ขอฝากไว้เป็นข้อคิด....
เรื่องนี้มาจากประสพการณ์จริงของชีวิต
ที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองสมัยที่บวชใหม่ๆ
ในช่วงสมัยปี ๒๕๓๐-๒๕๓๔ วงการพระเครื่องกำลังบูมและมีราคา
เพราะว่าช่วงนั้นเศรษฐกิจกำลังดี ทำให้มีกำลังที่จะเช่าบูชา
และสมัยนั้นใครบวชเข้ามาแล้วไม่สะสมพระเครื่องวัตถุมงคลถือว่าเชย
ไม่ทันสมัย คุยกับใครไม่รู้เรื่อง จึงต้องตามกระแสเขาไป คือสนใจและศึกษา
เก็บพระเครื่องและวัตถุมงคลมาบูชาไว้ในครอบครอง เพื่อเสริมบารมี
และการที่จะได้ของดีมาไว้ในครอบครองนั้น มันต้องใช้เทคนิคและลีลา
อาศัยการศึกษาค้นคว้าและสายตาที่เฉียบคมบวกกับความจำที่ดีจนมีความชำนาญ
เช่ามาบ้าง แลกเปลี่ยนกันมาบ้าง ขอเขามาบ้าง แล้วแต่จังหวะเวลาบุคคลโอกาศสถานที่
ถ้าเช่าเขามาก็กดราคาสวดเสียจนเจ้าของใจเสียจนเกิดความไม่มั่นใจและให้เช่าบูชาในที่สุด
ถ้าขอเขามาก็พรรณาถึงบุญกุศลของผู้ให้ที่จะได้รับจนเคลิ้มไปและใจอ่อนให้ในที่สุด
ถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนกันก็สวดของเขาแล้วยกของเราให้ดีกว่า มีราคากว่า เรียกว่าต้องได้เปรียบเสมอไป
บางครั้งก็อาศัยชั้นเชิงและลีลาที่เหนือกว่า คัดเอาของฝิ่นมาแลกกันกับผู้ที่ไม่รู้และดูไม่เป็น
เพราะว่าพระบวชใหม่ๆจะเห่อตามพระรุ่นพี่ ขนเอาของดีๆที่พ่อแม่เก็บไว้มาโชว์โอ้อวด
จึงเข้าทางโจร(ในคราบผ้าเหลือง)สวดจนพระใหม่ใจเสีย และเชียร์จนพระใหม่เคลิ้ม
เวลาจะไปส่องพระก็เลือกเวลาใกล้จะมืด เพื่อให้เซียนตาลายเพราะแสงไฟสว่างไม่พอ
ตำหนิจุดตายสีสรรค์มองดูไม่ชัดเจน เรียกว่าไม่กล้าฟันธง แต่เราก็อาศัยการเชียร์ให้เขาได้ใจ
ให้เขาหลงตัวเอง ว่าตัวเองเก่ง โดยแกล้งยกให้เขาเป็นเซียนพระ ตาดี ตาถึง ดูเก่ง แม่นยำ
และแกล้งทำเป็นโง่ เหมือนคนเล่นพระดูพระไม่เป็น หลอกให้เขาตายใจ แล้วก็ตกควายเขา เชือดเขา
ทำอยู่อย่างนี้มาเป็นปีที่อยู่ในวงการพระเครื่อง จนได้พระเครื่องและวัตถุมงคลดีๆไว้ในครอบครองมากมาย
ซึ่งเป็นการได้มาโดยมิชอบ ไม่ประกอบด้วยกุศล จึงมีผลตามมา....
....ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ มีการจัดงานประกวดพระเครื่องและวัตถุมงคล
ในงานเปิดตัวโรงแรมกระบี่เมอรี่ไทร์ของท่าน อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง
ญาติโยมเขารู้ว่าเรามีพระเครื่องดีๆเก็บไว้มากมาย จึงมาขอให้ช่วยเอาออกไปประกวด
เพื่อให้งานมันครึกครื้นและมีของดีๆมาโชว์มาประกวดกันให้มากเพื่อเสริมบารมีเจ้าภาพผู้จัดงาน
ขัดคำขอร้องของญาติโยมไม่ได้จึงจำใจเอาออกไปประกวดเอาไปช่วยงานเขา
ซึ่งผลการประกวดนั้นของๆเราติดรางวัลทุกชิ้นประมาณ ๓๘ รายการ
ได้รับรางวัลที่ ๑บ้าง ที่ ๒ บ้าง ที่๓บ้างไม่หลุดรางวัลเลยทุกชิ้นที่ส่งเข้าไป
เพราะว่าเราได้คัดของที่ดีๆมีคุณภาพส่งเข้าไปประกวดทุกชิ้น
จึงได้รับรางวัลหมดทุกชิ้นมีใบประกาศใบรับรองและถ้วยรางวัลเป็นของขวัญของปลอบใจ
ทำให้พระของเรามีราคาเพิ่มขึ้นและเป็นที่สนใจของผู้นิยมสะสมพระเครื่อง
หลังจากงานประกวดก็รู้สึกกังวล จึงนำพระไปฝากไว้ที่บ้านโยมแม่เพื่อเก็บรักษา
และแล้ววิบากกรรมที่ไปเอาเปรียบโกงเขาได้ตามมา....
ปรากฏว่ามีขโมยขึ้นบ้านมาลักเอาพระและใบประกาศที่เก็บไว้ทั้งหมด
โดยไม่แตะต้องทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่นเลย คือตั้งใจมาเอาเฉพาะพระเครื่องตามใบสั่ง
ซึ่งจะนับมูลค่าความเสียหายก็ตกประมาณเป็นหลักล้าน เพราะในสมัยนั้นวงการพระเครื่องกำลังบูมสุดๆ
ทราบข่าวจากโยมแม่ตอนแรกก็ตกใจ แค้นใจ เสียใจ แต่พอตั้งสติได้ เลยพิจารณาถึงผลกรรมที่เราทำมา
เพราะว่าของเหล่านั้นได้มาโดยมิชอบตามทำนองคลองธรรม จึงต้องรับกรรมที่เราได้ทำมา
เลยได้คิดและพิจารณาถึงที่มาของการสะสมพระเครื่องของเรา มันเหมาะกับความเป็นพระของเราหรือไม่
เพราะมันเกิดจากความอยากได้คือตัณหา และเมื่อมีการเจรจาธุระกิจมันต้องมีกำไรและได้เปรียบ
จิตใจเริ่มออกห่างจากความเป็นพระลืมสมณะรูป เพลิดเพลินไปในกิเลสและตัณหา
จึงตัดสินใจเลิกสะสมพระเครื่องและวัตถุมงคล ของที่มีอยู่นำมาแจกจ่ายตั้งกองไว้ ให้พระให้เณรเข้าแถว
แล้วเดินมาหยิบกันคนละองค์จนหมดกอง ไม่เหลือสะสมไว้อีกต่อไป
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาจึงเพียงแต่ศึกษาเพื่อประดับความรู้แต่ไม่สะสมหรือซื้อหาเช่าบูชา
แล้วตั้งจิตเจตนาใหม่คือสร้างวัตถุมงคลเพื่อแจกจ่าย ถวายวัดวาต่างๆและญาติโยม
ตั้งแต่วันนั้นจนบัดนี้ ๑๗ ปีกว่าแล้วที่สร้างพระทำวัตถุมงคลแจกจ่ายเพื่อไถ่โทษไถ่บาปที่เคยทำมา
นี่คือที่มาของการทำพระและวัตถุมงคลแจกจ่ายและได้ถวายไปทั่วประเทศไทยในทุกภาค ทุกพื้นที่
...ฝากไว้เป็นข้อคิด...ของที่ได้มาโดยมิชอบนั้น มันเป็นของร้อน และจะอยู่กับเราไม่นาน
สักวันหนึ่งกรรมจะตามทันแล้วของเหล่านั้นมันจะจากเราไป เพราะมิใช่ของๆเรา
และถ้าเป็นของๆเรา ไม่ว่าอย่างไร สักวันหนึ่งก็คงได้กลับมาเป็นของเรา.....
:059:ฝากไว้เป็นข้อคิดสะกิดเตือนใจผู้นิยมพระเครื่องและวัตถุมงคลทั้งหลาย
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๒๐ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๔๙ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย