

๑๐.พระนาคปรก วัดนาคปรก กรุงเทพฯ ๑๑.หลวงพ่อบุญมี พระนาคปรกศิลา วัดซับจำปา อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี ๑๒.หลวงพ่อนาค พระนาคปรกศิลา วัดโคก อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ๑๓.หลวงพ่อนาค พระนาคปรกศิลา สีเขียวอมชมพู วัดสรรเพชญ อ.สามพราน จ.นครปฐม ๑๔.พระนาคปรก ปูนปั้นศิลปะล้านช้าง วัดศรีคูณเมือง อ.เชียงคาน จ.เลย ๑๕.หลวงพ่อนาค พระนาคปรกหินขาวพอกปูนทับองค์เดิม วัดมัชฌิมาวาส จ.อุดรธานี ๑๖.พระเจ้าใหญ่อูบมุง พระนาคปรก วัดบ้านอูบมุง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ?

๑๗.พระนาคปรกเก้าเศียร วัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีษะเกษ ๑๘.พระนาคปรกเก้าเศียร วัดพระเจดีย์เจ็ดแถว อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ๑๙.พระนาคปรกสุโขทัย พระปรางค์วัดพระศรีมหาธาตุ (วัดพระปรางค์) อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ๒๐.หลวงพ่อนาค, หลวงพ่อนาคปัฐถวี, หลวงพ่อนาคน้อย พระนาคปรก ๓ พี่น้อง เนื้อศิลาเขียว และ หินทราย วัดจันเสน (หลวงพ่อโอด) ต.จันเสน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ๒๑.พระนาคปรกศิลา วัดพระบรมธาตุวรวิหาร จ.ชัยนาท (พิพิธภัณฑ์แห่งชาติชัยนาทมุนี) ๒๒.หลวงพ่อศรี (พระนาคปรกศิลา) วัดหินดาด อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา

๒๓.หลวงพ่อไกรสิทธิ์ วิหารพระนาคปรกพระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย ๒๔.พระนาคปรกศิลปะล้านนา วัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ๒๕.พระนาคปรก (เศียรเดียว) นอแรดแกะสลัก วัดหงษ์ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ๒๖.หลวงพ่อดำ พระนาคปรก วัดมุจลินทสราราม (หนองจิก) อ.หนองแค จ.สระบุรี ๒๗.พระนาคปรกศิลา วัดพลับ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ๒๘.พระสุริยมุนี พระนาคปรกศิลา วิหารหน้าสถานีรถไฟ จ.พระนครศรีอยุธยา

๒๙.พระนาคปรก ศิลปะล้านช้าง วัดศรีสุมังค์ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ๓๐.พระนาคปรกศิลา วัดนอก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ๓๑.หลวงพ่อทับพระยา (ศิลา) วัดตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ๓๒.พระพุทธพนมรุ้ง (โลหะสัมฤทธิ์) วัดเขาพนมรุ้ง (บัวตะเคียน) อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ๓๓.พระเจ้าองค์หลวง (ศิลปะล้านช้าง) วัดมโนภิรมย์ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ๓๔.หลวงพ่อสุริยะมุนีศรียะลา (จำลอง) วัดพุทธภูมิ อ.เมือง จ.ยะลา

๓๕.พระนาคปรกเจดีย์มหาสัตตสถาน วัดพระธาตุบังพวน อ.เมือง จ.หนองคาย ๓๖.พระนาคปรก (ศิลา) วัดสิริมงคล (อาฮี) อ.ท่าลี่ จ.เลย ๓๗.หลวงพ่อเพ็ชร พระนาคปรก วัดนางชำ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ๓๘.หลวงพ่อหิน (นาคปรกศิลา) วัดกลางศรีพุทธาราม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ๓๙.พระนาคปรกศิลา ปรางค์ปราสาท อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ๔๐.พระนาคปรกศิลาศิลปะเขมร แบบบายน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย จ.นครราชสีมา
? :009:

33
:043:ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

34
ขอถามเรื่อง ตระกรุดที่วัดสว่างอารมณ์จ.นครปฐม ขลังรึเปล่าครับ- -(ไม่ได้ลบหลู่นะครับ)  :093:

35
ประวัติหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ รึเปล่าครับ
น่าจะมีอยู่ใน หัวข้อ"เกจิอาจารย์" นะครับลองไปหาดู
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น!!  :005:

36
 :073:พ่อค้าหมากเมืองคอนกับเมียและพื่อนถูกมือปืนรัวยิงถล่มรถพรุน แต่เหลือเชื่อไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ รุนแรง เชื่อเป็นเพราะบารมีองค์จตุคามฯที่ทุกคนในรถนับถือและแขวนไว้คนละองค์ เผยพ่อค้าหมากจากลานสกา พาเมียกับเพื่อนแวะมาส่งญาติขึ้นรถไปที่ตัวเมืองช่วงกลางวัน ระหว่างกลับขึ้นรถปิกอัพมือปืนจยย.มาขวางหน้ารถ ลงไปรัวยิงเข้ากระจกหน้า กระจกข้าง และตัวถังจนพรุน ก่อนเผ่นหนีต่อหน้าคนจำนวนมาก หลังสิ้นเสียงปืนคิดว่าเละแน่ ที่ไหนได้ไม่มีใครบาดเจ็บ โดยพ่อค้าหมากถูกกระสุนเฉี่ยวหัวนิดหน่อย แต่อีก 2 คนไม่ระคาย ตร.มุ่งปมหักธุรกิจหมาก หรืออื่นๆ ที่ทำอยู่

รัวยิงกลางสถานีรถไฟเมืองคอนครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 พ.ค. ร.ต.ต.บรรจง สิทธิศักดิ์ ร้อยเวรสภ.อ.เมือง นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุยิงกันที่ลานจอดรถหน้าสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช ริมถนนยมราช ต.คลัง อ.เมือง นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.อ.เมือง นครศรีธรรมราช นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบนายไกรสร ตะลึงเพชร อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 285 หมู่ 9 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช พ่อค้าหมากรายใหญ่ของอ.ลานสกา มีบาดแผลถูกยิงเป็นรอยกระสุนเฉี่ยวศีรษะ นางจินดา ตะลึงเพชร อายุ 40 ปี ภรรยานายไกรสร และนายนันทภักดิ์ คันธะ อายุ 40 ปี ยืนรอตำรวจอยู่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

ที่เกิดเหตุยังพบรถปิกอัพยี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บบ 9484 นครศรีธรรมราช กระจกด้านหน้าคนขับแตก และมีรอยกระสุนปืนที่ประตูด้านข้างคนขับ 7 รู พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. จำนวน 7 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานก่อนพานายไกรสร ไปปฐมพยาบาล

สอบสวนทราบว่าทั้งหมดนำหมากมาจากหมู่บ้านที่อ.ลานสกา มาขายส่งให้กับพ่อค้าที่ตลาดพืชผลหัวอิฐในตัวเมืองนครศรีธรรมราช จากนั้นขับรถมาส่งญาติคนหนึ่งขึ้นรถไฟเข้ากรุงเทพฯ ขณะที่ทั้ง 3 คนกลับมาขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับ มีคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อก ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดริมถนนหน้าสถานีรถไฟ ตรงหน้ารถกระบะพอดี จากนั้นก็ลงมาชักปืนพกกราดยิงใส่เข้ามาในรถ ต่อหน้าต่อตาประชาชนจำนวนมาก

นางจินดา ซึ่งรอดตายเหลือเชื่อให้การอีกว่า ช่วงเกิดเหตุพวกตนกับสามีและคนในรถก้มหมอบและเปิดประตู คลานหนีออกมานอกรถ ขณะที่คนร้ายก็กลับไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สอบถามกันว่าใครเป็นอย่างไร และต้องเหลือเชื่อว่าไม่มีใครได้รับอันตรายร้ายแรง นอกจากสามีที่ถูกกระสุนเฉี่ยวศีรษะเล็กน้อยเท่านั้น โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะทุกคนสวมองค์พ่อจตุคามรามเทพ โดยตนแขวนรุ่นบารมีพระบรมธาตุ 20 ปีหลักเมือง ส่วนสามีและนายนันทภักดิ์ แขวนรุ่นบูรณะหลักเมืองปี 2547 ทำให้รอดชีวิตคลาดแคล้วมาได้อย่างเหลือเชื่อ โดยไม่โดนกระสุนแม้แต่นัดเดียว
? :054:


นำมาจาก หนังสือพิมพ์"ข่าวสด"

37
คุณอ่านสิครับว่าต้องทำอย่างไร :093:

38
สวยดีนะครับ :025:

39
พิธีทอดผ้าป่า เป็นการทำบุญอีกอย่างหนึ่งของชาวพุทธ สามารถทอดเมื่อไรก็ได้ และวัดหนึ่งๆ ในแต่ละปีจะจัดให้มีการทอดผ้าป่ากี่ครั้งก็ได้

อีกทั้งยังไม่เจาะจงเกี่ยวกับภิกษุที่จะรับผ้าป่าด้วย

เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป พิธีทอดผ้าป่าก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย จากที่เคยเป็นผ้า ก็กลับกลายเป็นสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ จากที่เคยไปถวายวัด ก็เปลี่ยนเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล รวมทั้งทอดเพื่อสาธารณประโยชน์ เช่น ผ้าป่าทุนการศึกษา ผ้าป่าสร้างห้องน้ำ ผ้าป่าสร้างสะพาน ผ้าป่าหาทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ 

บุญทอดผ้าป่า อย่างหนึ่งที่น่าสนใจ คือ บุญทอดผ้าป่าข้าวเปลือก ของ วัดเกษตราราม ต.ไทรงาม อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งจัดมาเป็นเวลาเกือบ ๒๐ ปีแล้ว โดยในปีนี้ทางวัดกำหนดงานบุญทอดผ้าป่าข้าวเปลือก เพื่อนำปัจจัยสมทบทุนสร้างหอระฆังไว้ ๒ วัน คือ วันพุธที่ ๓๐ พฤษภาคม เวลา ๑๖.๐๐ น. พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์ "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" เพื่อเป็นสิริมงคล และวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา เวลา ๐๘.๐๐ น. ทำพิธีรับขวัญแม่โพสพ เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์-สามเณร เสร็จแล้วถวายผ้าป่าข้าวเปลือก

พระครูวิบูลสีลากร เจ้าอาวาสวัดเกษตราราม เล่าว่า บุญทอดผ้าป่าข้าวเปลือกนั้น จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๓๔ ในครั้งนั้นได้ข้าวประมาณ ๕๐ กระสอบ จากนั้นจำนวนข้าวเปลือกที่ชาวนามาถวายเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุนนี้ได้ ๔๐๐-๕๐๐ กระสอบ หรือประมาณ ๔๐-๕๐ เกวียน โดยในปีนี้ชาวนามาถวายน้อยกว่าปีที่แล้ว ซึ่งน่าจะเนื่องมาจากน้ำท่วมใหญ่ เมื่อปลายปี ๒๕๔๙ ต่อเนื่องถึงต้นปี ๒๕๕๐

เมื่อบ้านไหนเกี่ยวข้าวก็จะโทรศัพท์แจ้งมาที่วัดว่า ให้นำรถไปขนข้าวที่นาของตน ในขณะที่ชาวนาบางรายก็จะขนข้าวมาถวายที่วัด ชาวนาส่วนใหญ่จะถวายรายละ ๑-๓ กระสอบ แต่ก็มีชาวนาบางคนถวายข้าวเปลือก ๑๐-๒๐ กระสอบ ชาวนาที่ถวายข้าวมากๆ ส่วนใหญ่จะบนบานศาลกล่าวกับแม่โพสพ ตั้งแต่แรกเริ่มทำนาว่า หากปีนี้ได้ข้าวดี จะถวายวัด ๑๐ กระสอบบ้าง ๒๐ กระสอบบ้าง 

อย่างไรก็ตาม ภาพพระตากและโกยข้าวเปลือกบริเวณลานของวัด อาจจะไม่คุ้นตาพุทธศาสนิกชนจากต่างถิ่นเท่าใดนัก แต่ที่วัดเกษตรารามนั้น พระครูวิบูลสีลากร บอกว่า เป็นภาพธรรมดามาก เหตุที่พระต้องตากข้าวเอง เพราะข้าวที่ชาวนานำมาถวายส่วนใหญ่เพิ่งเกี่ยวเสร็จใหม่ๆ ซึ่งมีความชื้นอยู่มาก หากเก็บไว้นานๆ อาจจะเสียหาย พระจึงนำออกมาตากให้แห้งก่อน ที่สำคัญ คือ ข้าวเปลือกที่มีความชื้นน้อย ขายได้ราคาสูงกว่า

พระครูวิบูลสีลากร บอกด้วยว่า ผ้าป่าข้าวเปลือกของวัดเกษตราราม ถือว่าเป็นบุญที่เกิดจากความสามัคคีของชาวนา พระ และพ่อค้าข้าว อย่างแท้จริง ข้าว ๔๐๐-๕๐๐ กระสอบมาจากชาวนา ๓๐๐-๔๐๐ ครอบครัว พระเป็นผู้รวบรวม ข้าวที่ขายก็ได้ราคาดี ทั้งนี้พ่อค้าจะให้ราคาสูงกว่าชาวนา ขณะเดียวกันก็ไม่หักค่าขนส่ง เพราะถือว่าเป็นการทำบุญร่วมกัน

คนผู้ใหญ่แต่เก่าก่อนนับถือแม่โพสพมาก เมื่อแรกทำนาจนกระทั่งถึงเวลาไถคราด เก็บเกี่ยวรวงข้าวด้วยเคียวเหล็ก ก็จะต้องประกอบพิธีเซ่นบูชาแม่โพสพทุกระยะไป เช่น ก่อนหน้าเวลาฤกษ์แรกนาจะปลูกศาลเพียงตา สูงระดับสายตาคนขึ้น ณ ที่ใดที่หนึ่ง ที่กำหนดไว้เป็นที่แรกนา ตระเตรียมเครื่องสังเวยบูชาแม่โพสพให้ครบถ้วน พร้อมทั้งกล่าวคำขวัญเป็นถ้อยคำไพเราะ อ้อนวอนแม่โพสพ ให้คุ้มครองรักษาต้นข้าว

"ความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อแม่โพสพ เป็นความรู้สึกสำนึกถึงบุญคุณที่ให้อาหารเลี้ยงชีวิต คนไทยจึงให้ความเคารพข้าว ไม่ใช้คำหยาบคาย หรือแช่งด่าต้นข้าว หรือเมล็ดข้าว ถ้าทำข้าวหก ก็จะก้มลงเก็บอย่างเรียบร้อย ไม่ข้าม ไม่เหยียบ ไม่ใช้เท้ากวาด ข้าวจะเก็บไว้เป็นที่เป็นทางอย่างเรียบร้อย ไม่ทิ้งเรี่ยราดเลอะเทอะ ไม่ว่าจะเป็นข้าวเปลือก ข้าวสาร หรือข้าวสุก เมื่อรับประทานข้าวก็จะรับประทานอย่างเรียบร้อย ไม่ทำเลอะเทอะมูมมาม เมื่ออิ่มข้าวก็จะไหว้ขอบคุณแม่โพสพ ถ้าจะเอาข้าวให้สัตว์กินจะต้องใส่ภาชนะ หรือมีใบไม้ใบตองรอง ไม่ทิ้งกองข้าวบนพื้นดิน การลักขโมยข้าวถือเป็นสิ่งอัปมงคลอย่างร้ายแรงที่สุด การที่คนไทยปฏิบัติต่อข้าวมาแต่โบราณเช่นนี้ นับเป็นวัฒนธรรมทางจิตใจที่แสดงถึงความเป็นผู้มีความกตัญญู แม้กับผู้ที่มิใช่มนุษย์ เป็นวัฒนธรรมที่ดี แต่คนสมัยใหม่อาจไม่ค่อยมีความรู้สึกอย่างนี้" พระครูวิบูลสีลากร กล่าว

ตำนานแม่โพสพ

"แม่โพสพ" ตามสารานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน แปลว่า "เทวดาประจำพืชพรรณธัญญาหารทั้งปวง" มวลมนุษยชาติเชื่อถือและกราบไหว้บูชามาตั้งแต่ครั้งโบราณของชาวไทย ลาว และละแวกลุ่มน้ำเจ้าพระยา บูชาเพื่อขอความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณธัญชาติ ที่เพาะปลูกตามฤดูกาล โดยจะทำพิธีบูชาแม่โพสพ ด้วยอาหารมีข้าวปากหม้อ กล้วย อ้อย เป็นต้น

แม่โพสพเป็นสตรีเพศ ร่างงาม แต่งกายด้วยผ้าผ่อนแพรพรรณสมัยโบราณห่มสไบเฉียง นุ่งผ้าจีบชายกรอมลงมาถึงปลายหน้าแข้ง ทรงเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ตระการตา ไว้ผมยาวสลวยประบ่า มีกระจังกรอบหน้าคล้ายมงกุฎ และจอนหูงอนชดช้อย มือข้างหนึ่งชูรวงข้าว ส่วนอีกข้างถือถุงโภคทรัพย์เต็มถุง ประทับนั่งพับเพียบเรียบร้อยแบบแพนงเชิงอย่างไทยโบราณ

ตำนานหนึ่งเล่าว่า มีฤๅษีมหากระไลย์โกฏอยู่สันโษในอรัญ บำเพ็ญพรหมขันธุ์ในกุฏิ เพลาหนึ่งเกิดอสุนีฟ้าฟาด อากาศวิปริตโกลาหล ฟ้าฝนก็ตกลงมามิหยุดหย่อน มีเมล็ดข้าวปลิวว่อนกระจาย พอฟ้าฝนหายฤๅษีก็เห็นเป็นอัศจรรย์ จึงจัดสรรนำไปปลูกริมฝั่งนทีสระน้ำ ฝนชะตลอดมา จนข้าวกล้าแตกรวง

กาลล่วงเข้าฤดูหนาว เมล็ดข้าวก็แก่จัด พระฤๅษีก็โสมนัสยิ่งนัก ครั้นจะนำมากินก็กริ่งเกรงจะเบื่อเมา อันตัวเราก็พึ่งพบคราวนี้ คราวหนึ่งสกุลณีสกุณามาเป็นหมู่ บินจู่โจมกินข้าวสาลี ฤๅษีเห็นดังนั้นพลันรู้ว่า หมู่ปักษามิได้ตายวายชีวิต ก็คิดว่าคงเป็นอาหารอันโอชารส พระดาบสจึงเก็บพันธุ์ข้าวไว้เพาะปลูกกระจายลูกหลานเหลน ได้เป็นอาหารของมนุษย์สุดประเสริฐ โดยกำเนิดขององค์ดาบส ตราบเท่าทุกวันนี้

 
:025:

40
:016: :015: ปลักขิดหลวงปู่เมฆสุดยอด!!!!ครับ
พ่อเคยเล่าว่าเคยนอนทับงูเห่าโดยงูเห่าไม่ทำอันตรายใดๆเลย
ผมก็มีติดตัวอยู่1 อัน

42
นายพนม แพทย์คุณ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร "ศักดิ์สิทธิ์" อันเป็นนิตยสารที่เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติพระคณาจารย์และพระเครื่อง กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่นิตยสาร "ศักดิ์สิทธิ์" มีอายุก้าวสู่ปีที่ ๒๕ กองบรรณาธิการได้จัดสร้างวัตถุมงคล "จตุคามรามเทพ" รุ่น "มหาบารมี-มหาเศรษฐี" ขึ้นมา

 เพื่อนำปัจจัยสมทบทุนบูรณปฏิสังขรณ์อุโบสถวัดเทพากร เขตบางพลัด กทม. อุโบสถวัดท่านาค อ.หางดง จ.เชียงใหม่ และศาลาอเนกประสงค์ วัดเขาทุเรียน อ.เมือง จ.นครนายก รวมทั้งถวายวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช เพื่อใช้จ่ายในการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระบรมธาตุเจดีย์

การดำเนินงานครั้งนี้ นิตยสาร "ศักดิ์สิทธิ์" ได้ทุ่มเทความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้องค์จตุคามรามเทพที่เพียบพร้อมด้วยคุณค่าในทุกๆ ด้าน นับตั้งแต่เรื่องพิธีกรรม และผงมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งได้รับความเมตตาจาก ๒ พระราชาคณะชั้น "สมเด็จ" ผงว่าน ๑๐๘ ผงยาจินดามณี ตำราหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ผงไม้มงคลต่างๆ ผงมวลสารจากพุทธคยา อินเดีย วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว ศรีลังกา ผงพุทธาคมสำนักเขาอ้อ จ.พัทลุง ผงวิภูติ ของท่านไสบาบา รวมทั้ผงองค์จตุคามรามเทพรุ่นต่างๆ ที่โด่งดัง ในส่วนของเนื้อชนวนโลหะ ได้รับแผ่นทอง เงิน นาก จากสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ และพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศอีกหลายท่าน 

ชนวนมวลสารทั้งหมดนี้ ได้ประกอบพิธีปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั้งทางภาคเหนือ อีสาน กลาง ใต้ รวมทั้งสิ้น ๑๑ พิธี รวมทั้งได้ประกอบพิธีบวงสรวงองค์จตุคามรามเทพ และกดพิมพ์ปฐมฤกษ์-นำฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ต่อจากนั้น พระพรหมสุธี วัดสระเกศ เป็นประธานในพิธีเททอง และหลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว กดพิมพ์ปฐมฤกษ์-นำฤกษ์องค์จตุคามรามเทพ เนื้อผง

หลังจากกดพิมพ์ครบตามจำนวนแล้ว จะได้นำไปประกอบพิธีพุทธาภิเษก-เทวาภิเษก และสมโภชใหญ่ ณ วิหารหลวง วัดพระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ ๓ กรกฎาคม และที่อุโบสถ วัดเทพากร เขตบางพลัด วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ผู้ศรัทธาสนใจสอบถามได้ที่โทร.๐-๒๒๔๕-๘๒๕๙, ๐-๒๒๔๘-๒๙๗๓

นายพนม กล่าวด้วยว่า จตุคามฯ รุ่นนี้มีเนื้อผงมวลสาร ๗ เนื้อ ๗ สี พิมพ์กลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๕.๕ ซม. ด้านหน้าเป็นองค์จตุคามรามเทพ เต็มองค์ ล้อมด้วยกลีบบัว พระหัตถ์ขวายกขึ้นแบบประทานพร พระหัตถ์ซ้ายวางหงายรับถุงเงินถุงทอง ด้านหลังเป็นรูปพระราหูอยู่ตรงกลาง โดยมียันต์จตุคามรามเทพ ล้อมรอบด้วยจักรเพชร และกลีบบัว มีรูปนักษัตรทั้ง ๑๒ ปี

นอกจากนี้ยังมีเหรียญจตุคามฯ รูปแบบเดียวกัน ขนาดกว้าง ๓.๓ ซม. สร้างด้วยเนื้อโลหะต่างๆ พระบูชาหน้าตักกว้าง ๕ นิ้ว สูง ๑๖ นิ้ว และผ้ายันต์ ๓ สี ทั้งหมดนี้มีจำนวนสร้างจำกัด เฉพาะผู้สั่งจองเท่านั้น


43
ไม่เห็นจะเป็นข่าววงในตรงไหนเลย งดแจกตั้งแต่วันที่ 21/พ.ค/50?
เพราะว่าทำให้การจราจรติดขัดและมี มิจฉาชีพเข้ามาแฝงตัวหาผลประโยช์น
ได้จับไปแล้วหลายราย หลังออกพรรษาจะแจกอีกครับ :074:

44
ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับการเปิดแถลงข่าวการจัดสร้าง พระเทวราชโพธิสัตว์จตุคามรามเทพ รุ่น "ขุมทรัพย์สี่แผ่นดิน? โดยการนำของ นายพยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย

โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีในการมอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากเซียนพระและเจ้าของรังพระที่มีชื่อเสียงของวงการพระเครื่อง เช่น พยัพ คำพันธุ์, ต้อย เมืองนนท์, มนัส โอภากุล, อ้า สุพรรณ, ตี๋เหล้า ท่าพระจันทร์, บอย ท่าพระจันทร์

แม้กระทั้ง ท่าน ดร.ไมตรี บุญสูง เสาหลักแห่งวงการพระเครื่อง ซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อคืนวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ก่อนงานวันแถลงข่าว ๑ วัน ท่านก็ยังมอบมวลสารที่ใช้สร้าง พระหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต ปี ๒๕๑๒ และ มวลสารของพระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา เกจิอาจารย์สายเขาอ้อ จ.พัทลุง รวมทั้ง พระหลวงปู่ทวด รุ่นดัง ที่ชำรุดให้อีกจำนวนหนึ่ง ในขณะที่ทายาทของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้นำไม้ตะเคียนที่ใช้สร้างเสาหลักเมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี ๒๕๓๐ มามอบให้ด้วย 

จตุคามฯ รุ่นขุมทรัพย์สี่แผ่นดิน ถือว่าเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรก ที่สร้างและออกในนามสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ตั้งแต่เริ่มมีการก่อตั้งสมาคมมา ดังนั้นคณะกรรมการสมาคมจึงให้ช่างหลวง กรมช่างสิบหมู่ ซึ่งเป็นบรมครูช่างของแผ่นดินออกแบบ เพื่อฝากผลงานชิ้นเอกสู่ประชาชนที่ได้ครอบครอง ขณะเดียวกันได้รวบรวมสุดยอดมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ประเมินค่ามิได้ มาใช้เป็นมวลสร้างสร้างจตุคามฯ รุ่นนี้

สำหรับพระเครื่องที่ชำรุด ได้แก่ พระเครื่องชุดเบญจภาคี ได้แก่ พระสมเด็จ วัดระฆัง กทม. พระกำแพงซุ้มกอ จ.กำแพงเพชร พระผงสุพรรณ จ.สุพรรณบุรี พระรอด จ.ลำพูน พระนางพญา จ.พิษณุโลก รวมทั้ง พระสมเด็จ บางขุนพรหม กทม. ที่ชำรุด เมื่อคราวเปิดกรุ อีกประมาณ ๑๐๐ องค์ พระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี เนื้อว่าน รุ่นแรก ปี ๒๔๙๗

นอกจากนี้แล้ว งมีพระเครื่องยอดนิยมและพระกรุที่ชำรุด ได้แก่ พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี พระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา พระร่วงหลังรางปืน กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุโขทัย พระร่วงหลังลายผ้า กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี พระคง พระบาง พระเลี่ยง จ.ลำพูน เป็นต้น 

และสิ่งที่อดจะพูดถึงไม่ได้ คือ ข้าวก้นบาตร ซึ่งมีความเชื่อกันว่า ข้าวก้นบาตรเมื่อนำมาเป็นมวลสารสร้างวัตถุมงคลแล้วจะมีพุทธคุณเด่นด้านเหลือกินเหลือใช้ โดยในครั้งนี้สมาคมนำข้าวก้นบาตรของพระเถระชั้นผู้ใหญ่หลายรูป เช่น ข้าวก้นบาตรสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ซึ่งเป็นข้าวที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบาตรเนื่องในวันฉัตรมงคล เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ข้าวก้นบาตรจากในวังถวายสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม เนื่องในวันฉัตรมงคล เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ข้าวก้นบาตรจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณาราม กทม.

ส่วนไม้มงคลประเภท กาฝาก นั้น ครั้งนี้น่าจะมีการรวบรวมมากที่สุด ได้แก่ กาฝากรักซ้อน กาฝากขนุน กาฝากพุด กาฝากมะรุม กาฝากมะยม กาฝากมะขาม กาฝากยอ กาฝากคูน กาฝากสะท้อน กาฝากตะค้ำ และกาฝากตะครึก

นอกจากนี้แล้วที่หายากสุด คือ ดอกบัวคู่ (ก้านเดียวมี ๒ ดอก) อันมีเคล็ดหมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์ ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าดอกบัวคู่นี้มีการหาซื้อกันอยู่ในราคาหลักหมื่นบาท/ดอก ในครั้งนี้มีผู้มามอบให้ถึง ๕ ดอก 

พระเบญจภาคี พระกรุต่างๆ ที่ชำรุด รวมทั้งมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่ต่างๆ ล้วนมีพุทธคุณดีอยู่ในตัว พระชำรุดบางองค์ที่มีการเช่าหากันหลักแสนบาท แต่เหตุที่บรรดาเซียนพระ และเจ้าของรังพระมอบให้สมาคม เพราะอยากให้ผู้เช่าไปได้รับพุทธคุณจากจตุคามฯ รุ่นนี้อย่างแท้จริง

ในงานวันแถลงข่าวนั้นถึงกับมีคนบอกว่า "เมื่อพิจารณาจากมวลสารที่ใช้สร้างแล้ว จตุคามฯ รุ่นนี้ไม่ต้องมีพิธีพุทธาภิเษก-เทวาภิเษก ก็อาราธนาขึ้นคอได้อย่างสนิทใจ"

สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างครั้งนี้ สมาคมจะนำรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และเพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ ทหาร และตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้แล้วยังจะแบ่งรายได้ให้อีก ๔ องค์กร ได้แก่ ๑.มอบให้สถานเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อย ๒.ช่วยเหลือเด็กยากจนใน จ.กาญจนบุรี ๓.สร้างโบสถ์วัดบ้านโป่งหวาย อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี และ ๔.มอบให้สมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย 

อย่างไรก็ตาม หากจะเปรียบไปแล้ว การสร้างวัตถุมงคลก็มีลักษณะเช่นเดียวกับการผลิตสินค้าขึ้นมาสักชิ้นหนึ่ง โดยต้องมีคุณภาพและคุณประโยชน์ที่คุ้มค่ากับค่าเงินที่จ่ายไป แต่การสร้างวัตถุมงคลยากยิ่งกว่า คือ พุทธคุณที่ผู้บูชาหวังจะพึ่งปาฏิหาริย์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด และคำว่า "พุทธคุณ" นี่แหละเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้คนแสวงหาวัตถุมงคลมาครอบครอง ซึ่งเป็นที่มาของราคาที่เพิ่มขึ้น ตามพุทธคุณที่กล่าวขาน

ด้วยเหตุนี้เอง การสร้างวัตถุมงคลจึงต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญๆ ๔ อย่าง คือ ๑.ผู้สร้างมีชื่อเสียง และมีความน่าเชื่อถือ เป็นทที่ยอมรับของสังคม ๒.วัตถุประสงค์การสร้างต้องชัดเจน ๓.พิธีพุทธาภิเษก-เทวาภิเษก เป็นไปตามโบราณประเพณี และ ๔.มวลสารศักดิ์สิทธิ์ หากวัดหรือหน่วยงานใดมีคุณสมบัติดังที่กล่าวมานี้ รับรองได้ว่า ผู้เช่าวัตถุมงคลรุ่นนั้นๆ อาราธนาขึ้นคออย่างสนิทใจ

การจัดสร้าง พระเทวราชโพธิสัตว์จตุคามรามเทพ รุ่น "ขุมทรัพย์สี่แผ่นดิน? ของสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยในครั้งนี้นั้น สำหรับวัดและหน่วยงานต่างๆ น่าจะถือเป็นต้นแบบ ด้วยเหตุผลที่ว่า 

"คนแขวนจะได้นิมนต์ขึ้นคออย่างสนิทใจ จะสร้างแบบสุกเอาเผากิน โฆษณาอวดสรรพคุณเกินจริง เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ได้"
  :058:

45

ปัจจุบัน "นักร้องลูกกรุง" ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอดีตมีมากมาย อาทิ สวลี ผกาพันธุ์, ชรินทร์ นันทนาคร, จินตนา สุขสถิตย์, ธานินทร์ อินทรเทพ, ดาวใจ ไพจิตร, จิตติมา เจือใจ, อุมาพร บัวพึ่ง

และหากจะเอ่ยชื่อ สุเทพ วงศ์คำแหง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล) ปี ๒๕๓๓ คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ยังคงรู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากท่านผู้นี้เคยฝากผลงานเพลงเอาไว้เป็นตำนานเพลงรักมากมาย ที่หลายคนต่างรู้จักจนกลายเป็น เพลงอภิมหาอมตะนิรันดร์กาล ไปแล้ว เช่น รักคุณเข้าแล้ว เธออยู่ไหน จงรัก นางใจ บทเรียนก่อนวิวาห์ พ่อแง่แม่งอน เทพเจ้าแห่งความระทม ฯลฯ

แต่ชีวิตที่โด่งดังของศิลปินแห่งชาติท่านนี้เคยหวิดดับเพราะลูกปืนมาแล้ว?

สุเทพ เล่าว่า เมื่อครั้งเดินทางไปร้องเพลงกล่อมขวัญทหารที่ประเทศเวียดนาม มีเหตุการณ์เฉียดตายอย่างหวุดหวิด เนื่องจากได้ยินเสียงลูกกระสุนปืนลอยผ่านไปผ่านมาเท่านั้น

เหตุการณ์ที่เฉียดตายสุดๆ น่าจะเป็นเหตุการณ์ไปร้องเพลงกล่อมขวัญทหารที่ จ.หนองคาย เช่นกัน ระหว่างขึ้นไปร้องเพลงอยู่นั้น มีนายทหารกลุ่มหนึ่งที่ยังอยู่ฝ่ายตรงข้ามใช้อาวุธปืนยิงขึ้นมาบนเวทีที่เรากำลังยืนร้องเพลงอยู่ แต่ทั้งนี้การยิงขึ้นมาครั้งนั้นฉิวเฉียดอย่างมาก ลูกปืนพุ่งไปโดนผู้หญิงที่นั่งอยู่ในรถจิ๊ปเพื่อมาตามสามีที่ทำงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมไม้ ให้ไปร่วมงานศพญาติที่กรุงเทพฯ

กระสุนไปโดนผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตคาที่ ทหารนายนี้เห็นว่าพลาดเป้าแล้วขยับตัวเตรียมที่จะยิงปืนขึ้นบนเวทีอีกครั้ง นับว่าโชคดีอย่างมากที่มีนายทหารคอยคุ้มกันอยู่โดยรอบ ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงระดมยิงนายทหารคนนั้นเสียชีวิตทันที?



การรอดตายมาได้ในวันนั้น เป็นวันที่จำได้ไม่เคยลืมเลย แม้จะผ่านมาเป็นเวลาสิบๆ ปีแล้วก็ตาม สิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้คือ พระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ที่แขวนติดตัวไม่เคยห่าง น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยชีวิตเอาไว้ ซึ่งคิดว่าท่านมีคุณต่อตนเองอย่างมาก จนวันนี้ก็ยังมีองค์ท่านแขวนติดตัวอยู่เป็นประจำ

หลายคนที่พูดว่าใครมีพระหลวงปู่ทวดแขวนติดตัว จะไม่ตายโหงนั้น น่าจะเป็นเรื่องจริง

"แม้จะยากต่อการพิสูจน์ให้ใครๆ ได้เห็นก็ตามที จึงทำให้ผมมีความเคารพนับถือพระหลวงปู่ทวดมาก ผมรอดตายมาได้นับเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ เป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดจากพระหลวงปู่ทวดที่ผมแขวนติดตัวระหว่างเกิดเหตุ เพราะว่าเราคนไทยมีอะไรที่เรายึดมั่นในองค์พระที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราทำอะไรก็จะมีความสบายใจทั้งชีวิตการทำงาน และความเป็นอยู่ รวมทั้งความแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง ยิ่งผมรอดตายมาได้หลายครั้ง ผมจึงมีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้มาตลอดชีวิต" นักร้องศิลปินแห่งชาติ เชื่อรอดตายเพราะแขวนพระหลวงปู่ทวด 

ส่วนพระเครื่องและวัตถุมงคลที่แขวนติดตัวอยู่ในสร้อยทั้ง ๓ เส้น ได้แก่ เหรียญหลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ได้มาจากอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หลวงพ่อบ้านแหลม ได้มาจาก อนันต์ เหล่าพาณิชย์ เพื่อนร่วมอัสสัมชัญคอมเมอร์ซ ปัจจุบันคือ "บิ๊กบอส" ของบริษัท ไทยซังเกียว จำกัด มอบให้พร้อมกับสร้อย ตั้งแต่ได้พระองค์นี้มาชีวิตมีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ การเงินการทองก็คล่องตัวขึ้น รวมทั้ง อีแปะ ที่ไม่ใช่เครื่องรางของขลัง โดยมีข้าวสารสามเม็ด ที่เชื่อว่าจะช่วยให้คนไม่มีความทุกข์


อย่างไรก็ตาม ศิลปินแห่งชาติยังเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมด้วยว่า ใครทำความดีย่อมได้ดีตอบแทน เพราะการทำดีคงไม่ได้ทำให้เราจะต้องได้รับเรื่องร้ายต่างๆ ส่วนที่คนเราจะได้รับเรื่องร้ายครั้งใดผลความดีทั้งหลายที่เราทำเอาไว้ก็จะดลบันดาลมาช่วยเรา ฉะนั้นเรามีพระเครื่องแขวนติดตัวก็เพื่อว่าเราทำอะไรแล้วให้นึกถึงคุณพระคุณเจ้าว่าสิ่งไหนไม่ดีแล้วเราก็จะไม่ต้องทำ เพราะถ้าเราทำอะไรไม่ดีลงไปก็จะเป็นการสร้างบาปติดตัว และบาปที่ทำไปก็ไม่รู้ว่าจะหมดลงในภพชาติไหน แต่ถ้าจะให้ดีเราต้องลดการทำบาป น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

"ทุกวันนี้นอกจากจะทำบุญเป็นประจำแล้ว ผมยังชอบสวดคาถาวันเสาร์ ยะโตหัง ภะคินิ อะริยา ชาติยา ชาโต นาภิชา นามิ สัญจิจจะ ปาณัง เพราะเป็นคนเกิดวันเสาร์ ตามความเชื่อว่าจะค่อนข้างเป็นคนแข็ง พอสวดคาถาแล้วเชื่อกันว่าจะได้เป็นที่รักของคนรอบข้าง แล้วถ้าวันไหนต้องเดินทางไกลๆ ก็จะต้องระลึกนึกถึงคุณพ่อแม่และคุณพระให้ช่วยเหลือในยามที่ตกอยู่ในอันตราย

47
"หลวงปู่ดือ อินทธมฺโม" หรือ "พระครูพิสัยนวการ" วัดโพธาราม บ้านดงบัง อ.นาดูน จ.มหาสารคาม เป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าอีกรูปหนึ่งที่วัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีพลังจิตที่แก่กล้า พลังใจที่เข็มแข็ง และเรืองวิทยาคม

หลวงปู่ดือ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคอีสาน ร่วมสมัยกับหลวงปู่มี กนฺตสีโล วัดแวงดง

แม้ทั้งสองท่านจะมรณภาพไปนานหลายปีแต่ยังอยู่ในศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวอีสานตราบจนปัจจุบัน

อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า พุทธา พวงศรีเคน เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2454 ณ บ้านดงบัง ต.ดงบัง อ.นาดูน จ.มหาสารคาม โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายสิงห์และนางเม พวงศรีเคน

หลังจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนประชาบาลบ้านดงบัง จากนั้นได้ช่วยงานครอบครัวทำไร่ทำนาอยู่ประมาณ 2 ปี

ด้วยความเป็นผู้มีจิตใจโน้มเอียงเข้าหาพระธรรม ได้ขอให้บิดามารดา นำไปบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดในหมู่บ้าน

ต่อมาครั้นอายุครบ 20 ปี ในปีพ.ศ.2475 ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดโพธาราม มีพระครูจันทสีตลคุณ เจ้าคณะแขวง เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูปลัดดำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และพระครูจันดี เป็นพระกรรมวาจาจารย์?


หลังอุปสมบทแล้วได้ศึกษาพระธรรมวินัยด้วยความขยันขันแข็งที่วัดในหมู่บ้าน ต่อมาได้เดินทางไปจำพรรษาที่วัดบ้านดอนหมี ต.ท่าพระ จ.ขอนแก่น เป็นสำนักเรียนใหญ่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุคนั้น

มุมานะเรียนมูลกัจจาย บาลี ไวยากรณ์ ศึกษาอักขรโบราณ อักษรขอม อักษรธรรม ไทยน้อย จนจบหลักสูตร นอกจากนี้ ยังเรียนเทศก์ปุจฉา วิสัชนา จนมีความรู้อย่างแตกฉาน

พ.ศ.2487 หลวงปู่ดือ เดินทางกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธารามบ้านเกิด เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่ญาติโยมอย่างรวดเร็วเนื่องจากท่านเทศก์ปุจฉา วิสัชนา ได้อย่างเฉียบแหลม เนื่องจากท่านเรียนหนังสือเก่ง

หลวงปู่ดือ ยังให้ความสนใจศึกษาด้านไสยเวทย์ ขอฝากตัวเป็นศิษย์กับพระครูจันทรสีตลคุณ และพระครูจันดี พ.ศ.2490 หลวงปู่ดือ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธาราม ช่วงนี้ชื่อเสียงของท่านโด่งดังมาก เคียงคู่กับหลวงปู่มี วัดแวงดง บรรดาญาติโยมทั้งใกล้และไกลต่างเดินทางมารับฟังธรรมและปะพรมน้ำพระพุทธมนต์ที่เข้มขลังจากหลวงปู่ดือ อย่างคลาคล่ำทั้งในวันธรรมดาและวันสำคัญทางศาสนา

หลวงปู่ดือ ได้จัดตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรมขึ้นที่วัดโพธาราม ละยังเปิดสอนอักษรธรรมโบราณ สนับสนุนให้พระเณร ศึกษาค้นคว้านำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาบันทึกไว้เพื่อการศึกษา

หลวงปู่ดือ ยังมีจิตใจอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยเฉพาะภายในวัดโพธาราม มีภาพเขียนสีโบราณอายุหลายร้อยปีสภาพสวยมากคงอยู่จนถึงปัจจุบัน

ตำแหน่งงานด้านปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2490 เป็นเจ้าคณะตำบลภารแอ่น พ.ศ.2506 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นตรีที่ "พระครูพิสัยนวการ" พ.ศ.2512 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นพิเศษในราชทินนามเดิม

พ.ศ.2515 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอนาดูน

คำสอนที่หลวงปู่ดือ พร่ำสอนญาติโยม คือ "ให้สำนึกถึงความตายเสมอและถามตนเองว่าก่อนตายได้ทำความดีอะไรให้เป็นที่ปรากฏแก่สาธารณชน ถ้ายังไม่มีให้รีบละเว้นการทำชั่ว และมาบำเพ็ญทำความดีเสียตั้งแต่วันนี้ หรือถ้าทำดีอยู่แล้วก็ให้เพียรสร้างคุณความดีต่อไป"

แม้หลวงปู่ดือ จะล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย แต่สุขภาพของท่านยังแข็งแรงเดินเหินสะดวก รับกิจนิมนต์เป็นปกติ แต่ท่านได้มรณภาพลงแบบที่ญาติโยมคาดไม่ถึง โดยกุฏิของท่านที่จำวัดอยู่ได้เกิดเพลิงไหม้ ในคืนวันที่ 17 กรกฎาคม 2546

ญาติโยมใช้บันไดพาดหน้าต่างให้ท่านลงมา แต่หลวงปู่ดือ กลับโบกมือลา ขอทิ้งสังขารอยู่ในกองเพลิง สิริอายุ 93 พรรษาที่ 71

ถึงแม้หลวงปู่จะละสังขารไปแล้วแต่คุณงามความดีของท่านยังคงปรากฏอยู่ในจิตใจของพุทธศาสนิกชนตราบจนปัจจุบัน

   

48
  ต่อจากกระทู้ที่แล้ว
ทั้งสี่ผสมกลมกลืนกันเป็นรูปพระปิดตา ที่งามแปลกตา มีพบเห็นด้วยกัน 3 ลักษณะ คือ

แบบที่ 1 เป็นรูปองค์พระปิดตาประทับนั่งยองบนขมวดมวย หรือแผ่นกลม พระเศียรขมวดมวย พระหัตถ์ทั้งสองสอดเข่ายกขึ้นปิดพระพักตร์ ด้านหน้าองค์พระในบางองค์เป็นขมวดอักขระ "อุณาโลม" บางองค์ก็ไม่มี ด้านหลังเป็นขมวดอักขระยันต์ตัว "เฑาะว์สมาธิ" หรือ "ทมขึ้นองค์" บางองค์ใช้ตัว "นะสมาธิ" หรือ "นะขึ้นองค์" บางองค์ก็ใช้อักขระหลายตัวไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน

แบบที่ 2 เป็นรูปองค์พระประทับนั่งยองบนขมวดมวย หรือแผ่นกลม พระเศียรขมวดมวย พระหัตถ์ทั้งสองสอดเข่ายกขึ้นในท่าประนมมือ บางองค์ยกพระหัตถ์ขึ้นในท่าดูดนิ้วพระหัตถ์ ด้านหน้าและด้านหลังขมวดมวยเป็นตัวอักขระเลขยันต์เช่นเดียวกับแบบที่ 1

แบบที่ 3 ลักษณะองค์พระประทับนั่งยองบนขมวดมวย หรือแผ่นกลม พระเศียรขมวดมวย พระหัตถ์ทั้งสองยกขึ้นปิดพระพักตร์โดยไม่สอดเข่า ด้านหน้าและด้านหลังเป็นขมวดยันต์เฉกเช่นกับในแบบที่ 1

หลวงพ่อเจ๊กท่านสร้างพระปิดตากุมารในครรภ์โดยตัวท่านเอง นับแต่การปั้นหุ่น การทำเบ้าหล่อ และการหลอมโลหะเทหล่อ เสร็จแล้วปลุกเสกเดี่ยวโดยหลวงพ่อเจ๊กเอง

นอกจากนั้น วัตถุมงคลของหลวงพ่อเจ๊กยังมีอีกมากมายรูปแบบ ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ตรงอักขระยันต์ เป็นเส้นยันต์แบบเส้นขนมจีน เป็นรูปยันต์ "นะปถมัง" และ ยันต์ "เฑาะว์"

เคยมีลูกศิษย์ถามไถ่กับหลวงพ่อเจ๊กถึงการสร้างวัตถุมงคลของท่าน ซึ่งท่านได้บอกว่า ท่านไม่ได้ทำของท่านเพียงลำพัง มีคนธรรพ์มาช่วย

สำหรับเรื่องของคนธรรพ์ อันเป็นชาวสวรรค์จำพวกหนึ่ง เป็นบริวารของท้าวธตรัฐ มีความสามารถในด้านดนตรีและการขับร้อง นี้ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อเจ๊กได้เคยฟังจากปากของหลวงพ่อเจ๊กว่า ก่อนที่ท่านจะสร้างวัตถุมงคลขึ้นมานั้น ได้มีคนธรรพ์มาบอกให้ไปเอาตำราที่อยู่ในถ้ำคนธรรพ์มาศึกษา

ถ้ำคนธรรพ์นี้อยู่บนเขาแดงตะวันตกทางด้านหลังวัดเขาแดงตะวันตก ชาวบ้านเล่าต่อกันมาว่า แต่ก่อนวันดีคืนดี โดยเฉพาะในคืนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาจะได้ยินเสียงคนธรรพ์โห่ร้องมาจากในถ้ำ บางทีก็เห็นเป็นแสงหรือเงาราง และมักมีคนเข้าไปขุดค้นหาสมบัติกันบ่อยๆ

เมื่อหลวงพ่อเจ๊กเข้าไปในถ้ำ ก็ได้ตำราเป็นสมุดข่อยโบราณเล่มหนึ่งมาศึกษา และสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเป็นครั้งแรกในช่วงปี พ.ศ.2484

โดยสร้างขึ้นครั้งละไม่มากนัก สร้างเสร็จแล้วจึงปลุกเสก แล้วจึงแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ลูกหา หมดแล้วจึงสร้างขึ้นมาใหม่ ล้วนเป็นวัตถุมงคลที่สร้างด้วยโลหะผสม

อีกฟากหนึ่งของเขาแดง มีวัดอีกวัดหนึ่ง คือ วัดเขาแดงตะวันออก มีพระเกจิอาจารย์ดังนาม หลวงพ่อหมุน ศิษย์สำนักเขาอ้อ สำนักศึกษาพุทธาคมอันโด่งดังของเมืองพัทลุง ที่พระเกจิอาจารย์ดังทั่วภาคใต้ต้องดั้นด้นเดินทางมาศึกษา

ทว่าหากนับไล่ถึงชื่อเสียงแล้ว หลวงพ่อหมุน ออกจะเป็นที่รู้จักกันโดดเด่นไปทั่วของนักสะสมพระเครื่องเสียมากกว่าหลวงพ่อเจ๊ก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะหลวงพ่อเจ๊กค่อนข้างที่จะยึดสันโดษ เก็บเนื้อเก็บตัว หากไม่มีใครมาแวะเวียนมาหา หลวงพ่อเจ๊กก็อยู่แต่ในกุฏิปั้นหุ่นเทียน ทำพิมพ์สร้างวัตถุมงคลของท่านแต่เพียงลำพัง


50
ออกจะแปลกตาสำหรับ "พระปิดตา" ที่สร้างขึ้นมาอันมีรูปลักษณะเป็นรูปหล่อลอยองค์ก้มลงเอามือสอดเข่า ชาวบ้านชาวช่องเรียกกันว่า "พระในครรภ์" ซึ่งเป็นที่นิยมสร้างในดินแดนด้ามขวานทอง

ไม่ว่าจะเป็นของวัดปากสระ วัดเขาหัวแดงตะวันตก วัดชายคลอง ในเขตจังหวัดพัทลุง หรือจะเป็นของวัดกลางตานีสโมสร แห่งจังหวัดปัตตานี หรือจะเป็นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นสำนักใดสร้างขึ้นมา แต่ล้วนโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์พิมพ์ทรง "แปลกตา" ยามพบเห็น

ทำไมจึงสร้าง "พระปิดตา" ในรูปลักษณะเช่นนั้น

กล่าวสำหรับหลวงพ่อเจ๊ก แห่งวัดเขาหัวแดงตะวันตก อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ผู้สร้างพระปิดตากุมารในครรภ์ "หนึ่ง" ในพระปิดตา "พระในครรภ์" อันหลากหลายสำนัก เคยกล่าวถึงความเป็นมาแห่งพระปิดตากุมารในครรภ์นี้ว่า เหตุที่เป็นรูปทารกในครรภ์ตามการปฏิสนธิของมนุษย์ ซึ่งย่อมมีความบริสุทธิ์จากกิเลสทั้งหลาย ในที่นี้หมายถึงสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อแรกปฏิสนธิในครรภ์พระพุทธมารดา หลวงพ่อเจ๊กได้ความคิดนี้จากพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ ที่กล่าวถึงการปฏิสนธิของมนุษย์ว่า มาจากพระธรรมด้วยเหตุนี้จึงถือว่า "พระปิดตากุมารในครรภ์" เป็นบุตรของ "พระธรรม"


หนังสือบุดขาว เรื่อง "พระอภิธรรมแปล" ฉบับศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง โรงเรียนพัทลุง มีกล่าวถึงว่า

"จึงพระสรรเพชญ ตรัสรู้เห็นเสร็จ สมเด็จอยู่หัว ซึ่งว่าพระธรรม แต่งให้เป็นตัว มีเมียมีผัว เราท่านทั้งหลาย เป็นเบญจขันธ์แล้ว ที่นั่นลูกแก้ว กอดมือนั่งยอง ผันหน้าเข้าห้อง กระดูกหลังโดยปอง เห็นแล้วเนืองนอง ปรากฏแก่คน หุงอาหารเก่า แห่งพระเล่าไซร้ ย่อมตั้งอยู่บน หัวลูกนี้และ แม้แท้ทุกคน ลูกนั่งอยู่บน เหนืออาหารเก่า วิบากหนักหนา ทนทุกข์เวทนา ดังนี้ตัวเรา ใช่แม่ทั้งนั้น ทันอาหารเก่า ที่ลูกอยู่เล่า ดังนี้แลหนา"

อย่างไรก็ตาม ในคาถาบูชาพระปิดตากุมารในครรภ์ยังมีกล่าวถึงโดยสรุปว่า

"พระธรรมเป็นผู้ให้การปฏิสนธิของมนุษย์ ครั้นได้ 7 วัน แตกเป็นเบญจสาขา 15 วัน แตกเป็นเบญจไตร พระสูตรกับพระวินัยเป็นผู้แต่งดวงจิต พระวิภังค์เป็นผู้แต่งหูซ้ายหูขวา พระธาตุกถาเป็นผู้แต่งลมหายใจ พระบุคคลบัญญัติเป็นผู้แต่งปาก พระกถาวัตถุเป็นผู้แต่งร่าง พระยมกเป็นผู้แต่งใจ"

ในการสร้างพระปิดตากุมารในครรภ์ของหลวงพ่อเจ๊ก มีส่วนขององค์พระประกอบด้วย

1.รกหนา หมายถึงส่วนที่เป็นฐานพระ นิยมขมวดเป็นรูปวงกลม หรือแผ่นกลม วางไว้ใต้ก้น หรือใต้พระบาททั้งสองขององค์พระ

2.รกบาง ไม่ปรากฏสัญลักษณ์ในรูปองค์พระ เนื่องจากเป็นส่วนที่บางใสอย่างอากาศธาตุ ที่ห่อหุ้มอยู่รอบองค์พระ จึงไม่จำเป็นต้องใช้สัญลักษณ์

3.น้ำทัง หมายถึง ส่วนที่เป็นขมวดมวยอยู่บนเศียรขององค์พระ

4.ลำไส้ หรือสายสะดือ หมายถึง ส่วนที่เป็นเส้นที่ลากผ่านกลางหลังขององค์พระ จากด้านซ้ายไปด้านขวา หรือจากด้านขวาไปด้านซ้าย หรือเส้นที่ลากต่อจากขมวดมวยบนพระเศียรลงไปทางด้านหน้าจดกับสะดือ เพราะฉะนั้นสายสะดือกับขมวดมวยน้ำทังจึงเป็นส่วนที่ต่อเนื่องกัน


51
http://www.komchadluek.net/2007/05/18/photo_20211.php
วัดนางกุย นับเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับศึกษาหาความรู้ด้านประวัติศาสตร์และศิลปกรรมเป็นอย่างยิ่ง

เพราะมีโบราณสถาน โบราณวัตถุหลายชิ้น ที่สะท้อนให้เห็นถึงผลงานชิ้นเอก ที่บรรพบุรุษรังสรรค์ และทิ้งไว้ให้ลูกหลาน อาทิ พระประธานก่ออิฐถือปูนในอุโบสถ ที่สร้างในสมัยอยุธยา เป็นอุโบสถที่ไม่เหมือนกับที่วัดไหนๆ คือ ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ที่สร้างเป็นรูปเศียรพญานาค ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นโดยทั่วไป

 รอบพระประธาน มีพระพุทธรูปโดยรอบ ๘ ทิศ โดยเฉพาะด้านซ้ายมือของพระประธานมีรูปปั้นของ นางกุย นั่งพนมมืออยู่ด้วย ด้านบนเพดานตรงเศียรพระประธาน มีแผ่นไม้แกะเป็นลายดาวล้อมเดือน เป็นศิลปะที่งดงามมาก

http://www.komchadluek.net/2007/05/18/photo_20212.php
ภายในอุโบสถยังมี หลวงพ่อยิ้ม ประดิษฐานอยู่ด้านขวามือของพระประธาน ใครเข้าไปกราบสักการะแล้วคงอดอมยิ้มไม่ได้ เพราะ หลวงพ่อยิ้มจะยิ้มรับผู้มาเยือนเสมอ

 หลวงพ่อยิ้ม เป็นการเฉลิมพระนาม (ตั้งชื่อ) ตามลักษณะเด่นบางประการของพระพุทธรูป คือ "รอยยิ้ม"

 การเฉลิมนามลักษณะดังกล่าว ยังมีอีก เช่น พระอัฏฐารส (พระสูง ๑๘ ศอก) พระเจ้าแข้งคม (วัดศรีเกิดเชียงใหม่ พระชงฆ์ ๒ ข้างเป็นสันคม) หรือตั้งตามขนาดของพระพุทธรูป เช่น หลวงพ่อโต (พระพุทธรูปมีลักษณะองค์ใหญ่โต) หรือตามสีของโลหะ เช่น หลวงพ่อดำ (พระพุทธรูปสีดำ) หลวงพ่อขาว (พระพุทธรูปปูนปั้นสีขาว) เป็นต้น
หลวงพ่อยิ้ม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะจากไม้สักทอง ลงรักปิดทอง เป็นพระเก่าแก่อยู่คู่กับวัดมานาน จากคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ว่า สมัยก่อนหลวงพ่อยิ้มได้ลอยมาตามแม่น้ำเจ้าพระยามาติดอยู่บริเวณหน้าวัด เจ้าอาวาสและชาวบ้านจึงได้อัญเชิญหลวงพ่อยิ้มไปประดิษฐานในอุโบสถ วัดนางกุย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน


http://www.komchadluek.net/2007/05/18/photo_20213.php
นอกจากนี้ ด้านหน้าของอุโบสถยังมี แม่ตะเคียนทอง แกะจากไม้ต้นตะเคียนทอง ที่อยู่คู่กับวัดมานานกว่า ๔๐๐ ปี ต้นตะเคียนใหญ่ได้ยืนต้นตายเมื่อประมาณปี ๒๕๔๐ ทางวัดจึงนำไปแกะสลักเป็นรูปแม่ตะเคียนทอง สร้างเสร็จเมื่อปี ๒๕๔๓ โดยนิมนต์ หลวงพ่อนวล วัดพุทไธศวรรย์ ประกอบพิธีเบิกเนตร และนำมาไว้บนตอตะเคียนต้นเดิม เพื่อให้คนสักการบูชา ปัจจุบันมีผู้คนมากราบไหว้ ขอโชคลาภจากแม่ตะเคียนทอง กันเป็นจำนวนมาก? ?

 วัดนางกุย ตั้งอยู่นอกเกาะเมืองด้านใต้ ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันตก เลขที่ ๓๐หมู่ ๕ ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จากหลักฐานที่กรมศิลปากร บันทึกว่า สร้างใน พ.ศ. ๒๑๓๐ ผู้สร้างชื่อ นางกุย เป็นผู้ที่มีทรัพย์สินเงินทองมาก จึงมาสร้างวัดนางกุยขึ้น มีแม่น้ำไหลผ่าน วัดนี้ในอดีตเจริญรุ่งเรืองมาก ดูจากหลักฐานที่มี อาทิ พระพุทธรูปศิลาปางสมาธิ สมัยทวารวดี ประมาณพุทธศตวรรษ ๑๑-๑๖ (พ.ศ.๑๑๐๐-๑๖๐๐) หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าในปี ๒๓๑๐ วัดนางกุยได้รับความเสียหายมาก และถูกปล่อยให้ชำรุดทรุดโทรม

http://www.komchadluek.net/2007/05/18/photo_20214.php
จนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดในกรุงศรีอยุธยา (ไม่ทราบ พ.ศ.ที่แน่ชัด) วัดนางกุยเป็นวัดหนึ่งที่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ เช่น อุโบสถ หน้าบัน มีรูปนารายณ์ทรงครุฑ และรอบอุโบสถ ยังมีเสมาคู่ รวมทั้งเจดีย์ และพระปรางค์

 สันนิษฐานว่า เคยเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน โดยประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๘ หน้า ๑๖ วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๔

 นอกจากนี้ พระอธิการบุญเรือง ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัดนางกุยรูปปัจจุบัน ท่านเป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา ถือเป็นพระนักพัฒนาที่มีความตั้งใจจะสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ดำรงสืบไป โดยท่านได้ริเริ่มปลูกสวนสมุนไพรขึ้นในบริเวณวัด เพื่อใช้เป็นสถานศึกษาสำหรับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และชาวบ้านในละแวกวัด ให้มีความรู้ในคุณค่าของสมุนไพรไทย?

 พระอาจารย์บุญเรือง บอกบุญว่า ในปี ๒๕๔๙ วัดได้บูรณะซ่อมแซมและพัฒนาวัดนางกุย ประกอบด้วย พระปรางค์องค์เล็ก เจดีย์ล้านนา พระปรางค์ใหญ่ หลังคาหอสวดมนต์ เจดีย์กลาง ๔องค์ และร่วมพัฒนาสวนหย่อมเฉลิมพระเกียรติในหลวง (งบประมาณองค์การบริหารส่วนตำบลสำเภาล่ม)

 ขณะเดียวกัน ทางวัดยังต้องการปัจจัยเพื่อบูรณะกำแพงแก้วรอบอุโบสถ? สาธุชนท่านใดมีจิตศรัทธาร่วมทำบุญ ติดต่อได้ที่ วัดนางกุย จ.พระนครศรีอยุธยา โทร.๐๘-๙๑๐๕-๓๔๔๑, ๐๘-๙๑๔๑-๐๕๐๙, ๐๘-๑๒๙๓-๘๙๒๖

http://www.komchadluek.net/2007/05/18/photo_20215.php
 http://www.oknation.net/blog/sertphoto/video/2483   <<<ดูคลิปพระยิ้ม :025:

52
เจ้าอาวาสวัดชายคลอง ยังบอกด้วยว่า กว่า ๑๐๐ ปี ของการตั้งวัดมา ศาสนสถานก็ทรุดโทรมตามกาลเวลา แต่ก็ดูแลพัฒนาวัดจนมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ ขณะนี้มีโครงการจัดสร้างกุฏิสงฆ์ เพื่อรองรับพระภิกษุสามเณรที่เพิ่มขึ้น โดยจะจัดสร้างเป็นแบบ ๒ ชั้น จำนวน ๒๔ ห้อง ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก  คณะกรรมการวัดจึงมีมติจัดสร้างวัตถุมงคล จตุคามรามเทพ รุ่น ?ค้าได้ขายรวย? ประกอบด้วยพระบูชา พระผงว่าน พระพุทธสิหิงค์ เหรียญ ผ้ายันต์ และกำไล นับเป็นจตุคามฯ รุ่นแรกที่วัดจัดสร้างขึ้นเอง

 โดยประกอบพิธีเททอง และกดพิมพ์นำฤกษ์ไปแล้ว เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดย พระราชธรรมสุธี เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธาน และจะประกอบพิธีพุทธาภิเษก-เทวาภิเษก ครั้งที่ ๒ วันจันทร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ณ พระวิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของ จ.นครศรีธรรมราช และพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ จ.พัทลุง ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิต

 พุทธศาสนิกชนที่มีจิตศรัทธาร่วมบุญ สอบถามได้ที่ พระครูปัญญาสุทธิโสภณ โทร.๐๘-๗๒๗๑-๘๘๐๑ และ ๐-๗๕๓๖-๐๑๑๒

 
  :025:

53
ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ ของเมืองนครศรีธรรมราช ในอดีตนั้นจะจัดขึ้นปีละสองครั้ง คือ ในวันเพ็ญเดือนสาม (คือวันมาฆบูชา) ครั้งหนึ่ง และในวันเพ็ญเดือนหก (คือวันวิสาขบูชา)

แต่ในช่วงตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ แต่ประชาชนก็ยังคงนิยมมาร่วมในประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ ในวันเพ็ญเดือนสาม มากกว่าในวันเพ็ญเดือนหก

 ส่วนความเป็นมาของประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุนั้น สันนิฐานว่าน่าจะเกิดขึ้นเมื่อครั้งชาวนครศรีธรรมราชเริ่มรับพระพุทธศาสนามาจากอินเดีย ก็รับเอาประเพณีต่างๆ ตามแบบของชาวพุทธในอินเดียเข้ามาด้วย  โดยมักจะยึดถือกันว่า หากจะทำบุญหรือกราบไหว้บูชาให้ได้กุศลจริงๆ จะต้องปฏิบัติเฉพาะหน้าพระพักตร์พระพุทธองค์ หรือใกล้ชิดพระพุทธองค์มากที่สุดเท่านั้น 

 เมื่อพระพุทธองค์เสด็จเข้าสู่ปรินิพพานแล้ว แต่ยังมีตัวแทนอยู่ เช่น เจดีย์และพระพุทธรูป เป็นต้น การกราบไหว้บูชาสิ่งเหล่านี้ย่อมเท่ากับบูชาพระบรมธาตุเจดีย์  โดยการโอบรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ (ซึ่งชาวนครเรียกว่า "แห่ผ้าขึ้นธาตุ") เช่นนี้คือการบูชาที่สนิทแนบกับองค์พระพุทธองค์นั่นเอง

 เหตุที่ประชาชนนิยมมาร่วมในประเพณีนี้ในวันเพ็ญเดือนสามมากกว่า คงจะเพราะว่า ในสมัยนั้นการคมนาคมทางบกไม่สะดวก ชาวพุทธจากถิ่นไกลจึงมักจะนิยมมานมัสการพระบรมธาตุเจดีย์โดยทางเรือเป็นส่วนใหญ่ ในเดือนสามนั้น แม่น้ำคลองทุกสายที่จะมาสู่เมืองนครน้ำยังคงเต็มเปี่ยม สามารถที่จะมาทางเรือได้อย่างสะดวก ส่วนเดือนหกน้ำในคลองแห้งลงมาก การคมนาคมทางเรือจึงไม่สะดวกนัก

 ก่อนจะถึงวันเพ็ญเดือนสาม โดยปกติพุทธศาสนิกชนที่มีภูมิลำเนาในท้องที่ อ.ปากพนัง หัวไทร และเชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช  (ซึ่งชาวนครมักจะเรียกว่า "ชาวนอก") 

 และชาวเมืองสงขลา เพชรบุรี ราชบุรี ระนอง ชุมพร กลันตัน ตรังกานู ปะลิส และไทรบุรี มักจะออกเดินทางมาร่วมในประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ ในวันเพ็ญเดือนสาม โดยทางเรือ

 เรือที่ใช้มักจะเป็นเรือแจวขนาดเล็ก ที่มีกระแซงมุงหลังคาของเรือทุกลำ โดยนำเรือผ่านเข้ามาทางปากนคร แล้วแยกเข้ามายังคลองหน้าเมือง ครั้นถึงหน้าเมือง (บริเวณสะพานนครน้อยปัจจุบันนี้) จะนำเรือเข้าเทียบท่าทั้งสองฝั่งคลอง

 ในคลองหน้าเมืองจึงมีเรือของพุทธศาสนิกชนจากต่างถิ่นจอดกันแน่นขนัด บางปีมีเรือดังกล่าวนับเป็นร้อยๆ ลำ ทุกลำมีสมาชิกมากันลำละหลายๆ คน ภายในเรือมีการเตรียมเครื่องครัว ข้าวสาร และกับข้าวมาหุงกินกันในเรืออย่างพร้อมเพียง 

 ครั้นใกล้จะถึงกำหนดแห่ผ้าขึ้นธาตุ ในวันเพ็ญเดือนสาม ทุกคนจะขนข้าวของที่นำมาเพื่อทำบุญ และบริโภคขึ้นจากเรือ ไปพักรวมกันในวัดหนึ่งวัดใดใกล้ๆ กับวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เช่น วัดชลเฉนียน (วัดชายคลอง) วัดหน้าพระธาตุ วัดสระเรียง วัดสวนป่าน วัดหน้าพระลาน เป็นต้น

 โดยมักจะอยู่กันเป็นกลุ่ม ใครมาจากถิ่นเดียวกันก็อยู่วัดเดียวกัน เช่น ชาวสงขลาอยู่วัดหน้าพระธาตุ ชาวปากพนังอยู่วัดสระเรียง และชาวไทรบุรีอยู่วัดหน้าพระลาน เป็นต้น

 วัดชายคลอง มีความเกี่ยวพันกับประเพณี ?แห่ผ้าขึ้นธาตุ? ซึ่งเป็นประเพณีโบราณสัญลักษณ์ของเมืองนครศรีธรรมราช เพราะในอดีตเป็นวัดหนึ่งในจำนวนหลายวัด ที่พุทธศาสนิกชนจากหลายจังหวัดทางภาคใต้ อาทิ เพชรบุรี สงขลา ชุมพร ระนอง กลันตัน ตรังกานู ปะลิส และไทรบุรี ที่เดินทางโดยเรือ มาร่วมงาน จะขนข้าวของที่นำมาทำบุญและบริโภคขึ้นจากเรือไปพักไว้ ซึ่งส่วนมากจะเป็นวัดที่อยู่ใกล้ๆ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อาทิ วัดชลเฉนียน วัดหน้าพระธาตุ วัดสระเรียง วัดสวนป่าน วัดหน้าพระลาน เป็นต้น

 พระครูปัญญาสุทธิโสภณ เจ้าอาวาสวัดชายคลอง บอกว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ที่คลองเคยกว้าง เรือสามารถแล่นและกลับลำได้ กลับกลายเป็นคลองแคบๆ ประโยชน์ใช้สอยเป็นแค่ทางระบายน้ำเท่านั้น คลองไม่ได้ใช้ประโยชน์เหมือนในอดีต ซึ่งเดิมทีนั้น เป็นท่าเทียบเรือของคนที่เดินทางมาจากต่างอำเภอ เช่น อ.ปากพนัง อ.หัวไทร ก่อนที่จะไปงานห่มผ้าพระธาตุ และงานเทศกาลเดือน ๑๐ หรืองานสาร์ทเดือน ๑๐ เมื่อมาเทียบเรือแล้วก็จะมาหุงหาอาหาร ทั้งไว้กินเอง รวมทั้งถวายอาหารแด่พระสงฆ์

 ปัจจุบันนี้การคมนาคมเปลี่ยนไป คนหันไปใช้รถยนต์แทนคลองที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นหน้าวัด กลับกลายเป็นหลังวัด เนื่องจากมีถนนตัดเข้ามาแทน ขณะเดียวกันชาว อ.ปากพนัง อ.หัวไทร ที่เคยมารวมตัวกันที่วัด ก่อนจะไปงานแห่ผ้าห่มธาตุ ก็ลดน้อยไปตามกาลเวลา ไม่มากเหมือนในอดีต

http://www.komchadluek.net/2007/05/15/photo_19898.php
http://www.komchadluek.net/2007/05/15/photo_19899.php
เครดิต >ไตรเทพ  ไกรงู<

54
ไปดูใน กระทู้ "คำถามที่ถูกถามบ่อยๆ" นะ มีอยู่

55
ในการนี้ พระครูสังฆรักษ์บุญส่ง สุฐิโต เจ้าอาวาสวัดคูหาสวรรค์ รูปปัจจุบัน ได้จัดสร้าง เทวมงคล จตุคามรามเทพ สุริยัน จันทรา พระราหู รุ่น "มหากุศล ทรัพย์ เพิ่ม พูน สุข" พิมพ์น้ำตาลแว่น ขึ้น? เพื่อสนองศรัทธาประชาชน ที่มีต่อเทวมงคลดังกล่าว และเพื่อมอบเป็นเทวตานุสติ ให้แก่ประชาชน ที่ร่วมบริจาคบูชาสั่งจองสมทบทุนในการบูรณะศาสนสถาน ซึ่งเป็นสาธารณประโยชน์ในวาระสุดท้ายของชีวิตบุคคล อันเป็นมหากุศล ในการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา และเสริมบารมีให้แก่ชีวิต และครอบครัวเป็นยิ่งนัก

 พระครูสังฆรักษ์บุญส่ง บอกว่า มวลสารธาตุกายสิทธิ์ ที่นำเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกครั้งสำคัญในจ.พิษณุโลก ๕ ครั้ง เช่น เนื้อดำ ผงกะลาตาเดียว ผงกัลปังหาดำ ผงใบลานเก่า ผงงาดำ พลีจากเครื่องสังเวย ๑๖ พิธี เนื้อขาว ผงพุทธคุณ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลวงพ่อทบ วัดช้างเผือก ผงดอกบัวผงธูป บูชาพระพุทธรูปสำคัญ ๑๖ อาราม ผงงาขาวผงดอกบานไม่รู้โรยขาวพิธีจากเครื่องสังเวย ๑๖ พิธี ผงทรายขาว ถ้ำพระธรรมาสน์ เนินมะปราง เนื้อเหลือง ผงดอกดาวเรืองบูชาพระพุทธรูปสำคัญ ๑๖ อาราม ผงขมิ้นเสก หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ผงไม้มงคล ๙ เนื้อแดง ผงว่าน ผสมผงชาดเก่าจากฐานพระพุทธชินราช และพระพุทธรูปสำคัญ ๓ องค์ในคราวบูรณะ

 สำหรับกำหนดการประกอบพิธีนพเคราะห์ เทวาภิเษก และโสฬสมงคล พระครูสังฆรักษ์บุญส่ง บอกว่า ได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์โสฬสมงคลชื่อดัง ๑๖ รูป อาทิ หลวงพ่อพูนทรัพย์ วัดอ่างศิลา จ.ชลบุรี หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อสุข วัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง จ.ปทุมธานี หลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว จ.นครสวรรค์ จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๑๕ กรกฎาคม ณ มณฑลพิธี ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วัดคูหาสวรรค์ จ.พิษณุโลก และ โยงสายสิญจน์ จากพระหัตถ์พระพุทธชินราช พระทันตธาตุ บนพระปรางค์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ (วัดใหญ่)

 ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญในครั้งนี้ ติดต่อสอบถามได้ที่ วัดคูหาสวรรค์ จ.พิษณุโลก โทร.๐-๕๕๒๔-๓๗๕๗, ๐๘-๑๓๗๙-๘๖๔๗ และ ๐๘-๗๓๑๕-๔๑๑๒
 
ได้ทั้งบุญได้ทั้งของดี
http://www.komchadluek.net/2007/05/11/photo_19580.php

56
ท่องไปในแดนธรรมะ : ไม้คานค่ายพระนเรศวรฯ ณ วัดคูหาสวรรค์ เมืองพิษณุโลก


? ? ? ? ?วัดคูหาสวรรค์ ตั้งอยู่ริมคูเมือง และกำแพงเมืองโบราณ เมืองพิษณุโลก ทิศตะวันตก หรือบริเวณสี่แยกประตูเมืองพิษณุโลกจำลอง

 ก่อนถึงสะพานนเรศวร ข้ามแม่น้ำน่าน เป็นอารามที่มีสถานที่สำคัญควรค่าแก่การไปสักการบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกแห่งหนึ่ง ของเมืองพิษณุโลก แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนประวัติศาสตร์ ธานีมหาราชแห่งสยาม ดินแดนแห่งเรื่องราวของบรรพกษัตริย์ คือ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประดิษฐานพระบรมรูป พระอิริยาบถประทับยืนทรงพระแสงดาบ และ ไม้คานค่ายพระนเรศวร อันศักดิ์สิทธิ์

? ส่วนที่มาของ ไม้คานค่ายพระนเรศวร อันศักดิ์สิทธิ์ อัญเชิญมาจากไม้คานค่ายเก่า ที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงตั้งทัพที่ค่ายเมืองงาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งถูกโจรลักขโมยไปจากวัด ถึง ๔ ครั้ง แต่ต้องประสบเหตุ หลายประการ อาทิ ตอนกลางคืน ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังต่อสู้กันด้วยอาวุธกันกึกก้อง จนนอนไม่หลับ หรือ ประสบอุบัติเหตุ จึงต้องนำไม้คานค่ายพระนเรศวร มาคืนวัดทุกครั้งไป?

 นอกจากนี้แล้ว ภายในบริเวณวัดยังมีอาจาริยวิหารทรงไทย ซึ่งประดิษฐานรูปหล่อ หลวงปู่พันธ์ และพระครูปอน พระดีในดวงใจของชาวบ้านเมืองพิษณุโลก อดีตเจ้าอาวาส ปัจจุบันเป็นที่เคารพสักการบูชาของประชาชนทั่วไป มาบนบานศาลกล่าวสำเร็จสมปรารถนากันทุกวัน

 หลวงปู่พันธ์ พระเถราจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณของชาวพิษณุโลก ได้สร้าง วัดคูหาสวรรค์ เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๖ ภายหลังทรุดโทรม จน พ.ศ.๒๕๑๗ พระครูพิพิธวรการ หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า พระครูปอน โอภาโส ได้มาเป็นเจ้าอาวาสปกครอง เป็นที่เจริญศรัทธาปสาทนียแก่ประชาชนทั่วไปใน จ.พิษณุโลก ในความเป็นพระแท้รูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านสามารถกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ จึงร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์วัดคูหาสวรรค์ จนเจริญก้าวหน้า

 วัดคูหาสวรรค์ เป็นวัดของชาวบ้านอย่างแท้จริง ที่ให้ความอนุเคราะห์ สงเคราะห์ แก่ประชาชนชาว จ.พิษณุโลก และข้าราชการครอบครัวทหาร ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองทัพภาคที่ ๓ ในการบำเพ็ญกุศลศพ และฌาปนกิจศพ โดยไม่คิดมูลค่า หรือในเชิงพาณิชย์ เข้ามาเกี่ยวข้อง มาเป็นเวลากว่า ๓๐ ปี?

 ปัจจุบัน ศาลาธรรมสังเวช จำนวน ๔ หลัง และห้องสุขา ซึ่งก่อสร้างขึ้นด้วยฝีมือของพระภิกษุสงฆ์? สามเณร วัดคูหาสวรรค์ ที่ใช้บำเพ็ญกุศลศพของประชาชนทั่วไป โดยไม่จำกัดชนชั้นวรรณะ จึงมีประชาชนมาบำเพ็ญกุศลที่วันนี้เป็นจำนวนมากที่สุดใน จ.พิษณุโลก ได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา วัดจึงบูรณะซ่อมแซมปรับปรุงศาลาธรรมสังเวช เพื่อใช้บำเพ็ญศาสนกุศลในวาระสุดท้ายของชีวิต และศาสนพิธีในมงคลการต่างๆ
 

http://www.komchadluek.net/2007/05/11/photo_19578.php
http://www.komchadluek.net/2007/05/11/photo_19579.php
? ? ?เครดิต >ไตรเทพ ไกรงู<

57
บนเวทีการประกวดนางงามระดับประเทศ ต้องยองรับว่านางงามจากค่ายของ "ป้าชุลี ใจยงค์" มักจะติดอันดับเสมอ เช่น เนาวรัตน์ วัชรา, ธารทิพย์ พงษ์สุข นางสาวไทย ๒๕๒๘ "เอ้" ชุติมา นัยนา (นางสาวไทย ๒๕๓๐) "กบ" ปภัสรา เตชะไพบูลย์, ฟ้ารุ่ง ชารีรักษ์, "ลูกตาล" จริญญา หาญณรงค์ "หนิง" กมลา กำภู ณ อยุธยา ฯลฯ ด้วยเหตุนี้เอง "ป้าชุลี" จึงถูกขนานนามว่า "เจ้าแม่นางงาม"

 สำหรับมุมมองของการส่งสาวงามเข้าประกวดบนเวทีต่างๆ นั้น "ป้าชุลี" บอกว่า การประกวดนางงามเป็นเรื่องดี ไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าจะเสื่อมเสียก็คงอยู่ที่ตัวเด็กเองมากกว่า คืออาจเป็นเด็กใจแตกมาแต่เดิมแล้ว

 เด็กที่มาประกวดยังบอกกับป้าเลยว่า คนจะเสีย อยู่ไหนก็เสีย อยู่บ้านก็เสีย ถ้ามันจะเสีย ไม่ใช่ว่ามาประกวดแล้วจะทำให้เด็กเสียคน เรื่องปัญหากับสถานศึกษาก็ไม่มี เพราะเด็กเข้าประกวดที่มาอยู่กับป้า จะมีใบรับรองจากโรงเรียนมา บางมหาวิทยาลัยเขาก็ประกวดกันเป็นหน้าเป็นตา เด็กของป้าส่วนมากที่เข้าประกวดจะรักดี รักการศึกษา รู้จักแบ่งเวลา ถึงเวลาเรียนก็เรียน ถึงเวลาสอบก็ต้องสอบ ถ้าจะประกวดก็ต้องรอให้สอบเสร็จก่อนแล้วถึงมา ไม่ให้เสียการเรียน เพราะป้าจะบอกก่อนเลยว่าให้คิดถึงเรื่องเรียนก่อน 

  "เมื่อได้หลายตำแหน่ง ก็ได้รางวัล ได้สปอนเซอร์ ทำให้มีเงินส่งทางบ้าน ส่งน้องเรียน ส่งตัวเองเรียนหนังสือ จนจบปริญญาตรี ปริญญาโท ส่งตัวเองประกวด รับจ้างประกวด ได้ทั้งเงิน ทั้งรถ และอะไรอีกหลายอย่าง ได้งานการดีๆ มีงานโฆษณา มีงานถ่ายแบบ เล่นละคร บางคนก็ได้เป็นลูกดีเด่น เพราะกตัญญูต่อครอบครัว ได้เป็นคุณหญิงคุณนาย มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในสังคม ความรู้สึกคิดว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือให้มีชีวิตที่ดี วันเกิดทุกปีบุคลลเหล่านี้จะมาอวยพร บางคนมาไม่ได้ก็โทรศัพท์มาอวยพร เพียงแค่นี้เราก็ชื่นใจแล้ว" เจ้าแม่นางงาม กล่าวอย่างภาคภูมิใจ

 สำหรับพระเครื่องที่เจ้าแม่นางงามแขวนติดตัว คือ เหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี รุ่นฉลองอายุ ๘ รอบ เหรียญนี้ได้รับมาจากมือหลวงพ่อแดงโดยตรง สมัยที่มีโอกาสไปกราบท่าน

 ป้าเล่าว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านเกิดขึ้นเมื่อช่วง พ.ศ.๒๔๗๗-๒๔๘๐ เวลานั้นเกิดโรคระบาดสัตว์ ซึ่งเป็นโรคปากเท้าเปื่อยที่ติดต่อร้ายแรง สัตว์ต่างๆ พากันล้มตายเป็นเบือ สัตวแพทย์ก็ไม่มี ต้องขอให้ทางการมาช่วยฉีดยา ชาวบ้านจึงพากันไปหาหลวงพ่อแดง ให้ท่านช่วยปัดเป่าป้องกันโรคระบาดสัตว์ให้ด้วย

 หลวงพ่อแดงจึงปลุกเสกลงเลขยันต์บนผืนผ้ารูปสี่เหลี่ยมเล็กๆ แจกให้ชาวบ้านที่เลี้ยงวัวควาย นำไปผูกปลายไม้ ปักไว้ที่คอกสัตว์ของตน ปรากฏผลว่า คอกสัตว์ที่ปักผ้ายันต์หลวงพ่อแดง ไม่มีสัตว์ตายเลย

 กระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงครามมหาเอเชียบูรพา มีทหารญี่ปุ่นมาขึ้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เกิดการต่อสู้กับทหารอากาศของไทยที่นั่น ชาวเพชรบุรีชักชวนกันหาหลวงพ่อแดง ท่านก็ลงผ้าประเจียดยันต์แจกให้คุ้มครองป้องกันตัวเมืองเพชรบุรี เมื่อปี ๒๔๘๗ เกิดภัยสงครามชนิดร้ายแรง  มีระเบิดลงทุกวัน ทำลายสถานีรถไฟ สะพานข้ามแม่น้ำ บ้านเรือน โรงเรียนต้องสั่งปิด ข้าราชการไม่ได้ไปทำงาน ทุกหน่วยราชการปิดหมด

 ช่วงนั้นปรากฏเรื่องเป็นที่ฮือฮาว่า บ้านคนที่มีผ้ายันต์ หรือห้อยเหรียญหลวงพ่อแดง กลับไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย หลวงพ่อแดงจึงเป็นที่รู้จักของผู้คนโดยทั่วไป

 นอกจากเหรียญหลวงพ่อแดงแล้ว  "ป้าชุลี" ยังมีความศรัทธาใน องค์เจ้าแม่กวนอิม ที่บูชามานานกว่า ๔๐ ปี พร้อมกับนำองค์ท่านมาแขวนติดตัวอยู่เสมอ และทำให้ไม่รับประทานเนื้อสัตว์มาตั้งแต่บัดนั้นจนถึงทุกวันนี้ 

 ส่วนเหตุการณ์เฉียดตายนั้น ป้าชุลี เล่าว่า ครั้งหนึ่งเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เครื่องบินตกหลุมอากาศ ทำให้เครื่องบินสั่นไปทั้งลำ ช่วงเวลานั้นสิ่งที่ทำได้ คือ การสวดมนต์ นั่งสมาธิ เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

 อีกครั้งหนึ่ง ประมาณปี ๒๕๓๗ เดินสายส่งนางงามเข้าประกวด นางงามมิตรภาพไทย-ลาว ที่ จ.หนองคาย ระหว่างที่นั่งเครื่องบินไปถึงสนามบินแล้ว กลับลงจอดไม่ได้ เนื่องจากอากาศปิด ทำให้บางช่วงตัวลำของเครื่องบิน เด้งกระดอนอย่างแรง หลายคนเกิดอาการเมา อาเจียน หน้าซีดกันหมด  แต่ตัวเองไม่มีอาการอะไรเลยเพราะนั่งสมาธิอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน

 กิจวัตรประจำวันที่จะต้องทำคือ ตี ๔ จะต้องลุกขึ้นมาสวดมนต์ ตักบาตรตอนเช้า โดยทุกวันพระจะทำสังฆทาน ปล่อยปลาไหล ปลาหมอ ปล่อยเต่า ปล่อยหอยขม ชีวิตเกิดมาเป็นคนชอบทำบุญ มีความรู้สึกว่า ทำให้อายุยืน อย่างน้อยการสวดมนต์ ทำให้เรามีสมาธิ จิตใจที่ร้อนก็จะเย็น สงบ เรื่องการทำบุญตรงนี้ เชื่อว่าเป็นผลบุญที่ช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไม่อดอยาก เพราะมีบุญเกื้อกูล

 "ยิ่งคนเราเกิดมาต้องตายเป็นสัจธรรมชีวิต ที่ไม่มีใครหนีได้พ้น ดังนั้น สิ่งที่ช่วยเหลือใครไว้มันก็คือผลบุญแห่งความดี จริงๆ เป็นคนเชื่อเรื่องของกฎแห่งกรรม เพราะสามีป่วย และลูกสาวที่ป่วยหนักก็มาจากกรรมพันธุ์ ป้าก็คิดว่าเป็นกรรมเก่าของพวกเขา ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ากรรมเก่าที่ทำเป็นอะไร สิ่งที่ให้พวกเขาทำเพื่อลดวิบากกรรมตรงนั้น คือ การทำบุญ เพราะเป็นหนทางหนึ่ง ที่จะช่วยให้พ้นวิบากกรรมได้
   
http://www.komchadluek.net/2007/05/06/photo_19005.php

58
สำหรับการจัดสร้างจตุคามรามเทพ และพระศรีมหาลาภ พังพะกาฬ "รวยแน่แร่บางไผ่" ของวัดสามง่าม เพื่อหาปัจจัยสร้างซื้อที่ดินทำทางเข้าวัด รวมทั้งสร้างอุโบสถให้แล้วเสร็จนั้น หลวงพ่อไวพจน์ บอกว่า ได้เก็บแร่บางไผ่มาตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ เป็นต้นมา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเก็บมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ โดยนำไปจัดสร้างพระเครื่องชุดเบญจภาคีแร่บางไผ่ จากนั้นก็ทำพระหลวงพ่อ หลวงพ่อเขียน และพระปิดตา เป็นครั้งคราว โดยใช้ส่วนผสมของแร่บางไผ่เป็นหลัก

59
?แร่บางไผ่? เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีแหล่งแร่เฉพาะที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เท่านั้น ส่วนพุทธของแร่บางไผ่ เป็นโลหะธาตุที่นักนิยมพระเครื่องทราบดีว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์

เมื่อนำมาสร้างเป็นวัตถุมงคลจะทรงพลานุภาพความศักด์สิทธิ์เข้มขลัง ดังที่พระเกจิโบราณาจารย์คือหลวงปู่จัน เมื่อครั้งอดีตได้สร้าง?พระปิดตาแร่บางไผ่? เป็นสุดยอดวัตถุมงคลที่คงความยอดนิยมแถวหน้าตลอดมา

 ปัจจุบันนี้การสร้างวัตถุมงคลโดยใช้แร่บางไผ่เป็นมวลสารนั้นไม่ค่อยพบเห็น ด้วยเหตุผลที่ว่าพระผู้ที่เก็บแร่บางไผ่นั้นมีน้อยองค์ ขณะเดียวกันพื้นที่เก็บแร่นั้นก็ลดลงตามการขยายตัวของเมือง ที่สำคัญคือการสร้างวัตถุมงคลที่ใช้แร่บางไผ่เป็นมวลสารนั้นทำได้ยาก รวมทั้งวัตถุมงคลไม่สวยสมบูรณ์เหมือนการใช้มวลสารอื่นๆ?

 พระครูวิสาลสรคุณ (หลวงพ่อไวพจน์ กตปุญโญ) เจ้าอาวาสวัดสามง่าม อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งศึกษาวิธีเก็บและหุงแร่บางไผ่ บอกว่า ถิ่นกำเนิดของแร่บางไผ่ ความจริงแร่บางไผ่นั้นไม่ได้เกิดที่บางไผ่ แต่เกิดที่คลองบางคูรัด อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ดินเหนียวเหมาะแก่การเกษตรกรรมมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแร่ชนิดหนึ่งซึ่งเมื่อดูผิวเผินแล้วเหมือนดินดานจับปึกและมีในเนื้อที่ไม่กว้างนัก ชาวบ้านที่อาศัยพื้นที่ทำนาทำสวนไม่ทราบเลยว่านี่คือแร่ชนิดหนึ่ง เมื่อนำจากธรรมชาติมาหล่อหลอมด้วยไฟแรงสูงแล้วจะมีสภาพกลายเป็นแร่เหล็กทันที เพราะแม่เหล็กจะสามารถดูดติด แต่ถ้าอยู่ตามธรรมชาติ แม่เหล็กจะดูดไม่ติด

 ก่อนการเก็บดินที่มีส่วนผสมของแร่บางไผ่ต้องบวงสรวงขอจากเจ้าที่ก่อน โดยจะเก็บได้เฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั่น ซึ่งถ้าออกไปเก็บนอกฤดูฝนจะไม่พบ ปัจจุบันนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะพื้นที่บริเวณดังกล่าวจากในอดีตที่เป็นเรือกสวนไร่นา กลับกลายเป็นหมู่บ้าน โรงงานไปเกือบหมดแล้ว ทำให้สถานที่เก็บแร่น้อยลงไปด้วย ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าในอนาคตหากมีการสร้างหมู่บ้านจัดสรรมากๆ ในที่สุดก็จะไม่มีสถานที่เก็บแร่บางไผ่

 "คนอายุร่วม ๑๐๐ ปี เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนนี้มีมากมายในเนื้อที่ของตน แต่พอมาทีหลังค่อยๆ หายไปโดยไม่มีสาเหตุ และถ้าจะเก็บจะต้องบวงสรวงก่อน มิฉะนั้นจะหาไม่เจอและต้องเก็บในฤดูฝนเท่านั้น เมื่อเก็บแร่มาได้แล้ก็นำมาแช่ไว้ในโอ่งน้ำ โดยน้ำที่ใช้แช่นั้นเป็นน้ำคาวปลา (น้ำที่ล้างตัวปลาที่ทำแล้ว) เมื่อต้องการหุงแร่ก็นำไปผึ่งแดดให้แห้งจากนั้นก็เข้าเตาหลอม เมื่อหลอมก้อนดินที่มีส่วนผสมของแร่บางไผ่ก้อนที่หนัก ๑ กิโลกรัมจะได้เนื้อแร่บางไผ่ประมาณ ๕ ขีด" หลวงพ่อไวพจน์ กล่าว
พุทธคุณของแร่บางไผ่

 นายนิพนธ์ เฮงเส็ง หรือ นุ เพชรัตน์ เซียนพระเครื่องของสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย บอกว่า ตามคติความเชื่อเรื่องพุทธคุณของแร่บางไผ่ มีความเชื่อกันว่าความอัศจรรย์ดังกล่าวในการทำพระของหลวงปู่จันนั้น ผู้นำไปใช้นำมาเล่าขานกันต่อมาว่า คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย มั่งมีศรีสุข

 ในตำนานหลวงปู่จัน ผู้สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่ ท่านมีความรู้ในการเล่นแร่แปรธาตุ และรู้จักแร่ธาตุต่างๆ เป็นอย่างดี ท่านจึงนำแร่ดังกล่าวนี้มาเพื่อจะแปรธาตุให้เป็นทองคำ และท่านกล่าวไว้อีกว่า แร่นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เมตตา คงกระพันอยู่ในตัวแล้ว จึงไม่สามารถเป็นทองคำได้ ท่านจึงหันเหจากการแปรธาตุกลับมาทำเป็นพระปิดตายันต์ยุ่งที่ขึ้นชื่อลือชานักหนา ปัจจุบันมีการเช่าบูชากันในราคาเกือบล้าน

 นอกจากนี้แล้วแร่นั้นเสมือนมีชีวิตถ้าอยู่ตามธรรมชาติ จะต้องอยู่ในน้ำเท่านั้นจึงจะนำมาหล่อหลอมแล้วมีธาตุเหล็กเหลืออยู่ ถ้าอยู่ที่แห้งนานๆ ถึงแม้นำมาหล่อหลอมก็จะกลายเป็นเถ้า ไม่มีธาตุเหล็กหลงเหลืออยู่เลย และก่อนที่จะนำมาหลอม เมื่อนำมาจากธรรมชาติแล้ว ต้องเลี้ยงด้วยน้ำคาวปลา แร่นั้นจึงจะมีน้ำหนักสมบูรณ์ เมื่อมาหล่อหลอมก็จะไล่ขี้ออกได้ง่ายอย่างน่าอัศจรรย์

 "นักเดินไพรสมัยก่อนอมพระปิดตาแร่บางไผ่ไว้ในปาก เดินได้เป็นวันๆ ไม่ต้องกินน้ำ มีกำลังวังชา คนโบราณเอาพระแช่น้ำมันงาไว้ เอาสำลีจุ่มน้ำมางาทัดหูไป เพียงแค่นั้นก็อยู่คงแล้ว อุปเท่ห์การใช้พระแร่บางไผ่ ที่ให้คุณวิเศษอีกอย่างหนึ่งคือท่านให้เอาพระแช่น้ำผึ้งไว้ แล้วเอาน้ำผึ้งมากินทุกวัน ท่านว่าทำให้มีกำลัง ไม่เหนื่อยง่าย อายุยืน ไปไหนมาไหนก็คล่องแคล่วไม่เจ็บป่วย ที่ดินของชาวบ้านที่มีแร่บางไผ่ ไม่มีครอบครัวไหนที่ยากจนเลย มีแต่ครอบครัวมั่งคั่ง แร่บางไผ่นั้นเมื่อนำมาทำพระโดยสมบูรณ์แล้ว ต้องแช่น้ำมันงาจึงจะเกิดความสวยงาม ชุ่มฉ่ำ และดูลึกซึ้งยิ่งนัก" นุ เพชรัตน์ กล่าว

 สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเรื่องกรรมวิธีเก็บแร่และหุงบางไผ่ ทราบว่าหลวงพ่อไวพจน์จะออกไปเก็บแร่บางไผ่เพื่อมาสร้างวัตถุมงคล ฤดูฝนที่จะมาถึงนี้จะมีการเก็บอีก ใครสนใจสอบถามรายระเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.๐-๒๙๙๒๕-๕๓๘๐ และ ๐-๒๙๒๕-๕๙๒๑

รูปครับ   http://www.komchadluek.net/2007/04/24/photo_18232.php
เครดิต>>>ไตรเทพ ไกรงู (คม ชัด ลึก)

60
ผม ทาย61?เ ลขท้าย2ตัวออก 63? ถ้าเมตตาผมขอมั้งสิคับ

61
โจรดังอย่าง ตี๋ใหญ่ ก็ศิษย์หลวงปู่ โดยแขวนตระกรุด และพกผ้ายันต์ ของหลวงพ่อไว้

ตี๋ใหญ่โดนตำรวจระดมยิงทุกครั้งหลบหนีได้ทุกครั้งโดนไม่เป็นอะไร

62
รักนวลสงวนตัว   ดีม๊ากมากคับ

แต่....ที่เค้าโพสกันให้ดูรอยยันต์..อย่าไปคิดมาก :075:

63
เจ๋งมาก ผมชอบ :053:

64
ป๋าโยคี รอบรู้จังคับ :016: :025:

66
ชานหมาก  หรือว่า น้ำหมาก นั้นเอง!!

67
ดูแล้วเกิด กิเลส เลย อยากได้ๆๆๆ อยากดั้ยม๊ากมากม๊ากกกๆๆๆมากม๊ากมากกกกก

68
61 ครับ ผมอยากได้ตระกรุดคร๊าบบบ :016: :015:

69
ที่วัดบางพระยังมีเขี้ยว ตระกรุดหน้าผากเสือ,เสือโปร่ง,เขี้ยวหมูตัน ให้เช่าอยู่รึเปล่างับ
ถ้ามีราคาเท่าไหร่หรอครับ    :053:

70
สุดยอดครับพี่น้อง :016: :015:           :025:

71
ถ้าเป็นตามบทความนี้ ก็ขอเป็นคนแพ้  แต่ถ้าไม่เป็น ขอเป็นผู้ชนะดีกว่า :058:

72
พระคาถาท่าน อัศจรรย์มาก ผมเคยใช้ด้วยตนเองแล้วได้ผลครับ 


สัมมาอะระหัง   สัมมาอะระหัง   สัมมาอะระหัง

ธรรมกายอยู่เหนือเทคโนโลยี
:016: :015: :016: :015: :016: :015: :016: :015: :016: :015: :016: :015:

73
ศิษย์หลวงพ่อเดิม องค์สุดท้ายคือ หลวงพ่อจรัญ จ.สิงห์บุรี ท่านได้สอนวิชา หยุดช้าง(อะไรประมาณนี้)

75
ขอบคุณมากครับ อาโยคี  ได้รู้และได้เห็นสิ่งที่ผมมี :058:




งงๆ :057:

76
ผมว่าผมเคยในอ่านหนังสือพระนะครับ ทั้งหมดเลย  :003:

77
พ่อเพื่อนผม มี พระหลวงพ่อเกษม พิมพ์ระฆังรุ่น 1 ครับ  :016: :015:

78
ช่วยลงประวัติของท่านหน่อยได้ไหมครับ
 :002:




งงๆ :057:

79
 :026:ถ้ามีข้อมูลตามที่ผมโพสไว้ไงก็ช่วยบอกด้วยนะคร๊าบบ :026:




งงๆ :100:

80
รบกวนถมหน่อยครับป๋าโยคี หาซื้อได้ตามร้านทั่วไปหรอครับ




งงๆ :100:

81
ขอถามว่า ตระกรุด หลวงพ่อจำรัส วัดเขาภูตอง (ที่ออกเรื่องจริงผ่านจอ) ยังมีให้เช่าอยู่หรือเปล่าครับ ราคาบูชาเท่าไหร่หรอครับ   

               ใครรู้ช่วยบอกทางไปหน่อยครับ 





        งงๆ :100:

82
 :016: :015: ก็เหล็กไหลกับตระกรุดมันคนล่ะอย่างกันนี้ครับ

83
ผู้มีเหล็กไหลไว้บูชาติดตัว มีข้อห้ามอะไรไหมครับ และต้องถวายอะไรให้ท่านหรือเปล่า? :026: :026:





                                     งงๆ   :100:

87
โพสถามข้อมูลได้มั้ยอ่าครับ :003:

88
สวยทุกรูป สวยสุดๆเลยคร๊าบ :016: :015:

89
 :016:อาจารย์ท่านไหนสักสวยครับ เรื่องความขลังคงจะไม่ต้องพูดถึงเพราะขลังทุกองค์ :015:

90
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ

92
 :093:    มันไม่เหมาะอ่า!!!!

94
อยากทราบทางไปของวัด กลางบางพระครับ

อยากรู้ว่าที่วัดยังมี เหรียญราหูอมจันทร์(และวัตถุมงคลอื่นๆ) ที่ หลวงพ่อพุฒ สุนทโร ปลุกเสกให้เช่าอยู่รึเปล่าครับ แล้ว                   ราคา     ประมาณเท่าไหร่ ครับ 




                                         ขอบคุณมากครับ
:016: :015:

95
โห  ทำไมถึงถ่ายติดล่ะคับ  ผมไปดูรูปแบบเนี่ยเหมือนแต่รูปที่ผมดูไม่เห็นมีแสงที่บอกเลย    :069:

96
ผมไม่ได้ดูอ่ะครับ แต่อยากดูอะ ไปดูได้ที่ไหนหว่า    :043: :043:

97
โห จะเอายันต์ แดงเก ดำดื้อ เลยหรอ    ยันต์ระดับเทพนะครับ      :058:

99
สวยมากครับ สวยๆทั้งนั้นเลย  :016: :015:

100
ตกลง

101
น่าสงสารมาก คงเป้นเวรกรรม   :065:

103
 :053: ยิ น ดี ต้ อ น รั บ ~                 :058:

104
เจ๋งคราบ

105
กระทู้ ทุกกระทู้ผมก็อ่านหมดแล้วนะครับ แต่ผมจำได้ว่าไม่มีเหล็กน้ำพี้เลยให้ผู้รู้ โพสให้นะครับ

106
เยี่ยมเลยครับ     พวกพี่ทั้งหลายครับผมอยากรู้ว่า เหล็กน้ำพี้ เป็นยังไงอ่ะครับ ช่วยอธิบายให้เข้าใจทีครับ


ขอบคุณคร๊าบบบ

107
:100: ตื่นเต้น   ตกใจ ม้างงง

108
55+ข้อมูลเค้าดีจิงๆ^^" :004:

109
ท่านขุน คนนี้เป็นใครหรอครับ ทำไมถึงมีปฏิหารย์ ล่ะครับ ขอทราบประวัติของท่านทีครับ ผู้รู้ช่วยบอกที :016: :015:

110
 :093: มาวัดบางพระดีกว่าครับ ของแท้!!!! ราคาถูก!! แต่ไกลนิดหน่อยไม่เป็นไร :005:

111
 :003: ขอรูปยันต์ หอมเชียง หน่อยครับ ของแบบสวยๆนะครับ
ขอบคุณมากครับ

112
 :062: อยากรู้ว่า จตุคามรามเทพ ดีจริงหรอคับ เห็นเค้าบอกว่า เซียนพนันใส่จตุคามรามเทพโดนยิงไม่ตายแต่ผู้รู้เค้าบอกว่าเซียนพนันใส่ชกเกราะเลยยิงไม่ตาย
 

**************แต่โดนอีกทีก็ตาย? ? ใครมีประสบการณ์ช่วยเล่าให้ฟังทีครับ


***ไม่ได้ลบหลู่นะครับ แค่อยากรู้*

113
 :D ผมไปรับมาแล้วคับ รับกับมือคับ แต่ถ้าจะไปเอาจริงๆต้องไปรับกับมือท่านนะครับ  อ่าไปเกบคนข้างหน้า       เราอาจจะไม่ใช่ของหลวงพ่อ     ทางไปนะคับ    อยู่ อ.เสนา แถวปางช้าง ต้องเข้าไปในซอยนะคับถามคนแถวนั้นก็ได้เค้ารู้ ผมก็อยุ่แถวบางกะปิเหมือนกันครับ :o :o :o :o

114
 :052:? ? ?บอกทีครับว่าดูยังไงอ่ะ 


                 แล้วผจะรู้ได้ไงอ่ะครับว่าผมธาตุอะไร

115
 ;) ผมว่าน่าจะเป็นเขี้ยว >หมูป่า<นะคับ

116
ตะกรุดสีดำของหลวงพ่อจำลอง

? ? ?ใส่อาบน้ำจะเป็นอะไรไหมครับ?
? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?ถ้าทองหลุดจะเป็นอะไรไหมครับ


 :053: :053: :053:<<<ขอพระคาถาบูชาหน่อยครับ>>> :053: :053: :053
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?ขอพระคาถาที่ถูกต้องหน่อยสิคับเอาแบบพิมพ์ดีๆถูกทุกตัวอักษรอ่ะคับ:
                                                ต้องท่องกี่จบอ่ะคับ

117
 :057:? อยากรุ้ว่าตกรุดสีดำของท่านเจ๋งจิงรึเปล่าคับ ใครมีประสบการณ์ ก็ช่วยบอกหน่อยคับ :016: :015:
ถ้าทองคำเปลวหลุดออกจะเป็นอะไรรึเปล่าคับ     











? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?:017:

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? :017:
? ?
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? :017:


ขอบใจมาคับ :017:

118
น้า โยคี มีเรื่อง อัศจรรย์ของเกจิท่านอื่นอีกไหมคับเอามาโพสให้ข้าพเจ้าหน่อยคับ จะได้เป็นความรู้ติดตัว

119
ทำผิดข้อห้ามทั้งหลายอ่ะคับ จะต้องทำยังไงคับ ผู้รู้โปรดบอกผมที :043: :043:



















 :093:

ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยคับ :100:

120
มีพระคาถาดีๆ  ไหมคับ ผมจะได้เอาไปภาวนามั้งคับ จะได้เป็นศิริมงคล ช่วยโพสให้ถูกทุกตัวอักษรด้วยนะคับ :016: :015:

121
 :092:          สักยันต์  ใส่พระ  ปลัดขิก   ใส่เครื่องรางของขลังแล้วมีsexได้ไหมคับ

123
- - เห็นท่านบอกว่า ถ้าเป็นเด็กท่านจะไม่ให้บูชาสีแดง จะให้บูชาสีดำ

124
อยากทราบว่า ท่านจะให้ตะกรุดสีดำแก่ผผมรึเปล่าคับ เพราะผมอายุ14 แต่อยากได้มากชอบมากคับ อยากไปเอานะคับ

ขอความคิดเห็นด้วยคับ







125
 :o การสักน้ำมันเห็นรอยด้วยหรอคับ ตอบที คับ

เปนรอยแดงๆอย่างงี้หรอคับ

หรือไม่เหนรอย

126
 :053:  อยากเห็นรูปถาพ การสัดน้ำมันอ่ะคับ ช่วยมาโพสกันหน่อยนะคับ เอาเยอะๆ

127
สะพานหัวเดียวคืออะไรคับอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อย







ขอบคุณครับ :053:

หน้า: [1]