ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่ครูบาสิงห์โต สุธมฺโม วัดดอยแก้ว อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ...  (อ่าน 12359 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ PYT

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 182
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - thaisaard@yahoo.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ประวัติหลวงปู่ครูบาสิงห์โต สุธมฺโม





บทนำ
ถ้ากล่าวถึงพระอดีตอริยสงฆ์แห่งล้านนาแล้วคงไม่มีใครไม่รู้จักครูบาเจ้าศรี วิชัยผู้นำการก่อสร้างทางขึ้นดอยสุเทพและพัฒนาวัดวาอารามอีกเป็นจำนวนมาก และในยุคถัดมาก็มีหลวงปู่แหวน สุจินโณ วัดดอยแม่ปั๋งเป็นที่พึ่งทางใจของคนไทยทั่วประเทศ  แทบคาบเกี่ยวในยุคเดียวกันก็มีพระวิปํสสนาจารย์ใหญ่นาม หลวงปู่ครูบาพรหม หรือที่หลายคนเรียกท่านว่าครูบาพรหมจักร  วัดพระพุทธบาทตากผ้า ผู้สร้างหน่อเนื้อนาบุญไว้อย่างมากมาย  จวบจนกระทั่งปัจจุบันใครเลยจะรู้เล่าว่ามีพระอริยสงค์รูปหนึ่งช่างมีบุญ เหนือบุญที่ได้เป็นศิษย์สืบทอดบุญญาบารมีของอริยสงฆ์ทั้งสามท่านนี้ไว้... พระสงฆ์รูปนั้นก็คือหลวงปู่ครูบาสิงห์โต  สุธมฺโม  อริยสงฆ์ลงดอยยุคปัจจุบัน........


ชาติกำเนิดการบวช ปฏิบัติและศึกษาพระเวทย์

หลวงปู่สิงห์โตปัจจุบันอายุ ๙๐ ปีเกิดที่ ต.ดอยแก้ว อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ เป็นบุตรชายคนโตและคนเดียวในพี่น้อง๕ คน ของพ่อคำ แม่ปุ้ด ทิพย์พรหมา บ้านของท่านมีอาชีพทำนา และโยมพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อมาเมื่อท่านอายุ ๑๐ขวบ หลวงปู่แก้ว หลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื้อ ได้รุกขมูลมาจากอีสานแล้วมาปักหลักปฏิบัติธรรม ณ.ดอยโมคคัลลาน์ ซึ่งไม่ห่างไปจากบ้านของหลวงปู่มากนัก เป็นเหตุให้โยมพ่อของท่านได้มีโอกาสรู้จักกับหลวงปู่แก้ว  หลวงปู่แก้วจึงขอเด็กชายสิงห์โตไปอยู่อุปฐากหลวงปู่แหวน  เมื่อไปอยู่แล้ว หลวงปู่แหวนท่านก็สอนให้นั่งปฏิบัติธรรมอยู่กว่าขวบปีจนทำให้เด็กชายสิงห์โต เกิดความชอบ ปฏิบัติรุดหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะเด็กนั้นยังมีใจที่บริสุทธิ์สะอาดปราศจากอกุศลจิต  ต่อมาเมื่อหลวงปู่แหวนได้จาริกไปที่อื่น หลวงปู่จึงขอให้โยมพ่อพาไปบวชเณรที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง เมื่ออายุ ๑๒ ปีโดยมีพระครูพุทธศาสตร์สุประดิษฐ์   วัดพระธาตุศรีจอมทอง เป็นผู้บรรพชา บวชแล้วก็อยู่ปฏิบัติ กับครูบาคันธา ณ.วัดดอยแก้ว กระทั่ง๒ปีถัดมาครูบาคันธา( เจ้าอาวาสวัดดอยแก้วภายหลังไปปกครองวัดวังจำปา)  ก็พาท่านขึ้นไปสร้างทางขึ้นดอยสุเทพและปฏิบัติธรรมร่วมกับครูบาเจ้าศรี วิชัย  ทำให้ท่านได้มีโอกาสเรียนปฏิบัติตามแนวทางของครูบาเจ้า จนกระทั่งแล้วเสร็จจึงกลับมาเรียนอักขระล้านนา ค้นคว้าปั๊ปสา(คัมภีร์พระเวทย์)ก่อนเดินทางไปเรียนอาคมอีสานกับหลวงปู่แก้ว เรียนอาคมสายเหนือไทยใหญ่กับครูบาจินา วัดท่าข้ามใต้ ที่ อ.ฮอด พอกลับมาพ่อหนานตันฆราวาสเรืองเวทย์แห่งดอยแก้วซึ่งเฝ้าดูสามเณรสิงห์โตอยู่ นานแล้วก็ได้ตัดสินใจถ่ายทอดสรรพวิชาทางเสน่ห์เมตตามหานิยมให้ทั้งหมด ส่วนวิชามหาอำนาจหลวงปู่ฯได้รับการถ่ายทอดวิชาเสือเยน(เสือสมิง)มาจากพราน กระเหรี่ยงสบเตี๊ยะ ต่อมาจึงได้อุปสมบทที่วัดพระธาตุศรีจอมทองโดยมีพระสุวรรณโมลี เป็นอุปํชฌาย์ จากนั้นก็ได้ไปเรียนปฏิบัติวิปํสสนาชั้นสูงกับครูบาพรหม วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ. ลำพูน  สำเร็จแล้วได้ออกปฏิบัติธรรม ณ.ดอยอินทนนท์ โปรดชาวเขาให้เลิกนับถือผีมานับถือพุทธศาสนาเป็นเวลา ๔ ปี  พอกลับมาก็ได้เป็นเจ้าอาวาสและพัฒนาวัดดอยแก้วจนบริบูรณ์ดังปัจจุบัน

พระผู้นำในการพัฒนา

สร้างโรงพยาบาลประจำอ.จอมทอง สมัยที่ท่านได้รับการแต่งตั้ง เป็นพระอธิการสิงห์โต   เจ้าอาวาสวัดดอยแก้ว ขณะนั้นทางราชการกำลังพัฒนาสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอ  หลวงปู่ครูบาสิงห์โตได้เห็นความสำคัญดังกล่าวเช่นกัน จึงได้รวบรวมศรัทธาประชาชนวัดดอยแก้วร่วมจัดหาสถานที่เพื่อสร้างโรงพยาบาลอ. จอมทองจนสำเร็จ

สร้างถนนขึ้นดอย ท่านริเริ่มก่อสร้างถนนไปสู่หมู่บ้านแม่เตี้ยะ  เพื่อให้ชาวเขาได้มีโอกาสลงมาทำมาค้าขาย และรักษาพยาบาลตอนเจ็บป่วย รวมทั้งเด็กๆนั้นจะได้รับการศึกษา    เป็นผลงานที่ทำจากหมู่บ้านสู่หมู่บ้าน หมู่บ้านสู่ตำบล จนทางราชการเข้าร่วมช่วยเหลือให้เป็นถนนลาดยาง

สร้างสะพานคอนกรีต ข้ามแม่น้ำแม่กลางสู่ตัวอำเภอจอมทอง

สร้างเตาเผาศพ โดยเปลี่ยนจากการเผากลางแจ้งแบบชาวบ้านเป็นเตาเผาไฟฟ้า
การพัฒนาดังกล่าวข้างต้น นับว่าเป็นคุณประโยชน์ต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ทางราชการและคณะสงฆ์ ร่วมกันถวายสมณศักดิ์ให้ท่านเป็น  พระครูสีหธรรมจารี และขอให้ท่านเป็นเจ้าคณะตำบลดอยแก้วแต่ท่านปฏิเสธ
 
วัตรปฏิบัติและปฏิปทา

วัตรปฏิบัตร แม้ วัยจะล่วงเลยเข้าอายุ ๙๐ ปีแล้วก็ตามหลวงปู่ยังเคร่งครัดในวัตรปฏิบัติ   ตื่นตีสามทำวัตรสวดมนต์ปฏิบัติสมาธิสม่ำเสมอ  ออกเดินบิณฑบาตรทุกเช้าแม้กระทั่งมาอยู่จ.อยุธยาก็ยังเดินบิณฑบาตรทุกวัน  ชาวบ้านเห็นแล้วศรัทธาใส่บาตรกันมาก  มีแม่ค้าปลาดุกในตลาดเจ้าพรหมใส่บาตรหลวงปู่เสร็จร้องไห้โฮเลย คนก็หันไปมองนึกว่าแกถูกปลาดุกยัก แกเห็นคนมองกันมาก ก็เลยบอกว่าปลื้มใจที่มีพระอริยสงฆ์อายุพรรษาสูงขนาดนี้มาบิณฑบาตรโปรดถึง ที่ และอีกอย่างที่หลวงปู่ไม่เคยขาดคือท่านไปที่ใดหากเห็นรูปเคารพพระพุทธเจ้า เป็นอันต้องยกมือไหว้และสวดงึมงำทุกครั้ง  การขบฉันของท่านปกติจะฉันอาหารอ่อนๆมื้อเช้ามื้อเดียวแล้วฉันน้ำผึ้งกับนมสด มะนาวแต่ถ้าต้องไปงานก็อนุโลมฉันเพลด้วย  บางครั้งท่านฉันน้ำผึ้งนมสดแก้วเดียวอยู่ไป๕ วันโดยไม่ฉันอะไรอีกเลย และร่างกายก็ยังสดชื่นเหมือนเดิม มีคนเคยถามท่านว่าไม่ฉันข้าวเพิ่มหรือ ท่านบอกร่างกายมันไม่รับ รับแค่นี้
 
ปฏิปทา ใครก็ตามที่ได้กราบหลวงปู่ครูบาสิงห์โตต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าท่าน เป็นพระที่ความชุ่มเย็น มากเมตตา ตามใจลูกศิษย์ทุกประการไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกยากดีมีจน  ใครขออะไรหลวงปู่ให้หมด  ให้จนบางครั้งบรรดาลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดปฏิบัติท่านเดือดร้อนไปตามๆกัน แต่ท่านก็ยังมีเมตตาต่อไปดังสายน้ำที่ไหลชุ่มฉ่ำตลอดปี อย่างเช่นหลายกรณีที่เล่าต่อไปนี้
 
พระขี้ขอ ครั้งหนึ่งที่หลวงปู่ลงรถไฟมาที่สถานีอยุธยา มีพระที่ไม่รู้จักการสมควร เข้าไปขอย่ามท่านเป็นที่ระฤก หลวงปู่ท่านก็มอบให้ จากนั้นพระอุปฐากก็ต้องเดือดร้อนไปซื้อเป้แบบของโยมจากร้านค้าใกล้ๆแถวนั้น มาใส่สิ่งของของท่านแทนย่าม เรื่องราวก็น่าจะจบลงแล้ว แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น พระองค์เดิมเดินกลับมาขอเงินอีก ถ้าเป็นเราพระรูปนั้นคงโดน....แล้ว แต่นี่อะไรหลวงปู่ก็เมตตาถวายปัจจัยให้ไป หลังจากได้ปัจจัยแล้วพระองค์นั้นก็ขอประคำในคอหลวงปู่ท่านอีก  หลวงปู่ท่านก็ถอดถวายให้  พระอุปฐากของหลวงปู่ที่ไปด้วยท่านเล่าให้ญาติโยมฟังอย่างมีอารมณ์ว่าภาพที่ เห็นในวันนั้นคล้ายๆกับหลวงปู่ถูกปล้นมากกว่า....แต่หลวงปู่บอกว่าเขาอยาก ได้ก็จะถวายให้เขาไป  เหล่าบรรดาสานุศิษย์ที่ได้ฟังเรื่องนี้ต่างกล่าวตรงกันว่าท่านคือหลวงปู่ สิงห์โตหรือพระเวสสันดรกันแน่
 
โยมขี้ขอ ด้วยว่าคณะศิษยานุศิษย์ได้สร้างพระขุนแผนหลังติดจีวรเอาไว้สำหรับแจกตอบแทน หัวหน้าคณะผู้นำบุญที่จะสร้างหอบูรพาจารย์ในภายภาคหน้าและได้นำเอาไปไว้ใน ห้องท่าน ให้ท่านค่อยๆลงยันต์หัวใจขุนแผนไว้ที่หลังจีวรไปที่ละองค์และก็เรียนกำชับ หลวงปู่ไว้ว่าห้ามแจกไปก่อน  เพราะเจตนาสร้างไว้เป็นพิเศษกับผู้นำบุญเท่านั้น  เวลาผ่านไปหลายวัน ปรากฏว่าหลวงปู่เพิ่งเขียนไปได้ไม่เท่าไรก็มีคนผู้ไม่รู้การอันสมควรบุกเข้า ไปกราบหลวงปู่ถึงในห้องให้หลวงปู่ทำโน่นทำนี่ให้เสร็จแล้วก็ขอโน่นขอนี่จน กระทั่งจะลากลับก็เหลือบไปเห็นพระขุนแผนนี้เข้าก็ขอ ทีแรกก็ขอองค์เดียวพอได้แล้วก็ขออีก๓ องค์หลวงปู่ท่านก็ให้ไป ทั้งๆที่คณะศิษย์ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าแจกท่านก็แจก และในวันนั้นปัจจัยที่มีคนถวายให้หลวงปู่ก็หายไปด้วยแต่ท่านกลับไม่อาทรร้อน ใจอะไร ทำให้ศิษย์ใกล้ชิดเดือดร้อนต้องคอยระแวดระวังและหามาตรการจัดระบบป้องกัน ปัญหาเหล่านี้

ชาวเขาขอหม้อ ที่วัดดอยแก้วนั้นมักจะมีชาวเขาลงมาขออาหารสิ่งของเครื่องใช้ในถังสังฆทาน กับหลวงปู่เป็นประจำแต่มีรายหนึ่งมาขอเครื่องครัวที่เป็นหม้อ กระทะชุดใหม่ๆยังไม่ได้ใช้ (มีคนซื้อมาถวายหลวงปู่) แทนที่หลวงปู่จะอิดออดบอกว่าให้ไม่ได้จะไว้ใช้ในกิจการของวัด หลวงปู่กลับบอกชาวเขาผู้นั้นให้รีบนำกลับไปเร็วๆก่อนที่ลูกศิษย์ท่านจะกลับ มาเห็น เดี๋ยวจะอด

ขอทานตลาดเจ้าพรหม ตอนที่หลวงปู่ไปบิณฑบาตที่ตลาดเจ้าพรหมมีแม่ค้าประชาชนใส่บาตรกันมากมาย มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านเดินผ่านขอทาน  ขอทานพนมมือขอตังค์ท่าน หลวงปู่ก็หยุดคุ้ยเขี่ยหาปัจจัยในย่ามท่าน  พวกพ่อค้าแม่ค้าที่เห็นเหตุการณนี้คงเฝ้าดูด้วยความลุ้นระทึกและต่างนึกในใจ ว่าหลวงปู่คงจะหาเหรียญหรือแบงก์ ๒๐อยู่เป็นแน่แท้ แต่ที่ไหนได้หลวงปู่เขี่ยหาจนเจอแบงก์ร้อยส่งให้ขอทานไป เท่านั้นหล่ะเสียงสาธุดังลั่นตลาดทีเดียว  ส่วนขอทานถึงกับน้ำตาซึม
 
ขอให้ตามลูกตามผัวตามเมีย หลาย คนที่ประสบเคราะห์กรรมครอบครัวมีปัญหาลูกหนี ผัวทิ้ง เมียจาก เดือดเนื้อร้อนใจกินไม่ได้นอนไม่หลับมาขอให้หลวงปู่ช่วย ท่านก็สงเคราะห์ให้ถ้วนทั่วทุกรายไปจนกระทั่งปัจจุบันอายุท่าน ๙๐ ปี สุขภาพร่างกายท่านเริ่มอ่อนล้าทำมากไม่ค่อยไหวแล้ว ท่านจึงนำวิชาที่เรียนมาทำตะกรุดเทพรำจวนเป็นสื่อให้ไปเรียกกันเอง ตะกรุดนี้โด่งดังมากมีคนเอาไปเรียกแม้กระทั่งลูกหนี้ให้มาชำระหนี้

ขอให้ครอบหัวบรมครูปู่ฤๅษี ๑๐๘ หัวบรมครูปู่ฤๅษีนี้เป็นหัวศักดิ์สิทธิ์ได้รับการปลุกเสกประสาทพรจาก๑๐๘เกจิ อาจารย์สายหลักของเมืองไทยผู้ใดได้ครอบแล้วราวกับว่าได้รับการครอบจากเกจิ อาจารย์ ๑๐๘ รูปในเวลาเดียวกัน ดังนั้นระหว่างครอบตั้งใจอธิษฐานให้ดีประสพความสำเร็จทุกราย  ทำให้วันหนึ่งๆมีผู้เดินทางมาขอให้ท่านครอบเป็นจำนวนมาก เวลาหลวงปู่ท่านครอบต้องเอื้อมมือยืดหลังเป็นเหตุให้ร่างกายวัย ๙๐ปีของท่านเมื่อยล้า แต่หลวงปู่ก็ยังคงอดทนทำให้กับทุกคนอยู่ตลอด ทำให้คณะศิษย์ขอร้องหลวงปู่ให้เมตตาทำเฉพาะพิธีสำคัญเท่านั้นเพื่อเป็นการ รักษาสุขภาพ ปรากฏว่าหลวงปู่ยืนยันว่ายังทำไหวและจะทำทุกวันจนกว่าจะไม่ไหว
 



ขอให้นั่งหนัก ด้วยว่าพระเก๋ผู้อุปฐากหลวงปู่เป็น ชาวอยุธยารู้จักเชื่อมโยงกับวัดอโยธยาผ่านโยมคนหนึ่ง ไวยาวัจกร วัดนี้ต้องการพระอริยสงฆ์มาจำพรรษาเพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาดึงดูดญาติ โยมเข้ามาร่วมสร้างบุญกับวัดจึงอาราธนาหลวงปู่มาจำพรรษา หลวงปู่ก็ได้มีความเมตตาตอบตกลงมานั่งหนัก(นั่งเป็นประธานพัฒนา)ที่วัดอโยธยา จ.อยุธยา

ความศักดิ์สิทธิ์และอิทธิปาฏิหารย์ในหลวงปู่ฯ

ตาทิพย์ พระ เก๋ผู้อุปฐากหลวงปู่เล่าว่า เห็นคนมาขอเกศาหลวงปู่กันมาก ตนเองจึงอยากได้บ้าง  จึงวางแผนจะยักเก็บขึ้นไว้ขณะที่ปลงผมหลวงปู่  พอถึงวันโกณ จึงทำตามที่คิดไว้คือยืนข้างหลังหลวงปู่แล้วปลงจากนั้นทำทีเป็นเอามีดโกน เคาะขันน้ำ เพื่อล้างเอาผมออกแต่ความจริงแอบเอากระดาษชำระห่อไว้ ปรากฏว่าหลวงปู่ท่านพูดขึ้นมาโยมเขาขอเอาไว้ ให้โยมเขาไปก่อน จึงสรุปว่าท่านนั่งหันหลังอยู่จะรู้ได้อย่างไรถ้าไม่มีตาทิพย์  ส่วนเหตุการณ์อีกทำนองหนึ่งที่พบเป็นประจำคือหลวงปู่บอกใบ้ เช่นนัดญาติโยมที่มาขอของศักดิ์สิทธิ์นัดให้มารับวันไหน  เลขวันนั้นหล่ะถูกแน่นอน หรือการให้วัตถุมงคลโยม บางทีตอนแรกให้ ๒ ชิ้น เดี๋ยวเรียกมารับอีก ๓ ชิ้น นั่นหล่ะเลขสองหลัก  บางทีใครมาถวายปัจจัยให้ท่าน ท่านก็ทอนคืนฝากไปทำบุญให้วัดอื่น ตัวเลขที่ฝากไปทำบุญนี่หล่ะ    สำคัญนักได้กันมามากแล้ว  ที่ดินบางแห่งทำมาค้าขายไม่ดีหลวงปู่ไปสวดมนต์แก้ให้ พอขึ้นรถกลับหลวงปู่จะเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า ที่นั้นมีอะไร แล้วหลวงปู่แก้อย่างไร......

หูทิพย์ ปัจจุบัน ด้วยวัยอันชราภาพของหลวงปู่ หูของท่านเริ่มตึง  ถ้าใครสนทนากับท่านด้วยน้ำเสียงปกติท่านจะไม่ได้ยิน  แต่เกือบทุกครั้งที่พวกศิษย์ใกล้ชิดจับกลุ่มคุยกันอยู่ห่างๆแต่มีเรื่องไป พาดพิงถึงท่านปรากฏว่าท่านกลับได้ยิน แล้วพูดตอบโต้ออกมาพวกศิษย์จึงไม่กล้านินทาหลวงปู่ เพราะท่านใช้หูทิพย์ฟัง....

กายทิพย์ มีอยู่ครอบครัวหนึ่งศรัทธาหลวงปู่เป็นอย่างมาก มากราบเกือบทุกวัน ศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่จึงสอบถามว่ารู้จักหลวงปู่ได้อย่างไร ตัวภรรยาเลยเล่าให้ฟังว่า ปกตินั่งสมาธิเป็นประจำอยู่ทุกวันแต่มีคืนหนึ่งเห็นหลวงปู่ในสมาธิ พอรุ่งขึ้นมีเพื่อนเอารูปภาพบูชาที่หลวงปู่แจกกับญาติโยมไปโชว์ให้ดู พอเห็นแล้วถึงกับขนลุกทีเดียวเพราะเพิ่งเห็นเมื่อวานในสมาธิ จึงรีบให้เพื่อนพามากราบหลวงปู่ จากนั้นก็มาเองเกือบทุกวัน นับถือหลวงปู่มากเพราะหลวงปู่มีกายทิพย์

วาจาสิทธิ์ หลาย ท่านเดินทางมาแสนไกลเพราะต้องการเพียงน้ำลายไอปากจากหลวงปู่  อยากได้ยินคำพรที่หลวงปู่บอกให้รวยๆๆกันทั้งนั้น บางคนไม่เคยถูกหวยพอฟังแล้วก็กลับไปถูกหวย บางคนกิจการไม่ดีพอฟังกลับไปแล้วก็ดี  บางคนทำงานมานานขั้นไม่เคยได้เลื่อนกลับไปก็ได้เลื่อน ยิ่งโดยเฉพาะหลวงปู่ฯท่านให้พรเวลาครอบหัวบรมครูปู่ฤาษี๑๐๘ ด้วยแล้ว ยิ่งศักดิ์สิทธิ์นัก

หุงสีผึ้งเดือดโดยไม่ใช้ไฟ ทุก ครั้งที่หลวงปู่สิงห์โตจะเคี่ยวสีผึ้งหม้อใหญ่ท่านจะทำหัวสีผึ้ง ๑ ถ้วยตะไลไว้เป็นหัวเชื้อ โดยหุงอยู่บนฝ่ามือ ใช้นิ้วโป้ง ชี้ ก้อยเป็นสามเส้า ขาตั้งถ้วย พับงอนิ้วกลาง นาง มาเป็นฟืนแล้วเพ่งจนขี้ผึ้งในถ้วยละลาย บางครั้งท่านเผลอเพ่งนานไปหน่อยถ้วยแตกกระจายเป็นอันว่าต้องทำใหม่

สะเดาะห์กุญแจ ใน ช่วงหลังมานี้หลวงปู่เริ่มเกิดอาการหลงลืมบ้างตามวัย ท่านทำลูกกุญแจหายบ่อย  แต่ทุกครั้งท่านก็เปิดเข้าห้องได้ไม่รู้ท่านทำอย่างไร  มีคนเคยแอบดูบอกว่าท่านเป่าแม่กุญแจกระเด้งเลย

เลี้ยงสัตว์ประหลาด กุฏิหลวงปู่ที่ วัดดอยแก้ว มีสัตว์ประหลาดที่ท่านเลี้ยงไว้เช่นจิ้งจก(จั๊กกิ้ม) คางคก ตุ๊กแก(ตั๊กโตว) อ่านแล้วอาจจะรู้สึกพิกลแต่เป็นความจริง สัตว์เหล่านี้เวลาหลวงปู่ไม่อยู่มันจะหายไป แต่พอหลวงปู่กลับมา มันจะมาอยู่ให้เห็นอีกทันที ที่แปลกที่สุดคือพวกมันไม่รู้จักตายจากไป  สอบถามลูกศิษย์ที่เฝ้ากุฏิอยู่บอกเห็นมานานนับสิบปีแล้ว เขาว่าเป็นหุ่นพยนต์ที่ท่านผูกขึ้น  พิจราณาไปมาก็น่าจะจริงเพราะหลวงปู่มีวิชาจิ้งจก ที่แปลกไม่เหมือนใคร คาถาพิสดารเหลือเกิน ต้องใช้ไม้เป้าด้วย




เพ่งเหรียญรุ่นแรกละลาย พระลูกศิษย์เข้าไปเก็บของ ในห้องของหลวงปู่  แล้วท่านบังเอิญแอบเห็นเหรียญรุ่นแรกที่หลวงปู่ฯเสกไว้ละลายติดกับถุง พลาสติก  เลยหยิบไปขายโยม ๑๐๐ บาทโดยนึกว่าหลวงปู่ไม่รู้ ที่ไหนได้พอกลับเข้าวัดเท่านั้นหล่ะ ถูกท่านยึดปัจจัยไปทำบุญและสั่งให้เข้ากรรม ๗ วัน พร้อมกับกำชับห้ามพูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง แต่พระองค์นี้ท่านก็อดเล่าไม่ได้ท่านบอกว่ามันตื่นเต้นที่ได้พบเห็นอำนาจจิต ขนาดนี้

รู้วาระปาฏิหารย์ ในคืนหนึ่งเวลา ราว ๒ ทุ่มหลวงปู่นั่งชมสัตว์เลี้ยงประหลาดหน้ากุฏิของท่าน

อยู่ๆท่านก็ออกคำสั่งให้ลูกศิษย์นำรถไปวัดพระธาตุศรีจอมทอง ลูกศิษย์ถามว่าดึกป่านนี้ วัดก็ปิดแล้วจะไปทำไม ท่านก็ไม่ตอบ พอถามท่านหลายๆครั้งท่านก็บอกว่าเอากล้องไปด้วย  พอไปถึงตำรวจป้อมยามหน้าวัดพระธาตุ  พระเณรเจ้าหน้าที่วัดก็วิ่งมาเปิดประตูกันให้วุ่นไปหมด  ราวกับหลวงปู่ฯเป็นเจ้าพ่อสิงห์โต พอประตูเปิดแล้วหลวงปู่ก็นำหน้าเข้าไปยังพระธาตุแล้วสั่งให้ลูกศิษย์ถ่ายรูป พระธาตุประเดี๋ยวนั้น  ทันทีที่ภาพปรากฏบนจอกล้องดิจิตอลก็เห็นรังสีพุทธคุณเต็มภาพเลย  เสร็จแล้วท่านก็สั่งให้ถ่ายรูปกระดานเขียนผ้าบริจาคห่มพระธาตุให้เอามาทำที่ อยุธยา




หยุดรถไฟ ศิษย์รุ่นเก่าๆของท่านเล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่จะลงมากรุงเทพ  แต่ไปขึ้นรถไฟที่สถานีไม่ทัน  ลูกศิษย์ที่ไปส่งจะเบนเข็มมาขึ้นรถ บขส.แต่หลวงปู่บอกให้ไปที่สถานีรถไฟ หลวงปู่บอกว่าทัน เมื่อไปถึงสถานีปรากฏว่ารถไฟขบวนนั้นเกิดขัดข้องไปไม่ได้กระทั่งหลวงปู่ขึ้น ไปแล้วรถไฟจึงแก้ไขเสร็จ ราวกับว่าหลวงปู่หยุดรถไฟไว้ เพราะคงไม่ใช่เหตุบังเอิญแน่ๆ เนื่องจากตอนหลวงปู่บอกว่าทันแล้วท่านก็นั่งชักประคำตลอดทางจนถึงสถานีรถไฟ

โทรจิต ตั้งแต่หลวงปู่สิงห์โตท่านไปรู้จักกับ หลวงปู่ครูบาครอง ปรากฏว่ามีหลายครั้งที่หลวงปู่ทั้งสองพบกันแล้วคุยกันต่อเนื่องได้ไนเรื่อง ที่ไม่มีใครเริ่มหัวเรื่องมาก่อน พอลูกศิษย์เห็นพิรุธก็เริ่มสังเกตุดูพบว่าบางครั้งท่านเหมือนเข้าสมาธิคุย กันแต่ไม่รู้คุยกับใครทางครูบาครองก็เช่นกันท่านรู้หลายอย่างล่วงหน้าราวกับ
ว่าคุยกับหลวงปู่สิงห์โตมาก่อนทั้งที่หลวงปู่ทั้งสองไม่เคยคุยโทรศัพท์กัน เลย

ไล่ผีทางไกล ตอนที่หลวงปู่มาอยู่อยุธยา มีชาวบ้านหลังวัดพนันเชิงเข้ามากราบ เรียนว่าที่บ้านมีผีที่เกิดจากหมออาคมแถวบ้านผูกไม่อยู่ ทำหลุดมาสิงสู่อยู่บ้านตนทำให้เดือดร้อนไปหมด คนในบ้านป่วย มีอาการแบบโดนเข้า นอนไม่หลับวิญญาณเดินไปมาวูบวาบ  นิมนต์พระไปปราบหลายรูปแล้วแต่พระโดนมันเล่นงานจนแย่ทุกองค์ จนไปเจอพระเกจิองค์หนึ่ง ท่านแนะนำให้มาหาหลวงปู่สิงห์โต  เลยจะขอนิมนต์หลวงปู่ฯไปช่วยที่บ้าน พอหลวงปู่สิงห์โตพิจราณาเรื่องสักคู่ก็นั่งหลับตาชักประคำสักพักใหญ่พอท่าน ลืมตาขึ้นมา ท่านก็บอกว่าไม่มีอะไรแล้วให้กลับบ้านได้  พอกลับไปถึงบ้านพบชิ้นหน้าผากกระโหลกมนุษย์ตกอยู่กลางบ้าน จึงเอาไปบังสกุลไว้วัดตั้งแต่นั้นก็ไม่พบวิญญาณผีตนนั้นอีก


ย่นระยะทาง คน ขับสามล้อและชาวตลาด อ.จอมทองทุกคนรู้จักหลวงปู่ดีเพราะทุกเช้าหลวงปู่จะไปบิณฑบาตองค์เดียวโดย ไม่มีพระและศิษย์ฆราวาสติดตาม(ท่านไม่ให้ตาม) พอมีคนใส่บาตรจนท่านถือไม่ไหว  ท่านจะรวมกองไว้ ให้พวกสามล้อที่นับถือท่านขนไปให้ที่วัด แต่เกือบทุกครั้งที่หลวงปู่เดินบิณฑบาตรกลับถึงวัดก่อนสามล้อเสมอ  เป็นไปได้อย่างไรที่พระอายุ ๙๐ เดินเร็วกว่า สามล้อ ถ้าไม่ใช่ย่นระยะทาง พวกคนขับสามล้อกล่าว

เป็นผู้ให้โชคลาภ ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายชอบมานั่งคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันต่างเห็นตรงกัน ว่า ครั้งใดที่มากราบหลวงปู่กลับไปมักจะโชคดีมีลาภ ยิ่งหากได้อธิษฐานขณะหลวงปู่ครอบหัวบรมครูปู่ฤๅษี๑๐๘ด้วยแล้วยิ่งสัมฤทธิ์ผล ไว อย่างอาฉี (คุณ นิเวศน์  หอมคำมา) เจ้าของสถานีวิทยุดอยแดน มาครอบหัวบรมครูปู่ฤๅษี และขอรับพระธาตุจากหลวงปู่ฯไปประดิษฐานณ.วัดดอยแดนจำนวน ๑๖ องค์ เมื่อวันที่๑๑พค.๕๒ พอกลับไปขยายรูปพิมพ์วันที่ไว้ชัดเจนติดโชว์ในบ้าน  แขกไปใครมาเห็นเลขเอาไปซื้อกันทั่ว ปรากฏว่างวดนั้นออกเต็มๆ๑๑ และงวดถัดไปออก ๖๑ ชาวดอยแดนรวยๆๆกันทั่วหน้า และอีกเรื่องที่พบประจำคือ ใครที่เอาธนบัตรขวัญถุงของหลวงปู่ใส่กระเป๋าสตางค์ก็มักจะรู้สึกว่าเงินทอง ไหลเข้ามากกว่าเดิม ราวกับว่าธนบัตรขวัญถุงเป็นสื่อโภคทรัพย์




ช่วยให้ลูกศิษย์ร่ำรวยชีวิตดีขึ้น   คุณโชคชัย  รัมวุฒิชัย ผู้จัดการขายประกันวินาศภัย บจม.กรุงเทพประกันภัย ลูกศิษย์ที่มากราบบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ในช่วงยุคแรกๆ เมื่อเดือนเม.ย.และได้ครอบหัวบรมครูปู่ฤๅษี ๑๐๘ ไป ปรากฏว่าชีวิตดีขึ้นอย่างทันตาเห็น ขายประกันได้คอมมิสชั่นเป็นแสนๆ ปัจจุบันไม่ต้องออกไปหาลูกค้าแล้วแต่กลับเป็นลูกค้ามาหาเอง บ้างก็มาจากการแนะนำขอลูกค้าเก่าที่ผ่านมาลงทุนเปิดฟิตเนสคลับในหมู่บ้านคนไม่ค่อยเห็นไม่ค่อยทราบแต่อยู่ๆห้างสรรพสินค้าแอมโปรเปิดใหม่ก็มาชวนให้ย้ายไปเปิดในห้างโดยไม่ต้องเสียค่าเช่า แต่ขอแบ่งเปอร์เซ็นต์นิดหน่อย อะไรจะเฮงขนาดนั้น ตอนนี้คุณโชคชัย  เลยวางแผนจะถอยแคมรี่ใหม่เอาไว้อาสามารับหลวงปู่ฯไปงาน ส่วนวันนี้มาบูชาวัตถุมงคลหลายอย่างรวมทั้งจิ้งจกตัวเล็กพร้อมกับจองตัวครูและ นิมนต์หลวงปู่ไปเปิดฟิตเนสคลับบนห้างตอนสิ้นเดือน (ปกติเอาโจ๊กมาถวายหลวงปู่บ่อยๆแต่ผมลืมถ่ายรูปเขามายืนยันทุกที วันนี้นึกได้พอดี) ประสบการณ์ในวัตถุมงคลของหลวงปู่ ของจริงมีตัวตนทั้งนั้นครับ มิได้อ้างลอยๆ โทรถามได้เลยลูกศิษย์ทุกคนพร้อมจะบอกเล่าให้ฟังด้วยความภาคภูมิใจครับ




วัตถุมงคลและประสบการณ์เหนือธรรมชาติ

เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ฯจัดสร้างเมื่อปลายพ.ศ.๒๕๔๘ เตรียมต้อนรับอายุ ๘๗ปีของท่าน ขณะนั้นหลวงปู่อยู่ วัดดอยแก้ว อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่  สร้างจำนวน ๑๐,๐๐๐เหรียญเป็นเนื้อทองแดงกะหลั่ยสีเงิน ทอง นาค อย่างละเท่าๆกัน  จากนั้นท่านได้ทำการแจกไปเรื่อยๆ โดยแจกทีละสีจนกระทั่งเหรียญค่อยๆหมดลง คงเหลือเหรียญสีเงินประมาณ ๓๐๐ เหรียญและสีนาคประมาณ ๑,๐๐๐เหรียญเศษที่บรรจุในหีบหน้าหิ้งพระที่ท่านทำวัตรสวดมนต์ปลุกเสกมาเป็น เวลา ๓ ปี หลวงปู่ได้ให้คณะศิษย์เปิดหีบและนำมาตอกโค๊ด ส ย่อมาจากสิงห์โต และเลข ๙ ย่อมาจาก ๙๐ ปีตามอายุปัจจุบันขณะเปิดหีบ แล้วนำออกให้บูชาที่วัดอโยธยาเหรียญละ ๒๔๙ บาท ปรากฏว่าเหรียญชุดเสก ๓ ไตรมาสนี้มีประสพการณ์มากมายกว่าเหรียญที่แจกไปทีแรกนัก อาจเป็นเพราะว่าการเสกที่ยาวนานหรือปล่าวไม่ทราบ  มีทั้งรถเครื่องล้ม รถปิคอัพคว่ำ  ถูกเหนี่ยวแต่ไม่ออก  ถูกหวยเพราะเห็นเลขจากหลังเหรียญ (รอยเหรียญถูกันขณะอยู่ในถุงรวม)  คนถูกผีสิงเอาเหรียญคล้องแล้วผีออก เด็กวัยรุ่นกำเหรียญกระโดดตึกสองชั้นหนีคู่อริที่พาพวกมารุมทำร้ายแต่ไม่ เป็นอะไร  คนงานถูกใบพัดเครื่องจักรฟันมือไม่แตกไม่หัก ป่วยไปฉีดยาหมอแทงจนเข็มงอ ต้องถอดพระออกจึงแทงเข้า

ปัจจุบันท่าน 92 แล้วครับยังแข็งแรงและเมตตามากมาย กราบนมัสการครับ ... :054: :054: :054:

เครดิตจากเวปอาจารย์เคครับ
... อิติสุคคะโต อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ ฐิตคุโณ อาจาริโย จะ มหาเถโร มหาลาโภ สัพพะสุขขัง จะ มหาลาภัง สัพพะโภคัง สัพพะธะนัง ภะวันตุเม ...

... นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา ...

... นะโม พรหมปัญโญ ...

ออฟไลน์ oakkyoakz999

  • เด็ก กรุงเทพ
  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 63
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ไม่ทราบว่าไปกราบที่วัดไหนคร้บ???
ปิโยเทวา มนุษานัง ปิโยพรหมา นะมุตตโม ปิโยนาคะ สุปันนานัง ปินินทะริยัง นะมามิหัง

ออฟไลน์ PYT

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 182
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - thaisaard@yahoo.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ไม่ทราบว่าไปกราบที่วัดไหนคร้บ???

ท่านลงมาโปรดลูกศิษย์ที่ อยุธยาครับ เมื่อเช้าเลยมีโอกาสกราบและทำบุญกับท่าน และสายๆบ่ายๆท่านต้องกลับเชียงใหม่แล้ว
ลูกศิษย์ทางโน้นตามซะแล้ว ... ท่านกำลังสร้างหอพระไตรปิฎกครับ ..


ออฟไลน์ supakron007

  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 15
    • ดูรายละเอียด
ขอขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ ที่นำมาแบ่งปันกันครับ

ออฟไลน์ supakron007

  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 15
    • ดูรายละเอียด
เมื่อวันที่ 29 ก.ค.53 ผมได้เดินทางที่วัด อโยธยา ตั้งใจจะไปกราบนมัสการหลวงปู่ แต่รับทราบจากกรรมการวัดว่าท่านได้เดินทางไปจำพรรษาที่ วัดดอยแก้ว อ.จอมทอง เชียงใหม่ ตั้งแต่พรรษาปีที่แล้ว(ปี 52) แล้วไม่ได้กลับมาที่วัด อโยธยาอีกเลย เช็คไปที่วัดดอยแก้วแล้ว ทราบว่าหลวงปู่ท่านอยู่ที่วัดดอนแก้วไม่นานก็กลับไปที่อยุธยาแล้ว โดยคนทรงชื่อเผือก(ขออนุญาตเอ่ยชื่อนะครับ ผิดถูกอย่างไรขออภัยด้วย) นิมนต์หลวงปู่ไปอยู่ที่สำนักแถว อ.วังน้อย อยุธยา

ศิษย์ท่านใดทราบท่านจำพรรษาอยู่ที่ใด ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ ไม่รบกวนอะไรหลวงปู่มากเพียงขอกราบนมัสการครับ

ออฟไลน์ lukkrok

  • ปฐมะ
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
พระครูสีหธรรมจารี (ครูบาสิงโต) เจ้าอาวาสวัดดอยแก้ว อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
ท่านมาจำพรรษาที่วัดทุ่งเศรษฐี (ราม 2) เมื่อพรรษาที่ผ่านมา โดยมีท่านเจ้าคุณพระพิศาลพัฒนาทร หรือหลวงพ่อเณร ญาณวินโย เป็นเจ้าอาวาส

เดิมหลวงปู่ท่านมาช่วยสร้างวัดแถวอยุธยา แล้วตอนต้นปี 2553 ท่านได้ถามลูกศิษย์ท่านว่า "รู้จักหลวงพ่อเณรไหม วัดอยู่แถวบางนา บารมีท่านได้แล้วฉันจะไปอยู่กับท่าน" ลูกศิษย์ท่านบอกว่าพอรู้จักอยู่วัดนึงน่าจะใช่เลยพามาที่วัดทุ่งเศรษฐี (ราม2) พอเจอหน้าหลวงพ่อเณร หลวงปู่เอ่ยว่า"ใช่ๆองค์นี้แหละ" เมื่อสนทนากันสักพักหลวงปู่ท่านบอกกับหลวงพ่อเณรว่า "พรรษานี้จะมาจำพรรษาด้วยนะ" และท่านก็มาจำพรรษาและอยู่ต่อมา

มีประชาชนมากราบสักการะตลอด เมื่อถามท่านว่าจะกลับเชียงใหม่เมื่อไหร่ หลวงปู่จะตอบว่า "ไม่กลับไปแล้วอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ"
ท่านจะกลับไปวัดท่านเพื่อดูสิ่งก่อสร้างที่ค้างไว้หรือมีลูกศิษย์นิมนต์ไปครับ

ปัจจุบันหลวงปู่จะนั่งรับแขกอยู่ที่ห้องจำหน่ายวัตถุมงคล ท่านจะลงนะ และครอบครูให้ เงินบูชาครูท่านจะนำไปสร้างหอพระไตรปิฎกที่วัดดอยแก้ว วัดท่านครับ

ท่านอายุ 93 แล้วแข็งแรงมาก ยังนั่งกรรมฐานทุกวัน ในพรรษาลงทำวัตรทุกวันไม่เคยขาด