แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - หลวงพี่เก่ง

หน้า: [1]
1
สรุปยอดการจองที่วัด

ชาย

S--------------1 ตัว
M------------- 2 ตัว
L ------------- 10 ตัว
XL ----------- 5 ตัว
XXL ---------- 2 ตัว
พิเศษ 54 นิ้ว -- 2 ตัว



หญิง

M ------------ 1 ตัว
L ------------- 1 ตัว
XL ----------- 2 ตัว

2
รายนาม
ร่วมเป็นเจ้าภาพการจัดพิมพ์หนังสืองานทำบุญอายุวัฒนมงคล ๖๐ ปี
พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร)
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๖
**********
พระสุธี  สุเมโธ      วัดบางพระ   ๑๐,๐๐๐
พระครูปลัดประวิทย์ วรธมฺโม   เลขานุการเจ้าคณะอำเภอดอนตูม   วัดบางปลา   ๕,๐๐๐
พระสมุห์ไพรวัน คุณวนฺโต      วัดโคกเขมา   ๕,๐๐๐
พระชลอ ปญฺญาปชฺโชโต      วัดบางพระ   ๓,๐๐๐
พระครูสังฆรักษ์วรรณ์วิสุทธิ์ สุวํโส   เลขานุการเจ้าคณะตำบลวัดละมุด   วัดใหม่สุคนธาราม   ๒,๐๐๐
พระปลัดประพจน์  สุปภาโต   เลขานุการเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี   วัดสำโรง   ๑,๐๐๐
พระสัมฤทธิ์ มหิสฺสโร      วัดบางพระ   ๑,๐๐๐
พระบุญรอด  อตฺถสารี      วัดบางพระ   ๑,๐๐๐
พระสำรวย  สุทฺธิเสวี      วัดบางพระ   ๕๔๐
พระปฐพี  สีลเตโช      วัดบางพระ   ๕๐๐
พระทวีรัฐ  ทินฺนวโร      วัดบางพระ   ๑๐๐

คณะอุบาสก-อุบาสิกา วัดบางพระ         ๓๑,๕๐๐
นางสุพร  พละเสรีนันท์         ๑๐,๐๐๐
นายปฐมพงษ์  สูญจันทร์         ๕,๐๐๐
.....................          ๕,๐๐๐
นายจรินทร์  ตุ้มทองคำ         ๑,๕๐๐
น.ส.พรรณฐิพญ์ เจียมวีระบรรยง         ๑,๕๐๐
ดร.ลุยง วีระนาวิน         ๑,๓๕๐
ผศ.ดร.ธีรศักดิ์  อุ่นอารมณ์เลิศ         ๑,๓๕๐
พ.ต.อ. (พิเศษ) สมพร จารุมิลินท         ๑,๐๐๐
นายปทุม  โพธิ์สวรรค์         ๑,๐๐๐
ด.ช.ชลล์พฤกษ์ ด.ญ.จารุรัศมิ์ ตรงต่อศักดิ์         ๑,๐๐๐
นายกาลัญญู ศรัณยา  ประภาลังศุ         ๑,๐๐๐
ครอบครัวหงษ์ทองมี         ๑,๐๐๐
ผญ.โกศล  เทียมเวหา         ๑,๐๐๐
ผญ.ปรัชญา  เนียมรุ่งเรือง         ๕๐๐
นายสายัณห์  ยอดศรีคำ, นางบังอร  อมรวัฒนา         ๕๐๐
นายพีรเดช  การดำริห์         ๕๐๐
นายพงษ์ศักดิ์  ภิญโญ         ๕๐๐
นายวีรวัชร์  ไชยาศรี         ๕๐๐
นายอภิชัย นางลัดดาวัลย์  ศรีพลทัศน์ และครอบครัว         ๕๐๐
นายมนูญ นางมยุรี  เอี่ยมอำพันธุ์ และครอบครัว         ๕๐๐
นางจำลอง  แป้นคุ้มญาติ         ๕๐๐
น.ส.จินตนา  แก้วภารา         ๕๐๐
นางบรรจง  อุ๊นสกุล         ๕๐๐
นางมาณี นัดสูงวงศ์, นางเติม  นุ่มสาลี         ๓๑๐
นางฉลวย  ทองมุข         ๓๐๐
นายเปี๊ยก นางแอ๊ด  ทรัพย์เพิ่ม         ๓๐๐
นายมานะ นางวันดี  สำราญหันต์         ๓๐๐
นายประเสริฐ  รุ่งเรือง         ๒๐๐
นายชิษณุพงศ์ นางอัมมาวสี อินทร์ภูเมศร์         ๒๐๐
นายตองพล ธันชัยรัศมี  เฟื่องฟู         ๒๐๐
นางจำรัส จำเรียง จารุณี ด.ญ.เพชรลดา  เนียมรุ่งเรือง      ๒๐๐
นางสมบุญ  อ่อนละเอียด         ๒๐๐
นางสัมฤทธิ์  วงศ์ศรีสังข์         ๒๐๐
นางจำลอง  มากบ้านดอน         ๒๐๐
นางอำไพ  อินทร์ภูเมศร์         ๒๐๐
นางสายทอง  การดำริห์         ๒๐๐
นายอนุสรณ์  ศรีสำปทวน         ๑๕๐
นางบุบผา  นุชบุษบา         ๑๕๐
นางวนิชดา  วงศ์ศรีสังข์ และครอบครัว         ๑๕๐
น.ส.วรรณา  เถรกุล         ๑๕๐
นายปิติเวท  อ่ำระมาด         ๑๕๐
น.ส.ลลิตา  นุชบุษบา         ๑๕๐
นางสุกัญญา  นุชบุษบา         ๑๔๐
นางสำรวย  จิ๋วเจริญ         ๑๐๐
นางสาววัชรี  ปิ่นเวหา         --
นางสุนันท์  นุชบุษบา         ๑๐๐
นางทองใบ  จิ๋วเจริญ         ๑๐๐
นายสำรวม นางทองชุบ  จิ๋วเจริญ         ๑๐๐
ด.ช.จารุวัฒน์  ศรีบุญขำ         ๑๐๐
นางมณี  รักเจริญ         ๑๐๐
นางมาลี  เทวสุคนล์         ๑๐๐
นางสำลี  แซ่อุ๊น         ๑๐๐
นางช้อย  กลิ่นรอด         ๑๐๐
นางรุจา  นุชบุษบา         ๑๐๐
น.ส.ปนัดดา  เพ็งเพ่งพิศ         ๑๐๐
ด.ช.ภานุวัฒน์  บังทัศน์         ๑๐๐

3
๑๘. นางสาวพรรณฐิพญ์ เจียมวีระบรรยง _____ ๑,๕๐๐ บาท
๑๙. ด.ช.ชลล์พฤกษ์ ด.ญ.จารุรัศมิ์ ตรงต่อศักดิ์ _____ ๑,๐๐๐ บาท
๒๐. พระปลัดประพจน์  สุปภาโต เลขานุการเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี วัดสำโรง _____ ๑,๐๐๐ บาท
๒๑. เผ่า คลองเตย _____ ๑,๐๐๐ บาท

4
2. พระชลอ ปญฺญาปชฺโชโต       วัดบางพระ   _____ ๓,๐๐๐ บาท
3. พระสัมฤทธิ์ มหิสฺสโร      วัดบางพระ   _____ ๑,๐๐๐ บาท
4. พระบุญรอด  อตฺถสารี      วัดบางพระ   _____ ๑,๐๐๐ บาท
5. พระปฐพี  สีลเตโช      วัดบางพระ   _____ ๕๐๐ บาท
6. พระสำรวย  สุทฺธิเสวี      วัดบางพระ   _____ ๕๔๐ บาท
7. พระทวีรัฐ  ทินฺนวโร      วัดบางพระ   _____ ๑๐๐ บาท
8. พระอนุรักษ์ ..........      วัดบางพระ   _____ ๘๐ บาท
9. พระจักรพงศ์  ..............      วัดบางพระ   _____ ๖๐ บาท

10.นางสุพร  พละเสรีนันท์   ผู้อำนวยการวิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุข   _____ ๑๐,๐๐๐ บาท
11.นายปฐมพงษ์  สูญจันทร์      _____ ๕,๐๐๐ บาท
12.นายปทุม  โพธิ์สวรรค์      _____ ๑,๐๐๐ บาท
13.ผญ.ปรัชญา  เนียมรุ่งเรือง      _____ ๕๐๐ บาท
14.นายพีรเดช  การดำริห์      _____ ๕๐๐ บาท
15.นายพงษ์ศักดิ์  ภิญโญ (กุ้ง บางพระ)      _____ ๕๐๐ บาท
16.นายวีรวัชร์  ไชยาศรี (ปัญญานุสสติ/สิบทัศน์)      _____ ๕๐๐ บาท
17.นายมานะ นางวันดี  สำราญหันต์      _____ ๓๐๐ บาท


5
เล่มละ 158 บาท 1,000 เล่ม ก็เป็นเงินจำนวน 158,000 บาท

1. ผู้การเสือ บริจาคแล้ว 1,000 บาท

6
มาบอกบุญ
ขณะนี้กำลังจัดพิมพ์หนัีงสือที่ระลึกงานบำเพ็ญกุศลฉลองอายุวัฒนมงคลครบ ๖๐ ปี พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ ในวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๖ ท่านใดจะสมทบทุนจัดพิมพ์หนังสือ จำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม สามารถบริจาคสมทบการจัดพิมพ์ได้ที่ หลวงพี่เก่ง ที่วัดบางพระ หรือโอนเงินเข้าบัญชี (ตามรูป)




โอนแล้ว แจ้งชื่อ-นามสกุล พร้อมหลักฐานการโอนได้ที่กระทู้นี้ เพื่อจะพิมพ์ชื่อลงในหนังสือต่อไป --- ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึง วันศุกร์ที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ท่านทั้งหลาย ตลอดกาลนาน เทอญ.



8
ขออนุญาตขุดกระทู้นี้ขึ้นมานะครับ

ขออนุญาต ท่านนนท์ ใช้ภาพเหรียญเงินลงยาสีน้ำเงิน และภาพล็อคเก็ต ในกระทู้นี้ลงในหนังสือประวัติหลวงพ่อสำอางค์นะครับ

11
ไม่พูดมาก มาชมภาพกันดีกว่า
























12
เดี๋ยวว่างจะลงภาพต่อให้นะ

13
555 โดนลงตัดหน้าไปแล้ว อย่างนี้ก็สบายเราไป อิอิ ว่าจะลงประกาศแล้ว รอไฟล์จากครูเทพอยู่ จนป่านนี้ยังไม่ได้

14
ยังมีเสื่ออยู่อีกนะครับ ใครอยากได้ ใครต้องการ ติดต่อมาทางข้อความของเวปบอร์ดก็ได้ครับ

15
9 ยอดมีแล้วครับ เลยอยากขอ 8 ทิศ

แล้วจากวัดท้องไทรไป วัดบางพระ หรือ วัดบางพระไปวัดท้องไทร ไม่ทราบว่าจะเดินทางยังไงอ่ะครับ


ขอบคุณครับ


ไม่มีรถส่วนตัวอ่ะครับ


รถเมล์เครื่อง (มอไซด์รับจ้าง) อย่างเดียวเลยครับ วัดท้องไทรไม่มีรถเมล์วิ่งผ่าน

16
ท่านไม่ได้สังกัดอยู่วัดบางพระครับ ท่านมาช่วยสักที่วัดก็จริง แต่พอถึงช่วงเข้าพรรษาท่านก็จะไปจำพรรษายังวัดของท่าน

17
ใครได้ของรางวัล (หมวก) ไปบ้าง กรุณาใส่บนศีรษะ แล้วถ่ายรูปโพสลงกระทู้นี้ด้วยครับ

มาโชว์หน้าโชว์ตา โชว์หมวกกันหน่อย  :016: :015:

18
เสื้อเว็บบอร์ดวัดบางพระเชิญที่สำนักงงานวัดบางพระเลยครับ
ถ้าสำนักงานปิดลองเดินมาดูที่ร้านดอกไม้พี่กุ้งก็ได้ครับ
ถ้าเป็นเสื้อยืดสกรีนเชิญที่กุฏิใหญ่ริมน้ำครับ



พูดถูก พูดจริงครับ อิอิ มีคนตอบแทนให้ ขอบใจจัง

19
ฝากให้คิดครับ : ลองทำไม ทำไมต้องลอง ลองเพื่อให้ได้อะไร แล้วสุดท้ายใครได้ ใครเสีย


หลวงพี่ติ่งท่านเคยเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่เปิ่นห้ามการลองของ เพราะของดีจริงไม่ต้องลอง เวลาเกิดเหตุการณ์คับขันก็จะได้รู้เองว่าดี ว่าเหนียวแค่ไหน ศักดิ์สิทธิ์เพียงใด

เรื่องแบบนี้ เคยทำหนังสื่อชี้แจงไปทางนิตยสารฉบับหนึ่ง เพราะข้อมูลในนิตยสารนี้ คนเขียนท่านนั้นอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปบ้าง ว่าวัดบางพระเมื่อสักเสร็จแล้วก็จะมีการลองของโดยการฟัน แทง ตามร่างกาย ก็เลยต้องมีการชี้แจงไป แล้วทางสำนักพิมพ์ก็ได้ลงหนังสือชี้แจงลงในแล่มถัดไป

20
กราบนมัสการและขออภัยมา ณ ที่นี้
พอดีผมสั่งเสื้อไป 4 ตัว ให้จัดส่งทางไปรษณีย์
ปรากฏว่าได้รับพัสดุไปรษณีย์ 2 ชุดๆละ 4 ตัว ทำให้ได้เสื้อเกินมา 4 ตัว
ตั้งใจว่าจะโอนเงินค่าเสื้อมาให้ ( มักจะนึกได้ตอนที่ไม่อยู่หน้าคอมฯ  :043:)
วันนี้โอกาสอำนวย ก็เลยจะสอบถามเลขที่บัญชี เพื่อโอนเงินค่าเสื้อ เป็นจำนวนเงิน 1,200 บาทมาให้ครับ
ขออภัยอีกครั้ง  :054:










ติดตามกัน หลังไมค์ครับ

21
ยังมีเหลือครับ ติดต่อที่สำนักงานวัดได้เลย


หรือไปติดต่อที่ คนขายดอกไม้ หน้ากุฏิหลวงพี่ญาครับ

22
สอบถามครับว่าจะไปซื้อหลังวันที่ 30 นี้ได้หรือเปล่าครับ


อาจจะได้ครับ ถ้าเสื้อยังไม่หมด

23
สวดพระพุทธมนต์



สวดมาติกา - รับทักษิณานุประทาน



รับทักษิณานุประทาน






24
ถ้าได้มาอีก แบบขึ้นรถมานะค่ะ
ไปแบบลุยๆนะ  ไปที่ขึ้นรถ ...ถามรถไปนครปฐม   :052:

-->นั่งรถไปนครปฐม
-->ไปลงท่านา ...(บอกคนขับให้แจ้งเมื่อถึงแล้ว)

-->รอรถเมล์บางพระ ...(รถเมล์ป้ายบางพระ ค่ารถ 18 บาท)ที่แยกท่านา ฝั่งช็อปขายของ
(มีรถเมล์อีกคันป้ายไม่แน่ใจว่าชื่ออะไรตอนๆ..แต่ไม่ถึงต้องต่อรถมอไซต์อีก 20 บาท)

-->ลงหน้าวัดบางพระ ...(บอกกระเป๋ารถเมล์ไว้ ให้เตือนๆเผื่อลืม)
-->ถึงวัดจ้า ..สาธุ  :054:

รถเมล์เดินฝั่งซ้าย มองขวามือไว้ ..จะเจอป้ายหลังคาน้อย หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
ซ้ายมือเป็นป้าย ..เชิญร่วมทำบุญวันคล้ายวันมรณะภาพหลวงพ่อเปิ่น 30 มิ.ย 55



"ดอนตูม" ใช่ไหมเอ่ย  :052:

25
มั่นใจได้เลยครับ รุ่นนี้ทันแท้แน่นอน ยังไม่มีปลอม

26
ขอแจ้งสำหรับผู้ที่พลาดเสื้อ รุ่น ๔ เนื่องจากเกิดความผิดพลาดทางการจัดส่งทำให้บางท่านยังไม่ได้รับเสื้อ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสั่งทำใหม่ และขั้นต่ำในการสั่งทำใหม่ คือ ๑๐๐ ตัว ดังนั้นในขณะนี้ จึงเปิดโอกาสให้แก่ท่านทีสั่งจองไม่ทัน สามารถซื้อได้ ในวันคล้ายวันมรณภาพพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) ที่สำนักงานวัดบางพระ ในวันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เท่านั้น โดยไม่รับสั่งจองทางเวปบอร์ด หรือทางเฟสบุ๊คของวัดบางพระ

เสื้อผู้ชายมี ๔ size คือ M   -    L    -     XL    และ     XXL
เสื้อผู้หญิงมี ๓ size คือ M   -    L    และ  XL   

แต่ละขนาดมีจำนวนจำกัด

28
ขอตอบด้วยคนได้ไหม อยากได้ อิอิ

30
งานนี้ไม่ได้ไป ติดภารกิจการสอบ

31
และขอแจ้งสำหรับผู้ที่พลาดเสื้อ รุ่น ๔ เนื่องจากเกิดความผิดพลาดทางการจัดส่งทำให้บางท่านยังไม่ได้รับเสื้อ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสั่งทำใหม่ และขั้นต่ำในการสั่งทำใหม่ คือ ๑๐๐ ตัว ดังนั้นในขณะนี้ จึงเปิดโอกาสให้แก่ท่านทีสั่งจองไม่ทัน สามารถซื้อได้ ในวันคล้ายวันมรณภาพพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) ที่สำนักงานวัดบางพระ ในวันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เท่านั้น โดยไม่รับสั่งจองทางเวปบอร์ด หรือทางเฟสบุ๊คของวัดบางพระ

เสื้อผู้ชายมี 4 size คือ M   -    L    -     XL    และ     XXL
เสื้อผู้หญิงมี 3 size คือ M   -    L    และ  XL  

แต่ละขนาดมีจำนวนจำกัด

32
ขณะนี้ขนาดพิเศษ รอบอก 80 " จำนวน 1 ตัว ของ คุณจิรัญธนา  เพ็ชรรัตน์ เรียบร้อยแล้วครับ ไม่ทราบว่าจะให้จัดส่งหรือมารับเองที่วัด

33
ตามลิงค์นี้เลยนะครับ 



https://www.facebook.com/media/set/?set=a.331420820260630.73411.100001781452048&type=1&l=465d04cb54



จะให้อัพลงทีละรูปคงไม่ไหว เลยต้องขออภัยผู้ที่ไม่มีเฟสบุ๊กด้วย

34
โห มาวันที่ไม่ได้อยู่วัด ทำไงดีเนี่ย อิอิ

35

พอดีผิดพลาดทางเทคนิคที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในขณะนั้น

กราบขออภัยลูกศิษย์ทุกๆท่านอย่างสุดซึ้งครับ  :054:


ขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวครับ  :001:

36
มาขึ้นรถเมล์สาย นครปฐม-บางพระ ที่ท่ารถ เลยครับ

37
รายงานการรับเสื้อที่กระทู้นี้ได้เลยครับ

38
ผู้ที่สั่งจองเสื้อบอร์ดรุ่น 4 ไว้ และจะมารับเองที่วัด ขอให้มารับวันที่ 1 มีนาคม เป็นต้นไปนะครับ เนื่องจากว่าติดเรียนและไม่ได้อยู่วัด กลัวว่าจะมาเสียเที่ยว เสียเวลา

40
้ภ้ามาทางนครชัยศรี ก็ไปจอดที่หลังวัด

ส่วนที่มาทางพุทธมนฑล หรือบางเลน ให้จอดฝั่งตรงข้ามวัดแล้วเดินข้ามแม้น้ำสักหน่อย คงไม่เมื่อยจนเกินไปครับ

41
ไม่ใช่ทีมงาน แต่เป็นผู้จัดทำเสื้อทุกรุ่น พอจะตอบแล้วรับของรางวัลได้มั้ย อิอิ :007:



ล่องลอย ล่องลอย ล่องลอย ล่องลอย ล่องลอย ล่องลอย ล่องลอย ล่องลอย ล่องลอย ล่องลอย ล่องลอย ล่องลอย

42
มีแน่นอนคนับ ปีนี้ได้พื้นที่จอดรถเพิ่มเติมบริเวณหลังวัดอีก 9 ไร่ ตอนนี้กำลังถมใกล้จะเสร็จแล้วครับ

43
งานนี้สงสัยต้องให้คนมาช่วยซะหน่อยแล้วล่ะ

45
รับก่อนใครในสามโลก ละมั้งครับ เพราะอยู่ที่วัด 555

อ้อ นัมเบอร์ 2555 ครับ

46
ไม่แน่ใจว่าที่บอกน่ะเป็นรุ่นไหน ปีไหน
ยังไงก็ลองดูดีๆ อีกทีนะครับ
หนังสือนี้ข้อมูลนี้ ได้แยกประเภทเนื้อต่างๆ ไว้ เป็นหมวดๆๆ ง่ายแก่การค้นหา
สำหรับในเล่มนี้จะเน้นที่ออกจากวัดเป็นสำคัญครับ
บางเหรียญ บางรุ่นจะเป็นประเภทที่เจ้าของไปทำเพิ่มเติมมาเอง เช่น ปิดทอง หรือ เพ้นท์ หรือ ทำกะไหล่ จะไม่นำมารวมครับ
หรือ บางทีข้อมูลอาจจะตกหล่นก็ได้

เข้าใจหัวอกคนทำหนังสือครับ ไม่ว่าจะตรวจสอบดีอย่างไร ก็จะต้องมีจุดผิดพลาดกันได้

47
ยินดีน้อมรับคำติชมครับ  :054: แต่ทางวัดบางพระเองก็ไม่ได้หวังกับเธอนักหรอก ว่าเธอจะต้องมาชมหรือยกย่องเวปนี้  :069: :069: :069:

48
ขอเพิ่มเติมนิดครับ ถ้าจุดภายในห้อง อย่าจุดมากดอก เพราะควันธูปจะส่งผลเสียต่อสุขภาพคนที่จุดและคนรอบข้าง รวมทั้งผนังห้องจะเปลี่ยนสีได้ หากจุดในที่โล่งแจ้งก็ตามสบายเลยครับ


*** ส่วนตัว ตอนที่ไปเจริญพุทธมนต์ หรือ สวดมนต์ในงานต่างๆ ขนาดเจ้าภาพจุดแค่ 3 ดอก พอควันเข้าจมูกในขณะสวดฯ ก็จะเกิดอาการหายใจไม่ออก เพราะขณะสวดจะต้องเปล่งเสียงทำให้หายใจไม่คล่อง บางทียังสำลักควันธูปก็มี+++

50
ถ้าทำในนามของวัดจริงๆ ยังไม่มีวาระครับ อย่างที่โยมอภิรัตน์ว่า มีเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นครับ ยิ่งตอนนี้ยังไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง

51
วัดเปิดตามปกติทุกประการ แต่สถานการณ์น้ำท่วม ทำให้ไม่ค่อยมีคนมาที่วัดสักเท่าไหร่

53
การนำพุทธพจน์และเรื่องราวในชาดกมาเผยแผ่ มิได้มีเจตนาไปตำหนิติเตียนผู้ใด

54
    พระบรมศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภอาชีวกคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า นกฺขตฺตํ ปฏิมาเนนฺตํ เป็นอาทิ.
    ได้ยินว่า กุลบุตรชาวบ้านนอกผู้หนึ่ง ไปขอกุลธิดานางหนึ่ง ในกรุงสาวัตถี ให้แก่ลูกชายของตน นัดหมายวันกันว่า ในวันโน้น จักมารับเอาตัวไป. ครั้นถึงวันนัด จึงถามอาชีวก ผู้เข้าไปสู่ตระกูลของตน ว่า พระคุณเจ้าผู้เจริญ วันนี้ พวกผมจักทำมงคลอย่างหนึ่ง ฤกษ์ดีไหมครับ. อาชีวกนั้นโกรธอยู่แล้วว่า คนผู้นี้ ครั้งแรกไม่ถามเราเลย บัดนี้ เลยวันไปแล้ว กลับมาถามเรา เอาเถิด จักต้องสั่งสอนเขาเสียบ้าง. จึงพูดว่า วันนี้ ฤกษ์ไม่ดี พวกท่านอย่ากระทำการมงคลในวันนี้เลย ถ้าขืนทำจักพินาศใหญ่.
    พวกมนุษย์ในตระกูลพากันเชื่ออาชีวกนั้น ไม่ไปรับตัวในวันนั้น. ฝ่ายพวกชาวเมืองจัดการมงคลไว้พร้อมแล้ว ไม่เห็นพวกนั้นมา ก็กล่าวว่า พวกนั้นกำหนดไว้วันนี้ แล้วก็ไม่มา แม้การงานของพวกเรา ก็ใกล้จะสำเร็จแล้ว เรื่องอะไรจักต้องไปคอยพวกนั้น จักยกธิดาของเราให้คนอื่นไป แล้วก็ยกธิดาให้แก่ตระกูลอื่นไป ด้วยการมงคลที่เตรียมไว้ นั้นแหละ.
    ครั้นวันรุ่งขึ้น พวกที่ขอไว้ก็พากันมาถึง แล้วกล่าวว่า พวกท่านจงส่งตัวเจ้าสาวให้พวกเราเถิด. ทันใดนั้น ชาวเมืองสาวัตถีก็พากันบริภาษพวกนั้นว่า พวกท่านสมกับที่ได้ชื่อว่า เป็นคนบ้านนอก ขาดความเป็นผู้ดี เป็นคนลามก กำหนดวันไว้แล้ว ดูหมิ่นเสีย ไม่มาตามกำหนด เชิญกลับไปตามทางที่มากัน นั่นแหละ. พวกเรายกเจ้าสาวให้คนอื่นแล้ว.
    พวกชาวบ้านนอกก็พากันทะเลาะกับชาวเมือง ครั้นไม่ได้เจ้าสาว ก็ต้องพากันไปตามทางที่มา นั่นเอง. เรื่องที่อาชีวกกระทำอันตรายงานมงคลของมนุษย์เหล่านั้น ปรากฏว่ารู้กันทั่วไปในระหว่างภิกษุทั้งหลาย. และภิกษุเหล่านั้นประชุมกันในธรรมสภา นั่งพูดกันว่า อาวุโสทั้งหลาย อาชีวกกระทำอันตรายงานมงคลของตระกูลเสียแล้ว. พระศาสดาเสด็จมา แล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอกำลังสนทนากันด้วยเรื่องอะไร? ครั้นภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว. ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่อาชีวกกระทำอันตรายงานมงคลของตระกูลนั้นเสีย แม้ในกาลก่อน ก็โกรธคนเหล่านั้น กระทำอันตรายงานมงคลเสียแล้ว เหมือนกัน แล้วทรงนำเอา เรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-

    ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี ชาวพระนครพากันไปสู่ขอธิดาของชาวชนบท กำหนดวันแล้ว ถามอาชีวกผู้คุ้นเคยกันว่า พระคุณเจ้าผู้เจริญ วันนี้ ผมจะกระทำงานมงคลสักอย่างหนึ่ง ฤกษ์ดีไหมขอรับ. อาชีวกนั้นโกรธอยู่แล้วว่า คนพวกนี้กำหนดวันเอาตามพอใจตน บัดนี้ กลับถามเรา คิดต่อไปว่า ในวันนี้ เราจักทำการขัดขวางงานของคนเหล่านั้นเสีย แล้วกล่าวว่า วันนี้ ฤกษ์ไม่ดี ถ้ากระทำการมงคลจักพากันถึงความพินาศใหญ่. คนเหล่านั้นพากันเชื่ออาชีวก จึงไม่ไปรับเจ้าสาว. ชาวชนบททราบว่า พวกนั้นไม่มา ก็พูดกันว่า พวกนั้นกำหนดวันไว้วันนี้ แล้วก็ไม่มา ธุระอะไรจักต้องคอยคนเหล่านั้น แล้วก็ยกธิดาให้แก่คนอื่น.
    รุ่งขึ้น ชาวเมืองพากันมาขอรับเจ้าสาว ชาวชนบทก็พากันกล่าวว่า พวกท่านขึ้นชื่อว่า เป็นชาวเมือง แต่ขาดความเป็นผู้ดี กำหนดวันไว้แล้ว แต่ไม่มารับเจ้าสาว เพราะพวกท่านไม่มา เราจึงยกให้คนอื่นไป.

    ชาวเมืองกล่าวว่า พวกเราถามอาชีวกดู ได้ความว่า ฤกษ์ไม่ดีจึงไม่มา จงให้เจ้าสาวแก่พวกเราเถิด. ชาวชนบทแย้งว่า เพราะพวกท่านไม่มากัน พวกเราจึงยกเจ้าสาวให้คนอื่นไปแล้ว คราวนี้จักนำตัวเจ้าสาวที่ให้เขาไปแล้วมาอีกได้ อย่างไรเล่า?
    เมื่อคนเหล่านั้นโต้เถียงกันไป โต้เถียงกันมา อยู่อย่างนี้ ก็พอดี มีบุรุษผู้เป็นบัณฑิตชาวเมืองคนหนึ่ง ไปชนบทด้วยกิจการบางอย่าง ได้ยินชาวเมืองเหล่านั้นกล่าวว่า พวกเราถามอาชีวกแล้ว จึงไม่มาเพราะฤกษ์ไม่ดี ก็พูดว่า ฤกษ์จะมีประโยชน์อะไร เพราะการได้เจ้าสาวก็เป็นฤกษ์อยู่แล้ว มิใช่หรือ? ดังนี้แล้ว กล่าวคาถานี้ ความว่า :-
    “ ประโยชน์ผ่านพ้นคนโง่ ผู้มัวคอยฤกษ์ยามอยู่ ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์ ดวงดาวทั้งหลาย จักทำอะไรได้ ” ดังนี้.
    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปฏิมาเนนฺตํ ความว่า ผู้คอยดูอยู่ อธิบายว่า มัวรอคอยอยู่ว่า ฤกษ์จะมีในบัดนี้ จักมีในบัดนี้.
    บทว่า อตฺโถ พาลํ อุปจฺจคา ความว่า ประโยชน์ กล่าวคือการได้เจ้าสาว ผ่านพ้นคนโง่ผู้เป็นชาวเมืองนี้. บทว่า อตฺโถ อตฺถสฺส นกฺขตฺตํ ความว่า บุคคลเที่ยวแสวงหาประโยชน์ใด ประโยชน์ที่เขาได้แล้วนั่นแหละ ชื่อว่าเป็นฤกษ์ของประโยชน์. บทว่า กึ กริสฺสนฺติ ตารกา ความว่า ก็ดวงดาวทั้งหลายในอากาศนอกจากนี้ จักยังประโยชน์เช่นไรให้สำเร็จได้.
    พวกชาวเมืองทะเลาะกับพวกนั้นแล้ว ก็ไม่ได้เจ้าสาวอยู่นั่นเอง เลยพากันไป.
    แม้พระบรมศาสดาก็ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่อาชีวกนั้นทำการขัดขวางงานมงคลของตระกูลนั้น ถึงในครั้งก่อน ก็ได้กระทำแล้วเหมือนกัน.
    ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาตรัสแล้ว ทรงสืบอนุสนธิ ประชุมชาดกว่า อาชีวกในครั้งนั้น ได้มาเป็นอาชีวกในครั้งนี้ แม้ตระกูลทั้งนั้นในครั้งนั้น ก็ได้มาเป็นตระกูลในครั้งนี้

55
สบายใจได้ น้ำไม่ท่วม สุพรรณเขาทำดี (มั้ง) 555

56
ศรัทธาในพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ บุพการีคุณ

ศีล ๕ ท่องให้ขึ้นใจ

ปฎิบัติตามศีล ๕ ให้เป็นปกติประจำ  :069:

ไม่ขลังให้รู้ไป

57
ยิ่งถ้าได้พาคุณแม่มาด้วย จะยิ่งดีมากเลย :015:

58
เนื้อเงินยังไม่มีเลย มีแต่เนื้ออื่น

59
ขออนุญาตนำภาพสุดท้ายไปใช้ในเฟสบุ๊คนะครับ ถูกใจมากเลย

แล้วก็พอดีเห็นภาพสุดท้าย เลยขอนอกประเด็นนิดนึง

ปลูกต้นไม้ไว้มากมายหน้าสำนักงานวัดฯ แต่ก็มักจะต้องเก็บขยะ เก็บก้นบุหรี่ได้ทุกๆ วัน

ทั้งๆ ที่เขตวัดนั้นเป็นสถานที่ที่จะต้องปลอดจากการสูบบุหรี่ แต่ก็เอาเถอะ คุณจะสูบเราก็อุตส่าห์ไม่ว่า  แต่ขออย่างน้อยช่วยทิ้งก้นบุหรี่ในถังขยะหรือที่ที่เหมาะสมทีเถอะ เฮ้อ เจริญพร


 :060:

60
โมทนาในการกระทำและความคิดครับ :015:

61
สวยงาม ชัดเจนมากๆ
ใบหน้าหลวงปู่กำลังยิ้มอย่างมีเมตตา
เหมาะที่จะนำไปเป็นตัวอย่างเพ่ี่อการศึกษาจริงๆครับ
4 องค์นี้อยู่ในกล่องคุกกี๊กล่องเมื่อวานนี้หรือเปล่าครับพี่ อิ อิ 


ท่าทางจะเป็นอย่างนั้น คิดว่าน่าจะเป็นกล่องที่ใหญ่มากๆ อิอิ


62
ก่อนอื่นต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า "เราจะเรียนการสักไปเพื่ออะไร?" เรียนเพื่อสืบสานการสักยันต์ หรือ เรียนเพื่อจะได้เป็นอาจารย์สักแล้วจะได้มีอาชีพทำมาหากิน หรืออื่นๆ  ฯลฯ  "มีจิตศรัทธามากน้อยเพียงใด?"  แล้วถามตัวเองต่อไปว่า เมื่อสักเป็นแล้วจะสามารถตั้งอยู่ในสถานะที่ควรจะเป็นได้หรือไม่? ทำตามปฏิปทาของครูบาอาจารย์ได้หรือเปล่า?  แล้วอันที่จริงการสักยันต์ไม่ใช่ว่าแค่สามารถแค่สักเป็นภาพเป็นอักขระได้แต่เพียงเท่านั้น  ยังต้องมีอะไรๆ อีกหลายๆ อย่างมากมาย เช่น คาถาหรือคำบริกรรม ความถูกต้องของตัวอักขระ ตำแหน่งการวางลวดลาย ฯลฯ ไม่อย่างนั้นการสักก็เป็นเพียงลวดลายเพื่อความสวยงาม แต่ไม่มีพุทธคุณอะไรเลย

แล้วข้อสำคัญซึ่งเป็นปัจจัยภายนอก คือ ผู้ที่เราจะฝากตัวไปเรียนนั้นท่านมองเห็นแววหรือความเหมาะสมของเราหรือไม่?

(โดยในส่วนตัวแล้ว ผู้ที่จะเป็นอาจารย์ได้นั้นจะต้องมีภูมิธรรม ภูมิรู้ที่สูงกว่าคนทั่วๆ ไป ดังนั้นถ้าคืดว่าทำไปเพื่อหวังเงินทอง ก็ไม่สมควรด้วยประการทั้งปวง)

หากผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยในความคิดเห็นด้วย


63
อิอิ เอามายั่วน้องๆ หลานๆ เล่นอีกแล้ว  :004:

64
ดีนะที่ไม่หลงอยู่ในกล่องคุกกี้ ยี่ห้อ ลิเวอร์พูล  :007:

65
ลุงต้ออย่าอุ้มแรงนะ อิอิ :009:

66
เห็นหัวข้อแล้วตกใจเลยครับ นึกว่าเสียตวามรู้สึกจากที่วัดบางพระ  :075:

67
ขอเชิญร่วมสรงน้ำพระ วันสงกรานต์ ที่วัดบางพระ
ในวันเสาร์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๔   เวลา ๑๓.๐๐ น.

(เริ่มทำบุญตั้งแต่วันที่ ๑๓ - ๑๗ เมษายน)

68
ขออนุญาติหลวงเก่งลงรูปเพิ่มเติมที่ผมได้ถ่ายไว้เล็กน้อยในกระทู้นี้เลยนะครับหลวงพี่เก่ง



ยินดีครับ อนุญาตครับ

69
เพิ่งมาครับ มาแบบยังร้อนๆ อยู่เลย สำหรับท่านที่มารับที่สำนักงานวัดบางพระ มารับได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนผู้ที่รอเสื้อทางไปรษณีย์ พรุ่งนี้ (วันที่ ๑๕ มีนาคม) จะจัดส่งแบบด่วนไปหาท่านที่บ้าน เตรียมรอรับเสื้อได้เลย โดยคืนนี้จะรีบแพ็คเกจให้
ปล. ไม่รู้ว่าจะได้นอนกี่โมงกี่ยาม หรือถึงเช้า เดี๋ยวรู้กัน 555


จากกระทู้ที่ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=22088












***ก็เพราะจัดแพคกันในเวลาดึกนั่นแลครับ มันถึงได้เป็นอย่างที่ว่า หามีเจตนาไม่ 5555 หวังวง่าคงไม่ผิดแบบยกเซ็ตนะครับ ก็ว่ามิน่าล่ะทำไม เสื้อมันหายไป อย่างนี้นี่เอง










70
เอ้า ลืมดู 5555 ขอโทษทีครับ ในวงเล็บจะพิมพ์ว่า (กุฏิหลวงพี่ติ่ง) คำว่ากุฏิมันหายไป เลยอาจทำให้เข้าใจผิด

72
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ชมรูปเลยดีกว่า


















73
เพิ่งมาครับ มาแบบยังร้อนๆ อยู่เลย สำหรับท่านที่มารับที่สำนักงานวัดบางพระ มารับได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนผู้ที่รอเสื้อทางไปรษณีย์ พรุ่งนี้ (วันที่ ๑๕ มีนาคม) จะจัดส่งแบบด่วนไปหาท่านที่บ้าน เตรียมรอรับเสื้อได้เลย โดยคืนนี้จะรีบแพ็คเกจให้
ปล. ไม่รู้ว่าจะได้นอนกี่โมงกี่ยาม หรือถึงเช้า เดี๋ยวรู้กัน 555








74
กำหนดการพระราชทานเพลิงศพ (เป็นกรณีพิเศษ)

นางปลั่ง  ปานอำพันธ์

โยมมารดา ของ พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระ

วันพุธที่ ๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔

เวลา ๑๖.๐๐  น.

ณ ฌาปนสถานวัดบางพระ

75
ขอแจ้งข่าวแก่สมาชิกเวปไซด์วัดบางพระ

เนื่องด้วยโยมแม่ ของหลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ

ได้ถึงแก่มรณกรรม วันนี้ ที่โรงพยาบาลธนบุรี ๒

ขณะนี้ศพตั้งอยู่ที่ศาลาฌาปนกิจวัดบางพระ

และจะมีการรดน้ำศพในวันพรุ่งนี้

ขอเชิญศิษย์วัดบางพระที่ว่างมาร่วมรดน้ำศพ

และฟังพระสวดพระอภถิธรรมศพได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

โดยยังไม่มีกำหนดฌาปนกิจศพ

หากมีการเปลี่ยนแปลง จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป

76
หากต้องการข้อมูลใดๆ เพิ่ม สามารถติดต่อได้ที่
   
sutheekan21@gmail.com


หรื่อที่

http://www.facebook.com/bangphra?cropsuccess#!/bangphra

77
หลวงพี่หมี ยังสักอยู่ครับ แต่ถ้าช่วงนี้ไม่เห็นว่าสัก เพราะว่าท่านไปเข้าปริวาสกรรมนะครับ

78
ลืมไป ถ้ามีโปรแกรมไปที่วัดไหนก็ตาม ช่วยติดต่อกับทางวัดก่อนนะครับ เพื่อที่ทางวัดจะได้อำนวยความสะดวกให้

79
"...แต่จะมีวัดถึง 9 วัดมั๊ยอ่ะครับที่เดินทางไปมาสะดวก..."

ขอแนะนำตามนี้ครับ ถ้าจะจัดมาจริงๆ ก็มีเยอะครับ วัดในจังหวัดนครปฐม มีเป็นร้อย
ที่จะแนะนำต่อไปนี้ เห็นว่าการเดินทางจะสะดวกนะมากครับ
เส้นทางการเดินทางก็ไม่ วก วน มาก ตามเส้นทางถนนเพชรเกษม โดยเริ่มต้น

๑. วัดไร่ขิง      ไปนมัสการหลวงพ่อวัดไร่ขิง         แล้วเลี้ยวเข้าอำเภอนครชัยศรีมา
๒. วัดกลางบางแก้ว      ไปนมัสการหลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่บุญ และปู่เจือ
๓. วัดบางพระ      ไปนมัสการหลวงพ่อเปิ่น         แล้วย้อนกลับทางเดิม สู่ถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าสู่ตัวเมือง
๔. วัดธรรมศาลา      ไปนมัสการหลวงพ่อน้อย         จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายพระประโทณเจดีย์-บ้านแพ้ว
๕. วัดดอนยายหอม      ไปนมัสการหลวงพ่อเงิน         ย้อนกลับสูถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองนครปฐม
๖. วัดไผ่ล้อม      ไปนมัสการหลวงพ่อพูล
๗. วัดพระปฐมเจดีย์      ไปนมัสการพระปฐมเจดีย์,พระร่วงโรจนฤทธิ์      ย้อนกลับมาสู่ถนนเพชรเกษม
๘. วัดพระประโทณเจดีย์   ไปนมัสการพระประโทณเจดีย์         และปิดท้ายที่
๙. วัดศีรษะทอง      ไปนมัสการหลวงพ่อน้อย และพระราหู      เดินทางกลับ


*** คงจะช่วยได้ไม่น้อยนะครับ


80
ขอเจริญพร

ท่านใดมีหนังสือ ชีวประวัติของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ที่เขียนโดย เทพ  สุนทรศารทูล บ้างครับ

ถ้าใครมีก็รบกวนแจ้งกลับมาด้วย ต้องการนำมาอ้างอิงใน วิทยานิพนธ์


81
บรรยากาศเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา






























82
เอ    จะเข้ามามีส่วนร่วมในรางวัลด้วยได้มั้ยน๊า.... 555

83
ตามมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๕/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธุ์ ๒๕๕๓ ให้อัญเชิญธรรมเจดีย์ คัมภีร์พุทธศาสนาโบราณ
เก่าแก่ที่สุดจากราชอาณาจักรนอร์เวย์ มาประดิษฐานในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว ความเป็นมาของโครงการ
อัญเชิญคัมภีร์พุทธศาสนาโบราณเก่าแก่ที่สุด ที่รัฐบาลประเทศนอร์เวย์ได้มอบให้แก่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เพื่อนำมาจัดแสดงนิทรรศการเป็นเวลา ๙๐ วัน ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
ณ อาคารพิพิธภัณฑ์ทางพระพุทธศาสนา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม

ข้อมูลจากเวปไซด์ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม






























84


อัพเดทภาพล่าสุด

85
เนื่องจากการจัดทำเสื้อบอร์ดรุ่นที่ ๒ ได้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ รวมถึงการจัดส่งเสื้อทางไปรษณีย์ เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วยังมีเงินเหลืออยู่ ๕,๔๘๕ บาท ดังนั้นจึงได้นำเงินในส่วนที่เหลือนี้ไปจัดซื้อ หนังสือเรียนธรรมศึกษา มาตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ที่ผ่านมา



ได้จัดซื้อหนังสือเป็นจำนวนเงิน ๕,๔๐๐ บาท



และหนังสือชุดนี้ได้เป็นอุปกรณ์การเรียนธรรมศึกษา ของนักเรียนวัดบางพระ เมื่อเทอมต้นที่ผ่านมา




ส่วนเงินที่เหลือนั้นได้ใส่ตู้ค่าน้ำค่าไฟ ของวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน



ดังนั้น จึงขออนุโมทนาบุญแก่ทุกท่านที่ได้ทำบุญแก่นักเรียนทุกๆ ท่าน ขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญคิดปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ชอบประกอบด้วยธรรม ขอให้สิ่งนั้นจงสำเร็จสมความปรารถนาทุกคนทุกท่าน เทอญ
ขอเจริญพร

86
อัพเดท เพิ่มภาพหลวงพ่อเปิ่น ชุดที่ ๒ อีก ๓๐ ภาพ ครับ

87
อัพเดท เพิ่มภาพหลวงพ่อเปิ่น ๓๐ ภาพ ครับ

88
ฝากไว้สำหรับผู้ที่ใช้เฟสบุ๊คเป็นประจำ

http://www.facebook.com/#!/pages/wad-bang-phra-cnkhrpthm-hlwng-phx-pein/123218131071866?v=wall



89


มาทายกันเล่นๆ นะ ว่าในภาพ คือใคร ?
ไม่มีรางวัลให้นะขอบอกก่อน

90
สมาชิกท่านใดทำงานเกี่ยวกับ ป้ายอิงค์เจ็ท กับ ตัดสติ๊กเกอร์บ้างครับ ช่วย pm มา หรือ ติดต่อที่สำนักงานวัดด้วยครับ

91
พอดีมีความตั้งใจที่จะบวช และด้วยความที่เป็นคนนครปฐมอยู่แล้วจึงสนใจอยากจะบวชที่วัดบางพระเพื่อแทนคุณบิดามารดา ประมาณ 1 เดือน ไม่ทราบว่าทางวัดสามารถให้บวชได้รึเปล่า หรือมีคำแนะนำอย่างไรบ้าง รบกวนผู้รู้ด้วยครับ

เข้ามาคุยรายละเอียดได้ที่สำนักงานวัดบางพระครับ


92
แก้ไข

บ้านอยู่   
   คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถำ่งาน ตลาดนำ้้ดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี
ทำงาน
   ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า

ตอนนี้คำขวัญนครปฐมต้องต่อท้ายด้วย "สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน" (ประกาศเมื่อ ๑๖ สิงหาคมที่ผ่านมา)

93


      ถ้าตอนใส่บาตรแล้วที่ยืนสกปรกมาก จะต้องถอดรองเท้าใส่บาตรด้วยหรือไม่ ?
             “  พระไม่ฉันรองเท้านะโยม”...ไม่ต้องเอารองเท้าใส่มานะ.....

                               ...............................
    

           พระนอนไม่หลับ เลยไปหาหมอใหม่จบมาจากเมืองนอก
หมอ: เป็นอะไรครับ
พระ : จำวัดไม่ได้จ๊ะโยมหมอ

หมอ: (ทำหน้างง) แล้วจะกลับวัดยังไง
พระ: (ทำหน้างงด้วย) มามอไซรับจ้างก็ต้องกลับมอไซด์นะโยม

หมอ: (ทำหน้าง๊งงง) แล้วมอไซด์รับจ้างจำวัดได้เหรอ
พระ: (ทำหน้าง๊งงงด้วย) มอไซด์รับจ้างจำวัดไม่ได้หรอกโยม มีแต่พระที่จำวัดได้

หมอ: (ทำหน้างงง๊งงง) อ้าวไหนบอกว่าจำวัดไม่ได้ไง
พระ : !\=-+#@ %^&*( +๐"ฯ, ?

จำวัดเป็นภาษาพระแปลว่านอน.........................

หมอ:  อ๋ออออออออออออออออออออออออออ

      ญาติโยมหลายท่านมักถามว่า "ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาสไม่มากนัก  แล้วเอาข้อมูลวัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา"

อาตมาก็ตอบว่า หลักๆเลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนัง  ละครที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ พอตอบออกไปอย่างนี้
โยมก็สวนกลับทันที  "ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน"

อาตมาก็จะอธิบายไปว่า ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูก  และที่สำคัญหากอาตมาไม่รู้หรือไม่เข้าใจ ตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลก  และจะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไร ซึ่งนอกจากการอ่าน  การดูและการฟังแล้ว  หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮาก็ได้มาจากการพูดคุยกับเหล่าโยมๆนี่แหละ

  อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา

"พระอาจารย์เหรอคะ   นี่อาตมาเองนะคะ"
"หา อะไรนะ"

"พระอาจารย์เหรอคะ   นี่อาตมาเองค่ะ"
"ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร"

"อ๋อ ขอโทษค่ะ"
หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า "เจริญพร"

"ค่ะ เจริญพรเช่นกัน"
แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย

ข้างต้นก็คือ   สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม  จนถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว  หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่น  พอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที

"ถวายสังฆทานค่ะ"

    พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู

"ไม่ต้องค่ะ" โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น
"ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ" เธอพนมมือขึ้น ก่อนกล่าวว่า

"อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ"  (ที่ถูกต้องจะต้องเป็น ภิกขุ สังโฆ)

พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา "คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ นะหลวงพี่"

อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า "คิกขุ แปลว่า น่ารัก   สังโฆ  แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก" เท่านั้นแหละ

  พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลย

  แต่ก็มีบางกรณีที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก อย่างเมื่อเร็วๆนี้  มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา "หลวงพี่ขา ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ"
"ไปไหนล่ะโยม"   "ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ"

โห นิมนต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย
อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้  แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่  ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม

     จากตัวอย่างข้างต้น  คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน  แต่มันก็สะท้อนให้เห็นความห่างเหินระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่ง  ปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษ เท่านั้น  เช่นงานบวช  งานศพ

     ต่างกับสมัยก่อนที่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน ฆราวาสกับพระจึงสนทนากันไหลลื่น ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทางออกมาให้พระสดุ้งแต่อย่างใด  ซึ่งถ้าพูดถึงศัพท์แสงที่แสลงใจแล้ว  ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก เช่นมีอยู่ ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆอยู่  ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา

"แม่ๆ พระมาขอข้าว"
"มาเยอะไหมลูก"     "มา 2   อัน"

โห เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ

    ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟัง อาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอนเด็กๆด้วย

"ถ้าพระกิน  เรียก  ฉัน"
" พระนอน เรียก จำวัด" (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้)
" พระป่วย เรียก อาพาธ"
" พระตาย   เรียก  มรณภาพ" (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ)
" แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกอะไรเอ่ย" คราวนี้อาตมาถาม ให้เด็กๆ ตอบบ้าง
  .
  .
  .
  .
  เด็กตอบ"เรียกคนมาดู"

                                                                                                                      

                                                                                                                                             ขอบคุณครับ

   ปล.จากFw.mail น้องส่งมาให้ครับ  ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ

 




เป็นผลงานการเขียนหนังสือ สอนธรรมะ โดย พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ฮาและได้สาระมาก ขอเจริญพร  :016:

94
มีคิวรถตู้มานครปฐมอยู่ข้างเมเจอร์รังสิต บอกคนขับว่าลงแยกท่านา (นครชัยศรี) แล้วข้ามสะพานลอยมาขึ้นรถเมล์สายนครปฐม - บางพระ พอมาถึงตรงนี้ก็สอบถามคนแถวนั้นได้

95
สอบถามเส้นทางรถเมล์ ขสมก. หมายเลขโทรศัพท์   184

97
หวังว่าคงไม่ใช่เขี้ยวลากดินนะ  :095: :005: :095: :005: :095:

98
ไม่รับเป็นเพื่อนครับ  :007:    :095:      :006:      :005:


ยินดีต้อนรับสู่บอร์ดวัดบางพระ  :016:

99
รู้สึกจะมีคนใจดีเยอะแยะมากๆ เลยนะ :095:

100
วันศุกร์ที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๐.๐๐ น.
คณะสงฆ์ และคณะศิษย์วัดบางพระ ได้ร่วมกันทำบุญฉลองอายุ ๕๗ ปี ของ พระครูอนุกูลพิศาลกิจ หรือ หลวงพ่อสำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ
ขออภัยชาวบอร์ดวัดบางพระทุกท่านที่ไม่ได้แจ้งข่าวให้ทราบเนื่องจากว่ากระทันหัน  :054:

ชมภาพบรรยากาศกันเลยครับ























101
 รักเผื่อเลือก........ยุคสวยเลือกได้ หล่อฟาดเรียบ
(บางส่วนจากหนังสือ ธรรมะ Dalivery ..... ของพระมหาสมปอง  ตาลปุตฺโต)

"โลกนี้ไม่มีอะไนสมบูรณ์แบบ " ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือแม้แต่มนุษย์ก็ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหมดุทกอย่าง  บางคนหน้าตาไม่ดีแต่จิตใจงดงาม  บางคนพูดจามารยาทดีแต่จิตใจแย่ก็มีฉะนั้นการจะหาแฟนด้วยวิธีรักเผื่อเลือก  เพื่อหวังว่าจะได้คนดีที่สุด  ก็ไม่อาจการันตีได้ว่า  คนที่เราเลือกนั้นจะเป็นคนสมบูรณ์แบบที่สุดและเหมาะกับเราที่สุด......ล้ำลึกมาก  ใส่ดอกจันเน้นความสำคัญไป ๕oo  ดอกได้เลยคุณโยม

น่าเสียดายนะคุณโยม  ถ้าเราจะปล่อยให้ความรักแบบจับปลาสองมือ  มาบดบังทัศนวิสัยในการเลือกคู่ที่แท้จริงของเรา  จนหมดโอกาสที่จะใช้เวลา  สติ  และปัญญาของตัวเองพิจารณาคนที่อยูตรงหน้าอย่างจริงจัง

วันนี้ต้องไปเที่ยวกับคนนั้น  แป๊บๆ ก็ต้องไปกับอีกคนหนึ่งต่อ  ปุ๊บๆ ก็ต้องไปกินข้าวเย็นกับอีกคนหนึ่ง  แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาศึกษากันอย่างจริงใจ  จะเอาโอกาสที่ไหนมาแชร์ความคิด  ความรู้สึกกัน

เหมือนเราอ่านหนังสือกองหนึ่ง  อ่านเล่มนี้ได้สองหน้าก็เปลี่ยนไปอ่านเล่มโน้นอีกสามหน้า  แล้วก็ไปอ่านเล่มนู้นอีกสองหน้า  แบบนี้จะไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าหนังสือเล่มนี้จะให้อะไรกับเราได้

แต่ลองเลือกหนังสือมาสักเล่มสิ  เราอาจจะเลือกเพราะปกสวย  ออกแบบดี  ชื่อเรื่องน่าสนใจ  พออ่านจนจบ  เราก็อาจจะชอบหรือไม่ชอบเลยก็ได้  แต่อย่างน้อยขอให้เชื่อเถอะว่าเราจะได้รับสิ่งดี ๆ จากการอ่านแน่นอน  เช่นเดียวกับแฟน  เจอหน้าถูกใจถึงลองคบลองศึกษากันด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจ  ถ้าเข้ากันได้ก็เป็นโชคดีของเรา  แต่ถ้าต้องเลิกกันก็ถือเป็นบทเรียนที่ดีที่จะสอนตัวเอง......มันจะเสียเวลาซักแค่ไหนเชียว

และแม้ว่าอาตมาจะเชื่อว่าการเลือกก็มักจะทำให้เราได้ค้นหาสิ่งดี ๆ เพื่อตัวเอง  แต่อาตมาก็เชื่ออีกเช่นกันว่าคงไม่มีคุณโยมคนไหนยิ้มแฉ่งได้แน่  ถ้ารู้ว่าตัวเองกลายเป็นตัวเลือกของใคร  และคงไม่มีใครอยากเป็นตัวเลือกเช่นกัน  เพราะเมื่อไหร่ที่เราทำให้คนอื่นดูด้อยค่า  ตัวเราเองก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีค่าพอที่จะได้เจอคนดี ๆ เช่นกัน   


102
พอดี ได้ไปสักกับหลวงพี่อนัน มา ได้ เก้ายอด กับ สาริกา แต่ปัญหาก็คือข้อห้าม
ข้อที่ว่าห้ามผิดลูกผิดเมียเขา เรื่องเมียคนอื่นน๊ะผมไม่ยุ่งอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีกิ๊กอยู่ 4 คน จะทำไงดี
คือผิดลูกคนอื่นน๊ะ ผมยังงง เพราะทุกคนที่ผมมีอยู่ พ่อ แม่ พี่น้องเขารับรู้กันหมด อย่างนี้ถือว่าผิดลูก คนอื่นหรือป่าว
และก็มีตอนนี้อยู่ 4 คน ต้องให้เลือกเหลือคนเดียวหรือป่าว ใครกระจ่างเรื่องข้อห้ามข้อนี้รบกวนบอกที่ กลุ้มใจจัง เพราะกำลังจะไปลงเพิ่ม

ขอวินิจฉัยดังนี้นะ
   ก่อนอื่นศีลข้อที่ ๓ คือเว้นจากการประพฤติผิดในกาม มีองค์ประกอบอยู่ ๔ ประการ คือ
๑. วัตถุที่ไม่ควรล่วงละเมืด
๒. จิตคิดจะเสพในวัตถุที่ไม่ควรล่วงละเมิดนั้น
๓. ความพยายามในการเสพ
๔. การยังมรรคให้ถึงกัน
   ถ้าทำผิดครบองค์ทั้ง ๔ นี้ ถือว่าศีลขาด

ดังนั้น จากที่เล่ามา ศีลข้อที่ ๓ จะขาดก็ต่อเมื่อส่วงละเมิด หรือได้ร่วมประเวณีกับหญิงต้องห้าม*
แต่ถ้า แค่คบกับทั้ง ๔ คน โดยไม่ได้มีอะไรกัน ก็ถือว่าไม่ขาดจาดศีลข้อที่ ๓

..................................................................
*ลักษณะของหญิงต้องห้าม มี ๓ จำพวก
   ๑. หญิงที่มีสามี คือหญิงที่อยู่ในฐานะอยู่ร่วมกับชายอื่นในฐานะที่เป็นภรรยา (หญิงที่แต่งงานแล้ว หรือ หญิงที่ยังไม่แต่งงาน แต่อยู่กินกับชายอื่นอย่างเปิดเผย หรือ หญิงที่รับทรัพย์จากชายแล้วยอมอยู่กับเขา หรือ หญิงที่เขาเลี้ยงเป็นภรรยา) ยกเว้นหญิงที่สามีเสียชีวิต หรือหย่าขาดจากสามีแล้ว
   ๒. หญิงที่ญาติรักษา คือ หญิงที่อยู่ในการปกครองดูแลของพ่อแม่ หรือญาติ (ชายใดประพฤติสมสู่อยู่ หรือลักพาเอาไปเพื่อเป็นภรรยา เป็นการผิดศีลข้อนี้)
   ๓. หญิงที่ธรรมรักษาหรือหญิงที่จารีตประเพณี กฎหมายบ้านเมืองรักษาคุ้มครองอยู่



แต่ถ้าจะให้ดี เลือกคบแค่คนเดียวดีกว่านะ อิอิ

ขอเจริญพร

103
เปลี่ยนมาใช้ "เสน่ห์" นำหน้าชื่อกันเยอะเหลือเกิน ได้บอกเล่าต้นฉบับกันบ้างรึป่าว แล้ว :004: เค้าเต็มใจให้ใช้รึป่าว สงสัยมานานแล้ว

104
จอดรออยุ่ที่เกาะสีชังครับ ใครจะมาบอกครับจะได้รับมาพร้อมกันเลย  :003:





ขอเล่นด้วยคน อิอิ

105
เสื้อเสร็จแล้วจ้า

เพิ่งมาถึงวันนี้หมาดๆ

ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อสำอางค์อธิษฐานจิตปลุกเสก เมื่อเวลา ๑๖.๓๙ น.






สำหรับท่านที่รับเสื้อทางไปรษณีย์ อดใจรอสักนิด จะจัดส่งให้ในวันพรุ่งนี้

สำหรับท่านที่จะมารับเอง สามารถรับเสื้อได้แล้ว ที่สำนักงานวัดบางพระ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (๑๙ ก.พ. ๕๓)  เป็นต้นไป โดยอย่าลืมหลักฐานแสดงตัวตน หรือสำเนาในสั่งจองมาด้วย

106
ถ้าจะมาค้างที่วัดช่วงงานไหว้ครู (๒๕ - ๒๗ ก.พ.) อนุญาตให้พักได้เป็นกรณีพิเศษ ไม่ต้องติดต่อสำนักงานวัดฯ

107


อิอิ ถ้าจำไม่ผิด วัดหนองหมู ผมมีเหรียญรุ่น 1 ด้วย งานฉลองอะไรไม่รู้อะครับ อิอิ

ลองนำมาให้ชมบ้างสิครับ

108
ขออภัยด้วยที่ไม่ได้สอบถามรายละเอียด ว่าวัตถุมงคลมีอะไรบ้าง แต่เท่าที่เห็นก็มีพระพุทธชินราช หน้าตัก ๕ นิ้ว ๙ นิ้ว ผ้ายันต์ เป็นวัตถุมงคลที่ให้บูชา และแจก ในงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต ของทั้ง ๒ วัด ที่หลวงพ่อสำอางค์ได้ไปร่วมปลุกเสกมา ถ้าอยากทราบรายละเอียดต้องไปทำบุญที่วัดครับ

109
พิธีพุทธาภิเษก วัดกงลาด ตำบลห้วยด้วน อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม (๖ ก.พ. ๕๓)
วัตถุมงคลในงานผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต ที่จะมีขึ้นในวันที่ ๑๒ - ๒๒ ก.พ. ๕๓






















พิธีพุทธาภิเษก วัดหนองหมู ตำบลสระพัฒนา อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม (๖ ก.พ. ๕๓)





110
 
คลังความรู้ “ทุ่ม-โมง-นาฬิกา” โดย ศ.จำนงค์ ทองประเสริฐ

คำพูดที่เราใช้เกี่ยวกับเวลานั้น มักจะใช้กันไม่ค่อยถูก ในปัจจุบันนี้มักใช้คำว่า “โมง” กันอย่างพร่ำเพรื่อ ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน เช่น ๗ โมงเช้า ๘ โมงเช้า หรือบางทีแม้แต่เวลากลางคืนก็ยังพูดว่า ๘ โมง ๙ โมง ในเรื่องนี้จะใช้อย่างไรจึงจะถูก และคำว่า “นาฬิกา” กับ “โมง” และ “ทุ่ม” ใช้ต่างกันอย่างไร

เรื่องการใช้คำว่า “โมง” นี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยพระราชทานกระแสพระราชดำริในเรื่องการตั้ง “สมาคมรักษาภาษาไทย” ไว้ครั้งหนึ่ง เมื่อรัตนโกสินทรศก (รัด-ตะ-นะ-โก-สิน-สก) ๑๒๖ ตรงกับ พุทธศักราช ๒๔๕๐ ตอนหนึ่งว่า “ยังมีคำพูดไม่มีภาษา เช่น ๖ โมง ๓ ทุ่ม จะเป็นภาษาฝรั่งก็ไม่ใช่ ภาษาไทยก็ไม่ใช่” ทั้งนี้เพราะในภาษาไทยเรา เวลากลางวัน เราแบ่งเวลาออกเป็นภาคเช้ากับภาคบ่าย ภาคเช้าเวลา ๗ นาฬิกา เราพูดว่า “๑ โมงเช้า” หรือ “โมงเช้า” เวลา ๘ นาฬิกา ก็พูดว่า “๒ โมงเช้า” เวลา ๙ นาฬิกา ก็พูดว่า “๓ โมงเช้า” เวลา ๑๐ นาฬิกา ก็พูดว่า “๔ โมงเช้า” หรือตามชนบทบางทีก็เรียกว่า “น้องเพล” เวลา ๑๑ นาฬิกา มักไม่พูดว่า “๕ โมงเช้า” แต่มักพูดว่า “เพล” หรือ “เวลาเพล” และ เวลา ๑๒ นาฬิกา ก็พูดว่า “เที่ยง” หรือ “เที่ยงวัน”

ภาคบ่าย เวลา ๑๓ นาฬิกา ก็พูดว่า “บ่ายโมง” หรือ “บ่าย ๑ โมง” เวลา ๑๔ นาฬิกา ก็พูดว่า “บ่าย ๒ โมง” เวลา ๑๕ นาฬิกา ก็พูดว่า “บ่าย ๓ โมง” เวลา ๑๖ นาฬิกา ก็พูดว่า “บ่าย ๔ โมง” หรือ “๔ โมงเย็น” เวลา ๑๗ นาฬิกา ก็พูดว่า “บ่าย ๕ โมง” หรือ “๕ โมงเย็น” เวลา ๑๘ นาฬิกา ไม่พูดว่า “บ่าย ๖ โมง” เพราะเกินบ่ายแล้ว พูดว่า “๖ โมงเย็น” หรือ “ย่ำค่ำ” เพราะตอน ๖ โมงเย็น พระท่านมัก “ย่ำกลอง” บอกเวลาว่าถึง ๖ โมงเย็นแล้ว ถ้าเป็นภาษาวรรณคดี ท่านก็เรียกว่า “ย่ำสนธยา”

คำว่า “ย่ำ” พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้ให้ความหมายไว้ดังนี้ “ก. เหยียบหนัก ๆ ซ้ำ ๆ, ถ้าเหยียบในลักษณะเช่นนั้นอยู่กับที่ เรียกว่า ย่ำเท้า, เดินในลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น; ตีกลอง หรือฆ้องถี่ ๆ หลายครั้งเพื่อบอกเวลาสำหรับเปลี่ยนยาม เรียกว่า ย่ำกลอง ย่ำฆ้อง, ย่ำยาม ก็เรียก, ถ้ากระทำในเวลาเช้า เรียกว่า ย่ำรุ่ง (ราว ๖ นาฬิกา), ถ้าทำในเวลาค่ำ เรียกว่า ย่ำค่ำ (ราว ๑๘ นาฬิกา).”

ในเวลา ๑๘ นาฬิกานั้นตามวัดต่าง ๆ ในชนบทท่านมักจะ “ย่ำกลอง” หรือ “ย่ำฆ้อง” “ย่ำระฆัง” เพื่อบอกเวลาให้ชาวบ้านรู้ เพราะในสมัยก่อนบ้านเมืองยังไม่เจริญอย่างในปัจจุบันนี้ นาฬิกามักจะมีเฉพาะตามวัดเท่านั้น พระท่านก็ต้องตีกลองหรือฆ้องระฆัง เป็นสัญญาณบอกให้ทราบเวลาเป็นระยะ ๆ ไป เดี๋ยวนี้ชาวบ้านมักมีนาฬิกาใช้กันทั่วไปแล้ว การย่ำกลอง ย่ำฆ้อง หรือย่ำระฆัง ในปัจจุบันจึงชักค่อย ๆ หมดไป

การที่เรามักเรียก ๖ นาฬิกาว่า “๖ โมงเช้า” หรือ “๖ โมง” นี้เอง เป็นสาเหตุอันสำคัญทำให้เรียก “๗-๘-๙ นาฬิกา ฯลฯ” ว่า “๗ โมง ๘ โมง ๙ โมง ฯลฯ” ไปด้วย เพราะถ้าหากเรียก ๖ นาฬิกาว่า “๖ โมง” แล้วจะเรียก ๗ นาฬิกา ว่า “๑ โมง” หรือ “โมงเช้า” ได้อย่างไร เมื่อเป็นเช่นนี้จึงได้มีผู้ถามว่า ถ้าเราไม่เรียก ๖ นาฬิกาว่า “๖ โมง” แล้ว จะเรียกว่าอย่างไร คำว่า “๖ นาฬิกา” เป็นภาษาทางราชการ ถ้าจะพูดให้เป็นภาษาที่ชาวบ้านทั่ว ๆ ไป โดยเฉพาะชาวชนบทพูดกัน ให้เข้าชุดกับ “โมง” ก็ต้องใช้คำว่า “ย่ำรุ่ง” ให้เข้าคู่กับ ๑๘ นาฬิกา หรือ ๖ โมงเย็น ที่เรียกว่า “ย่ำค่ำ”

เมื่อคราวที่แล้ว ได้พูดถึงเรื่องการเรียกเวลาว่า “ทุ่ม-โมง” ยังไม่จบ ได้กล่าวถึงเฉพาะเวลาในตอนกลางวันเท่านั้นต้องเรียกว่า “โมง” ส่วนเวลากลางคืนยังมิได้กล่าวถึง เวลากลางคืนท่านก็แบ่งเป็น ๒ ภาค คือ ภาคแรกตั้งแต่หลัง ๑๘ นาฬิกา ถึง ๒๔ นาฬิกา ภาคหลังตั้งแต่หลัง ๒๔ นาฬิกา ถึง ๖ นาฬิกา

เวลาช่วงแรกของกลางคืน ท่านใช้ว่า “ทุ่ม” มีตั้งแต่ ๑ ทุ่ม ถึง ๖ ทุ่ม เวลา ๑๙ นาฬิกา พูดว่า “๑ ทุ่ม” หรือ “ทุ่มหนึ่ง” เวลา ๒๐ นาฬิกา พูดว่า “๒ ทุ่ม” เวลา ๒๑ นาฬิกา พูดว่า “๓ ทุ่ม” เวลา ๒๒ นาฬิกา พูดว่า “๔ ทุ่ม” เวลา ๒๓ นาฬิกา พูดว่า “๕ ทุ่ม” เวลา ๒๔ นาฬิกา ตามปรกติก็ควรเป็น “๖ ทุ่ม” แต่ท่านนิยมใช้ว่า “๒ ยาม” หรือ “เที่ยงคืน” การที่มีผู้เรียกเวลาในช่วงแรกของกลางคืนว่า “โมง” จึงนับว่าไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง

ช่วงหลังของกลางคืน ตั้งแต่ ๑ นาฬิกา ถึง ๕ นาฬิกา เรียกว่า “ตี ๑” ถึง “ตี ๕” ส่วน ๖ นาฬิกา ซึ่งควรจะเป็น ตี ๖ เพราะแขกยามหรือไทยยามจะตีบอกยาม ๖ ครั้ง แต่ท่านนิยมเรียกว่า “ย่ำรุ่ง”

ในเรื่อง “ทุ่ม-โมง” นี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงอธิบายไว้ในหนังสือ “นิทานโบราณคดี” ตอนหนึ่ง ดังนี้

“เมื่อวันแรกไปถึงเมืองพาราณสี เวลาค่ำฉันนั่งกินอาหารกับพวกที่ไปด้วยกัน และพวกข้าราชการอังกฤษ ยังไม่ทันแล้วเสร็จ พอเวลายามหนึ่ง (๒๑:๐๐ นาฬิกา) ได้ยินเสียงตีฆ้องโหม่งทางประตูวังย่ำลา ๑ เช่นเดียวกันกับตีฆ้องตีระฆังย่ำยามในเมืองไทย ฉันนึกประหลาดใจ จึงถามข้าราชการอังกฤษที่อยู่ในเมืองนั้นว่า ตีฆ้องย่ำเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร เขาตอบว่า “เป็นสัญญาเรียกคนมาเปลี่ยนพวกที่อยู่ยาม” พอฉันได้ยินอธิบายก็จับใจแทบจะร้องออกมาว่า “อ๋อ” เพราะวิธีตีฆ้องระฆังยามในเมืองไทย เมื่อถึงเวลาเช้า ๖:๐๐ นาฬิกา เวลาเที่ยงวัน (๑๒:๐๐ นาฬิกา) เวลาค่ำ (๑๘:๐๐ นาฬิกา) และเวลากลางคืน ยาม ๑ (๒๑:๐๐ นาฬิกา) เวลาเที่ยงคืน (๒๔:๐๐ นาฬิกา) เวลา ๓ ยาม (๓:๐๐ นาฬิกา) ก็ตีย่ำทำนองเดียวกับได้ยินที่เมืองพาราณสี แม้คำที่ไทยเราพูด ก็เรียกเวลา ๖ นาฬิกาเช้า ว่า “ย่ำรุ่ง” คำที่พูดว่า “ย่ำ” คงมาจากย่ำฆ้องระฆังนั่นเอง แต่ฉันยังไม่คิดมาแต่ก่อนว่าเหตุใดจึงตีย่ำ เมื่อได้ฟังอธิบายที่เมืองพาราณสีก็เข้าใจซึมซาบในทันทีว่า “ย่ำ” เป็นสัญญาเรียกคนเปลี่ยนยาม เห็นว่าประเพณีไทยแต่โบราณ เวลากลางวันให้คนอยู่ยามผลัดละ ๖ ชั่วนาฬิกา แต่กลางคืนผลัดระยะ ๓ นาฬิกา และยังแลเห็นสว่างต่อไปอีก ด้วยประเพณีตีระฆังยามที่พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ เมื่อตีย่ำระฆัง แล้วมีคนเป่าแตรงอน และเป่าปี่ตีมโหรทึกประโคมต่อไปอีกพักหนึ่ง  และเวลานี้พระบรมศพหรือพระศพเจ้านาย ตลอดจนศพขุนนางผู้ใหญ่บรรดาที่มีกลองชนะประโคมย่อมประโคมกลองชนะตรงกับย่ำฆ้องระฆังยามทั้งกลางวันและกลางคืน  อาการประกอบกันให้เห็นว่า การย่ำฆ้องระฆังเป็นสัญญาเรียกคนมาเปลี่ยนยาม การประโคมเป็นสัญญาบอกว่าพวกอยู่ยามใหม่ได้เข้ามาประจำหน้าที่พร้อมกันแล้ว มูลของประเพณีย่ำฆ้องระฆังยามและประโคมพระศพในเมืองไทย เห็นเป็นดังกล่าวมาและอาจจะได้มาจากอินเดียแต่ดึกดำบรรพ์”

จากพระนิพนธ์ ใน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็พอจะทำให้เรามองเห็นเค้าของการใช้คำว่า “ทุ่ม-โมง” บอกเวลาบ้างแล้ว เรื่องนี้ต้องขอนำมาเสนอต่อในคราวหน้าอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อ ๒ คราวที่แล้ว ข้าพเจ้าได้กล่าวถึง “ทุ่ม-โมง” ยังไม่จบ วันนี้จะขอกล่าวถึงสาเหตุที่เรียกเวลาในตอนกลางวันว่า “โมง” และในตอนกลางคืนว่า “ทุ่ม” ต่อไปอีกครั้งหนึ่ง

สาเหตุที่เรียกเวลากลางวันว่า “โมง” และเวลากลางคืนว่า “ทุ่ม” นั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงอธิบายไว้ในหนังสือ “นิทานโบราณคดี” อีกตอนหนึ่งดังนี้

“จะเลยเล่าแถมถึงประเพณีตีบอกเวลาในเมืองพม่า ซึ่งฉันได้ไปรู้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘ ต่อไป เพราะได้เค้าที่เหมือนกับไทยอีกอย่างหนึ่ง ที่ในพระราชวังเมืองมัณฑะเล มีหอนาฬิกาหลังหนึ่ง เป็นหอสูง ข้างล่างมีห้องสำหรับไว้นาฬิกา ข้างบนเป็นหอโถง สำหรับแขวนกลองกับฆ้องตีบอกเวลา เขาว่าเคยมีหอเช่นนั้นทุกราชธานี ในเมืองพม่าแต่ก่อนมาฉันถามว่า ฆ้องกับกลองที่แขวนไว้บนหอนั้นตีต่างกันอย่างไร ไม่มีใครบอกอธิบายได้ เพราะเลิกราชประเพณีพม่ามาเสียหลายสิบปีแล้ว ฉันนึกจับหลักได้ ฆ้องสำหรับตีกลางวัน กลองสำหรับตีกลางคืน หลักนั้นอยู่ในคำพูดของคนไทยเราเอง ที่เรียกเวลากลางวันว่า “โมง” เช่นว่า ๔ โมง ๕ โมง แต่ตอนเวลากลางคืนเรียกว่า “ทุ่ม” เช่นว่า ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม คำ โมง กับ ทุ่ม มาแต่เสียงฆ้องและกลองนั่นเอง ในเมืองไทยแต่โบราณก็เห็นจะใช้ฆ้องและกลองตีบอกเวลาอย่างเดียวกันกับในเมืองพม่า”

จากพระนิพนธ์ใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ทำให้เราทราบสาเหตุที่เรียกเวลาในตอนกลางวันว่า “โมง” เพราะในสมัยโบราณใช้วิธีตีฆ้องบอกเวลาในตอนกลางวันนั่นเอง เสียงฆ้องจะดัง “โมง” ๗ นาฬิกา ตีฆ้องทีเดียวก็เป็น “๑ โมง” ๘ นาฬิกา ตีฆ้อง ๒ ที ก็เป็น “๒ โมง” เรื่อย ๆ ไปเช่นนี้ ส่วนในเวลากลางคืน ใช้ตีกลองบอกสัญญาณ เสียงกลองก็ดัง “ตุม” “ตุ้ม” หรือ “ทุ่ม” เวลา ๑๙ นาฬิกา ตีกลอง ๑ ที ก็เป็น ๑ ทุ่ม เวลา ๒๐ นาฬิกา ตีกลอง ๒ ที ก็เป็น ๒ ทุ่ม ฯลฯ เรื่อย ๆ ไปจนถึง ๒๔ นาฬิกา ตีกลอง ๖ ที จึงเรียกว่า ๖ ทุ่ม

คำว่า “ทุ่ม” ในส่วนที่เกี่ยวกับเวลานั้น พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้ให้บทนิยามไว้ดังนี้ “น. วิธีนับเวลาตามประเพณีสำหรับ ๖ ชั่วโมงแรกของกลางคืน ตั้งแต่ ๑๙ นาฬิกา ถึง ๒๔ นาฬิกา เรียกว่า ๑ ทุ่ม ถึง ๖ ทุ่ม, แต่ ๖ ทุ่ม นิยมเรียกว่า ๒ ยาม.”

ส่วนคำว่า “โมง” นั้น พจนานุกรม ฉบับ พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้ให้บทนิยามความหมายไว้ดังนี้ “น. วิธีนับเวลาตามประเพณีในเวลากลางวัน, ถ้าเป็นเวลาก่อนเที่ยงวัน ตั้งแต่ ๗ นาฬิกาถึง ๑๑ นาฬิกา เรียกว่า โมงเช้า ถึง ๕ โมงเช้า ถ้าเป็น ๑๒ นาฬิกา นิยมเรียกว่า เที่ยงวัน ถ้าหลังเที่ยงวัน ตั้งแต่ ๑๓ นาฬิกา ถึง ๑๗ นาฬิกา เรียกว่า บ่ายโมง ถึง บ่าย ๕ โมง ถ้า ๑๘ นาฬิกา นิยมเรียกว่า ๖ โมงเย็นหรือ ย่ำค่ำ.”

ถ้าหากจะใช้คำว่า “นาฬิกา” บอกเวลา ก็นับว่าเป็นสากล ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ตั้งแต่ ๑ นาฬิกา คือ ตี ๑ จนถึง ๒๔ นาฬิกา คือ ๒ ยาม จงอย่าใช้ให้สับสนกันจะกลายเป็น “ภาษาพันทาง” เช่น ๗ โมงเช้าอย่างนี้ไม่ถูก ถ้าไม่พูดว่า “๗ นาฬิกา” ก็ควรพูดว่า “โมงเช้า” หรือ “๑ โมงเช้า”

คำว่า “ย่ำสนธยา” ก็คือ “ย่ำค่ำ” นั่นเอง เพราะ “ยามสนธยา” เราหมายถึง เวลาโพล้เพล้เข้าไต้เข้าไฟ เพราะ “สนธยา” มาจากคำว่า “สนธิ” ซึ่งแปลว่า “การต่อ, ที่ต่อ” ตามปรกติ “สนธยา” จะหมายถึงช่วงเวลาที่ต่อระหว่างกลางคืนกับกลางวัน คือ ตอนเช้ามืด หรือระหว่างกลางวันกับกลางคืน คือ ตอนพลบค่ำ ก็ได้ แต่ตามที่เข้าใจโดยทั่ว ๆ ไป มักจะหมายถึง “ตอนพลบค่ำ” หรือ “ยามโพล้เพล้เข้าไต้เข้าไฟ” ตรงกับภาษาอังกฤษว่า twilight คำว่า “สนธยา” นี้ พจนานุกรม ฉบับ พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้ให้บทนิยามไว้ดังนี้ “น. เวลาโพล้เพล้พลบค่ำ, บางทีก็ใช้ว่า ย่ำสนธยา: ช่วงเวลาที่ต่อระหว่างกลางวันกับกลางคืน คือเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตก.”

ผู้เขียน : ศ.จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต สำนักศิลปกรรม
ที่มา : ภาษาไทยไขขาน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แพร่พิทยา. ๒๕๒๘. หน้า ๒๒๙-๒๓๗.
http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=1273*/
 

111
ภาพเก่าๆ ครับ รวมๆ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๐ - ๒๕๕๒










112
ขอบคุณหลวงพี่เก่งครับที่แจ้งข่าวสาร
ไม่ทราบว่าเลิกครอบครูเวลากี่โมง...ครับ
บังเอิญมีธุระตั้งใจว่าจะเข้ามาวัดบางพระครับช่วงบ่ายๆ
ขอบคุณครับ :054: :054: :054:

ช่วงบ่ายๆ ก็ได้ครับ  วันนั้นทั้งวันเลยครับ ไม่เป็นปัญหาครับ แต่พยายามอย่าให้เย็นมากนะครับ

113
ดีครับ ที่จะไม่มีการสูบบุหรี่ภายในวัด แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ การขอร้องธรรมดาก็มักจะไม่ค่อยได้ผล แต่ถ้าสมาชิกทุกท่านไม่สูบบุหรีในวัด หรือในสถานที่ใดๆ ก็ตามที่เป็นที่สาธารณะ ที่มีผู้คนอาศัยหรือผ่านไปผ่านมาเป็นจำนวนมากๆ  ก็จะทำให้เกิดวัฒนธรรมที่ดีงามขึ้นมา เริ่มต้นที่ตัวท่าน แล้วขยายออกสู่คนอื่นๆ รอบข้าง และขยายเป็นวงกว้างออกไป เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกๆ คน เจริญพร

114
ขอเชิญร่วมพิธีครอบเศียรพ่อปู่ฤาษี

ที่ กุฏิหลวงพี่ติ่ง (อยู่หลังพิพิธภัณฑ์ฯ)
ใน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๓
ก่อนไหว้ครูพิธีใหญ่ ๒ วัน



115
ใช่แล้วครับ ธรรมะที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงค้นพบนั้นในจำนวน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ สามารถสรุปย่อหรือจัดเข้าในอริยสัจ ๔
   อริยสัจข้อที่ ๑   ทุกข์   คือ ธรรมที่ควรรู้   เช่น ไตรลักษณ์ เป็นต้น
   อริยสัจข้อที่ ๒   สมุทัย   คือ ธรรมที่ควรละ   เช่น อกุศลกรรมบถ , อบายมุข ๖ เป้นต้น
   อริยสัจข้อที่ ๓   นิโรธ   คือ ธรรมที่ควรบรรลุ   เช่น ประโยชน์ ๓ เป้นต้น
   อริยสัจข้อที่ ๓   มรรค   คือ ธรรมที่ควรเจริญ   เช่น อริยมรรคมีองค์ ๘ , บุญกิริยาวัตถุ , มงคล ๓๘ ประการ เป้นต้น

แหม กระทู้นี้ อะไรจะพอเหมะพอดีเพียงนี้ เพราะเพิ่งจะผ่านการสอนนักเรียนมาเมื่อวานนี้เอง อิอิ

116


แอบถ่ายหลวงพ่อทองล่ำ ขณะอยู่ในห้องเรียน (ม.มหาจุฬาฯ)

และขอบอกว่าท่านมีฝีมือการทำเค็กได้อร่อยมากเลย อิอิ

117
ไม่มีคำบรรยาย ดูกันเอาเองครับ






























119
บทความ บทกวี / ภรรยา ๔ คน
« เมื่อ: 29 ธ.ค. 2552, 11:04:20 »
ภรรยา ๔ คน


       ชายคนหนึ่งมีภรรยา อยู่ ๔ คน
ภรรยาคนที่ ๑  เขารักที่สุด ไปไหนมาไหนด้วยกัน ตามใจตลอดอยากได้อะไร เขาหาให้ทุกอย่าง 
ภรรยาคนที่ ๒  เขารักมาก เขาจะทำทุกสิ่ง ทุกอย่างเพื่อภรรยาคนนี้ และจะไปหาภรรยาคนนี้เสมอ
ภรรยาคนที่ ๓  เขารักรองลงมา ดูแลเอาใจใส่พอควร แวะไปหาบางเป็นครั้งคราว
ภรรยาคนที่ ๔  เขาไม่เคยสนใจ ไม่เคยดูแลเอาใจใส่ ไม่เคยไปหา ไม่คิดถึงเลย ด้วยซ้ำ


    ต่อมาชาย คนนี้ไปกระทำความผิดร้ายแรง และถูกจับ ต้องถูกประหารชีวิต ก่อนที่จะถูกประหาร เขาขอร้องว่า เขาขอกลับบ้าน เพื่อไปร่ำลาภรรยาสุดที่รักซักครั้ง ผู้คุมเห็นใจจึงอนุญาต เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขารีบตรงไปหาภรรยาคนที่ ๑ เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟังและถามภรรยา คนที่ ๑ ว่า
"ถ้าเขาต้องตายภรรยาคนที่ ๑ จะทำอย่างไร ? "



ภรรยาคนที่ ๑ ตอบน้ำเสียงที่เย็นชาว่า   “ถ้าเธอตาย เราก็จบกัน” 
คำตอบที่ได้รับ  เหมือนสายฟ้าที่ผ่าเปรี้ยง!! ลงมาที่เขาอย่างจัง  เขารู้สึกเจ็บปวด และเสียใจเป็นอย่างยิ่ง นึกเสียดาย ว่าเขาไม่ควรทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เลย


จากนั้นเขาก็ ไปหา ภรรยาคนที่ ๒ ด้วยอาการเศร้าโศก เล่า เรื่องราวต่างๆ ให้ ฟัง  และถามคำถามเดิมกับภรรยาคนที่ ๒ ว่า 
"ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ ๒ จะทำอย่างไร? "


ภรรยาคนที่ ๒ ก็ ตอบอย่างหน้าตาเฉย ว่า "ถ้าเธอตาย ฉันจะมีใหม่ " 
เหมือนสายฟ้า!! ผ่าลงมาซ้ำที่เขา อย่างจัง เขารู้สึกเสียใจมาก และนึกเสียดายว่าที่ผ่านมา เขาไม่ควร ทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เช่นกัน 

เขาเดินคอตกมาหาภรรยาคนที่ ๓ เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง และถาม ภรรยา คนที่ ๓ ว่า  "ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคนที่ ๓ จะทำอย่างไร? "

ภรรยาคนที่ ๓ ตอบว่า "ถ้าเธอตาย ฉันจะไปส่ง" ทำให้เขาคลายความ เศร้าโศกขึ้นมาได้บ้าง  อย่างน้อยก็ ยังมีภรรยาที่จริงใจกับเขา   

    ก่อนกลับไปรับโทษ เขานึกขึ้นมาได้ว่ามีภรรยาอีกคน ซึ่งไม่เคยไปหาเลย จึงไปหา ภรรยาคนที่ ๔ และถามว่า  "ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคนที่ ๔  จะทำอย่างไร?"   

ภรรยาคนที่ ๔ ตอบว่า "ถ้าเธอตาย ฉันจะตามไปด้วย"  แทนที่เขาจะดีใจกลับนึกเสียใจหนักขึ้นไปอีก 
เพราะ...มัน สายเกินไปเสียแล้ว ช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยเห็นค่าของภรรยาคนนี้ แต่ภรรยาคนนี้ไม่คิดที่จะทิ้งเขา จะติดตามเขาไปอยู่ด้วย  แล้วชายคนนี้ก็กลับไปรับโทษประหาร และเมื่อเขาตาย ภรรยาคนที่ ๔ ก็ตายตามไป ด้วย.....



*** เราทุกคนก็ มีภรรยา ๔ คน นี้ มีคำถามว่า ภรรยาทั้ง ๔ คนเป็นใคร? คิดกันก่อนนะ แล้วค่อยเฉลย...





 



ทีนี้เรามาดูกันว่า 
ภรรยาคน ที่ ๑, ๒, ๓ และ ๔ 
เป็นใครกันบ้าง






 



ภรรยาคน ที่ ๑ 

ร่างกายของเรา เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่ 
เราจะบำรุงบำเรอด้วยของสิ่งทุกอย่าง 
อยากได้อะไรก็หาให้ 
แต่พอเราตายมันกลับไม่ไปกับเรา 
เมื่อเราตาย ร่างกายมันก็มีค่าเท่ากับท่อนไม้
ท่อนหนึ่งเท่านั้น






 



ภรรยาคน ที่ ๒ 

ทรัพย์สมบัติ เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่ 
เราจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มันมา 
แต่พอเราตาย มันกลับไม่ไปกับเรา 
แต่ไปเป็นของคนอื่น 







 



ภรรยาคนที่ ๓ 

พ่อแม่ ลูกเมีย ญาติ พี่น้อง เพราะพอเราตาย 
เขาจะทำศพให้เรา ทำบุญไปให้
แปลว่า เขาแค่ไปส่งเราเท่านั้น   







 



ภรรยาคนที่ ๔ 

บุญกับบาป เมื่อเราตายไป 
เราไม่สามารถเอาอะไรไปด้วยได้ 
มีเพียงแค่บุญกับบาปเท่านั้น
ที่จะตามเราไป ..... 

120
ผมเคยไปแล้วครับผม

ไปจากยะลาเลยครับ วันนั้นผมไปนอน3คืน

ขั้นแรกผมก็ทำอะไรไม่ถูกครับ เลยขึ้นไปบอกหลวงพี่สำอาง

ท่านว่ามาบอกอะไรที่นี้ หน้าเปลี่ยนสีเลยครับ เหอๆๆ

ผมเลยลงมาที่สำนักงานหน้ากุฎิ มาถามหลวงพี่คนนึง ท่านอยู่สูงๆ รู้สึกจะใส่แว่นตาด้วยครับ เลยถามแก แกก็บอกว่า ให้เอาบัตรประชาชนไปวางที่หน้าป้อมตำรวจครับ แล้วก็ให้ผมบอกหลวงพี่หมี

สถานที่ที่ให้นอน คือหอสวดมนต์ เป็นกุฏิหลวงพี่หมีครับ แล้วก็มีระเบียบการพักแรมติดอยู่ที่ประตูครับผม

ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ

ใช่หลวงพี่รูปนี้หรือเปล่าครับ อิอิ


121
พิเศษครับ ในคืนวันที่ ๓๐ ธันวาคม จะสวดเจริญพระพุทธมนต์ ทำน้ำพระพุทธมนต์ให้เป็นสิริมงคลด้วย ท่านใดต้องการก็มาตักได้เลยครับ
จัดพิธีหน้าหลวงปู่เปิ่นองค์ใหญ่ ตรงลานวัดครับ

ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง  แก้ไขเป็น คืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม

122
          :053:  หลังจากให้ชมบรรยากาศการสอบธรรมศึกษาไปแล้ว  ในที่สุดผลการสอบก็ออกมาแล้ว (เฉพาะนักธรรมและธรรมศึกษาชั้นตรีเท่านั้น) พระนวกะและนักเรียนคนใดสอบได้ดูตามรายชื่อ  :107:  ได้เลยครับ 

นักธรรมชั้นตรี (พระภิกษู - สามเณร)



ธรรมศึกษาชั้นตรี (นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป)




พระวีรวัชร์   ปุญฺญานุสฺสติ หรือ หลวงพี่เก่ง (สิบทัศน์) ก็สอบผ่านครับ



123
พิเศษครับ ในคืนวันที่ ๓๐ ธันวาคม จะสวดเจริญพระพุทธมนต์ ทำน้ำพระพุทธมนต์ให้เป็นสิริมงคลด้วย ท่านใดต้องการก็มาตักได้เลยครับ
จัดพิธีหน้าหลวงปู่เปิ่นองค์ใหญ่ ตรงลานวัดครับ

124
:001:หนูเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่วันนี้เองคะ เพิ่งเคยเข้ามาในเวปนี้ รู้สึกน่าสนใจมากคะ วันนี้อยากจะขอคำแนะนำจากพี่ๆทุกท่าน หนูอยากอาบน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ ไม่ทราบว่าที่วัดบางพระนี่ท่านจะทำให้ได้รึเปล่าคะ รบกวนด้วยคะ

ขอเจริญพรยินดีต้อนรับสู่เวปบอร์ดวัดบางพระ
         ถ้าต้องการจะอาบน้ำมนต์สามารถมาที่วัดบางพระได้ จะให้หลวงพี่ติ่ง หรือหลวงพ่อสำอางค์ (เจ้าอาวาส) ก้ได้ทั้งนั้น
มาในช่วงเช้าไม่เกินเที่ยงและเตรียมผ้ามาผลัดด้วย
         หรือหากว่าไม่สะดวกจะมาวัดบางพระ จะไปอาบวัดไหนก็ได้ทั้งนั้น ถ้าการอาบน้ำมนต์แล้วสามารถทำให้สบายใจได้ ส่วนที่ว่าจะสะเดาะเคราะห์ได้หรือไม่ ก็อยู่ที่การกระทำขอเราเป็นหลักครับ ว่าถูกต้องตามหลักศีลเพียงใด

125
555 เครื่องเสียงไม่ได้เสียหรอกครับ ที่เสียน่ะเป็นตัวจ่ายไฟสำหรับเตาฉายครับ แก้ไขได้ สาเหตุเกิดจากคนฉายครับไม่ได้ฉายมาเสียนาน เลยต่อไฟผิดก็เลยต้องแก้ไข แล้วที่ว่าดังน่ะครับ ยังไม่เท่าไหร่ นี่แค่ชุดเล็กครับ

126


          พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานแด่พระบรมวงศานุวงศ์ และคณะบุคคลที่เข้าเฝ้า เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธ.ค. ๒๕๕๒ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง

         “ขอขอบพระทัย และขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกัน มาให้พรวันเกิดด้วยถ้อยคำที่เลือกสรรมาจากใจจริงซึ่งปรารถนาดี มุ่งหมายให้ข้าพเจ้ามีความสุข ความสวัสดีโดยประการต่างๆ ไว้ซึ่งความสุข ความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข ความเจริญ มั่นคงทั้งนั้นจะสำเร็จผลเป็นจริงใดได้ ก็ด้วยทุกคน ทุกฝ่ายในชาติ มุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติรู้ตัว ด้วยปัญญารู้คิด และด้วยความสุจริตจริงใจโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอยู่ในสถาบันหลักของประเทศ และชาวไทยทุกคน ทุกหมู่เหล่า ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่างแล้วตั้งจิต ตั้งใจให้เที่ยงตรง หนักแน่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือชาติ บ้านเมืองอันเป็นที่อยู่ ที่ทำกินของเรา มีความเจริญมั่นคงยั่งยืนไป  ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยสุข สิริสวัสดิวัฒนมงคล ให้สำเร็จผลขึ้นแก่กันทั่วหน้ากัน”








128
สาธุ..อนุโมทนากับหลวงพี่เก่งด้วย
เราน่าจะเปิดกระทู้ใหม่ ใครมีภาพของหลวงพ่อเปิ่นให้ส่งมา
เพื่อที่เราจะได้รวบรวมเก็บภาพเหล่านั้นไว้ และจะได้จัดพิมพ์
กันต่อไปในวาระต่างๆ เพราะยังมีภาพของหลวงพ่ออีกมากมาย
ที่ญาติโยมได้ถ่ายไว้ในโอกาศต่างๆที่พวกเรายังไม่เคยได้ชมกัน
จึงขอให้"หลวงพี่เว็บ"จัดทำกระทู้รับรูปภาพของหลวงพ่อขึ้นมา
เพื่อให้ผู้ที่มีรูปถ่ายของหลวงพ่อได้ส่งมาเพื่อเก็บรวบรวมไว้
...เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ...


เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ

129
      ได้รับประสบการณ์จากการไปอินโดนีเซียครั้งนี้มากเลยครับ แต่กระนั้นเมื่องไทยประเทศไทย น่าอยู่กว่าเยอะเลยครับ

130
         ขอเจริญพร นำมาให้ชมชมกันครับ เป็นภาพที่ไม่เคยเปิดเผยที่ใดมาก่อน หากใครมีภาพในลักษณะแบบนี้ก็ช่วยนำมาแบ่งปันกันครับ ภาพเก่าๆ หายากแบบนี้ สมควรได้รับการอนุรักษ์ไว้ครับ ถ้าบอกเหตุการณ์และปีที่ถ่ายก็จะดีมากเลย

ภาพที่ ๑,๒  งานมงคลสมรสของโยมแม่และโยมพ่อ ประมาณ ปี พ.ศ.๒๕๒๐ หลวงปู่เปิ่นเป็นหัวหน้าเจริญพระพุทธมนต์




ภาพที่ ๓ ในงานเดียวกัน ในภาพมีหลวงพ่อสำอางค์ด้วยนะครับ สมัยนั้นยังเอ๊าะๆ อยู่เลย ทายว่าสิว่าองค์ไหน  :095:



ภาพที่ ๔ ในงานเดียวกัน หลวงปู่เปิ่นท่านเมตตาให้ถ่ายภาพก่อนจะเดินทางกลับวัด



ภาพที่ ๕ หลวงปู่เปิ่นรับประเคนเครื่องกัณฑ์เทศน์ในงานฌาปนกิจศพ ไม่ทราบปี พ.ศ.



ภาพที่ ๖ - ๘ หลวงปู่เปิ่นเป็นประธานประชุมเพลิงฝ่ายสงฆ์ ในงานฌาปนกิจศพโยมยาย เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ ในปีนั้นได้บวชเณรหน้าไฟด้วย เป็นการบวชเณรครั้งแรกในชีวิต






         สมาชิคท่านใดมีภาพหลวงปู่เปิ่นไม่ว่าจะเป็นงานหรือโอกาศใดก้ได้ครับ ส่งภาพมาแบ่งปันกันในกระทู้นี้ได้เลยครับ     จะเก็บรวบรวมสำหรับเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่หลวงปู่ในโอกาสต่อไป

131
               มีภาพหลวงพี่เว็ปมาฝากครับ เมื่อครั้งที่ไปดูงานกับมหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่วันที่ ๒๑ - ๒๕ พฤศจิกายน ที่ผ่านมา  

ภาพแรก

ถ่ายที่วิหารอูลูวาตู เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซียครับ (๒๓ พ.ย. ๕๒)

ภาพที่ ๒

ถ่ายที่เจดีย์โบโรพุทโธ เมืองยอร์คยากาตาร์ เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซียครับ (๒๒ พ.ย. ๕๒)

ภาพที่ ๓


ภาพที่ ๔

        เจดีย์โบโรพุทโธ หรือที่ชาวอินโดนีเซีย เรียกว่า โบโรบูดูร์ เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่าประเทศอินโดนีเซียก็เคยนับถือพระพุทธศาสนามาก่อนศาสนาอิสลาม และเป็นสิ่งปลูกสร้างทางพระพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รอดพ้นจากการถูกทำลายด้วยฝีมือมนุษย์ เพราะเถ้าถ่านจากภูเขาไฟได้ปกคลุมไว้ ถือว่าโชคดีมากครับ

        ส่วนรายละเอียดอื่นจะเพิ่มเติมให้ในภายหลังครับ


ขอความเจริญในธรรมจงมีแก่ชาวบอร์ดทุกๆ ท่านครับ เจริญพร

132
เมื่อวันอังคารได้ไปวัดบางพระกับแฟนสักน้ำมันกับลงนะหน้าทองมาครับ หลวงน้าติ่งท่านใจดีมากให้ยันต์ครูมาครบเลยครับ มี 9ยอด 8ทิศ งบน้ำอ้อยส่วนแฟนได้9ยอดนะครับ ท่านบอกมาไกลเลยให้ครบ รบกวนถามพี่น้องว่าถ้าไปครั้งหน้าจะไปลงหมึกกับหลวงน้าต้อยท่านจะหัย 9ยอดใช่ไม่คับ  ป.ล.ผมอยู่หัวหินว่าจะไปอีกที่หลังปีใหม่

เจริญพร ยินดีต้อนรับสู่วัดบางพระ

133

หลวงปู่หิ่ม


หลวงปู่เปลี่ยน


หลวงปู่ทองอยู่

134
ถ้าสอบผ่าน และสอบในนามของวัดบางพระ  [ร.ร.วัดบางพระ, ร.ร.ไทยรัฐวิทยา ๔ และ วิทยาลัยการอาชีพบางแก้วฟ้า (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์)]
ก็จะได้รับทุนเหมือนทุกปีที่ผ่านมาครับ




ภาพการรับทุนเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนครับ

135
งานประจำปีปิดทองรูปหล่อเหมือนหลวงปู่หิ่ม หลวงปู่เปลี่ยน หลวงปู่ทองอยู่ หลวงพ่อเปิ่น (งานเทศกาลกลางเดือนยี่ วัดบางพระ)
เริ่มงาน วันพุธที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๒      ถึง        วันศุกร์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓
 


ปกติแล้วงานจะมีประมาณเดือนมกราคม แต่ปีนี้พอดีตรงกับปีใหม่พอดี

นอกจากปิดทองรูปหล่อเหมือนองค์หลวงปู่ทั้ง ๔ แล้ว  มีตักบาตรสตางค์พระประจำวันเกิด ๑๐๘  ทำบุญโลงศพอุทิศให้กับศพที่ไม่มีญาติ หรือ  ศพที่ยากจน การถวายสังฆทาน  การสร้างพระไตรปิฎกและหนังสือทางพระพุทธศาสนา รวมถึงหนังสือเรียนนักธรรมและธรรมศึกษา ฯลฯ  กลางคืนมีมหรศพ (ภาพยนตร์ ลิเก) สมโภชน์ทุกคืนครับ

136
กราบนมัสการหลวงพี่เก่งนะครับ หลานชายผมก็สอบเช่นกันครับ ไม่รู้ว่าจะติดรึเปล่าหนอ ..  :001: 







   ใครจะสอบผ่านหรือไม่ผ่านก็ขึ้นอยุ่กับความสนใจ ความตั้งใจ และศรัทธาในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
และที่สำคัญก็ขึ้นอยู่กับความเมตตาของกรรมการตรวจข้อสอบด้วยละครับ 555
สำหรับธรรมศึกษาชั้นตรี เกณฑ์ผ่านคือ ๕๐ %  (200/400) ครับ
ขอให้สอบได้นะครับ เอาใจช่วยครับ สาธุ



137
การสอบธรรมศึกษา เมื่อวันจันทร์ที่ ๙ พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ของสนามสอบโรงเรียนวัดบางพระ มีนักเรียนและครู เข้าสอบธรรมทั้งสิ้น ๓๕๓ คน  โดยมีพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์) ให้การอุปถัมภ์และสนับสนุน ส่วนผลสอบจะเป็นอย่างไร จะแจ้งให้ทราบครับ









บรรยากาศในสนามสอบ เครียดกันแทบทุกคน






ช่วงพักกลางวัน



สำหรับนักเรียนที่สอบธรรมศึกษาชั้นตรีได้      จะได้รับทุนการศึกษา   ๖๐๐ บาท
สำหรับนักเรียนที่สอบธรรมศึกษาชั้นโทได้      จะได้รับทุนการศึกษา   ๘๐๐ บาท
สำหรับนักเรียนที่สอบธรรมศึกษาชั้นเอกได้      จะได้รับทุนการศึกษา   ๑,๐๐๐ บาท



138
ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้

139
เช้าสดใสวันอากาศดี ถ่ายหลังจากกลับจากบิณฑบาต


ถ่ายเมื่อ ๑๐ กันยายน





อันนี้แถม จากธัมเมกขสถูป สถานที่แสดงปฐมเทศนา ประเทศอินเดีย


140
         ปัจจุบันนี้คนในสังคมมากมายมักจะพูดกันจนเกือบจะติดปากว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” ซึ่งทำให้วัยรุ่นปัจจุบันไม่ค่อยยึดมั่นในการทำความดี การที่คนเรามักมองว่าการทำความดีผลตอบแทนแห่งความดีต้องมากจากการที่ได้รับคำชมจากคนรอบข้างนั้นบางครั้งทำให้วัยรุ่นหลายๆคนเกิดความท้อแท้และผิดหวังจากการทำความดี เราควรจะปรับปรุงตัวเองอย่างไรจึงจะถูกต้อง คุณอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับความคิดผู้เขียนก็ได้ ขอแต่เพียงคิดว่าเป็นอีกมุมมองหนึ่งในความเห็นที่แตกต่างกัน เพื่อจะได้ปรับปรุงความคิดเสียใหม่ ซึ่งย่อมจะเป็นผลดีกับชีวิตและงานทั้งปัจจุบันและอนาคต เพื่อความเข้าใจจะขอยกกรณีศึกษาของคนๆ หนึ่งมาเล่าสู่กันฟัง

กรณีศึกษานี้มีอยู่ว่า
         เธอผู้นี้เป็นสุภาพสตรีเพิ่งจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เธอเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัว มีอายุห่างจากพวกพี่ๆ หลายปี แน่นอนว่าทั้ง พ่อ-แม่ และพี่ ๆ ต่างก็รักและเอ็นดูพร้อมทั้งตามใจเธอ ดูเหมือนอะไร ๆ จะเป็นไปตามความต้องการของเธอเสียเป็นส่วนใหญ่ เธอก็มีความสุขและความอบอุ่นกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่แบบนั้นดีอยู่หรอก ชีวิตในครอบครัวจึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

          แต่เธอก็ยังอุตส่าห์คิดให้มีปัญหาจนได้ คือ เธอเป็นเด็กที่ชอบทำกิจกรรมและเล่นกีฬา แถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก ความประพฤติดี จนเคยได้รับคัดเลือกเป็นนักศึกษาดีเด่น เพราะเธอทำอะไรก็จะมุ่งมั่นตั้งอกตั้งใจอยากจะทำให้ดีที่สุด นั่นเป็นนิสัยของเธอตั้งแต่เด็กๆ เป็นต้นมา เพราะเธออยากให้พ่อ-แม่ พี่น้องของเธอพึงพอใจ โดยเธอก็ไม่เคยคิดอะไรมาก่อนเลย ก็ยังคงเป็นคนดี เรียนดี มีกิจกรรมในมหาวิทยาลัยหลายอย่าง จึงมีความสุขและพอใจกับชีวิตนักเรียน-นักศึกษาของเธอตลอดมา ตราบจนสำเร็จตลอดมา

          ปัญหาของเธอก็คือ เมื่อเธอเริ่มเป็นวัยรุ่น อายุ ๑๖-๑๗ ปี เธอเริ่มรู้สึกน้อยใจว่า เธออุตส่าห์ทำตัวเป็นเด็กดี รักการเรียนได้ผลการศึกษาดีมาตลอด ทำกิจกรรมต่างๆ ในมหาวิทยาลัยอย่างเต็มอกเต็มใจ ไม่เคยเลยที่จะมีความประพฤติที่ทำให้พ่อ-แม่ต้องเสียใจ หรือเสียความรู้สึกกับเธอ

          แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้รับคำชมเชยหรือความปราบปลื้มของพ่อ-แม่ จากการเรียนและความประพฤติของเธอเลย เพราะท่านดูเฉยๆ ในขณะที่เพื่อนๆ ของเธอ ไม่ได้มีการศึกษาดีไปกว่าเธอเลย แถมไม่สนใจกิจกรรมอีกต่างหาก ได้แต่แต่งตัวเกินวัยและเกินฐานะความเป็นนักศึกษา ออกเที่ยวเตร่กลับบ้านผิดเวลา ใช้เงินเปลืองอย่างไม่มีแก่นสาร ถึงขนาดนั้นพ่อ-แม่ของพวกเขาก็ยังพอใจ และชื่นชมว่าลูกเป็นเด็กดีและรักเรียนไม่สร้างปัญหาให้พ่อ-แม่ต้องยุ่งยากใจ เธอจึงคิดน้อยใจอยู่ลึกๆ ว่า ทำไมนะพ่อ-แม่จึงไม่ชื่นชมหรือพูดชมให้เธอชื่นใจและภูมิใจกับทุกสิ่งที่เธอตั้งใจทำ เพราะที่เธอทำล้วนเพื่อให้เป็นที่ภาคภูมิใจของพ่อ-แม่ ทำไมไม่เหมือนพ่อ-แม่ของเพื่อนๆ เลยเล่า ทั้งๆ ที่ลูกๆ ของพวกเขาไม่ได้เก่ง และเป็นเด็กดีอย่างเธอสักหน่อย พ่อ-แม่ยังเป็นปลื้มกับลูกของเขา ทั้งชมเชยทั้งตบรางวัลอีกต่างหาก
สภาพเช่นนี้เคยคิดท้อแท้ว่าไม่รู้จะทำดี เรียนดี เพื่ออะไรกัน พ่อแม่ไม่เห็นชื่นชมสักนิดหรือว่าเธอจะต้องทำตัวเป็นวัยรุ่นเที่ยวเธค ใช้เงินเปลือง ฟุ่มเฟือย ไปโน่นมานี้ เรียนขาดๆเกินๆ ได้ผลการศึกษาแทบจะเอาไม่รอดบางทีพ่อแม่อาจจะหันมาให้ความสนใจหรือให้ความสำคัญเธอบ้างกระมัง ยิ่งกว่านั้นความรู้สึกน้อยใจทำให้เธอรู้สึกไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย เพราะเธอคิดว่าการที่พ่อ-แม่ไม่ได้แสดงความชื่นชมเธอนั้น เธอน่าจะมีปมด้อยอะไรในตัวเองกระมังท่านจึงแสดงเช่นนั้นกับเธอ


จงตั้งความคิดเสียใหม่ให้ถูกต้อง

          คนเราควรตั้งความคิดให้ถูกต้องอย่างเป็นเหตุเป็นผล อย่าเพียงแต่เอาความคิดหรือความรู้สึกของตนเองมาตัดสินในเรื่องต่าง ๆ เพราะอาจจะใช้อารมณ์ของตนเองป็นบรรทัดฐานซึ่งอาจจะขาดเหตุผลอันสมควรก็ได้และการคิดเช่นนั้นอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและงานได้ในอนาคต



จึงควรจะลองตั้งความคิดในแง่มุมต่าง ๆ ดังนี้

          คนเรานั้นควรจะทำความดีด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะมันเป็นความดีที่พึงกระทำและเมื่อทำแล้วย่อมจะส่งผลดีต่อตนเองอีกด้วย เช่น ถ้าเป็นนักเรียน-นักศึกษา การตั้งใจและเอาใจใส่ในการเรียน ได้ผลการศึกษาดีหรือดีเยี่ยม ย่อมเป็นเกียติประวัติของตนเองตลอดไป เป็นความภาคภูมิใจและมีความมั่นใจในความมานะพยายาม และสติปัญญาของตนเอง

          หรือการประพฤติปฏิบัติตัวเป็นนักเรียน-นักศึกษา หรือเป็นลูกที่ดีของพ่อ-แม่ ใช้จ่ายอย่างประหยัดตามสภาพนักเรียน-นักศึกษาไม่เที่ยวเตร่ไร้สาระ ซึ่งไม่ควรเป็นสิ่งประพฤติปฏิบัติ สำหรับนักเรียนนักศึกษา

          การทำเช่นนี้จะทำให้คุณเป็นคนมีระเบียบวินัยในการควบคุมตนเองเป็นอย่างดีๆไม่ออกนอกลู่นอกทางในวัยที่ยังไม่สมควร ยังไม่มีรายได้ของตนเอง เมื่อเติมโตเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นคนทำงาน ก็จะเป็นผู้ใหญ่หรือคนทำงานที่ดี มีความรับผิดชอบในชีวิตและงานย่อมจะพบความสุขและความสำเร็จ

          การทำกิจกรรมต่างๆ ในมหาวิทยาลัย จะมีประโยชน์ต่อชีวิตในภายภาคหน้า เพราะจะสอนให้คุณปรับตัวเองยอมรับคนอื่นได้ง่ายขึ้น ทำให้คุณมีมนุษย์สัมพันธ์ดีขึ้น เพราะต้องทำงานเป็นทีมร่วมกับผู้อื่น ทำให้คุณมีความรับผิดชอบกับภาระหน้าที่ที่ทีมงานมอบหมาย

เพราะฉะนั้นแทนที่จะเบื่อหน่ายท้อแท้กับการทำความดีที่ผ่านมา จงเลิกความคิดแบบนั้นเสียเถิด และคิดใหม่ว่าสิ่งดี ๆ ที่คุณทำล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองในแง่ของการสร้างทักษะที่ดี ๆ ให้กับชีวิตและการงานในอนาคตของคุณ ให้ประสบความสุขและความสำเร็จดีกว่าผู้ที่ไม่ได้ฝึกทักษะเช่นนั้นมาก่อน
[/b]

          จงรู้จักชื่นชมตัวเอง เพราะจะทำให้คุณองอาจเชื่อมั่นในตัวเองและสะท้อนออกมาเป็นความสุข คนเราเมื่อทำในสิ่งที่ดีงาม ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจกับสิ่งที่ตนเองทำอยู่แล้ว และภาคภูมิใจในตนเองได้อย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องรอคำชื่นชมจากผู้อื่น และถ้าบุคคลที่คาดหวังว่าจะชื่นชมคุณ เกิดไม่แสดงออกถึงความสามารถ หรือความดีของคุณที่ทำไปนั้นด้วยคำพูดชมเชย หรือด้วยกิริยาอาการชื่นชมยินดี คุณก็เลยคิดว่าพวกเขาไม่เห็นคุณค่าของคุณ คุณจึงน้อยใจจนไม่อยากจะทำอะไรดี ๆ ต่อไปอีก ความคิดเช่นนี้ไม่ถูกต้องและไม่เป็นผลดีกับตัวคุณเลย ความจริงคนอื่นหรือคุณพ่อคุณแม่ก็คงจะชื่นชมดีใจที่คุณเป็นคนเก่ง เป็นคนดี เพียงแต่ไม่ได้พูดหรือแสดงอาการให้คุณได้รู้ได้เห็นเท่านั้นเอง คนเราอาจจะมีวิธีแสดงออกถึงความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันก็ได้

          บางทีการเป็นลูกคนสุดท้องของคุณทำให้คุณได้รับการตามใจจากทุก ๆ คน จนติดเป็นนิสัยว่าอะไรๆ ก็ควรเป็นไปดังใจคุณเสมอ ไม่มีใครอยากขัดใจคุณ แต่จงตระหนักว่าสักวันหนึ่งเมื่อคุณเป็นผู้ใหญ่ ต้องไปทำงานร่วมกับผู้คนมากหน้าหลายตา จะไม่มีใครตามใจหรือเอาใจคุณเหมือนกับที่คุณเคยได้รับเมื่ออยู่ในครอบครัวอีกต่อไป
          ยิ่งกว่านั้น สักวันหนึ่งเมื่อคุณต้องแต่งงานมีครอบครัว สามีของคุณก็คงไม่ยอมตามใจคุณทุกอย่างเหมือนที่คุณเคยได้รับมาจนเคยตัว

          ด้วยเหตุนี้ คุณจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนิสัยและความคิดในเรื่องนี้เสียใหม่ เพราะตอนนี้คุณไม่ใช่เด็กๆ อีกต่อไป แต่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ กำลังจะเป็นคนทำงาน ไม่ใช่เด็กๆ ที่ใครๆ ก็จะต้องพะเน้าพะนอตามใจคุณไปเสียทุกอย่าง

          ถ้าหากคุณไม่ปรับเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ คุณก็จะไร้ความสุข ผิดหวังกับผู้คนรอบข้าง เบื่อหน่ายผู้คนที่ไม่เป็นไปอย่างใจคุณในรายละเอียด คงจะผูกสัมพันธ์กับใครๆ ได้ยาก เพราะคุณตั้งข้อจำกัดไว้มากมาย

          ขอได้โปรดตระหนักไว้ล่วงหน้าได้เลยว่า โลกนอกบ้านหรือในที่ทำงานและสังคมใหม่ นอกบ้านและนอกรั้วมหาวิทยาลัยจะไม่มีวันเหมือนกันเลย โลกใหม่ของคุณจะต้องพบผู้คนมากมายที่ล้วนแต่มีความแตกต่างกันในโลกของงาน ในการประกอบอาชีพ เป็นโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันในความสามารถ ความทรหดอดทน การรู้จักผูกมิตรกับผู้อื่น

          ถ้าขาดคุณสมบัติเหล่านี้เสียแล้วก็ยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ควรจะต้องรู้จักชื่นชมตนเอง และจะต้องรู้จักชื่นชมคนอื่นบ้าง อย่าเอาตัวเองเป็นความถูกต้องเสียทุกอย่าง คนเราทุกคนมีสิ่งดีๆ และสิ่งบกพร่องในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ถ้าคุณขืนมีข้อจำกัดอะไรมากมายละก็ คงจะหาคนที่ได้อย่างใจไม่ได้เลย หรือหาได้ยากมาก คนเราจะทำงานใหญ่ก็ต้องมีคนรักใคร่ ศรัทธาอยากร่วมงานด้วย คนเดียวน่ะ ถึงแม้จะเก่งแค่ไหน ก็คงไม่สามารถไปได้ไกลในชีวิต

          คนที่จะได้รับความใครศรัทธาจากผู้คนรอบข้าง จึงมักจะต้องเป็นคนที่มีใจคอกว้างขวาง ยอมรับผู้อื่นได้เสมอโดยไม่มีข้อจำกัดมากนัก
ความดีก็เป็นความดีอยู่วันยังค่ำไม่ว่าใครจะรู้หรือไม่รู้ แต่ผู้ปฏิบัติย่อมรู้แก่ใจตนเอง เพราะฉะนั้นจงมุ่งมั่นทำความดีเพราะมันเป็นสิ่งที่ดีกับตัวของคุณและสังคมเถิด แล้วคุณจะประสบความสุข ความสำเร็จในชีวิตอนาคตอย่างแน่นอน


•  การทำความดี คือ กำไรของชีวิต
•  เพราะว่าความดี เท่านั้นเป็นสิ่งที่เพิ่มคุณค่าให้แก่ชีวิต
•  ทำชีวิตให้มีความสุข ความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
•  หากปราศจากการทำความดีแล้ว
•  ชีวิตที่แสนสั้นในโลกใบนี้ ก็ยิ่งจะหมดค่าลงไปทุกทีๆ
•  เพราะฉะนั้นเราจึงควรรีบทำความดีทุกๆ วัน
•  เพื่อแข่งกับเวลาที่มันกลืนเอาชีวิตของเราไปทุกขณะจิต

** และสุดท้าย จงจำไว้ว่า ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง ........ **

โดย: รศ. นงลักษณ์ สุทธิวัฒนพันธ์

141
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ครับ


สติมโต  สทา  ภทฺทํ.
คนผู้มีสติ  มีความเจริญทุกเมื่อ
สํ. ส. ๑๕/๓๐๖.



ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่าน

142
บทความ บทกวี / สติ = ความรู้สึกตัว
« เมื่อ: 18 ต.ค. 2552, 11:51:43 »
อาจจะมีบางคนสงสัยว่าการมีสตินั้นเป็นเช่นไร? ขอให้ความหมายของการมีสติง่ายๆ ว่า การมีสติก็คือ การมีความรู้สึกตัว ผู้ใดมีความรู้สึกตัว ผู้นั้นก็สามารถเลือกที่จะทำความดี-ละความชั่วได้ ผู้ใดมีความรู้สึกตัว จิตมันก็บริสุทธิ์ เมื่อมีความรู้สึกตัว เราก็ไม่ทำความชั่ว คิดก็ไม่กล้าคิด พอคิดขึ้นมาก็เห็นแล้วว่าหากกระทำลงไปนั้นจะเป็นความดีหรือชั่ว แต่หากเราขาดสติ ไม่รู้สึกตัว เราอาจจะคิดอะไรก็ได้ คิดบ้า ๆ บอ ๆ มนุษย์เราสมัยนี้มักจะทำอะไรโดยขาดสติ ก่อนที่เราจะพูด ก่อนที่เราจะทำ เราต้องคิดเสียก่อน โดยลำพังแล้วความคิดทำความดีด้วยตนเองไม่เป็น ทำชั่วไม่เป็น หากแต่ก่อนที่จะทำดีเป็นเพราะจิตคิดดี ก่อนที่จะทำชั่วเพราะจิตคิดชั่ว การมีสติมีความรู้สึกตัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของความเป็นมนุษย์ เป็นทั้งหมดของชีวิต เมื่อมีสติมีความรู้สึกตัวเราก็จับได้ทั้งหมด จับได้ว่าเมื่อกายอยู่ตรงนั้น วาจาก็อยู่ตรงนั้น ใจก็อยู่ตรงนั้น ถ้าผู้ใดเข้าถึงความรู้สึกตัวได้ทั้งหมดของชีวิต เวลาใดที่เกิดอารมณ์ขึ้นมาพอเรามีความรู้สึกตัวมันจะคอยควบคุมอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้

การมีสติหรือความรู้สึกตัวนี้แหละ จะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของเราได้ พอเรามีสติเราจะทำอะไรก็จะเกิดความรู้สึกตัว ว่าเรากำลังจะทำอะไร ความรู้สึกตัวจะเป็นเสมือนเข็มทิศที่จะนำทางสำหรับการดำเนินชีวิตของเรา เช่นบางคนกวาดบ้านไม่มีสติไม่ความรู้สึกตัว ขณะกวาดบ้านไปก็คิดไปว่า คนนั้นไม่ช่วย คนนี้ไม่ช่วย เรากวาดคนเดียว เราทำคนเดียว คนนั้นทำให้รกรุงรัง คิดไปต่างๆนานา เกิดทุกข์จากการไม่มีสติไม่ความรู้สึกตัว เป็นต้น นักเรียนที่ยกพวกตีกันก็เช่นกัน เวลาเดินทางไปเรียน นั่งไปบนรถเมล์ก็ขาดสติ ไม่รู้สึกตัวว่าตนเองกำลังจะเดินทางไปทำอะไร? และต้องมีหน้าที่อย่างไร? แต่กลับไปคิดถึงเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของการเป็นนักเรียน ไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องนักเรียนกลายเป็นนักเลงไปเพียงชั่วพริบตาเพราะคิดไม่ได้ ไม่รู้สึกตัว ขาดสติ หรือหนุ่มสาววัยรุ่นสมัยนี้ก็เช่นกันได้เสพ ได้เห็นภาพยนตร์ หรือสื่อลามกต่างๆ ทำให้ขาดสติ ไม่รู้สึกตัว ตำราวางเปิดอยู่ข้างหน้าแต่ก็คิดไปถึงเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในตำรา ไม่รู้จักแยกแยะในการบริโภคสื่อ ไม่รู้สึกตัวว่าตนเองอยู่ที่ไหน? สมควรทำอะไร? และ ไม่สมควรทำอะไร?

มนุษย์เราไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม จะนั่งขับรถ จะทำงานทำการ จะกวาดบ้าน จะเขียน จะอ่านหนังสือ จะพูดจา จะนั่งอยู่บนรถเมล์ ทำงาน สอนหนังสือ เรียนหนังสือ หรืออย่างไรก็ตาม ถ้ามีความรู้สึกตัวก็ถือว่าใช้ได้ เพราะคนมีสติมีความรู้สึกตัว ก็จะละความชั่ว มีความรู้สึกตัวก็จะทำความดี เมื่อมีความรู้สึกตัว จิตมันก็บริสุทธิ์ สติ-ความรู้สึกตัวจะเป็นเสมือนห้ามล้อรถยนต์ เหมือนหางเสือเรื่อที่จะช่วยรักษาชีวิตของเราไม่ให้เดินอยู่ในหนทางที่ไม่ถูกต้อง คืนความเป็นมนุษย์ให้เรากลับมาได้จริง ๆ ครับ และตลอดหนทางชีวิตของเราทั้งหลายเมื่อมีสติมีความรู้สึกตัว เราก็จะสามารถเรียนรู้ และได้สะสมบทเรียนชีวิตที่มีคุณค่าไปเรื่อย ๆ ทำให้เราฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ชำนาญขึ้นเรื่อยๆ เช่น พอเราจะมีความโกรธ สติก็จะเปลี่ยนเป็นไม่โกรธทันที พอเราจะมีอารมณ์มีความต้องการมีความหลง สติก็จะช่วยให้เราสามารถควบคุมตนเองไว้ได้ ช่วยเปลี่ยนทัศนคติที่ผิดๆ ทำให้เราคิดได้คิดเป็น โดยทันที

การฝึกหัดให้เรามีสติและรู้สึกตัวนั้นไม่ยากครับ ไม่ต้องถือศิล ไม่ต้องภาวนา ไม่ต้องนั่งตัวให้ตรง ไม่ต้องหลับตาบริกรรมคาถา เพียงแต่เราต้องหมั่นเตือนตนเองอยู่เสมอว่า ก่อนทำอะไรให้รู้จักคิด และตอบตนเองให้ได้ว่าทำไปทำไม? ผลของการกระทำนั้นเป็นเช่นไร? แยกแยกความดีความชั่ว และรู้ในหน้าที่ของตน รู้ว่าเรานั้นกำลังทำอะไร? กายทำอะไร? ใจก็อยู่ที่นั่น ลองทำกันดูนะครับ และหมั่นทำอยู่เป็นประจำจนเป็นนิสัย ถ้าเราได้สัมผัสกับความรู้สึกตัว เราก็จะมีสติ เราก็ไม่ต้องไปอดทน ไม่ต้องไปสำรวมกาย วาจา ใจ มันจะสำรวมเอง เพราะเมื่อมีความรู้สึกตัวความรู้สึกของเราจะเปลี่ยน เปลี่ยนจากความทุกข์เป็นความไม่ทุกข์ เปลี่ยนความโกรธเป็นความไม่โกรธ ทำบ่อยๆ จนกลายเป็นนิสัย ทำจนกลายเป็นปกติของชีวิต เมื่อเรามีสติมีการสัมผัสความรู้สึกตัวอยู่กับกายกับใจของเรา เวลาใดที่เราจะหลง เราก็ไม่หลง เพราะได้สัมผัสกับสติ สัมผัสกับความรู้สึกตัว จึงรู้ว่าความโกรธเป็นอย่างไร? ความหลงเป็นอย่างไร? ทำให้เราเป็นผู้มีความรู้เท่าทัน รู้ดี รู้ชั่ว รู้ผิด รู้ถูก สิ่งนี้ดี สิ่งนี้ไม่ดี เราก็จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข บ้านเมืองและโลกมนุษย์เราก็จะมีแต่ความสงบครับ

143
กราบนมัสการหลวงพี่เก่ง ครับ  :054: :054: :054:
ขอบพระคุณสำหรับนิทานธรรมะบันเทิงครับ

ไม่ได้เจอะเจอกันตั้งนานสบายดีไหมครับหลวงพี่
อากาศเปลี่ยนรักษาสุขภาพด้วยนะครับ



 :058:

144
มีพญาราชสีห์อยู่ตัวหนึ่ง เป็นใหญ่กว่าบรรดาสัตว์ทุกชนิด เพราะเป็นสัตว์ที่เก่งกล้าสามารถมาก แล้วก็มีสัตว์ที่เก่งๆ มาเป็นบริวารหลายชนิดด้วยกัน พญาราชสีห์จับสัตว์อะไรได้มา ก็กินเนื้อเสียเองบ้าง เหลือเผื่อแผ่เลี้ยงดูบริวารบ้าง พวกบริวารก็ได้กินเนื้อแทบทุกชนิด เป็นที่อิ่มหนำสำราญทั่วถึงกัน

ตามธรรมดาความหิวมักจะทำให้คนฉลาด ตรงกันข้ามความอิ่มมักจะทำให้คนเขลา แล้วคิดอะไรผิดๆ นอกเรื่องนอกราว คราวนั้นพวกบริวารของพญาราชสีห์มีความอิ่มมากไป ครั้นอยู่ว่างๆ ก็คุยกันว่า เราจะหาเนื้ออะไรมากินให้มีรสแปลกๆ ดูบ้าง ครั้นปรึกษากันดูแล้วก็เห็นว่า เนื้อสัตว์ทุกชนิด ราชสีห์ก็จับมาให้กินหมดแล้ว รู้รสแล้วทั้งนั้น ยังเหลืออยู่อย่างเดียวที่อยากจะลองดู คือ เนื้อพญาราชสีห์ มันจะอร่อยแค่ไหน ครั้นแล้วก็ตกลงกันเป็นความลับว่า จะพยายามกินเนื้อราชสีห์ดูสักที

วันหนึ่งเป็นโอกาสเหมาะ สัตว์ที่เป็นบริวารของพญาราชสีห์ก็เข้าไปหานาย ทำมายาเสียอกเสียใจ บอกกะพญาราชสีห์ว่า...

"นาย ! ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ในป่าเขาลำเนาไพรแถบนี้ นายก็เป็นใหญ่อยู่แต่ผู้เดียว พวกข้าก็พากันสุขสบายใจตลอดมา" บริวารเริ่มปั่น

"ก็แล้วเดี๋ยวนี้ มีใครโตกว่าข้างั้นรึ ?" พญาราชสีห์ ถามด้วยความสงสัย

"ถูกแล้วครับนาย ถึงเขาไม่โตกว่า ก็เห็นจะเท่ากัน"

"ท่าทางมันเป็นอย่างไร ? ฮึ" ราชสีห์ชักสนใจ

"ท่าทางสง่า ใหญ่โต เหมือนกับนายทุกอย่าง"

"อือ ! มันก็ผิดไปละซิ !"

"ก็นั่นละซินาย ที่จริงแผ่นดินนี้นายควรจะเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว แต่เวลานี้นายใหญ่อย่างก่อนไม่ได้แล้ว ถ้ำเดียวกันเกิดมีราชสีห์สองตัว !" บริวารยุใหญ่

"มันอยู่ที่ไหนหละ พาข้าไปดูหน้ามันหน่อยสิ ! ข้าจะได้จัดการให้เสร็จเรื่องไปเสียที"

บริวารก็พาพญาราชสีห์ไปตามจุดที่กำหนดไว้คือ ที่ปากบ่อลึกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีน้ำใสสะอาดอยู่ลึกลงไปที่ก้นบ่อ แล้วก็บอกพญาราชสีห์ว่า

"ท่านจงมองดูลงไปในนี้ซิ เวลานี้มันและบริวารได้มารออยู่แล้ว"

พญาราชสีห์ไปยืนที่ริมบ่อ ในโอกาสเดียวกันพวกบริวารก็ยืนล้อมเรียงรายรอบปากบ่อนั้นด้วย มันเป็นความจริง เมื่อพญาราชสีห์มองลงไปที่ก้นบ่อ ก็เห็นพญาราชสีห์ตัวหนึ่งยืนสง่าอยู่ในโน้น มันจ้องมองมาหาพญาราชสีห์ด้วย แล้วก็เห็นบริวารของมันเรียงรายกันรอบเหมือนกัน พญาราชสีห์อ้าปาก เจ้าราชสีห์ตัวนั้นก็อ้าด้วย พญาราชสีห์แยกเขี้ยว ราชสีห์ตัวนั้นก็แยกเขี้ยวด้วย พญาราชสีห์โมโห

พวกบริวารเห็นเช่นนั้นก็เชียร์ใหญ่ หนักเข้าพญาราชสีห์ หลงลมปากบริวาร ตัดสินใจจะลองดีกับราชสีห์ตัวนั้นให้เห็นฝีมือเสียบ้าง จึงกระโจนใส่ในทันที ร่างของพญาราชสีห์ก็ดิ่งลงสู่ก้นบ่อดังครืน หานึกไม่ว่าราชสีห์ที่เห็นอยู่ก้นบ่อนั้น ที่แท้คือเงาตัวเอง พวกบริวารใจคด ก็ได้กินเนื้อราชสีห์เป็นที่เอร็ดอร่อยสมดังใจ


นิทานเรื่องนี้เรียกว่าราชสีห์หลงเงา คนโบราณท่านพูดไว้ แล้วก็เล่ากันต่อๆ มา เป็นเรื่องสอนใจให้รู้ว่า อย่าเชื่อกองเชียร์จนเกินไป ผลที่สุดจะหลงเกลียดชังแม้แต่เงาตัวเอง

145
ขออภัยญาติโยมทั้งหลาย เมื่อวานเนตหลุดก็เลยค้างไว้ วันนี้จะต่อให้นะ

146
เรื่องของผู้ใหญ่ ถ้าหลงเชื่อคำเชียร์ของบริวารนัก มักจะยุ่ง และคำเชียร์ของบริวารนั้นก็เอาแน่ไม่ได้ ที่เชียร์ด้วยมุ่งร้ายก็มี ที่เชียร์ด้วยหวังดีก็มี แต่ทางที่ดีที่สุดต้องระวังไว้ อย่าลืมว่า เวลาปลูกต้นไม้ เขาใช้เสียมขุดหลุม แต่เสียมเล่มเดียวกันนั่นแหละอาจขุดโค่นต้นไม้ลงก็ได้ ที่พูดนี้ไม่ใช่ให้ระแวง แต่พูดให้ระวัง จะเล่านิทานที่ตายเพราะกองเชียร์ให้ฟัง

หน้า: [1]